Day1-3 โรงแรมที่เป็นมากกว่าที่พัก「GOTEMBA KOUGEN HOTEL TOKINOSUMIKA」
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ทานอาหารมื้อแรกที่ร้านที่ได้รับความนิยมในหมู่คนไทยและคนทั่วไป กับร้าน 「ซาโตะโนะอุดง」「SATO NO UDON」กับเมนูขึ้นชื่อ ข้าวหน้าหมูบาระ「BARA DON」และข้าวหน้าปลาชิราสุ「SHIRASU DON」นอกจากนี้ก็ยังได้ไปเยี่ยมชม พระพุทธรูปคามาคุระ「KAMAKURA DAIBUTSU」ที่นั่นมีต้นสนที่พระมหากษัตริย์ไทยได้ทรงปลูกเอาไว้ด้วย
และก็ได้ชมวิวของอ่าวซะงะมิที่กว้างใหญ่จากหน้าต่างรถไฟ เพื่อไปที่สถานีมิชิมะและนั่งรถบัสฟรีไป 「GOTEMBA KOGEN HOTEL TOKINOSUMIKA」
ที่พักของวันนี้ 「GOTEMBA KOGEN HOTEL TOKINOSUMIKA」โรงแรมโกเท็มบะ โคเก็น โทคิโนะซุมิกะ นั้นเป็นเหมือนแหล่งรวมสิ่งบันเทิงไว้มากมาย เป็นมากกว่าที่พักซะอีก
ไม่ว่าจะเป็น ช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงปลายเดือนมีนาคมที่มีการเปิดไฟประดับในตอนกลางคืน, กิจกรรมเก็บผลไม้ หรือการเล่น Segway เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นที่พักที่เป็นแหล่งชุมนุมสังสรรค์แบบที่คนไทยนิยมเลย
ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำ โรงแรมโทคิโนะซุมิกะ ให้ทุกคนได้รู้จักกัน
นั่งบัสที่ประตูตะวันตกของสถานีมิชิมะ และนั่งรถบัสไป 35 นาทีเพื่อไปที่ 『GOTEMBA KOGEN HOTEL TOKINOSUMIKA』
มีไฟประดับระยิบระยับสวยงามต้อนรับเราที่หน้าโรงแรมด้วย
ภายในโรงแรมก็ดูดี มีดอกโบตั๋นประดับอยู่อย่างสวยงามที่ฟร้อนท์ของโรงแรม
ลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนไทยหรือไต้หวัน
ทั้งที่โรงแรมนี้เป็นที่ๆเข้าถึงยากและอยู่ห่างจากสถานีแต่ทำไมนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงนิยมมาใช้บริการนะ โรงแรมมีเคล็ดลับอะไรอยากรู้จัง ?
ตอนที่กำลังจะเดินไปที่ฟร้อนท์ก็มีหุ่นยนต์มาคุยด้วย
ชื่อของเค้าคือ 「เปปเปอร์คุง」
เราจะเจอเค้าได้ที่ห้าง ร้านเล็กๆทั่วไป โรงพยาบาล และแน่นอนว่าที่สนามบินหรือสถานีรถไฟด้วย
เมื่อกี้หุ่นยนต์แนะนำด้วยว่ามีอีเว้นท์ 「เก็บสตอเบอรี่」สำหรับคนที่มาพักด้วย
การเช็คอิน ก็แค่โชว์หนังสือเดินทางเท่านั้น
นอกจากกุญแจแล้ว(ในกรณีที่รวมอาหารเช้า)ก็จะมีคูปองอาหารเช้ามาให้ด้วย อย่าทำหายกันน้า
ไม่น่าเชื่อ ที่นี่มีโรงเบียขนาดเล็กอยู่ด้วย เป็นเบียที่ใช้ข้าวแบรนด์ญี่ปุ่นที่ชื่อว่า KOSHIHIKARI หรือ โคชิฮิคาริ และเราจะได้เบีย「GOTEMBA KOSHIHIKARI LAGER BEER」นั้นเป็นของขวัญกลับไปด้วย
