Day1-2 ทานอาหารกลางวันมื้อแรกที่ 「SATO NO UDON」และเที่ยวชมพระพุทธรูปคามาคุระ「KAMAKURA DAIBUTSU」


Day1-2 ทานอาหารกลางวันมื้อแรกที่ 「SATO NO UDON」และเที่ยวชมพระพุทธรูปคามาคุระ「KAMAKURA DAIBUTSU」

จากฮาเนดะ ICHIGO-CHAN ก็จะไปที่คามาคุระ

ได้ไปย่านร้านค้าที่นักท่องเที่ยวนิยมไปอย่าง「KOMACHI DORI」และสถานที่สำคัญของคามาคุระอย่าง「ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮะจิมัง」

「TSURUGAOKA HACHIMANGU」

ICHIGO-CHAN เดินเที่ยวตั้งแต่เช้าแล้ว

และมื้อแรกของทริปนี้ก็คือร้าน「ซาโตะโนะอุดง」「SATO NO UDON」ข้างๆ ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮะจิมัง เป็นร้านที่มีสาขาอยู่ที่ Terminal 21 กับเอ็มโพเรียมด้วย ครั้งนี้จะมาได้กินจากร้านต้นฉบับเลย

ที่พระพุทธรูปคามาคุระ「KAMAKURA DAIBUTSU」ที่นี่เราเจอ สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างไทยกับญี่ปุ่นด้วย จะเป็นอะไรไปดูกันเลย

เดินจากศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮะจิมังมาประมาณ 3 นาที และ ICHIGO-CHAN ก็มาถึงร้าน 「ซาโตะโนะอุดง」「SATO NO UDON」ที่นี่จะมีเมนูให้เลือกเยอะกว่าสาขาที่ไทยอีก

ร้านนี้ได้รับความนิยมทั้งสาขาในกรุงเทพ โดยเฉพาะสาขาคามาคุระที่ชาวต่างชาตินิยมมากๆ จนเคยได้อันดับ 26 กับร้านที่ชาวต่างชาตินิยมไปในประเทศญี่ปุ่น จากTrip Adviser ด้วย

เข้าไปในร้านกันเลย

เมนู「BARA DON」เมนูข้าวหน้าหมูราดด้วยซอสหวานหอม แน่นอนว่าเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ อุดง อยู่แล้ว ของขึ้นชื่อที่คามาคุระคือ ปลาชิราสุ มีเมนูที่ใช้ชิราสุอยู่มากมาย เช่น (ตัวอ่อนของปลาอิวาชิหรือปลาซาดีนยุโรปกับอิคานาโกะ ที่เพิ่งฟักไข่)「ชิราสุกับซุดะจิ โชยุอุดง」(788 เยน)หรือ ข้าวหน้าชิราสุ(630 เยน)ซึ่งจะเป็นเมนูที่ไม่มีที่ไทย

ที่นั่งภายในร้านจะมีที่นั่งอยู่เยอะทำให้สามารถเข้าไปนั่งในร้านได้เลย ถึงแม้ว่าชาวต่างชาติจะเยอะก็ตาม

ไม่ว่าจะเป็นป้ายอธิบายหรือเมนูอาหารก็มีภาษาอังกฤษเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย

ร้านให้การต้อนรับลูกค้าเป็นอย่างดีและพนักงานก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อีกด้วย

ICHIGO-CHAN สั่งเมนูขึ้นชื่อของร้าน ซาโตโนะอุดงกับเมนู 「BARADON」ข้าวหน้าหมู และ ของขึ้นชื่อของคามาคุระอย่างเมนู「ชิราสุกับซุดะจิ โชยุอุดง」เป็นเซตที่มาด้วยกันในเมนู 「HANBARADON SET SHIRASU TO SUDACHI UDON」(1120 เยน)ที่รวมของขึ้นชื่อมาไว้ด้วยกันถือว่าคุ้มมากๆเลย

ใส่มายองเนสลงไปในข้าวหน้าหมูแบบครึ่งจาน ส่วนในอุดงก็ราดซุปโชยุลงไปตามความชอบได้เลย

