Day3-3 พักโรงแรม「HOTEL KEIHAN ASAKUSA」ที่รายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวในอาซากุสะ
น้ำตกสวยๆ ทุ่งวาซาบิ และซอฟต์ครีมวาซาบิ
ICHIGO-CHAN ได้เที่ยว「โจเรนโนะทากิ」อย่างเต็มอิ่ม เป็นสถานที่ที่รวมสิ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยชื่นชอบไว้มากมาย
Day3-2 เที่ยวชมความสวยงามของน้ำตก 「โจเรนโนะทากิ」และท้าทายความเผ็ดกับเมนู 「ข้าวหน้าวาซาบิสด」
เราออกมาจากอิซุเพื่อกลับไปที่โตเกียว
ที่พักในคืนนี้อยู่ในย่านที่ได้รับความนิยมจากต่างชาติที่ 「ASAKUSA」กับโรงแรม「HOTEL KEIHAN ASAKUSA」บริเวณใกล้ๆ โรงแรมจะมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย เช่น 「วัดเซนโซจิ」「ร้านขายของฝากหน้าวัด」หรือ「HANAYASHIKI」ส่วนด้านหลังมี「ดองกิโฮเตะ」และร้านอาหารต่างๆ มากมาย
ห้องพักที่สะอาดสะอ้าน และอาหารเช้ามากมาย ถือว่าแค่ที่พักก็เต็มอิ่มได้แล้ว
วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ 「HOTEL KEIHAN ASAKUSA」ให้ทุกคนได้รู้จัก
『HOTEL KEIHAN ASAKUSA』ตั้งอยู่ในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวอย่างอาซากุสะ
เดินจาก「TSUKUBA EXPRESS」สถานีอาซากุสะที่วิ่งมาจากย่านใกล้เคียงอย่างอากิฮาบาระ ประมาณ 2 นาที
หรือจะเป็น「GINZA LINE」สถานีอาซากุสะที่วิ่งผ่าน GINZA SHIBUYA OMOTESANDO นอกจากนี้ยังมี 「TOEI ASAKUSA LINE」สถานีอาซากุสะที่เป็นเส้นทางตรงจากสนามบินนาริตะและสนามบินฮาเนะดะ เพียงเดินแค่ 10 นาที
โรงแรมอยู่ชั้น 2F
เมื่อเข้ามาจากทางเข้าให้ขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้น 2F
ก่อนอื่นก็ต้อง Check in กันก่อน
「HOTEL KEIHAN ASAKUSA」เป็นโรงแรมที่มีระบบโรงแรมใหม่ของญี่ปุ่นอย่าง「Self・Check in」อยู่ด้วย
ถ้าเป็นการเช็คอินกับพนักงานที่เคาเตอร์บางทีแถวก็ยาวเหยียด ซึ่งระบบ Self・Check in จะช่วยจัดการให้ลูกค้าสามารถเช็คอินได้อย่างราบรื่นและประหยัดเวลา
เพียงแสดงหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตให้กับพนักงานที่เคาเตอร์เป็นอย่างแรก และรับบัตรคีย์การ์ด
เมื่อรับบัตรแล้วก็ไปที่ Self・Check in ได้เลย
Self・Check in ก็ง่ายนิดเดียว
ก่อนอื่นเลยให้ใส่บัตรคีย์การ์ดไปที่ช่องด้านล่างขวาในช่อง 「Insert Room Card」
หน้าจอก็จะแสดงจำนวนเงินที่ต้องจ่าย ให้ใส่บัตรเครดิตในช่อง 「Insert Credit Card」
เท่านี้ก็เรียบร้อย เมื่อรับบัตรคีย์การ์ดคืนแล้วก็ขึ้นไปที่ห้องได้เลย
ห้องที่ ICHIGO-CHAN พักเป็นห้อง Twin Room
ห้องจะเป็นยังไงกันนะ!?
