Day2-1 ทานอาหารเช้าที่ 「Sky Lounge」และสัมผัสประสบการณ์การเก็บสตอเบอรี่ญี่ปุ่นสดๆ จากต้นกันที่「สวนสตอเบอรี่」


Day2-1 ทานอาหารเช้าที่ 「Sky Lounge
และสัมผัสประสบการณ์การเก็บสตอเบอรี่ญี่ปุ่นสดๆ จากต้นกันที่「สวนสตอเบอรี่」

ICHIGO-CHAN ได้เต็มอิ่มกับไฟประดับตอนกลางคืน อีเว้นท์ ซูชชิอร่อยๆ และแช่ออนเซ็นแล้วที่「GOTEMBA KOGEN HOTEL TOKINOSUMIKA」โรงแรมโกเท็มบะ โคเก็น โทคิโนะซุมิกะ

Day1-3 โรงแรมที่เป็นมากกว่าที่พัก「GOTEMBA KOUGEN HOTEL TOKINOSUMIKA」

ในวันนี้จะไปทำกิจกรรมเก็บสตอเบอรี่ของโรงแรมที่「เปปเปอร์คุง」แนะนำตอนเช็คอินที่ฟร้อนเมื่อวาน

ในครั้งนี้เราจะไปทำกิจกรรม「เก็บสตอเบอรี่」คือสามารถเด็ดกินสตอเบอรี่สดๆจากต้นเลย ซึ่งใครๆก็รู้ดีว่าสเบอรี่ของญี่ปุ่นลูกใหญ่กว่าสตอเบอรี่ไทยอยู่แล้ว แล้วนอกจากนี้เราก็จะมาแนะนำการเดินทางไป อิซุ ชิโมดะ ด้วยรถไฟชมวิวด้วย

ICHIGO-CHAN นอนมาเต็มอิ่มเลยจากการเดินทางเมื่อวาน

ตื่นมาแบบสดชื่นมากๆ

วันนี้ท้องฟ้ามีเมฆครึ้มหน่อยๆ ความจริงเราจะเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิด้วยแต่วันนี้มีเมฆมากภูเขาไฟฟูจิเลยโดนบังไปหมดไม่เห็นอะไรเลย

แต่ก็ไม่เป็นไร ไปชารต์พลังวันนี้ด้วยข้าวเช้าดีกว่า

ความจริงแล้วถ้าโชคดีเราก็จะได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิจาก โทคิโนะซุมิกะชัดมากๆเลย

เมฆที่เห็นในรูปเรียกว่า 「KASAGUMO」แปลว่าร่มเมฆ ถ้าเมฆนี้ปรากฏขึ้นแสดงว่าฝนกำลังจะตกนั่นเอง

อาหารเช้าของวันนี้ทานที่ Sky Lounge ที่ชั้น 8F

ทานได้ตั้งแต่เวลา 6:45 ถึง 9:00 ยังไงก็อย่าหลับเพลินจนพลาดอาหารเช้ากันน้า

「Sky Lounge」นี้เราจะสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิจากหน้าต่างบานใหญ่นี้ด้วยแต่ต้องเป็นวันที่ฟ้าปลอดโปร่งนะ

ที่นี่จะมีที่นั่งอยู่หลายแบบเลย มีที่นั่งแบบเรียงยาวหันไปทางหน้าต่างเพื่อชมวิว หรือที่นั่งแบบโต๊ะก็มีเหมือนกัน

เป็นอาหารเช้าที่อลังการมาก

มีทั้งโซบะ มันบดทอด ปลาย่าง หรือต้มปลาบุริกับหัวไชเท้าแบบอาหารญี่ปุ่นก็มี………………….

แต่ก็ไม่ต้องห่วงสำหรับคนที่ไม่ชอบอาหารญี่ปุ่นที่นี่มี

ขนมปัง สลัด ผลไม้โยเกิร์ตด้วย

ถึงภูเขาไฟฟูจิจะถูกเมฆบังอยู่ แต่ก็เลือกมานั่งที่นั่งที่ติดหน้าต่างกับอาหารฟูลออฟชั่นแบบนี้

ICHIGO-CHAN กินอาหารเช้ามาจนอิ่มแล้ว ก็มาถึง「สวนสตอเบอรี่」ที่อยู่ใน 「โทคิโนะซุมิกะ」กันแล้ว

โทคิโนะซุมิกะจะมีกิจกรรม「การเก็บสตอเบอรี่」ได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคมเลย (ช่วงเวลาอาจจะขึ้นอยู่กับแต่ละปี)

สามารถทานได้ไม่อั้น 30 นาที ราคา 1400 เยน ถึง 2000 เยน(※ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา)ถ้าต้องการนำกลับบ้านด้วยก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 1200 เยน

คุณลุงสองคนที่ใส่เสื้อลายตารางสีแดงกับเอี๊ยม ท่าทางขี้เล่นจะเป็นคนอธิบายวิธีการเก็บสตอเบอรี่ให้

