Day1-4 ทานหม้อไฟทะเลญี่ปุ่นที่ร้านอิซากายะ “อิโซะมารุ ซุยซัน”「ISOMARU SUISAN」พร้อมเข้าพัก「SHINJUKU WASHINGTON HOTEL」

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day1-4 ทานหม้อไฟทะเลญี่ปุ่นที่ร้านอิซากายะ “อิโซะมารุ ซุยซัน”「ISOMARU SUISANพร้อมเข้าพัก「SHINJUKU WASHINGTON HOTEL」

TOKYO-HAKONE-GOTEMBA-KAWAGUCHIKO/FUJI-TOKYO

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินช้อปปิ้ง และชมความสวยงามของไฟประดับที่บริเวณย่าน “โอโมเตะซันโด・ฮาราจุกุ” แล้ว

Day1-3 เที่ยว ชิม ช้อปย่าน “โอโมเตะซันโด・ฮาราจุกุ” ย่านดังในตัวเมืองโตเกียว

ซึ่งช่วงเวลาแห่งความสุขก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็เป็นเวลา 2 ทุ่มแล้ว

การท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นนั้น นอกจากการเดินเล่นในเมือง ช้อปปิ้ง ชมธรรมชาติ เยี่ยมชมวัด หรือศาลเจ้า มีอยู่หลากหลายดังที่กล่าวมา แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ “ของกิน” ทั้งราเม็ง ข้าวหน้าต่างๆ วัตถุดิบจากทะเลที่สดใหม่ และของป่าที่หลากหลาย โดยหนึ่งในชนิดของร้านอาหารที่ไม่ควรพลาดในประเทศญี่ปุ่นเลยก็คือ ร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่น “อิซากายะ” แต่ละร้านก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งแบบอาหารญี่ปุ่น แบบอาหารฝรั่ง อาหารวัตถุดิบจากป่า หรืออาหารทะเล ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่น้อยเลยทีเดียว

การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วย「ฟูจิฮาโกเน่พาส」ในตอนที่ 4 นี้ ICHIGO-CHAN จะพาเพื่อนๆ ไปทานร้านอิซากายะที่ชินจุกุกับร้าน “อิโซะมารุ ซุยซัน”「ISOMARU SUISAN(磯丸水産)」จากนั้นเข้าพักที่โรงแรม「SHINJUKU WASHINGTON HOTEL」กันค่ะ

เดินจากสถานีชินจุกุประตูใต้มาเพียง 3 นาทีเท่านั้น ก็จะเจอร้านเล็กๆ ชื่อว่า “อิโซะมารุ ซุยซัน”『ISOMARU SUISAN(磯丸水産)』

เป็นร้านดังที่มีสาขาทั่วประเทศมากกว่า 150 เยน อีกทั้งยังเป็นร้านที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ราวกับร้านสะดวกซื้อในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว นอกจากจะเปิดตลอดแล้ว ร้านยังดูน่าสนใจ และมีเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่นอีกด้วย

ไม่รอช้าเราเข้าไปในร้านกันเลย

ซึ่งภายในร้านจะมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ที่ล้อมรอบส่วนครัวอยู่ที่ชั้น 1 และที่ชั้น 2 จะเป็นที่นั่งแบบโต๊ะ รวมแล้วมีที่นั่งทั้งหมดมากถึง 100 ที่นั่งเลยทีเดียว โดยการตกแต่งภายในร้านเป็นการตกแต่งเพื่อจำลอง「เรือจับปลาหมึก」นั่นเอง ทั้งแสงไฟที่สว่างไสว พร้อมลวดลายภายในร้านสีสันสดใส บรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นมากๆ เลยค่ะ

เมนูในร้านก็มีให้เลือกหลากหลายทั้ง 「MAGURO NO NEGIMANABE(まぐろの葱間鍋)」(899 เยน)หรือ「MAFUGU NO KARAAGE(真フグのから揚げ)」(799 เยน)นอกจากนี้ยังมีเมนูราเม็ง(599 เยน), ข้าวผัดปู(599 เยน)หรือสปาเก็ตตี้ผัดซอสมะเขือเทศ(599 เยน)ฯลฯ อีกมากมาย

ส่วน ICHIGO-CHAN ได้สั่งเมนูที่เหมาะกับอากาศหนาวๆ แบบนี้อย่าง「MAGURO NO NEGIMANABE(まぐろの葱間鍋)」(899 เยน)ประกอบไปด้วย ปลามากุโระชิ้นหนา ผักสดใหม่นานาชนิด พร้อมซุปจากปลาและโชยุ และที่พิเศษสุดๆ เลยก็คือ ที่นี่สามารถสั่งเมนูหม้อไฟได้ตั้งแต่สำหรับหนึ่งคนเป็นต้นไป เพราะฉะนั้นจะมาคนเดียว หรือมากันหลายๆ คนก็สามารถเพลิดเพลินกับหม้อไฟของญี่ปุ่นได้เลย