ซอสของที่นี่ก็จะเหมือนที่กรุงเทพเลย คือจะมีรสหวานๆปนกับรสชาติของโชยุ แต่ที่แตกต่างกันคือเนื้อหมู เนื้อหมูของที่นี่จะนุ่มอร่อยมากๆ

ส่วน「ชิราสุกับสุดะจิอุดง」รสชาติของน้ำซุปกับความนุ่มของเส้นอุดงมันดีมากจนกินหลายๆถ้วยยังได้เลย

และที่ดีมากๆเลยก็คือการดูแลต้อนรับของพนักงานที่นี่

ร้านอาหารในญี่ปุ่นที่พนักงานไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ก็มีอยู่ไม่น้อย แต่เนื่องจากที่ร้าน「ซาโตะโนะอุดง」จะมีลูกค้าชาวต่างชาตินิยมมาใช้บริการ พนักงานที่นี่จึงพยายามสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติ

สมกับเป็นร้านที่ได้อันดับ 26 จาก Trip Adviser ที่ชาวต่างชาติอยากไปมากที่สุด

ได้รูปคู่ใบที่สองของวันนี้มาด้วย

คนที่คาราคุรุเป็นกันเองมากๆจน ICHIGO-CHAN อยากย้ายมาอยู่ที่นี่เลย

หลังจากที่ได้ทานอาหารอร่อยๆแล้ว ก็ออกจากร้านไปทางขวามือ

และเดินไปซักพัก เดินไปเรื่อยๆใน「KOMACHI DORI」

เมื่อออกจากโทริอิที่อยู่ตรงทางเข้าย่านโคมาจิออกมาแล้วก็เลี้ยวไปทางซ้าย และเดินไปทางตึกคามาคุระ รถบัสที่จะออกจากป้ายรถเมย์หน้าสถานี 「HIGASHI GUCHI 6 BAN」「ประตูตะวันออก เบอร์ 6」จะเป็นบัสที่ไป「KAMAKURA DAIBUTSU」「พระพุทธรูปคามาคุระ」ทุกคันดังนั้นหายห่วงได้เลย

แล้วซักพักบัสที่จะไปพระพุทธรูปคามาคุระก็มาถึง

บัสจะวิ่งตั้งแต่ 6 โมงเข้า ถึงเวลา 5 ทุ่ม ซึ่งในช่วงเวลานั้นบัสจะวิ่งชั่วโมงละ 5 ถึง 7 เที่ยว เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาเลย แค่ไปยืนรอที่ป้ายรถเมย์เท่านั้นก็พอ

ประตูหลังของรถบัสจะเป็นทางขึ้น ส่วนด้านหน้าจะเป็นทางลง

ตอนลงจากรถก็สามารถจ่ายเงินโดยใส่เงินลงไปในกล่องตามรูปที่ 2 หรือถ้าตอนขึ้นใช้ IC CARD ก็สามารถแตะ IC CARD ลงไปที่ตัว IC เหมือนในรูปภาพได้เลย

นั่งบัสประมาณ 10 นาทีก็มาถึงป้าย 「DAIBUTSU MAE」ป้ายหน้าพระพุทธรูป

พอลงจากรถแล้วก็เดินกลับไปนิดนึง และข้ามถนนก็จะเป็นทางเข้า「KAMAKURA DAIBUTSU」「พระพุทธรูปคามาคุระ」

เดินเข้าประตู「KOUTOKUIN」「วัดโคโตกุ」เพื่อเข้าไปสู่ พระพุทธรูปคามาคุระ

พอเข้าประตูมาก็จะเจอที่ขายตั๋วเข้าชมอยู่ทางซ้ายมือ ค่าเข้าชมก็แค่ 200 เยน!ยังไม่ถึง 60 บาทเลยด้วยซ้ำ ดีจริงๆเลย

พอซื้อตัวแล้วก็เดินเข้าประตูทางด้านขวามือได้เลย

เดินเข้าไปเรื่อยๆก็จะเจอกับ พระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ มีความสูงกว่า 13 เมตรเลย

