Day3-2 เที่ยวชมความสวยงามของน้ำตก 「โจเรนโนะทากิ」และท้าทายความเผ็ดกับเมนู 「ข้าวหน้าวาซาบิสด」

Day3-2 เที่ยวชมความสวยงามของน้ำตก 「โจเรนโนะทากิและท้าทายความเผ็ดกับเมนู 「ข้าวหน้าวาซาบิสด」

ICHIGO-CHAN ได้ไป「เทศกาลคาวาซุซากุระ」เพื่อไปดู「คาวาซุซากุระ」ที่จะบานก่อนที่อื่นๆ (ด้วยสภาพอากาศในปีนี้)ซากุระในปีนี้ไม่ได้บานแบบเต็มที่ แต่ดอกซากุระสีชมพูก็เรียกบรรยากาศของเทศกาลชมดอกซากุระได้เหมือนกัน

ต่อไปเราจะไปกันที่「โจเรนโนะทากิ」ที่เป็นสถานท่องเที่ยวชื่อดังในอิซุเลย สำหรับคนไทย「น้ำตก」ถือว่าเป็นสิ่งที่พิเศษอยู่แล้ว

วันนี้เราจะมาแนะนำเสน่ห์ของ「โจเรนโนะทากิ」ที่มีการใช้น้ำในแม่น้ำมาเพาะปลูกวาซาบิ และยังมีข้าวหน้าวาซาบิของขึ้นชื่อของที่นี่ด้วย

นั่งบัสจากสถานีคาวาซุประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง

ตอนแรกก็กังวลว่ารถจะติด(ด้วยเทศกาลคาวาซุซากุระ)แต่บัสก็มาถึงที่ทางเข้าของโจเรนโนะทากิ「ศูนย์การท่องเที่ยวโจเรนโนะทากิ」

ถึงตอนเที่ยงพอดีเลย กินข้าวกลางวันก่อนดีกว่า

ตรงทางเข้าของ「ศูนย์การท่องเที่ยวโจเรนโนะทากิ」มีวาซาบิคุงยืนอยู่ด้วย เข้าไปถ่ายรูปได้นะ

ICHIGO-CHAN ก็ถ่ายแล้วเหมือนกัน

「ศูนย์การท่องเที่ยวโจเรนโนะทากิ」เป็นที่ที่ควรมาเลย เพราะที่นี่มีข้าวหน้าวาซาบิของขึ้นชื่อของที่นี่อยู่ด้วย

ตอนนี้เที่ยงพอดี ศูนย์การท่องเที่ยวโจเรนโนะทากิเลยคนเยอะมาก แทบจะไม่มีที่นั่งเลย

20% เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งในนั้นก็มีคนไทยอยู่เหมือนกัน

เมนูแนะนำมีอยู่ 3 เมนู

「ราเม็งหมูป่า」(1100 เยน)

「เซตข้าวหน้าเท็มปุระ+อุดง / โซบะ / อุงดงเย็น」(1200 เยน)

และ

「เซตข้าวหน้าวาซาบิสด+อุดง / โซบะ / อุงดงเย็น」(1000 เยน)

อยากจะแนะนำให้มาลองข้าวหน้าวาซาบิสดกันนะ เป็นเมนูที่หาทานไม่ได้ง่ายๆเลย

ออเดอร์ไปแปปเดียวอาหารก็มาเสิร์ฟพร้อมกับ ข้าวที่โรยด้วยแผ่นปลาคาสึโอะ อุงดงร้อนๆ ผัก แล้วก็วาซาบิสดๆ

เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นวาซาบิใหญ่ขนาดนี้

ขูดวาซาบิสดกับ「SURIKIN」ที่เขาเตรียมมาให้ และวางวาซาบิที่ขูดไว้บนข้าวและแผ่นปลาคาสึโอะ

ทานพร้อมกับผักดองและโชยุได้เลย

แล้วมันก็จะขึ้นจูมกกก จนน้ำตาไหลเลย

คำแรกที่ทานเข้าไปอาจจะรู้สึกว่าไม่ไหวกินไม่ได้ แต่ถ้ากินไปเรื่อยๆ แล้วจะติดใจจนหยุดไม่ได้เลยล่ะ