ที่ญี่ปุ่นจะมีเบีย 「เบียท้องถิ่น」ตามพื้นที่ต่างๆเพื่อเป็นสินค้าในท้องถิ่น ซึ่งเบียเหล่านี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวด้วย
ICHIGO-CHAN เอาไปฝากพ่อดีว่า พ่อชอบกินเบียมากกก
ห้องสำหรับคนเดียวก็จะเป็นห้อง Single Room แบบทั่วๆไป
ถึงแม้ว่าจะเป็นโรงแรมแบบรีสอร์ทที่มีออนเซ็นด้วย แต่คนที่มาทำงานนอกสถานที่ที่โรงงานโตโยต้าที่อยู่ใกล้ๆนี้ก็นิยมมาใช้บริการเหมือนกัน
ที่นี่มีห้องพักแบบ Lodge Type และอีกหลายๆแบบ ห้องพักที่สามารถรองรับแขกได้ตั้งแต่คนเดียว ถึง 10 คนแบบเป็นกลุ่มเลยก็มี
http://gotembakogenresort.com/category/accommodations/
ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีห้องอาบน้ำแบบออนเซ็นขนาดใหญ่อยู่ด้วย แต่สำหรับคนที่ไม่สะดวกที่จะอาบน้ำพร้อมกับคนอื่นก็ไม่ต้องห่วง โรงแรมมีอ่างน้ำส่วนตัวในห้องด้วย
แชมพูต่างๆก็ใช้ของ 「SHISEIDO」เลย
เก็บของไว้ที่ห้องพักเสร็จก็ออกมาสำรวจโรงแรมซักหน่อย
ที่ตรงข้ามโรงแรมมีต้นสนประดับไฟสวยงามอยู่
มีคนบอกมาว่าอายุของต้นสนคู่นี้อายุมากว่า 120 ปี!!
พอผ่านต้นสนคู่นี้แล้วข้ามสะพานไป………
ก็เจอตึกที่เหมือนเป็นที่พักของคนมองโกเลีย และกำลังจัดงานอีเว้นท์อะไรก็ไม่รู้อยู่ด้วย
ลองเข้าไปดูดีกว่า
ข้างในมีกิจกรรมเยอะแยะเลยทั้ง 「ยิงปืน」(1 ครั้ง 300 เยน)ซุ้มชิมอาหารขึ้นชื่อของโกเท็มบะอย่าง 「โกเท็มบะยากิโซบะ」(500 เยน)
และร้าน 「ราเม็ง」(600 เยน)
และได้กลิ่นหอมๆคุ้นๆ…………….
มีไก่ปิ้งที่ใช้น้ำจิ้มเผ็ดหวานแบบไทยด้วย (1 ไม้ 100 เยน)!!!!!!
ไหนๆก็ไหนๆขอลองซัก 1 ไม้ คนขายเป็นคนไทยด้วย
เป็นคู่สามีภรรยา ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น และคุณแม่เป็นคนไทย
ร้านของคุณลุงคุณป้ามีลูกค้าเยอะเลย
เงินที่ขายได้จากร้านนี้ก็จะเอาไปส่งลูกเรียนที่「มหาวิทยาลัยโอซาก้าด้วย」สู้ๆนะคะ
แล้วคุณลุงคุณป้าก็เลี้ยงไก่ปิ้งอีกตั้ง 2 ไม้ ทั้งไก่ย่างที่เป็นของไทย กับไก่ปิ้งแบบญี่ปุ่นมันอร่อยทั้งคู่เลย เข้าใจเลยว่าทำไมร้านนี้ถึงมีลูกค้าเยอะ
คุณแม่มีข้อความเล็กน้อยให้ทุกคนๆด้วยน้า
หลังจากที่อิ่มอกอิ่มใจกับร้านไก่ปิ้งแล้วก็ออกมาจากเต้นท์ และ ICHIGO-CHAN ก็ได้เดินในอุโมงค์ไฟ LED เต็มไปหมด
มันสวยๆมากซะจนอยากถ่ายรูปเยอะแยะเลย
พอเข้าไปเรื่อยๆก็จะเข้าไปถึงโซนที่เหมือนอยู่ในเทพนิยาย
ที่นี่สามารถเข้าชมได้ฟรี ไม่เฉพาะแขกที่พักที่นี่ แต่คนทั่วไปก็สามารถเข้ามาเที่ยวชมได้
เสาร์อาทิตย์คงมีคู่รักมาเที่ยวกันเยอะน่าดูเลย
ระหว่างที่คุยกับคุณแม่เวลาก็ผ่านไปเร็วมาก