ว่ากันว่าถูกสร้างมานานกว่า 750 กว่าปีที่แล้ว เดิมทีพระพุทธรูปจะประดิษฐานอยู่ภายในตัวอาคาร แต่เนื่องจากตัวอาคารนั้นได้พังไป ทำให้ท่านต้องประดิษฐานอยู่ด้านนอกแบบนี้ และท่านก็คอยดูแลคุ้มครองคนที่มาสักการะอยู่ด้านนอกแบบนี้

ICHIGO-CHAN ต้องเดินไปสักการะท่านซักหน่อย

และที่น่าตกใจคือถ้าจ่ายค่าเข้า 20 เยน เราจะสามารถเข้าไปในตัวพระพุทธรูปได้

ได้เข้าเป็นครั้งแรกเลย น่าเสียดายที่ข้างในห้ามถ่ายรูป แต่ข้างในมันกว้างและสูง ไม่น่าเชื่อว่ามันสร้างมา 750 กว่าปีมาแล้วนะเนี่ย

สร้างโดยการหล่อทองสัมฤทธิ์ทับไปเรื่อยๆจนใหญ่ขึ้นๆ นั่นเอง

สำหรับคนไทยแล้ว ไฮไลท์ของ「KOUTOKUIN」「วัดโคโตกุ」นั้นไม่ได้มีเพียงพระพุทธรูปเท่านั้น

แต่ก็ยังมีต้นสนที่เป็นสัญลักษณ์มิตรภาพระหว่างไทยญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งต้นสนนี้เป็นต้นสนที่พระมหากษัตริย์ของไทยได้ปลูกเอาไว้ตอนที่ท่านเสร็จมาที่นี่

เริ่มจากองค์รัชกาลที่ 7 ได้เสร็จมาที่นี้และทรงปลูกต้นสนเอาไว้ในปี 1931 ซึ่งต้นสนนี้มีอายุกว่า 87 แล้วก็ยังคงแข็งแรงและทนต่อลมและหิมะ เพื่อเฝ้าดูแลผู้ที่มาสักการะที่นี่

น่าเสียดายที่ต้นสนที่รัชกาลที่ 6 ปลูกนั้นถูกแมลงทำลายจนแห้งเหี่ยวตายไป(ปลูกปี 1902)แต่ในปี 2010 พระเจ้าอยู่หัวองค์ก่อน องค์รัชกาลที่ 9 ได้ส่งต้นสนเพื่อมาทดแทนต้นที่ตายไป

ถึงแม้ว่าต้นนี้จะอายุเพียง 8 ปีแต่ก็มีคนไทยมากมายมาเยี่ยมชมต้นไม้ของ องค์รัชกาลที่ 9 ต้นนี้อยู่เป็นจำนวนมาก

และต้นนี้ก็คือต้นที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ กษัตริย์องค์ปัจจุบันทรงปลูกไว้ในปี 1987 「โอะเทะอุเอะมะชุ」รู้สึกขอบคุณคนญี่ปุ่นจริงๆที่ช่วยดูแลต้นสนที่พระมหากษัตริย์ของไทยทรงปลูกได้ดีขนาดนี้

ICHIGO-CHAN ที่ได้เยี่ยมชม「พระพุทธรูปคามาคุระ」สถานที่ที่คนไทยที่มาญี่ปุ่นทุกคนจะต้องรู้จัก และได้เห็นต้นไม้ที่พระมหาษัตริย์ได้ทรงปลูกแล้ว

ต่อไปเราก็จะไปที่โกเท็มบะ เพื่อไปที่พักของเราที่ 『GOTEMBA KOUGEN HOTEL TOKINOSUMIKA』หรือ