ถ้าวาซาบิไม่พอก็เติมได้

มุมนึงของร้านอาหารจะมีมุมให้เติม วาซาบิ 「หอยต้มซีอิ๊ว」「เศษแป้งเท็มปุระ」เตรียมไว้อยู่ เราสามารถเพิ่มท๊อปปิ้งได้ตามต้องการเลย

ที่ที่จะได้กินวาซาบิสดๆแบบนี้แถมยังเติมได้อีก ที่ญี่ปุ่นก็มีไม่กี่ที่ด้วยนะแบบนี้ ไหนๆก็มาแล้วอยากให้ลิ้มลองวาซาบิไปให้เต็มที่เลย

ราคาก็ 1000 เยนพอดี

เป็นราคาที่กำลังดีเลย ได้กินทั้งข้าวหน้าวาซาบิสดๆ แล้วในเซตยังมีอุดงด้วย คุ้มมากๆ

ลูกค้าที่ทานข้าวที่「ศูนย์การท่องเที่ยวโจเรนโนะทากิ」สามารถฝากของได้ฟรี

ฝากของชิ้นใหญ่ๆแล้วไปที่「 โจเรนโนะทากิ」กันเลย

จากศูนย์การท่องเที่ยวไปที่น้ำตกต้องลงบันไดไปประมาณ 200 ขั้น เวลารวมทั้งไปและกลับจะประมาณ 20-30 นาที ถ้าจะไปที่นี่ก็อยากจะให้เผื่อเวลาเอาไว้ด้วยนะ

บันไดที่จะไปโจเรนโนะทากิ จะอยู่ข้างๆ ศูนย์การท่องเที่ยวโจเรนโนะทากิเลย เมื่อลงบันไดไปก็จะเจอทางสามแยก ให้ไปทางขวา

ทางที่ลงไปก็จะมีต้นไม้หนาทึบ

ลมเย็นที่ต้นไม้ปล่อยออกมาทำให้อากาศที่นี่เย็น และได้ยินเสียงนกร้องด้วย

เป็นสภาพแวดล้อมที่ดีมากๆอากาศก็ดีมากๆ

ที่หน้าน้ำตกจะมีสถานที่ตกปลาอยู่ด้วย เราสามารถตกปลา 「MASU」「เทราต์」ได้จากแม่น้ำที่สวยงามแห่งนี้

1 ชั่วโมงจะอยู่ที่ 1625 เยน เราสามารถยืมเบ็ดตกปลาได้ด้วย สำหรับใครที่ชอบตกปลาก็อยากแนะนำให้มาตกปลาในแม่น้ำที่ใสสะอาดของญี่ปุ่นแบบนี้

แล้วที่นี่เราสามารถทานปลาอายุเสียบไม้ย่างได้ด้วย ราคาจะอยู่ที่ไม้ละ 450 เยน

เดินจากศูนย์การท่องเที่ยวมาประมาณ 10 นาที ก็มาถึงที่ 「โจเรนโนะทากิ」

น้ำตกมีความสูงถึง 25 เมตรและกว้าง 7 เมตร

ถ้าเทียบกันแล้ว น้ำตกเอราวัณ หรือเขาใหญ่จะมีขนาดใหญ่กว่ามากๆ แต่น้ำใสๆและลมเย็นที่ปล่อยออกมาจากละอองน้ำตก มันทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากๆ และอากาศที่เย็นสบาย เป็นความรู้สึกที่หาไม่ได้จากที่ไทยเลย

น้ำตกก็ดี แต่ที่ๆเราตื่นเต้นมากกว่าก็คือทุ่ง「วาซาบิ」ที่ใช้น้ำใสๆจากน้ำตกในการเพาะปลูก

ใบเขียวๆของวาซาบิอัดแน่นเต็มแม่น้ำไปหมด

ที่ข้างๆทุ่งวาซาบิจะมีวาซาบิสดจำหน่ายอยู่ด้วย

แต่ละอันมันก็คือวาซาบิทั้งหมดแต่คุณภาพและชนิดจะต่างกัน ซึ่ง「MARUIWA NO.7」「มารุอิวะNO.7」

เป็นวาซาบิอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นเลย 1 อัน 1400 เยน!!