「MAGURO NO NEGIMANABE(まぐろの葱間鍋)」ที่มีปลามากุโระชิ้นโต กับหม้อไฟร้อนๆ กลิ่นหอม ยิ่งทานตอนช่วงที่อากาศหนาวเย็น ยิ่งเป็นอะไรที่อร่อย และอบอุ่นร่างกายได้อย่างดีเลยทีเดียว

แน่นอนว่ารสชาติปลา และผักเป็นอะไรที่อร่อยเข้ากับน้ำซุปที่กลมกล่อมเป็นอย่างยิ่ง

หากสั่งหม้อไฟก็จะมาพร้อมกับข้าว และไข่ ที่ต้องจ่ายเพิ่ม 199 เยน หลังจากทานเครื่องต่างๆ ในหม้อไฟหมดแล้ว ก็สามารถใส่ไข่ และข้าวลงไปในหม้อไฟทานเป็นข้าวต้มได้ กับน้ำซุปที่เข้มข้นเต็มที่ อร่อยสุดๆ ไปเลยค่ะ

รวมราคาเมนู「MAGURO NO NEGIMANABE(まぐろの葱間鍋)」(899 เยน)เซตข้าวกับไข่(199 เยน)และ เครื่องดื่ม(299 เยน)เป็น 1397 เยน เราได้ทานเมนูหม้อไฟของญี่ปุ่นในราคาคุ้มสุดๆ ซึ่งนอกจากเมนูหม้อไฟที่เราได้สั่งไปแล้วยังมีเมนูอื่นๆ ที่สามารถสั่งมาแบ่งกันทานได้อีกมากมาย

“อิโซะมารุ ซุยซัน”「ISOMARU SUISAN(磯丸水産)」นี้สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้เช่นกัน ไม่ต้องกังวลเงินสดเลย ดีมากๆ ค่ะ

หลังจากทานเมนูหม้อไฟร้อนๆ แล้ว ต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปที่ โรงแรม「SHINJUKU WASHINGTON HOTEL」โดยสามารถเดินจากร้านอิโซะมารุ ซุยซัน สาขาชินจุกุ 1 โจเมะสาขา 2 ไปโรงแรมได้โดยใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น

ออกจากร้านไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ ไปทางถนนใหญ่(KOSHUKAIDO:甲州街道)เมื่อออกมาสู่ถนนใหญ่แล้ว ก็เดินไปทางขวามือ และตรงไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เดินเยื้องไปทางขวามือที่แยกไฟแดงที่สอง จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นตึกขาวๆ อยู่ทางซ้ายมือ ก็คือโรงแรม『SHINJUKU WASHINGTON HOTEL』นั่นเอง

โรงแรม「SHINJUKU WASHINGTON HOTEL」ที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมขนาดใหญ่บริเวณย่านสถานีชินจุกุฝั่งประตูตะวันตก ที่มีห้องพักมากถึง 1280 ห้อง สามารถเดินจากสถานีชินจุกุได้ภายใน 10 นาที นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จุดจอดรถลีมูซีนบัสจากสนามบินนาริตะ หรือสนามบินฮาเนดะโดยตรง ได้รับความนิยมทั้งจากคนญี่ปุ่น และชาวต่างชาติไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ มีหน้าต่างบานเล็กๆ อยู่มากมายในตึกสีขาวล้วนขนาดใหญ่ ทำให้ไม่รู้สึกเลยค่ะว่าตึกนี้จะสร้างมานานมากกว่า 30 ปีแล้ว

เราเข้าไปด้านในกันเลย ส่วนล๊อบบี้และฟร้อนท์ จะอยู่ที่ชั้น 2F เมื่อผ่านเข้าประตูมาแล้ว ก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 2 กันเลย

เมื่อขึ้นบันไดเลื่อนมาแล้ว ก็จะเจอฟร้อนท์เลย เพราะฉะนั้นเราเข้าไปเช็คอินกันเลยค่ะ วิธีการเช็คอินก็ไม่ยาก เพียงแค่ยื่นพาสปอร์ต และกรอกชื่อที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ลงในใบลงทะเบียนเข้าพักให้เรียบร้อย เท่านั้น ซึ่งที่นี่จะเป็นระบบชำระเงินล่วงหน้า เมื่อดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็จะได้รับคีย์การ์ด(หากจองพร้อมอาหารเช้า ก็จะได้รับคูปองอาหารด้วย) จากนั้นก็ไปที่ห้องพักกันเลย

