Day4-1 มารู้จักญี่ปุ่นให้มากขึ้นและสัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นกันที่「JNTO Tourist Information Center」

 Day4-1 มารู้จักญี่ปุ่นให้มากขึ้นและสัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นกันที่「JNTO Tourist Information Center」

ICHIGO-CHAN ได้พักผ่อนเต็มอิ่มแล้วที่「HOTEL KEIHAN ASAKUSA」

ทริปครั้งนี้ก็ใกล้จะหมดลงแล้ว

วันนี้เราจะไปกันที่ MARUNOUCHI โตเกียว เพื่อไปเจอเพื่อนที่อาศัยอยู่ญี่ปุ่นที่ MARUNOUCHI

และไป「JNTO Tourist Information Center」ศูนย์ให้ข้อมูลองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นที่สามารถลองใส่ชุดกิโมโน หรือทดลองเขียนพู่กันได้ฟรี

ครั้งนี้เราจึงจะมาแนะนำให้รู้จักกับ「JNTO Tourist Information Center」กัน

ออกมาจากอาซากุสะที่ที่พักของเราแล้ว ICHIGO-CHAN ก็มุ่งหน้าไปยัง「JNTO Tourist Information Center」ที่มารุโนะอุจิ โตเกียวกัน

สถานีที่ใกล้「JNTO Tourist Information Center」มากที่สุดคือสถานีโตเกียว

ให้นั่ง TOKYO METRO GINZA LINE เพื่อไปยังสถานีกินซ่า หลังจากน้ันให้เปลี่ยนเป็น TOKYO METRO MARUNOUCHI LINE เพื่อไปยังสถานีโตเกียว

วิธีซื้อตั๋วก็ง่ายนิดเดียว

ก่อนอื่นต้องเช็คราคาจากป้ายที่อยู่ด้านบนตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ในครั้งนี้ให้ดูราคาเพื่อไปสถานีโตเกียว

หลังจากนั้นก็เลือกภาษา ในตอนนี้ยังไม่มีภาษาไทยดังนั้นให้เลือกเป็นภาษาอังกฤษ

จากนั้นแตะไปที่ราคา(สถานีโตเกียว 200 เยน)และใส่เงินเป็นขั้นตอนสุดท้ายเท่านี้ก็เรียบร้อย

ตอนที่กำลังซื้อตั๋วอยู่ได้ยินเสียง「Panda Pepper คุง」ด้วย คงเป็นเวลาตื่นพอดีสินะ

แยกจาก「Panda Pepper คุง」และมุ่งหน้าไปอาซากุสะกัน

เมื่อผ่านเครื่องตรวจตั๋วเข้าไปแล้วก็ให้ไปขึ้นเส้นกินซ่าที่ชานชาลา 1 หรือ 2

เบียดๆกับคนที่กำลังจะไปทำงานประมาณ 18 นาที และลงรถไฟที่สถานีกินซ่า

ขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ช่วงท้ายๆขบวนไปหนึ่งชั้นและไปทางขวา ตรงไปเรื่อยๆไปประมาณ 200 เมตร ขึ้นบันไดเล็กๆ ไปก็จะเจอป้าย「MARUNOUCHI LINE」อยู่ด้านซ้าย จากนั้นจะเจอบันไดเพื่อลงไปที่ชานชาลา

ให้ขึ้นรถไฟที่มีสถานีปลายทาง IKEBUKURO ที่ชานชาลาที่ 4

จากสถานีกินซ่าไปสถานีโตเกียวนั่งไปแค่สถานีเดียว แปปเดียวก็ถึง

เมื่อถึงสถานีโตเกียวแล้วให้ขึ้นบันไดเลื่อนแถวๆท้ายขบวนเพื่อไปที่เครื่องตรวจตั๋ว เครื่องตรวจตั๋วจะอยู่ด้านซ้ายมือ พอออกมากแล้วก็ให้ไปทางซ้าย เมื่อเจอทางเดินเส้นใหญ่ให้เดินไปจนสุดและเลี้ยวขวา

เมื่อเลี้ยวมาทางซ้ายแล้วก็จะเจอกับ『MARU BIRU』ตึกมารุโนะอุจิ

www.marunouchi.com/e/shop?type=top

เมื่อเข้ามาในตึกแล้วให้ตรงไปเรื่อยๆ จะมี Starbuck อยู่ด้านขวามือ เดินไปอีกก็จะเจอ FRUITS PARLOR SEMBIKIYA เป็นร้านที่จำหน่ายผลไม้ชั้นดี และมีของหวานด้วย