ส่วนวาซาบิธรรมดาราคาก็จะขึ้นอยู่กับขนาดของวาซาบิราคา 1 อัน 700 เยนถึง 850 เยน

เราสามารถเก็บวาซาบิแบบไม่แช่ตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วัน และถ้าเอากลับไปแช่ตู้เย็นก็จะอยู่ได้เดือนนึงรสชาติก็ยังเหมือนเดิม

ซื้อไปเป็นของฝากก็ยังได้เลย ICHIGO-CHAN ซื้อไปตั้ง 3 แท่ง

และสิ่งที่คนไทยนิยมอีกอย่างนึงก็คือ 「ซอฟต์ครีมวาซาบิ」(300 เยน)

ซอฟต์ครีมกับวาซาบิ รสชาติมันจะเข้ากันได้เหรอ ?

ซอฟต์ครีมวานิลาผสมกับวาซาบิขูด 「ซอฟต์ครีมวาซาบิ」

คำแรกจะได้ความหวานของซอฟต์ครีมวานิลาและหลังจากนั้นกลิ่นความเผ็ดของวาซาบิก็จะค่อยๆขึ้นมาที่จมูก

เป็นซอฟต์ครีมที่หวานแต่ก็เผ็ด ยิ่งกินก็ยิ่งหยุดไม่ได้

น้ำตกสวยๆ ทุ่งวาซาบิ และซอฟต์ครีมวาซาบิ

ออกจาก「โจเรนโนะทากิ」ที่รวมสิ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยชื่นชอบไว้มากมาย

แล้วก็ขึ้นบันไดประมาณ 200 ขั้นเพื่อไปที่「ศูนย์การท่องเที่ยวโจเรนโนะทากิ」200 ขั้นอาจจะดูเยอะแต่ความรู้สึกเหมือนได้เดินเล่นในบรรยากาศดีๆ อากาศก็ดีแบบนี้ แปปเดียวก็ถึง

ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 15 นาที

ICHIGO-CHAN ได้เที่ยวเต็มที่กับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ของอิซุ「Resort21 Kinme」・「ชิโมดะ」・「คาวาซุซากุระ」และ「น้ำตกโจเรน」แล้ว

ก็ถึงเวลาจะต้องกลับโตเกียวแล้ว

ขึ้นรถบัสที่ป้ายหน้า「ศูนย์การท่องเที่ยวโจเรนโนะทากิ」(เหมือนขามา)

หลังจากที่นั่งบัสออกมาจาก SHUZENJI STATION แล้วก็ให้นั่ง รถด่วนพิเศษ ODORIKO ในเส้นทางจากน้ำตกโจเรนไปโตเกียว

รถบัสจากน้ำตกโจเรนไป SHUZENJI STATION จะมีอยู่ 22 เที่ยวต่อวัน ราคา 690 เยน

นั่งบัสประมาณ 35 นาทีเพื่อไป SHUZENJI STATION

นั่งรถไฟจาก SHUZENJI STATION ไปสถานีที่มีชินคันเซนอย่าง MISHIMA STATION โดยนั่งรถไฟ 「IZUHAKONE TETSUDOU」วิ่งชั่วโมงละ 3-4 เที่ยว

นอกจากนี้  SHUZENJI STATION ไปโตเกียว มีรถไฟวิ่งตรงด่วนพิเศษ(CHOKUTSUU TOKKYUU) ชื่อ 「ODORIKO-GO 」ด้วยวิ่งวันธรรมดาวันละ 2 เที่ยว วันเสาร์วันละ 3 เที่ยว ส่วนวันอาทิตย์และวันหยุดวิ่งวันละ 4 เที่ยว