โกเท็มบะโคเก็นโฮเทลโทคิโนซูมิกะ

วิธีเดินทางมีดังนี้

  • ขึ้นเอโนะเด็น ENODEN ที่สถานีคามาคุระเพื่อไปยัง สถานีฟูจิซาวะ FUJISAWA

       ↓

  • จากสถานีฟูจิซาวะ นั่งไปอาตามิด้วย JR สายโทไกโด และเปลี่ยนรถไฟที่อาตะมิเป็น「ปลายทางฮามะมะสึ」เพื่อไปมิชิมะ

       ↓

  • จากสถานีมิชิมะก็นั่งรสบัสฟรีเพื่อไปที่โรงแรม

วิธีไปก็ตามวิธีด้านบนนี้ แต่ก่อนอื่นเลยเราจะต้องนั่งบัสฟรีไปที่สถานีคามาคุระก่อน

โดยนั่งจากป้ายรถบัสที่อยู่หน้าพระพุทธรูปคามาคุระ

เหมือนขามาเลยก็คือ บัสจะวิ่งตั้งแต่ 6 โมงเข้า ถึงเวลา 5 ทุ่ม ซึ่งในช่วงเวลานั้นบัสจะวิ่งชั่วโมงละ 5 ถึง 7 เที่ยว

ข้างๆ ป้ายรถบัสมีร้านขายของฝากด้วย จะแวะรอเวลาที่บัสมาก็ไม่เลวนะ

ที่ร้านขายของฝากก็จะมีสินค้าอยู่มากมาย「กระดิ่งลมวัด」(700เยน)กับเสียงกระดิ่งสบายๆ, ผ้าคาดหัว(300เยน)ที่เหมาะสำหรับนักคอสเพลย์ และดาบไม้หรือดาบจำลอง(5000 เยน -16000 เยน ※ อาจจะไม่สามารถนำเข้าไทยได้)

นั่งบัสมาประมาณ 10 นาที(ราคา 200 เยน)ก็มาถึงที่สถานีคามาคุระ

นั่ง 「เอโนะเด็น」จากสถานีคามาคุระเพื่อไปสถานีฟุจิซาวะ

พอถึงที่สถานีคามาคุระแล้วก็ไปซื้อตั๋วรถไฟ 「เอโนะเด็น」「ENO DEN」กัน

ประตูตะวันออกของสถานีคามาคุระที่อยู่ใกล้กับป้ายรถเมย์จะมีแค่ช่องตรวจตั๋วและตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติของเส้น JR เท่านั้น

เวลาซื้อตั๋วก็ให้เลือก 「Transfer Ticket」และเลือก「ENODEN」จากตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติของ JR

แล้วเลือกสถานีที่จะลงเป็นสถานี 「FUJISAWA」และก็ใส่เงินตามจำนวนเท่านี้ก็ซื้อได้แล้ว

 เมื่อซื้อตั๋วแล้วก็ผ่านช่องตรวจตั๋ว JR เข้ามาและผ่านช่องตรวจตั๋วสำหรับขึ้นเอโนะเด็น ENO DEN อีกรอบ

「เอโนะเด็น ENO DEN」จะวิ่งเรียบบ้านคนไปเรื่อยๆ ซักพักเราก็จะมองเห็นอ่าวซะงะมิที่กว้างใหญ่อยู่ด้านขวามือ

เอโนะเด็นเป็นรถไฟที่มีที่นั่งแบบแนวยาว หน้าต่างพิงหลัง(แบบเดียวกับ BTS)อาจจะทำให้ไม่สามารถมองวิวข้างนอกได้ แต่ถ้าโชคดีก็อาจจะเจอขบวนที่มีที่นั่งสลับแบบหันหน้าหันหลังก็ต้องเลือกที่นั่งด้านซ้ายเอาไว้

ออกจากสถานีคามาคุระมาเกือบ 30 นาที ก็มาถึงที่เอโนะเด็นสถานีฟุจิซาวะ มีมุมนาฬิกาดอกไม้น่ารักๆน่าถ่ายรูปอยู่ด้วย