MARU BIRU ยังมีร้านเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังของญี่ปุ่นอยู่มากมายหลายร้าน มีร้านอาหารอร่อยๆมากมาย ที่ชั้น 35F・36F ยังมีร้านช้อปปิ้งต่างๆที่สามารถเพลิดเพลินไปกับวิวของโตเกียวระหว่างทางไปร้านอาหารอีกด้วย

เข้ามาใน MARU BIRU แล้วให้ตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอบันไดอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อขึ้นบันไดมาแล้วก็จะเจอกับ 「MARUNOUCHI NAKADOURI」

เป็นทางที่ปูด้วยหิน จะมีต้นไม้อยู่ทั้งสองฝั่งข้างทาง และเรียงรายไปด้วยร้านแบรนด์เนม คาเฟ่ห์ และร้านอาหารมากมาย เดินเส้นทางที่มีร้านค้ามากมายแบบนี้ไปซักพักก็จะเจอกับสี่แยกไฟแดงใหญ่ และให้เดินข้ามไป ก็จะเจอกับ 「SHIN-TOKYO Building」

จากสถานีโตเกียวมาประมาณ 7 นาที สามารถเดินเพลิดเพลินไปกับร้านค้าสวยงามต่างๆระหว่างทางได้ด้วย

ตึก「SHIN-TOKYO Building」ขนาดใหญ่ที่เรียบ MARUNOUCHI NAKADOURI มี 「JNTO Tourist Information Center」อยู่ด้านใน『VISIT JNTO TIC』

「JNTO Tourist Information Center」นี้อาจจะดูเหมือนคาเฟห์แต่จริงๆแล้วที่นี่เป็นสถานที่ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในญี่ปุ่นให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นอย่าง ICHIGO-CHAN

ด้านในมี「มุมวัฒนธรรมญี่ปุ่น」เพื่อให้เราได้ลองใส่ชุดกิโมโน พับกระดาษโอริกามิ หรือทดลองเขียนพูกันได้แบบฟรีๆเลย

ICHIGO-CHAN นัดเพื่อนไว้ที่นี่ และวันนี้จะมาสนุกกันที่นี่กัน

ถึงแม้ว่าครั้งนี้ ICHIGO-CHAN จะนั่งรถไฟใต้ดินสายมารุโนะอุจิมาที่สถานีโตเกียว แต่ที่นี่ยังอยู่ใกล้สถานี JR โตเกียว หรือสถานี JR ยูระกุโจด้วย

มีรายละเอียดวิธีไปเป็นไฟล์ PDF ในลิงค์ด้านล่างนี้ด้วยHow to get to the Tourist Information Center (TIC)』

ที่เคาเตอร์ด้านใน「JNTO Tourist Information Center」จะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำการท่องเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีภาษาไทยแต่ที่นี่สามารถแนะนำเป็นภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี และภาษาญี่ปุ่นได้

เราไม่จำเป็นต้องพูดภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอังกฤษแบบคล่องๆก็สามารถสื่อสารได้ไม่ต้องห่วงเลย

สามารถถามได้ตั้งแต่คำถามว่า「ซากุระที่ไหนสวย ?」ไปจนถึง「ถ้าจะไปภูเขาฟูจิไปยังไงจะสะดวกที่สุด?」ก็สามารถถามได้หมด ที่นี่จะมีพนักงานมืออาชีพคอยตอบคำถามให้เราอย่างละเอียดเลย

ถ้ามีอะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นก็ลองถามดูได้เลย

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการ WIFI ให้ฟรีภายในตึก และยังมีให้เช่า WIFI สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย(วันละ 1000 เยน)

ถ้าสำหรับใครที่จะต้องใช้ WIFI ตลอดการเดินทางก็แนะนำให้เช่ามาจากที่ไทยจะดีกว่า แต่ถ้าใช้แค่ชั่วคราวก็ยืมได้เลย

เข้าไปข้างในกันเลย

สงสัยจะถึงเร็วไปหน่อย เพื่อนยังไม่มาเลย

ระหว่างรอไปหาข้อมูลทริปต่อไปดีกว่า

ที่「JNTO Tourist Information Center」มีแผ่นพับข้อมูลการท่องเที่ยวทั่วประเทศญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษด้วย

