Day4-1 ชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยที่สุดที่ “สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น” พร้อมเดินทางไปยังย่าน “ชินจุกุ” ในตัวเมืองโตเกียว

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day4-1 ชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยที่สุดที่ “สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น” พร้อมเดินทางไปยังย่าน “ชินจุกุ” ในตัวเมืองโตเกียว

TOKYO-HAKONE-GOTEMBA-KAWAGUCHIKO/FUJI-TOKYO

หลังจากที่เมื่อวาน ICHIGO-CHAN ได้เดินทางไปยังลานหิมะ yeti ที่เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนเมษายนเป็นเวลาเกือบครึ่งปี เพลิดเพลินกับหิมะไปอย่างเต็มที่ จากนั้นก็เดินทางไปนั่งเรือทัศนาจร ENSOLEILLE ชมวิวภูเขาไฟฟูจิจากบนทะเลสาบคาวากุจิโกะ ต่อด้วยกระเช้าลอยฟ้า Mt. FUJI PANORAMIC ROPEWAY」ขึ้นไปยอดเขาเทนโจบนความสูง 1075 เมตร ชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ลอยอยู่บนทะเลเมฆ อีกทั้งยังได้ลิ้มรสชาติอาหารประจำท้องถิ่นกับเมนู “โฮโต” และ ปลาวากาซากิทอดกรอบ ที่เป็นวัตถุดิบจากท้องถิ่นอย่างเต็มที่แล้ว

Day3-5 เข้าพักโรงแรม「ROUTE INN KAWAGUCHIKO」วิวภูเขาไฟฟูจิ พร้อมทานอาหารเช้าสุดอลังการ

และแล้ววันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้แล้วค่ะ ซึ่งก่อนเดินทางกลับประเทศไทยจากสนามบินนาริตะ เราจะเดินทางไป “สวนอาราคุระยามะเซ็นเก็น”「ARAKURAYAMA SENGEN PARK(新倉山浅間公園)」ชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ไปพร้อมๆ กับเจดีย์ห้าชั้น พร้อมกับบรรยากาศฤดูกาลต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นกันค่ะ

การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วย「ฟูจิฮาโกเน่พาส」ในตอนที่ 14 นี้ ICHIGO-CHAN จะพาเพื่อนๆ ไปชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ “สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น”「ARAKURAYAMA SENGEN PARK(新倉山浅間公園)」กันค่ะ

เมื่อเช้า ICHIGO-CHAN ได้ทานอาหารเช้า และเดินเล่นรอบๆ บริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะ ชมวิวภูเขาไฟฟูจิไปจนหนำใจ ได้สัมผัสบรรยากาศฤดูหนาวที่เย็นเฉียบ พร้อมชมวิวที่สวยงาม เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ จนไม่อยากกลับเลยค่ะ

และแล้ววันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว ซึ่งเราจะต้องเดินทางไปสนามบินนาริตะในตอนเย็นเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยกันแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มได้เวลาออกเดินทางกันแล้วค่ะ เราจะเดินกลับไปที่โรงแรมเพื่อไปเช็คเอ้าท์กันเลย วิธีการเช็คเอ้าท์ก็เพียงแค่คืนกุญแจห้องให้พนักงานเท่านั้น ไม่ถึง 10 วินาทีเลยค่ะ

และสถานที่สุดท้ายของทริปนี้ก็คือ “สวนอาราคุระยามะเซ็นเก็น”「ARAKURAYAMA SENGEN PARK(新倉山浅間公園)」สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณรอบๆ ภูเขาไฟฟูจิที่ไม่ควรพลาด โดยการเดินทางจาก โรงแรม ไปยัง สวนอาราคุระยามะเซ็นเก็นนั้นจะต้องเดินทางไปสถานีคาวากุจิโกะกันก่อน จากนั้นก็นั่งรถไฟสายฟูจิคิว หรือ รถโดยสารวนรอบสถานที่มรดกโลกทางวัฒนธรรม「World Heritage Loop Bus」ไปจะสะดวกที่สุดค่ะ

ก่อนอื่นเราจะเดินทางจากโรงแรมไปยังสถานีคาวากุจิโกะด้วยรถของโรงแรมที่ออกตัวทุกๆ นาทีที่ 0 ไปสถานีกันเลย

ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมมาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงสถานีคาวากุจิโกะที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณรอบๆ ภูเขาไฟฟูจิ เป็นจุดขึ้นและลงรถบัสด่วนจากโตเกียว ชินจุกุ ฮาราจุกุ หรือโอซาก้า อีกทั้งยังเป็นสถานที่เชื่อมต่อรถไฟ JR ที่สามารถเดินทางไปยังสถานีโอสึกิ, สถานีชินจุกุ หรือสถานีสนามบินนาริตะ ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นตลอดทั้งปี