เป็นห้องที่สะอาดมีสไตล์มากๆ ขนาดของเตียงไม่ใช่ขนาด Single Size แบบทั่วไปแต่เป็นขนาด Semi Double Size เลย
สำหรับคนที่หลับยากพลิกตัวได้สบายๆเลย
เตียงนี้เป็นแบบที่เรียกว่า「Silky Pocket」เป็นที่นอนแบบเดียวกับที่ถูกใช้กับโรงแรมระดับหรูหรือพระราชวังอะกาซะกะ
สปริงจะแน่นกว่าสปริงแบบทั่วไป ซึ่งจะช่วยพรุงร่างกายให้อยู่ในท่านอนที่ถูกต้องนั่นเอง น่านอนมากๆ
ICHIGO-CHAN อยากรีบนอนแล้วว
ห้องน้ำเป็นห้องน้ำโรงแรมญี่ปุ่นแบบทั่วไป แต่อ่างจะมีความลึกเป็นพิเศษทำให้แช่น้ำได้สบายๆ
แช่น้ำอุ่นเพื่อคลายความเหนื่อยได้สบายเลย
อุปกรณ์ในการอาบน้ำก็มีให้ครบ ไปตัวเปล่าได้สบายๆเลย
แชมพูครีมนวดก็ใช้ของดี
สำหรับคนที่ติดโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาก็ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีปลั๊กตรงหัวเตียงถึง 2 อัน
ชาร์ตแบตนอนเล่นมือถือได้สบายเลย
และแน่นอนว่าในห้องมี Wifi ให้ด้วย ใช้เน็ตได้แบบเต็มที่ไม่ต้องห่วงเลย
เอาล่ะ อันนี้คืออะไรเอ่ย??
คำตอบก็คือ เครื่อง「Trouser press」นั่นเอง(ที่ไทยไม่ค่อยมี)
เป็นเครื่องที่ใช้หนีบกางเกงที่ยับๆ เพียงแค่หนีบกางเกงเอาไว้และก็เปิดสวิตช์เท่านั้น วันถัดไปกางเกงก็จะเรียบเหมือนรีดมาเลย
วิธีใช้ก็ง่ายนิดเดียว
- ตรวจเช็ครอยพับของกางเกง
- กางเครื่องออกแล้วก็หนีบกางเกงเอาไว้
เมื่อเราเปิดเครื่อง Trouser press ข้างในจะมี Press Sheet ขุ่นๆอยู่ ให้ Press Sheet อยู่ด้านนอก ถ้ามองจากด้านข้างก็จะมีลำดับตามนี้คือ Presser、Press Sheet、Trouser กางเกง、Press Sheet และ Presser
- จากนั้นให้ตั้งเวลา
ชุดหน้าร้อนแบบผ้าบางใช้เวลา 15 นาที นอกจากนั้นก็ 30 นาที
บริเวณใกล้โรงแรมก็มีสถานที่ที่เราสามารถสนุกกับโตเกียวยามค่ำคืนได้ มีทั้งร้านอาหาร หรือร้านยอดนิยมมากมาย
พนักงานที่ฟร้อนท์แนะนำสถานที่หนึ่งในนั้นให้เราด้วย
คือ「HOPPY STREET」เป็นเส้นที่รวมร้านเหล้าอร่อยๆ ไว้มากมายซึ่งอยู่ด้านหลังของโรงแรม
เราไปกันเลยดีกว่า
HOTEL KEIHAN ASAKUSAから「HOPPY STREET」までは歩いて2,3分ほど。すぐจาก HOTEL KEIHAN ASAKUSA ไป「HOPPY STREET」เดินไปประมาณ 2,3 นาที และใกล้ๆกันก็มี 「ดองกิโฮเตะ」สาขาอาซากุสะอยู่ด้วย เดินจาก HOTEL KEIHAN ASAKUSA ไปได้ง่ายๆเลย
วิธีไปจากโรงแรมก็ง่ายนิดเดียว
ออกจากโรงแรมไปทางซ้าย แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยกแรก เดินไปเรื่อยๆประมาณซอยที่ 3 ก็จะเป็น 「HOPPY STREET」เป็นเส้นที่รวมร้านค้าต่างๆไว้มากมาย มีขายทั้ง โอเด้ง ไก่ย่าง ทาโกยากิ หรือราเม็ง เป็นต้น ที่「HOPPY STREET」เราสามารถสั่งอาหารมาซักอย่างกับเหล้าในแต่ละร้านเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ดีเหมือนกันนะ
「HOPPY」ใน「HOPPY STREET」ก็คือเบียที่มีเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์น้อยนั่นเอง