「ODORIKO-GO 」เป็นรถไฟสีขาวและมีแถบสีเขียว

ที่หัวขบวนจะมีรูป 「ODORIKO(ไมโกะ) 」อยู่ด้วย

ภายใน ODORIKO-GO จะมีที่นั่งแบบ Reclining Seat อยู่ข้างละสองแถว

จาก SHUZENJI STATION ไปโตเกียวแนะนำให้นั่งทางฝั่งขวา เพราะเราจะสามารถชมวิวทะเลได้ ระหว่างทางจาก อาตามิ ถึงโอดาวาระ

รถไฟใช้เวลา 2 ชั่วโมง 10 นาทีก็มาถึงสถานีโตเกียว

ที่พักในคืนนี้จะอยู่ที่ TOKYO ASAKUSA 『HOTEL KEIHAN ASAKUSA』

จากสถานีโตเกียวจะมีเส้นทางดังนี้

  • นั่ง YAMANOTE Line เพื่อไป KANDA STATION
  • เปลี่ยนเป็นรถไฟใต้ดิน GINZA ที่ KANDA STATION เพื่อไป ASAKUSA STATION

ODORIKO-GO ก็จะมาจอดที่ชานชาลา TOKAIDO Line ที่สถานีโตเกียว

จากชานชาลาให้ลงบันไดเลื่อนหรือบันได เพื่อไปที่ชานชาลาเบอร์ 4

ให้ขึ้น YAMANOTE Line ที่ชานชาลาเบอร์ 4 และนั่งไป 1 สถานี เพื่อไปสถานีคันดะ

พอถึงสถานีคันดะ ก็ลงบันไดเลื่อนหรือบันได และผ่านช่องตรวจตั๋วทางเหนือ 「KITA KAISATSU GUCHI」

เมื่อออกมาจากช่องตรวจตั๋วให้ไปทางซ้าย

และลงบันไดตามรูปที่ 4 เพื่อไปรถไฟใต้ดินคันดะเส้น GINZA

สามารถซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ

ก่อนอื่นก็เช็คราคาตั๋วจากบอร์ดด้านบนตู้ตรวจตั๋วก่อน

จากที่นี่ไป ASAKUSA ราคา 170 เยน

จากนั้นกด English และกดปุ่ม Ticket

กด 170 เยนตามราคาที่เช็คเมื่อซักครู่ จากนั้นใส่เงินเข้าไปเท่านี้ก็ซื้อได้แล้ว

ผ่านช่องตรวจตั๋วมาแล้ว เมื่อลงมาที่ชานชาลาแล้วให้นั่งรถไฟใต้ดินสีเหลืองที่จะมาจอดที่เส้นฝั่งเบอร์ 2

นั่งไปสถานี ASAKUSA ไป 6 สถานี ใช้เวลา 11 นาที

สถานี ASAKUSA เป็นสถานีสุดสายของเส้นกินซ่าเพราะฉะนั้นไม่นั่งเลยสถานีแน่นอน

เมื่อถึง สถานี ASAKUSA ขึ้นบันไดจากชานชาลาเพื่อไปที่ช่องตรวจตั๋ว

และสิ่งที่อยู่ตรงช่องตรวจตั๋วทางออกก็คือ・・・・

https://ichigojapan.jp/roundthechi/izu_tokyo_day1-3

Pepper คุง ที่เราเคยเจอก่อนหน้านี้ตอนไป TOKINOSUMIKA แต่ตัวนี้มีหูด้วย รอบตาก็เป็นสีดำ คิ้วก็ตกเหมือนกำลังกลุ้มใจอยู่เลยตลกดี

Pepper คุงตัวนี้เป็น「Panda Pepper คุง」จากแพนด้าที่อยู่ที่สวนสัตว์อูเอโนะ ในโตเกียวนั่นเอง

ถึงแม้ว่าจะมีเฉพาะช่วงถึงแค่วันที่ 10 เมษายน แต่เขาจะช่วยแนะนำวิธีการไป KAMINARIMON, HANAYASHIKI, สถานีโทะเออาซากุสะ หรือสถานีโทบุอาซากุสะ ให้ด้วย