ดีใจมากๆ มีภาษาไทยอยู่บางส่วนด้วย

อันนี้คือแผ่นพับโตเกียว

นอกจากโตเกียวแล้วก็ยังมี อูเอโนะ อาซากุสะ ฮาโกเนะ และหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวทั่วประเทศญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยด้วย

ดูแผ่นพับไปเพลินๆ เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เพื่อนของเรา 「Mon-Chan」ก็มาแล้ว

Mon-Chan เป็นเพื่อนสมัยมหาลัย ตอนนี้อยู่เกียวโต

คนที่แนะนำว่ามีที่ที่สามารถสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างการ「ใส่ชุดกิโมโน」หรือ「พู่กัน」ได้แบบฟรีๆ ที่「JNTO Tourist Information Center」ก็คือเธอคนนี้แหละ

Mon-Chan ชอบที่นี่มากๆ เลยแหละ

ถ้าใครไม่ได้มาที่ที่คนต่างชาติสามารถสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้แบบฟรีๆแบบนี้คือพลาดมากๆเลย 555

「JNTO Tourist Information Center」สามารถทดลองใส่ชุดกิโมโนได้ทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 16:30 เลย ใช้เวลาแค่ 15

นาทีเอง แล้วสามารถใส่ถ่ายภายในตึกหรือถ่ายรูปแถวๆ MARUNOUCHI NAKADOURI ได้ด้วย

ถ้าสนใจสามารถเข้าไปติดต่อพนักงานได้เลยแบบไม่ต้องจอง

นอกจากนี้ล่าสุดตอนนี้มีให้ทดลองใส่ ฮากามะ HAKAMA ได้ด้วย อยู่ที่ 1500 เยน (ขณะนี้กำลังมีส่วนลด 1000 เยน)มีเวลา 90 นาที สามารถเดินถ่ายรูปบริเวณ MARUNOUCHI NAKADOURI หรือบริเวณใกล้เคียงได้ด้วย

พอไปติดต่อพนักงานก็จะพาเราไปด้านใน

มีทั้งชุดกิโมโน ยูกาตะ หรือรองเท้าให้เลือกมากมาย สามารถเลือกให้เขาใส่ให้ได้ตามความชอบเลย

มันน่ารักไปหมด ICHIGO-CHAN เลือกไม่ถูกเลย

แต่ความจริงก็คือความจริง………….ก็มันไม่มีไซส์ที่ ICHIGO-CHAN ใส่ได้น่ะสิ!!

ครั้งนี้เลยจะให้ Mon-Chan ใส่ แล้วค่อยถ่ายรูปด้วยกันก็ได้

Mon-Chan กับชุดกิโมโนสีชมพู น่ารักเชียว

ตอนแรกจะดูตื่นเต้นหน่อยแต่พนักงานคอยพูดคุยด้วยเลยผ่อนคลาย แล้วก็ยิ้มใหญ่เลย

พวกที่รัดชุดอย่างโอบิเราไม่มีทางใส่คนเดียวได้เลย พนักงานก็ช่วยใส่ให้อย่างรวดเร็วสวยงาม

ผ่านไปประมาณ 10 นาที

Mon-Chan ใส่ชุดกิโมโนสีชมพูแล้วเหมือนคนละคนเลย ดูดีแล้วก็น่ารักมากๆ

ยืมร่มสีแดงมากางแล้วก็ถ่ายกับ ICHIGO-CHAN ซักรูป

ใส่ชุดถ่ายรูปได้ทั้งข้างในและข้างนอกเลย

ก่อนอื่นก็ถ่ายรูปกับดอกซากุระที่ตกแต่งอยู่ที่ประตูทางเข้าซักใบ

ICHIGO-CHAN ได้ถ่ายกับ Mon-Chan ที่ใส่ชุดกิโมโน(อยากใส่มั่งเหมือนกันนะ)เก็บไว้เป็นความทรงจำในทริปนี้หน่อย ♪

ข้างหน้า「JNTO Tourist Information Center」เป็นทางที่ปูด้วยหินและเป็นทางที่มีต้นไม้อยู่สองฝั่งข้างทาง เป็นมุมที่สวยดี