ถึงแม้ว่าขั้นตอนการผลิตหรือวัตถุดิบที่ใช้จะเหมือนกับเบียปกติ แต่จะมีการปรับวันในการหมักเพื่อควบคุมเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ให้อยู่ให้ระดับต่ำ
วิธีการดื่มแบบญี่ปุ่นก็คือจะดื่ม HOPPY ผสมกับ 「โชจู」「GIN」หรือ「เหล้าบ๊วย」ในแบบที่ตัวเองชอบ
ร้านที่ ICHIGO-CHAN เลือกเป็นที่แรกคือ「 อะซากุสะ ซันจังโยโกโจ 」
ที่「 อะซากุสะ ซันจังโยโกโจ 」จะมีอยู่ 4 ร้านในนี้คือ
ร้านไก่ย่าง「มดจัง」
ร้านเทมปุระ「มิดจัง」
ร้านปิ้งย่าง「กินจัง」
และร้านเหล้า บาร์โรจิอุระ
ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินเมนูหลากหลายได้ในร้านเดียว
เป็นร้านแบบเรโทรที่จำลองญี่ปุ่นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ในร้านเต็มไปด้วยชาวต่างชาติและคนในท้องถิ่น
ICHIGO-CHAN เลือกนั่งที่เคาเตอร์ร้าน 「กินจัง」เราสามารถสั่งอาหารจากร้านอื่นๆ ได้เหมือนศูนย์อาหารที่ไทยเลย
ICHIGO-CHAN สั่ง
「ทาโกยากิ」
「ถั่วแระ」
และ
「Highball」
และเครื่องเคียงที่มาเสิร์ฟแยกคือ 「KINPIRA GOBO」
ร้านเหล้าหรือร้านไก่ย่างที่ญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่จะมีค่าเครื่องเคียง แทนค่าเซอร์วิสชาร์จแบบร้านอาหารที่ไทย จะเป็นเครื่องเคียงที่ใส่จานเล็กๆ โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ 500 ถึง 1000 เยน ความจริงก็ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น แต่สำหรับคนที่กังวลอาจจะถามพนักงานร้านดูก่อนได้
「KONO MISE NO OTOUSHI WA IKURA DESUKA??」
「โคโนะ มิเสะ โนะ โอะโทชิ วะ อิคุระ เดสก้ะ??」
(ราคาเครื่องเคียงของที่นี่เท่าไหร่คะ??)
ถ้าคิดว่าแพงจะเดินออกจากร้านมาเลยก็ไม่เป็นไร
ICHIGO-CHAN กินทาโกยากิอร่อยๆ และถั่วแระไป ก็เผลอกินไฮบอลไปตั้ง 2 แก้ว
ค่าอาหารทั้งหมดแค่ 2149 เยน ไม่น่าเชื่อเลย
ถ้าแบบนี้ไปต่อร้านที่ 2 ร้านที่ 3 ยังได้เลย
ตอนคิดเงินพนักงานเอากล่องจับสลากลุ้นคูปองอาหารมาให้จับด้วย ผลก็คือ・・・ ลองคิดกันดูนะ
แยกจากพนักงานน่ารักๆ แล้วก็ไปต่อร้านที่สองกันเลย
ร้านที่สองเป็นร้านเหล้าแบบท้องถิ่น「SUZUYOSHI」
ร้านนี้มีเมนู「HOPPY สด」ที่แม้แต่ญี่ปุ่นเองก็หายาก
「HOPPY สด」(550 เยน)จาก Beer Server
รสชาติเหมือนเบียเลย แต่รสชาติเบาและสดชื่นมากๆ
ถ้าผสมน้ำผลไม้หวานๆไปด้วยน่าจะอร่อยมาก
ICHIGO-CHAN สั่ง โอเด้ง(650 เยน)หน่อไม้(600 เยน)、ต้มเครื่องใน(550 เยน)
เป็นเมนูบ้านๆที่เหมาะกับหน้าหนาวแบบนี้มาก ๆ
วิธีกินเครื่องในที่ไทยก็จะจิ้มน้ำจิ้มแบบเผ็ดๆ แต่ที่ญี่ปุ่นจะใช้วิธีปรุงอาหารให้เครื่องในมีรสชาติที่กลมกล่อม
ตอนกินแรกๆอาจจะขัดหน่อย แต่พอกินไปเรื่อยๆก็อร่อยหยุดไม่ได้เลย
ค่าอาหารรวม HOPPY 2 แก้ว ราคา 2900 เยน ส่วนที่นี่ไม่มีค่าเครื่องเคียง
จาก「HOPPY STREET」ย้อนกลับมาทางโรงแรมหนึ่งบล๊อคก็จะเป็น 「ดองกิโฮเตะ」