ร้านอาหารในนี้ก็ใกล้จะถึงเวลางดสั่งอาหารแล้ว
ภายใน『TOKINOSUMIKA』จะมีทั้งร้านอาหารแบบบุฟเฟต์หรือโอโคโนมิยากิ(พิซซ่าญี่ปุ่น)ก็มี
ในครั้งนี้ ICHIGO-CHAN เลือกทานที่ร้านคากุระซูชิ『KAGURA SUSHI』ที่อยู่ชั้น 8F
เมนูมี 2 อย่างคือ Jyou(2900 เยน)กับ Tokujyou(3600 เยน)
สองเมนูนี้จะต่างกันตรงที่ Tokujyou จะมีซูชิมากกว่า 2 ชิ้นและชนิดของของหวานที่ไม่เหมือนกัน
เมื่อกี้เพิ่งได้ไก่ปิ้งฟรีมาจากคุณแม่ ที่นี่ก็กินแบบ 10 ชิ้นคือเมนู Jyou(2900 เยน)ละกัน
ภายในร้านจะมีทั้งที่นั่งแบบเคาเตอร์ และที่นั่งแบบโต๊ะ สำหรับนักท่องเที่ยวแนะนำให้นั่งเป็นแบบเคาเตอร์นะ
นั่งแบบเคาเตอร์มันจะได้บรรยากาศมากกว่า แถมเรายังจะเห็นเซฟปั้นซูชิให้แบบใกล้มากๆด้วย วาซาบิก็เป็นวาซาบิแท้ที่ขูดวาซาบิสดๆเลย
จะหาดูแบบนี้ที่ไทยคงยาก
รอประมาณ 10 นาที เมนู Jyou ก็มาเสิร์ฟ !
TEKKA เท็กกะ IKURA อิคุระ MAGURO มากุโระ และในอีกจานมี CHUUTORO ชูโทโระ และ EBI กุ้ง น่าทานทั้งนั้นเลย แค่นึกไปด้วยเขียนไปด้วยก็ยังน้ำลายไหลเลย
เซฟแนะนำวิธีทานซูชิให้อร่อยมาด้วย
ปกติเราก็คงจิ้มซูชิไปเต็มที่เลย แต่ความจริงแล้ววิธีที่จะทานซูชิให้อร่อยคือ เราต้องเอียงซูชิแล้วจิ้มโชยุเฉพาะหน้ามัน (ไม่จิ้มข้าวลงไปในโชยุ)ถึงจะทำให้เราลิ้มรสชาติที่แท้จริงได้นั่นเอง
ยังไงเวลาไปทานซูชิที่ไทยก็ลองเอาไปทำดูน้า
ปลามากุโระกับชูโทโระที่คนไทยชอบก็มีหอมมัน แบบไม่เลี่ยนด้วย อร่อยมากๆ
ที่ใกล้ๆกับโกเท็มบะ จะมีท่าเรือที่เรียกว่า มุมะซุ อยู่ด้วย ที่ท่าเรือนี้เป็นศูนย์รวมปลาสดใหม่มากมาย ทำให้เราสามารถรับประทานปลาที่สดใหม่และราคาไม่แพงได้
เซฟที่หน้าตาดูดุๆ ความจริงแล้วเป็นคุณลุงที่ใจดีมากๆ
ขอบคุณสำหรับซูชิอร่อยๆนะคะ ซูชิอร่อยมากค่ะคุณลุง
หลังจากได้ทานซูชิแล้วก็ไปอาบน้ำผ่อนคลายความเหนื่อยที่อ่างอาบน้ำส้มยูสุกันซะหน่อย อยู่ที่ชั้น 2F
ตั้งแต่เช้า 6 โมงครึ่งที่ฮาเนดะจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไป 16 ชั่วโมงแล้ว
วันนี้ได้เที่ยวแบบเต็มอิ่ม ได้เจอคนมากมาย ทั้ง พี่ชายร้านรถลาก พนักงานร้านซาโตะโนะอุดง คุณลุงคุณป้าร้านไก่ปิ้ง และก็เซฟซูชิ คิดถึงทริปที่ผ่านมาไปเพลินๆ รู้ตัวอีกทีก็แช่น้ำไปซะนานเลย
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เที่ยวชมทั่ว TOKINOSUMIKA แล้วก็กลับมาที่ห้องพัก
วันนี้ขอตัวไปนอนก่อนนะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปเก็บสตอเบอรี่กันตามที่「เปปเปอร์คุง」แนะนำมาตอนเช็คอิน
ไปนอนแล้วค่ะ ฝันดีน้า