ห้องพักของ ICHIGO-CHAN เป็นห้องทวินรูม บนชั้น 23F ห้องขนาดกระทัดรัดตามโรงแรมโดยทั่วไปในใจกลางเมืองโตเกียว แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน

ซึ่งเตียงที่ถูกใช้ภายในโรงแรมแห่งนี้เป็นเตียงยี่ห้อ「Slumberland Furniture」ที่สามารถนอนได้สบายมากๆ ถึงแม้ว่าในประเทศญี่ปุ่นจะสามารถดื่มน้ำได้จากก๊อกเลย แต่ที่บริเวณโต๊ะจะมีน้ำดื่มบริการให้ฟรีอีกด้วย

ส่วนห้องน้ำก็จะมีขนาดกระทัดรัด ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกจัดเตรียมเอาไว้ให้อย่างครบครันทั้ง แปรงสีฟัน ผ้าเช็คตัว ที่โกน ฯลฯ

และที่ส่วนชั้น 1F ของโรงแรม จะมีร้านสะดวกซื้อแฟมิรี่มาร์ทขนาดใหญ่ และ ร้าน Drugstore「DAIKOKUDRUG」ที่จำหน่ายทั้งยา และเครื่องสำอางต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอยู่หลายร้านอีกด้วย สามารถช้อปปิ้งได้ภายในโรงแรมเลยค่ะ

ออกจากกรุงเทพมาก็เกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว วันนี้ ICHIGO-CHAN เริ่มกันตั้งแต่「TOKYO STATION 1 BANGAI」จากนั้นก็เดินทางไปยัง「CAMERA STREET」และ “ศาลเจ้าชินจุกุ จูนิโซ คุมาโนะ”「SHINJUKU 12 SO KUMANO SHRINE」ตามด้วยช้อปปิ้งพร้อมชมการประดับไฟยามค่ำคืนที่โอโมเตะซันโดและฮาราจุกุ

ตอนนี้ง่วงนอนมากๆ เลยค่ะ เตีวงของ「Slumberland Furniture」ก็นุ่มมากๆ แบบเดียวก็หลับปุ๋ยเลย…..

ICHIGO-CHAN ได้นอนจนเต็มอิ่ม เมื่อเปิดหน้าต่างออกมาก็จะเป็นวิวตึกศาลาว่าการนครโตเกียวที่มีความสูงกว่า 243m ซึ่งย่านบริเวณชินจุกุประตูตะวันตกถือได้ว่าเป็นย่านหนึ่งที่เป็นศูนย์รวมตึกสูงมากที่สุดในญี่ปุ่น จากชั้น 23 หน้าต่างห้องพักเราก็จะเห็นตึกสูงเต็มไปหมด

ส่วนท้องฟ้าวันนี้ก็สดใสมากๆ ไม่มีเมฆเลยซักก้อนค่ะ

จากนี้เราจะไปเช็คอินออกจากโรงแรม เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแรกของเราที่ “ฮาโกเน่” กันเลย

ที่ชั้น 2F ที่มีส่วนล็อบบี้และฟร้อนท์นี้ จะมีเครื่องคล้ายๆ เครื่องถ่ายเอกสารอยู่หลายเครื่อง ซึ่งเครื่องนี้ก็คือเครื่องเช็คเอ้าท์อัตโนมัตินั่นเอง หากเพื่อนๆ คนไหนไม่มีการชำระเงินเพิ่มเติมระหว่างเข้าพัก ก็สามารถทำการเช็คเอ้าท์ได้อย่างง่ายดายจากเครื่องนี้เลย วิธีเช็คเอ้าท์ก็ง่ายนิดเดียว เพียงสัมผัสคำว่า Check Out บนหน้าจอ จากนั้นก็ใส่คีย์การ์ดห้องพักเข้าไป เท่านี้ก็เรียบร้อย ใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาทีเลยค่ะ

เมื่อเช็คเอ้าท์เรียบร้อยแล้ว เราจะนั่งสายโอดะคิว・รถไฟฮาโกเน่โทซัง และกระเช้าลอยฟ้า เพื่อเดินทางไปยัง “ฮาโกเน่” กันเลย ระหว่างการเดินทางจะได้ชมวิวสวยๆ และได้เพลิดเพลินกับข้าวกล่องสถานี หรือ “เอกิเบ็น” อีกด้วย

ในตอนต่อไป เราจะพาเพื่อนๆ เดินทางจาห “ชินจุกุ” ไปยัง “ฮาโกเน่・โอวากุดานิ” กันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪

【ตารางการเดินทาง Day1-4 Dinner at ISOMARU SUISAN/SHINJUKU WASHINGTON HOTEL】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “ฟูจิฮาโกเน่พาส”

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