และสถานที่ที่เราจะเดินทางไปต่อจากนี้ก็คือ “สวนอาราคุระยามะเซ็นเก็น”「ARAKURAYAMA SENGEN PARK(新倉山浅間公園)」ถึงแม้ว่านั่งรถโดยสารวนรอบสถานที่มรดกโลกทางวัฒนธรรม「World Heritage Loop Bus」จะสามารถเดินทางไปยังจุดที่ใกล้ที่สุดได้ แต่รถบัสเที่ยวแรกก็คือเวลา 9:30 น. หากขึ้นรอบนี้ก็อาจไม่ทันเที่ยวบินเย็นนี้ เพราะฉะนั้นครั้งนี้เราจะนั่งรถไฟสายฟูจิคิว ไปกันค่ะ

ซึ่งสถานีที่ใกล้ “สวนอาราคุระยามะเซ็นเก็น”「ARAKURAYAMA SENGEN PARK(新倉山浅間公園)」มากที่สุดก็คือ “สถานีชิโมะโยชิดะ” ซึ่งช่วงเส้นทางของ “รถไฟสายฟูจิคิว” ระหว่าง สถานีคาวากุจิโกะ-สถานีชิโมะโยชิดะ จะสามารถใช้「ฟูจิฮาโกเน่พาส」ในการเดินทางได้ เพราะฉะนั้นสามารถขึ้นรถไฟได้โดยไม่ต้องซื้อตั๋วเลยค่ะ เพียงแสดงพาสให้เจ้าหน้าดูเพื่อผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วมาเลย

การเดินทางระหว่าง สถานีคาวากุจิโกะ-สถานีชิโมะโยชิดะ จะใช้เวลาในการเดินทาง 13 นาที ห่างกัน 4 สถานี โดยรถไฟจะวิ่งประมาณชั่วโมงละ 1-3 เที่ยว ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา ยังไงลองเช็คเวลาก่อนขึ้นรถไฟดูได้เลย

เช็ค『ตารางเวลารถไฟ』คลิ๊กเลย !

 “รถไฟสายฟูจิคิว” ก็จะมีหลากหลายรูปแบบ โดยรถไฟแต่ละแบบก็จะมีที่นั่งที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งที่นั่งของรถไฟในครั้งนี้ก็คือที่นั่งแบบแถวยาว ซึ่งเดิมทีเป็นรถไฟที่ใช้วิ่งภายในโตเกียว หรือบริเวณโดยรอบ แต่ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่จนสวยมากๆ การตกแต่งภายในเป็นสีฟ้าเพื่อให้เข้ากับภูเขาไฟฟูจิ พร้อมพื้นไม้ที่ดูเรียบหรูสวยงาม

โดยในช่วงฤดูหนาวของบริเวณรถไฟสายฟูจิคิวนี้ประตูจะไม่เปิดปิดอัตโนมัตินะคะ เพราะฉะนั้นจะต้องกดปุ่มเปิดปิดประตูที่อยู่บริเวณข้างๆ เพื่อขึ้นลงรถได้เลย

นั่งรถไฟไป 4 สถานี ใช้เวลา 13 นาที ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงสถานีชิโมะโยชิดะเป็นที่เรียบร้อย โดยเดินทางลงทางสโลปไปด้านหลังชานชาลาจากนั้นก็เดินไปทางซ้ายมือ และข้ามรางรถไฟไปยังอาคารสถานีอีกฝั่ง ถึงแม้ว่าอาคารสถานีรถไฟแห่งนี้จะได้รับการปรับปรุงไปเมื่อพ.ศ. 2552 แต่บรรรยากาศสถานีรถไฟแบบเก่านี้เหมือนได้อยู่ในภาพยนตร์การ์ตูนของจิบลิเลยนะคะ เป็นอาคารที่สร้างจำลองสถานีเมื่อสมัยที่เพิ่งเปิดให้บริการอีกด้วย เป็นอีกจุดที่น่าถ่ายรูปมากๆ

จากสถานีชิโมะโยชิดะนี้ เราสามารถเดินไปยังทางเข้าสวนอาราคุระยามะเซ็นเก็น ที่ศาลเจ้าอาราคุระยามะเซ็นเก็นได้โดยใช้เวลา 8 นาที ซึ่งระหว่างทางจากสถานีไปยังศาลเจ้าอาราคุระยามะเซ็นเก็นจะมีป้ายบอกทางอยู่ตลอดทางเพราะฉะนั้นไม่หลงแน่นอนค่ะ โดยออกจากสถานีชิโมะโยชิดะไปทางขวามือ และก็จะเจอทางข้ามรางรถไฟอยู่ขวามือ ให้ข้ามไปอีกฝั่ง จากนั้นก็เดินไปทางซ้ายมือ