พอออกจากช่องตรวจตั๋วของเอโนะเด็น แล้วก็เดินตรงไปเรื่อยๆ

ที่สถานีของเอโนะเด็นจะมี「ODAKYU DEPARTMENT STORE」อยู่ที่ชั้น 2 และที่ ชั้น 2 ของ สถานีของ JR มีสะพานเชื่อมกันอยู่ด้วย ข้ามสะพานนั้นไปและเดินไปเรื่อยๆก็จะถึงสถานีฟุจิซาวะ

จากฟุจิซาวะไปมิชิมะราคา1140เยน

ก่อนอื่นเลยก็เช็คราคาตั๋วจากบอร์ดเส้นทางที่อยู่ด้านบนตู้ขายตั๋ว จากนั้นก็ให้เลือก「English」ต่อไปก็เลือก「Ticket」และกดไปที่ปุ่ม

1140 และใส่เงินตามจำนวนในขั้นตอนสุดท้ายตั๋วก็จะออกมา

สำหรับคนที่มี IC CARD ก็ต้องซื้อตั๋วเช่นกัน

ระยะจากฟุจิซาวะไปสู่มิชิมะนั้น และในระหว่างทางเขตสถานีอิตะมิ จะมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทระหว่าง 「JR-HIGASHINIHON」กับ 「JR-TOKAI」อยู่ด้วย

ในกรณีที่มีการเปลี่ยนบริษัทแบบนี้จะไม่สามารถใช้ IC CARD ขึ้นรถไฟได้แต่จะเป็นการเก็บเงินปลายทางแทน

ให้ขึ้นรถไฟที่ชานชาลาเบอร์ 3 หรือเบอร์ 4 ด้วยรถไฟที่จะไป 「อาตามิ」หรือ「อิโต」ที่สถานีฟุจิซาวะ

และระหว่างทางเมื่อผ่านสถานีโอดะวะระก็จะเห็นอ่าวซะงะมิอยู่ทางขวามือ

มองวิวพระอาทิตย์กำลังจะตกดินของอ่าวซะงะมิเพลินๆ ก็มาถึงสถานีอาตามิแล้ว (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)

พอลงรถไฟที่สถานีอาตามิแล้ว ต่อไปก็ไปเปลี่ยนรถไฟเป็นเส้น โทไกโดที่ชานชาลาเบอร์ 2 หรือเบอร์ 3

ชานชาลาเหล่านี้จะมีรถไฟที่ไป 「ITO」หรือ「IZUKYU SHIMODA STATION」เข้ามาในชานชาลานี้ด้วยเพราะฉะนั้นต้องระวังด้วย อย่าเผลอไปนั่งผิดล่ะ จำไว้ว่าต้องนั่งรถไฟที่จะไป 「MISHIMA」「SHIZUOKA」เท่านั้นน้า

จากอาตามิไปมิชิมะจะมีอุโมงค์ TANNA ยาว 7.8 กิโลเมตร รถไฟจะผ่านอุโมงค์นี้ไปแล้วก็มาถึงสถานีมิชิมะใช้เวลาเพียง 14 นาที

เมื่อถึงสถานีมิชิมะให้ออกจากประตูตะวันตก 「KITAGUCHI」

ป้ายรถบัสที่ประตูตะวันตกจะเป็นป้ายเบอร์ 1 วิ่งตั้งแต่ 10 โมงจนถึง 1 ทุ่ม ทั้งหมด 9 เที่ยว

นอกจากรอบบ่ายโมงแล้วทุกๆ ชั่วโมงที่นาทีที่ 5 จะมีรถบัสฟรีที่จะมุ่งสู่ที่พักของเราในคืนนี้『GOTEMBA KOUGEN HOTEL TOKINOSUMIKA』ด้วย

『GOTEMBA KOGEN HOTEL TOKINOSUMIKA』ที่กำลังจะไปตอนนี้

ที่นั่นไม่ได้มีเฉพาะที่พักเท่านั้นแต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมอยู่อีกมากมาย เช่น ร้านอาหาร หรือไฟประดับสวยๆในตอนกลางคืน

ในครั้งต่อไปเราจะมาแนะนำ 『GOTEMBA KOGEN HOTEL TOKINOSUMIKA』นะ

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