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้ว「ดองกิโฮเตะ」สาขายอดนิยมก็คงเป็นสาขาที่ ชินจุกุ หรือโดทงโบริที่โอซาก้า แต่ที่อาซากุระนี้ก็มีสินค้ามากมายสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมาย
เช่น คิทแคทชาเขียวที่เป็นสินค้ายอดนิยม หรือจะเป็น เครื่องสำอาง สินค้าจำพวกยา หรือสินค้าแบรนด์เนมก็มีให้เลือกมากมาย
เดินจาก「HOTEL KEIHAN ASAKUSA」ใช้เวลาเพียง 1 นาที
เปิดทำการ 24 ชั่วโมง ถ้าโรงแรมอยู่ใกล้ๆอยู่แล้วจะมาหลายๆรอบยังได้เลย
เดินแค่ 3 นาทีก็มี ดองกิโฮเตะให้ช้อปปิ้ง มี「HOPPY STREET」ให้ดื่มเหล้าทานอาหารได้ แล้วยังมีบัสไปสนามบินฮาเนะดะหรือนาริตะอีกด้วยสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้วที่ 「HOTEL KEIHAN ASAKUSA」
เที่ยวกลางคืนของอาซากุสะแบบเต็มอิ่มแล้ว ก็เริ่มรู้สึกกลึ่มๆ ICHIGO-CHAN ขอตัวไปนอนก่อนนะ ฝันดีค่ะ
อรุณสวัสดิ์ค่ะ
ICHIGO-CHAN ได้นอนเตียง「Silky Pocket」แบบเดียวกับพระราชวังอากาซากะไปแบบเต็มอิ่ม
เป็นเช้าวันสุดท้ายของทริปซะแล้ว
หน้าต่างนี้เมื่อคืนมืดจนมองไม่เห็นอะไรเลย แต่วันนี้ทกให้เห็นว่าข้างๆเป็นที่ว่าง ทำให้สว่างมากๆ
นอกหน้าต่างด้านซ้ายบน (ในวงกลมสีแดงในรูป)ที่เห็นแวปๆ คือ「HANAYASHIKI」สวนสนุกเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายสมัยเอโดะในปี 1853
มาทานอาหารมื้อเช้าวันสุดท้ายของทริปนี้กันที่ร้านอาหารชั้น 2
เก้าอี้สีน้ำตาลเข้มแบบชิคๆ กับโต๊ะสีสว่าง ดูตัดกันทำให้ร้านดูดีมากๆ
มีทั้งโต๊ะแบบที่นั่ง 2 คนหรือแบบโซฟา
โต๊ะของที่นั่งแบบโซฟาสามารถเคลื่อนย้ายได้ด้วย ทำให้สามารถรองรับลูกค้าเป็นกลุ่มได้เช่นกัน
จากวิวหน้าต่างเห็นเมืองโตเกียวตอนเช้าที่วุ่นวาย สามารถนั่งทานข้าวไปพร้อมๆกับชมวิวสวยๆได้ที่ที่นั่งริมหน้าต่าง
อาหารน่าทานเรียงเต็มไปหมด
เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ที่สามารถเพลินเพลินกับอาหารนานาชนิดได้อย่างเต็มอิ่ม
มีทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารเอเชีย
หัวไชเท้าขูด โปะด้วยไข่ปลาอย่างเมนู 「OROSHI TARAKO」ขนมจีบ เต้าหู้เย็น และไข่ตุ๋น
แค่นี้ก็เยอะมากเลย
ไข่เจียวฝอยสีเหลือง กับหมูหยองผงซากุระสีสันสดใสกับเมนู CHIRASHI SUSHI
มีโอเด้งที่มีทั้ง ไข่ต้ม จิกุวะ และหัวไชเท้าด้วย
ICHIGO-CHAN เคยพักมาหลายโรงแรมแล้วแต่ก็เพิ่งเคยไปกินโอเด้งเป็นอาหารเช้าที่นี่ครั้งแรกเลย
แน่นอนว่าอาหารฝรั่งก็มีเหมือนกัน
ไข่คน มันทอด แฮม และไส้กรอก นอกจากนั้นก็มีชินาม่อนโรล และช๊อคโกแลตด้วย
และยิ่งไปกว่านั้นคือ มะเขือเทศ แตงกวา ผักสลัด ข้าวโพดอ่อน หลากหลายชนิดกับเมนูสลัด ส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้งเครื่องชงเอสเปรสโซเตรียมไว้ให้ด้วย
อะไรๆก็ดูอร่อยไปหมด ICHIGO-CHAN เลือกไม่ถูกเลย
ทานแล้วน้า !!