และเมื่อเดินเลยทางข้ามรางรถไฟมาแล้ว ก็เดินไปทางซ้ายมืออีกประมาณ 2 นาที ก็จะเจอทางสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายที่สามแยก จากนั้นก็จะเจอถนนทางรอดทางด่วนอยู่ขวามือ ให้เดินไปทางขวามือ และเดินตรงไปเรื่อยๆ

เมื่อเดินลอดผ่านทางใต้ทางด่วนตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอ “ศาลเจ้าอาราคุระยามะเซ็นเก็น”「ARAKURAYAMA SENGEN JINJA(新倉山浅間神社)」อยู่ทางขวามือ พร้อมโทริอิสีแดงแบบญี่ปุ่นสุดๆ จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ เมื่อมองย้อนกลับไปก็จะเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิมาแต่ไกล สวยมากๆ เลย

ในช่วงกลางเดือนเมษายนที่ตรงกับช่วงสงกรานต์ ก็จะเป็นช่วงดอกซากุระบานทั้งสองข้างทางบันไดทางขึ้น ราวกับได้เดินลอดอุโมงค์ซากุระเลยค่ะ ซึ่งช่วงดอกซากุระบานก็เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวหนาแน่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวพอดี

เมื่อลอดผ่านโทริอิมาแล้ว ก็จะเจอ “ศาลเจ้าอาราคุระยามะเซ็นเก็น” เลย เป็นศาลเจ้าที่ไม่ใหญ่มาก ศาลเจ้าไม้ที่ดูขลังมากๆ และถึงแม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนที่นี่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ได้รับความเลื่อมใสจากคนในพื้นที่ไม่น้อยเลยทีเดียว

และเมื่อเดินเข้ามาในศาลเจ้าก็จะเจอกับ “ที่ชำระล้างร่างกาย” ซึ่งเราจะต้องทำการชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ก่อนเข้าไปสักการะภายในศาลเจ้า โดยมีวิธีการชำระล้างร่างกายดังนี้

1. ก่อนอื่นจะต้อง ถือกระบวยด้วยมือขวา และตักน้ำให้เต็ม จากนั้นน้ำมาล้างมือซ้าย

2. จากนั้น เปลี่ยนมือที่ถือกระบวยเป็นข้างซ้าย และล้างมือขวา

3. ขั้นตอนต่อไปก็ เปลี่ยนมาถือกระบวยมือขวาอีกรอบ เทน้ำใส่มือซ้ายพอประมาณ และทำการบ้วนปาก *ในขั้นตอนนี้ห้ามนำกระบวยมาโดนปากโดยตรง

4. ล้างมือซ้ายอีกรอบ

5. ในขั้นตอนสุดท้าย ตั้งกระบวยขึ้น โดยหันหน้ากระบวยเข้าตัว เพื่อให้น้ำไหลลงไปล้างที่จับกระบวย วางกระบวยไว้ที่เดิม เท่านี้ก็เรียบร้อย

หลังจากชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็มาที่บริเวณศาลเจ้าหลัก(ที่มีระฆังและกล่องทำบุญอยู่หน้าอาคาร) โค้งคำนับเล็กน้อย 1 ครั้ง และโยนเหรียญใส่กล่องทำบุญ(ตามจิตศรัทธา โดยปกติประมาณ 5-50 เยน)จากนั้นสั่นสายระฆังที่ห้อยลงมา และทำการ

โค้งคำนับ 2:โค้งคำนับไปทางศาลเจ้า 2 ครั้ง

ปรบมือ 2:ปรบมือ 2 ครั้ง

โค้งคำนับ 1:อธิษฐานในใจ และโค้งคำนับอีก 1 รอบ

ซึ่งหลักการกราบไหว้แบบ โค้งคำนับ 2 ปรบมือ 2 โค้งคำนับ 1 นั้นจะเป็นการสักการะที่ศาลเจ้าเท่านั้น ในกรณีการสักการะที่วัดจะไม่มีการปรบมือ สามารถสักการะโดย พนมมือธิษฐาน และโค้งคำนับ 1 ครั้งเท่านั้น

และบริเวณด้านซ้ายมืออาคารศาลเจ้าหลักจะมีสำนักงานศาลเจ้าที่จำหน่ายเครื่องรางของขลังอยู่ ทั้งเครื่องรางนานาชนิด(500 เยน-)แผ่นไม้เอมะเขียนขอพร ลวดลายญี่ปุ่น(เล็ก 500 เยน・ใหญ่ 800 เยน)โดยที่แผ่นไม้ “เอมะ” นี้สามารถเขียนขอพรต่างๆ ทั้งภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาอื่นๆ ได้ทั้งหมดเลยค่ะ เมื่อเขียนแล้วก็จะทำการห้อยเอาไว้ที่ข้างๆ สำนักงาน เราเจอแผ่นไม้เอมะที่เขียนเป็นภาษาไทยด้วย

เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณศาลเจ้า ก็จะมีลานกว้างเล็กๆ (ขวามือ)อยู่ตรงข้ามอาคารหลักศาลเจ้าอยู่ ซึ่งจากลานกว้างศาลเจ้าอาราคุระยามะ เซ็นเก็นนี้ หากอากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสก็เป็นจุดที่สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้เช่นกัน จากจุดๆ นี้เราจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกเกือบ 400 ขั้นเพื่อขึ้นไปสู่จุดชมวิวที่สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น ที่สามารถชมวิวเจดีย์ห้าชั้น(จูเรโต) ไปพร้อมๆ กับวิวภูเขาไฟฟูจินั่นเอง สำหรับเพื่อนๆ ที่คิดว่าขึ้นไปถึงด้านบนไม่ไหว ก็สามารถชมวิวภูเขาฟูจิได้จากจุดนี้เช่นกันค่ะ

และลึกเข้าไปในลานกว้างทางด้านซ้ายมือจะมีบันไดทางขึ้นอยู่ ก่อนอื่นเราจะขึ้นไปที่เจดีย์ห้าชั้น(จูเรโต) กันก่อนค่ะ โดยบันไดขึ้นไปจูเรโตจะมีทั้งหมด 398 ขั้น หากเดินขึ้นแบบไม่หยุดพักก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาที พักนิดๆ หน่อยๆ ก็ประมาณ 15 นาที ถึงจะเหนื่อยแต่เมื่อได้ขึ้นมาแล้วหันหลังกลับไปก็จะได้เห็นวิวภูเขาฟูจิอยู่ตรงหน้าเลย (หากท้องฟ้าปลอดโปร่ง) ค่อยๆ เดินขึ้นไปก็ได้ค่ะไม่ต้องรีบ และเมื่อขึ้นมาจนสุดแล้วก็จะได้เห็นเจดีย์ห้าชั้น หรือ จูเรโต สีแดงอยู่ตรงหน้า พอได้ดูใกล้ๆ แล้วยิ่งสวยมากๆ เลยค่ะ ถ่ายรูปพักเหนื่อยได้ที่บริเวณนี้เลย

 “ศาลเจ้าอาราคุระยามะเซ็นเก็น” นี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งวันที่ ICHIGO-CHAN ไปก็ได้เจอคนไทยขึ้นบันไดเหนื่อยหอบกันหลายคนเลยค่ะ เมื่อขึ้นบันไดยาวมา 398 ขั้นแล้ว ก็สามารถพักเหนื่อย พักถ่ายรูปคู่กับเจดีย์หาชั้นได้เหมือนกันพี่ๆ กลุ่มนี้เลย

เมื่อถ่ายรูปเจดีย์ห้าชั้น(จูเรโต) เรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปด้านหลังเจดีย์ห้าชั้นเพื่อไปที่จุดชมวิวกันเลย เดินลึกเข้าไปทางด้านขวาเจดีย์ห้าชั้น ก็จะเจอทางเดินที่เป็นทางเข้าไปสู่จุดชมวิว เดินขึ้นบันไดไปอีกประมาณ 50 ขั้น และเดินขึ้นเนินไปอีกเล็กน้อย ก็จะขึ้นมาสู่จุดชมวิวยอดฮิตที่ “สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น”「ARAKURAYAMA SENGEN PARK(新倉山浅間公園)」กันเลย

จากจุดชมวิวนี้เราจะได้เห็นภาพภูเขาไฟฟูจิที่โด่งดังที่เพื่อนๆ อาจเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว ตามหนังสือเรียน โทรทัศน์ หรือนิตยสารต่างๆ ดังนั้นเมื่อมาที่นี่แล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะกดชัตเตอร์ถ่ายรูปรัวๆ เลยค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากได้รูปสวยๆ แนะนำให้มาช่วงเช้าเพราะว่าจากตรงนี้ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า ไปจนถึงช่วงบ่ายจะเป็นมุมย้อนแสงค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูนะคะ

น่าเสียดายที่เรามีเวลาไม่มาก เพราะว่าจะต้องเดินทางกลับประเทศไทยจากสนามบินนาริตะในเที่ยวบินตอนเย็น แต่ก่อนจะไปสนามบินเราจะต้องไปช้อปปิ้งกันซักหน่อย ดังนั้นจะต้องออกจากคาวากุจิโกะเวลา 9 โมงเช้า

ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ เดินทางจากสวนอาราคุระเซ็นเก็นไปช้อปปิ้งที่ย่านชินจุกุในตัวเมืองโตเกียว กับร้านค้าต่างๆ ที่น่าสนใจมากมายที่ “ชินจุกุโดริ” ค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪

【ตารางการเดินทาง Day4-1 ARAKURAYAMA SENGEN PARK】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “ฟูจิฮาโกเน่พาส”

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