ถ่ายรูปข้างนอกแบบนี้ก็ได้นะ

มุมนึงของที่นี่มีแผนที่โลกแปะไว้อยู่ด้วย

ถ้าดูดีๆทุกรูปที่แปะอยู่เป็นรูปที่ชาวต่างชาติใส่ชุดกิโมโนทุกรูปเลย

เราสามารถขอถ่ายรูปโพราลอยด์เพื่อเอาไปติดที่แผนที่โลกได้ด้วย

ICHIGO-CHAN ขอเขาถ่ายและแปะเอาไว้เป็นตัวแทนประเทศไทยด้วย 555

นอกจากทดลองใส่ชุดกิโมโนแล้วที่「JNTO Tourist Information Center」ยังมีให้「เขียนพู่กัน」ด้วย อันนี้ก็เหมือนกับตอนใส่ชุดกิโมโนคือ สามารถติดต่อพนักงานได้เลย พนักงานก็จะพาไปที่「มุมวัฒนธรรมญี่ปุ่น」

「การเขียนพู่กัน」เป็นศิลปะของซีกโลกตะวันออก

ที่ไทยอาจจะเห็นการเขียนพู่กันได้ตามร้านอาหารจีนที่ถูกประดับเอาไว้ และอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นของจีนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ 「การเขียนพู่กัน」 ที่ญี่ปุ่นก็มีการเขียนพู่กันอยู่เยอะจนมีคาบเรียนในหลักสูตรประถมหรือมัธยมต้นด้วย

「การเขียนพู่กัน」สำหรับคนที่ไม่เคยเขียนก็ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีตัวอย่างคำต่างๆไว้ให้ดูด้วย เราสามารถดูและเขียนตามได้เลย ในรูปที่ 2 「幸福」คือความสุข ส่วนรูปที่ 3 「家族」คือ ครอบครัว และรูปที่ 4 คือ คนสวย ICHIGO-CHAN ก็ต้องเป็นรูปที่ 4 ก็สินะ 555

เขียนอะไรดีน้า

การเขียนพู่กันครั้งแรกของ ICHIGO-CHAN ของเป็นคำว่า 「幸福」(ความสุข)แล้วกัน

วางแบบไว้ด้านข้างแล้วลองเขียนดูเลย

สตาร์ฟก็จะช่วยแนะนำวิธีการจับพู่กันอย่างถูกต้อง หรือวิธีเขียนให้สวยงามด้วย

เวลาเขียนให้ตั้งพู่กันขึ้นให้ตรงจะเขียนได้สวย

นี่คือผลงานชิ้นแรกของ ICHIGO-CHAN

พอเทียบกับแบบแล้วมันเล็กไปหน่อยแต่ก็สวยใช่ไหมล่ะ …… 555

ถ้าเขียนผิดหรืออยากเขียนเพิ่มอีกก็สามารถบอกพนักงานได้

แล้วอีกมุมนึงของที่นี่มีมุมให้เขียน 「สถานที่ในญี่ปุ่นที่คุณคิดว่าดีที่สุดคือที่ไหน」

แน่นอนว่าสำหรับ ICHIGO-CHAN แล้วก็คงเขียนที่นี่ 「JNTO Tourist Information Center」เพราะว่าได้ลองทั้งกิโมโนและเขียนพู่กันด้วย

กำลังเพลินเลยเวลาก็ผ่านไปเร็วจริงๆ

ICHIGO-CHAN เริ่มกังวลเวลาเครื่องออกแล้ว

แต่ก่อนไปสนามบินจะขอแวะไป「ตลาดปลาสึกิจิ」ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่สตาร์ฟแนะนำมาซักหน่อย

ก่อนกลับก็ถ่ายรูปกับสตาร์ฟที่นี่เป็นที่ระลึก ที่「JNTO Tourist Information Center」ทุกคนเก่งแล้วก็มีข้อมูลเที่ยวกับทั่วประเทศญี่ปุ่นแน่นมากๆเลย บริการให้เราอย่างดีมากๆด้วย แนะนำเลยว่าถ้าใครมาลงที่ฮาเนะดะหรือนาริตะแล้วจะมาเที่ยวรอบๆโตเกียวก็ลองมาที่นี่ดูนะ

ครั้งต่อไปจะมาแนะนำ「ตลาดปลาสึกิจิ」ค่ะ

Sponsored by Tokyo Marunouchi 

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