Pepper คุงพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมากด้วย ตอนนี้พูดได้แค่ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษและภาษาจีนเท่านั้น

อยากให้ฝึกภาษาไทยบ้างจัง 555

ที่พักในคืนนี้ของ ICHIGO-CHAN คือ 『HOTEL KEIHAN ASAKUSA』 สามารถเดินจาก สถานีอาซากุสะสายกินซ่าหรือ สถานีโทะเออาซากุสะ ที่มีรถไฟที่มาจากสนามบินฮาเนะดะหรือนาริตะผ่านด้วย ได้ประมาณ 10 นาที

จากสถานีที่เชื่อม สถานีอากิฮาบาระถึงซึกุบะจังหวัดอิบารางิอย่าง 「TSUKUBA EXPRESS」เดินไปแค่ 2 นาทีเองใกล้มาก

ถึงจะพูดว่าเดินเท้า 10 นาที แต่ทางที่จะไปโรงแรมเป็นทางที่สว่างและคึกครื้น

ก่อนอื่นให้ขึ้นบันไดประตูทางออก 2  เมื่อขึ้นมาแล้วก็เดินไปตามทาง

ด้านขวามือจะมี KAMINARIMON ที่ใครๆก็รู้จัก ใน KAMINARIMON จะมี「ร้านขายของฝากของทางเข้าวัด」ของวัด「เซ็นโซจิ」เมื่อเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับวัดเซ็นโซจิที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันอย่างคับคั่ง

ในครั้งนี้ให้เดินไปเรื่อยๆ โดย KAMINARIMON จะอยู่ทางขวามือ และเดินตรงไปประมาณ 300 เมตร

เมื่อเดินผ่าน KAMINARIMON มาก็จะเป็นทางเดินที่มีหลังคา

ทางฝั่งขวามือจะมีร้านที่คนไทยรู้จักกันดีอย่าง 「SUSHI ZANMAI」, ร้านอุนางิ ข้าวหน้าปลาไหล「KAWAMATSU」ที่มีมานานกว่า 150 ปี และร้านอาหารอร่อยๆอีกมากมาย น่าเข้าทุกร้านเลย

มองดูร้านไปเพลินๆ(ประมาณ 300 เมตร)ก็จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวไปทางขวา และไปเรื่อยๆ

เมื่อเลี้ยวสามแยกมาทางขวาแล้วที่อยู่ตรงหน้าด้านซ้ายมือคือ ASAKUSA VIEW HOTEL สถานที่บริการรถบัสจากสนามบินฮาเนะดะอยู่

มีบัสที่ไปสนามบินนาริตะวันละ 2 เที่ยว(2800 เยน)、ไปสนามบินฮาเนะดะวันละ 8 เที่ยว(930 เยน)สำหรับผู้ที่พัก HOTEL KEIHAN ASAKUSA ก็สามารถใช้บริการได้เช่นกัน

 และที่อยู่ตรงข้ามถนนอีกฝั่งนึงก็คือ 『HOTEL KEIHAN ASAKUSA』

ตั้งอยู่ในที่ที่เข้าถึงง่าย จากสนามบินมาก็สะดวกสบาย

เดินจากสถานีประมาณ 10 นาที จาก KAMINARIMON ประมาณ 7-8 นาที ก็มาถึง「HOTEL KEIHAN ASAKUSA」

ทางเข้าโรงแรมดูใหม่และมีสไตล์มากๆ

บริเวณใกล้ๆ โรงแรมจะมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย เช่น 「วัดเซนโซจิ」「ร้านขายของฝากหน้าวัด」หรือ「HANAYASHIKI」ส่วนด้านหลังก็มี「ดองกิโฮเตะ」และร้านอาหารต่างๆ มากมาย

ในครั้งต่อไปเราจะมาแนะนำ 「HOTEL KEIHAN ASAKUSA」กัน รอติดตามกันด้วยน้า ♪

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