ได้กินอาหารเช้าอลังการทุกเช้าเลย
ท้องก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เลย แต่จะไม่กินได้ไง ดูอาหารที่อยู่ตรงหน้าสิ
ปิดท้ายด้วยซากุระโมจิ
ซากุระถั่วแดงกวนห่อด้วยข้าวเหนียวสีชมพู
รสชาติจะโดดเด่น หวานอร่อย อันนี้ก็หยุดกินไม่ได้เหมือนกัน
ICHIGO-CHAN เลยกินไปตั้ง 4 ชิ้น 555
ห้องพักแบบอยู่สบายๆ เตียงที่ทำให้นอนได้แบบเต็มอิ่ม และอาหารเช้าสุดอลังการแบบเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลาต้องไปแล้ว
ที่ HOTEL KEIHAN ASAKUSA เราสามารถเช็คเอ้าท์ด้วยตัวเองได้ด้วย แค่เสียบคีย์การ์ดไปที่「Insert Room Card」
ที่เครื่องตามรูปด้านล่างขวาแค่นี้ก็เช็คเอ้าท์ได้เลย
ใช้เวลาแค่ 10 วินาทีเอง
ขอบคุณสำหรับที่พักแสนสบายนะคะ
ICHIGO-CHAN เช็คเอ้าท์เรียบร้อย
ก่อนอื่นก็ไปที่ สถานีอาซากุสะ เส้นใต้ดินกินซ่า และระหว่างทางก็เจอสัญลักษณ์ของโตเกียว 「KAMINARIMON」
แน่นอนว่าต้องถ่ายรูปกับ KAMINARIMON อยู่แล้ว แต่ที่ ICHIGO-CHAN อยากแนะนำเลยก็คือ
ตึกดูดีที่อยู่ตรงข้ามสี่แยกที่อยู่หน้า KAMINARIMON คือ「ศูนย์วัฒนธรรมการท่องเที่ยวอาซากุสะ」
ที่ชั้น 8F มีจุดชมวิวอาซากุสะอยู่ด้วย(ฟรี!)
จากจุดชมวิวจะมองเห็นวัดเซ็นโซจิ โกะจูโนะโท หรือร้านขายของฝากหน้าวัดด้วย
ที่คิดไว้คือน่าจะเป็นวิวตึกเยอะแบบเมืองที่เจริญมากๆ แต่บริเวณโซนอาซากุสะดูเงียบสงบเหมือนเมืองเกียวโตเลย
เข้าใจเลยว่าทำไมคนจากที่ต่างๆในโลกถึงเดินทางมาเที่ยวที่นี่กัน
และก็มาถึงที่สถานีอาซากุสะ
เจอ「Panda Pepper คุง」ที่แนะนำสถานที่ต่างๆ ให้ ICHIGO-CHAN เมื่อวานด้วย
https://ichigojapan.jp/roundthechi/izu_tokyo_day3-2
อาจจะมาเช้าไป Panda Pepper คุง กำลังยืนหลับอยู่เลย 555
มุมหนึ่งของสถานีอาซากุสะ เส้นใต้ดินกินซ่า มีการจัดแสดงโอมิโกชิ ที่จะใช้ในงาน 「SANJA MATSURI」ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุกปีที่ศาลเจ้าอาซากุสะ
และแล้วทริปนี้ก็ใกล้จบลงแล้ว
วันนี้จะไปมารุโนะอุจิในโตเกียว เพื่อไปเจอเพื่อที่อยู่ที่ญี่ปุ่น
และไปที่「JNTO Tourist Information Center」ศูนย์ให้ข้อมูลองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นที่สามารถลองใส่ชุดกิโมโน หรือทดลองเขียนพูกันได้ด้วย
ครั้งต่อไปเราจะมาแนะนำ「JNTO Tourist Information Center」กัน
Suponsored by HOTEL KEIHAN ASAKUSA