ความจริงแล้วสตอเบอรี่เป็นผลไม้ในฤดูใบไม้ผลิ แต่หากเลี้ยงไว้ใน 「เรือนเพาะชำไวนิล」แบบนี้ก็จะทำให้สตอเบอรี่โตเร็วขึ้นกว่าปกติ

เรือนเพาะชำไวนิลจะสามารถควบคุมอุณหภูมิภายในได้ แม้ข้างนอกจะมีอุณภูมิแค่ 2 องศาก็สามารถควบคุมให้อากาศภายในอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิได้

คุณลุงที่อยู่ตรงประชาสัมพันธ์สอนการเด็ดสตอเบอรี่ให้ด้วย แค่ใช้สองนิ้วจับไปที่ก้านที่อยู่ใกล้ผลสตอเบอรี่แล้วดึงเข้าหาตัวเองเท่านั้น

ถ้าดึงที่สตอเบอรี่โดยตรงอาจะทำให้ต้นมันเสีย และผลก็อาจจะแตกได้

คุณลุงใจดีที่ช่วยสอน ICHIGO-CHAN เด็ดสตอเบอรี่ฝากข้อความถึงทุกๆคนด้วย

เป็นครั้งแรกที่คุณลุงพูดภาษาไทยเลย คุณลุงก็พยายามทักทายทุกคนเป็นภาษาไทย

แน่นอนว่ากินสตอเบอรี่ไปเลยก็ต้องอร่อยอยู่แล้ว แต่จิ้มนมข้นก็อร่อยนะ

สามารถขอนมข้นตรงทางเข้าได้ ยังไงลองกินทั้งแบบใส่และไม่ใส่นมข้นดูน้า

ขนาดของสตอเบอรี่ก็จะประมาณนี้

ถ้าเทียบกับสตอเบอรี่ที่ไทยแล้วใหญ่กว่า 2-3 เท่าเลย

ที่ไทยก็จะจิ้มสตอเบอรี่เปรี้ยวๆกับน้ำตาล หรือพริกเกลือ แต่ที่ญี่ปุ่นแทบจะไม่ต้องจิ้มอะไรเลย

ที่ญี่ปุ่นจะมีสตอเบอรี่หลายพันธุ์

จังหวัดโทะชิงิ จะนิยมปลูก「โทจิโอโตเมะ」

จังหวัดฟูกูโอกะ นิยมปลูก「อามะโออุ」

จังหวัดคุมะโมโต้ นิยมปลูก「โทโยโนกะ」

และ

จังหวัดชิซูโอกะ นิยมปลูก「เบนิฮปเปะ」

ซึ่งพันธุ์ที่สวนที่นี่ปลูกก็คือ「เบนิฮปเปะ」ที่จะมีผลใหญ่และภายในผลเป็นสีแดงด้วย

กิจกรรมเก็บสตอเบอรี่ได้รับความนิยมทั้งคนไทย ไต้หวัน และคนญี่ปุ่นเองด้วย

ICHIGO-CHAN เก็บสตอเบอรี่เป็นครั้งแรกเลยทำไม่ถนัด ครอบครัวคนญี่ปุ่นก็เลยมาช่วย

ICHIGO-CHAN ได้กินสตอเบอรี่จนอิ่มแล้วก็ได้เจอคนญี่ปุ่นใจดีอีกด้วย

ICHIGO-CHAN อยากจะเก็บต่ออีกนานกว่านี้ แต่ถึงเวลาต้องไปแล้ว

และที่ต่อไปที่เราจะไปกันก็คือ คาบสมุทรอิซุ ・ชิโมดะ โดยนั่งจากสถานีมิชิมะ JR สายโทไคโด เพื่อไปที่อาตามิ และจากที่นั่นก็นั่ง สายอิโต

ด้วย IZUKYU เพื่อไป 「IZUKYU SHIMODA」

ก่อนอื่นก็นั่งรสบัสฟรีไปที่สถานีมิชิมะก่อน

รถบัสฟรีที่จะไปมิชิมะจะวิ่งตั้งแต่ 9:30 ถึง 21:35 วันละ 11 เที่ยว

นอกจากเวลาบ่ายโมง รถไฟจะวิ่งทุกๆช่วงโมงก็คือ ตอน 00 นาทีของทุกชั่วโมง

เมื่อวานมืดจนมองไม่เห็นอะไรเลย แต่วันนี้ได้เห็นวิวทุ่งนาของญี่ปุ่นด้วย

ปกติแล้วที่ไทยทั้งนาและสวนจะอยู่แยกออกไปจากบ้านคน แต่ที่ญี่ปุ่นทุ่งนาจะอยู่ปนกับบ้านคนเลย ดูแปลกตาดี

นั่งบัสมาประมาณ 30 นาทีก็มาถึงสถานีมิชิมะ ตรงประตูตะวันตก

ก่อนอื่นก็นั่งสายโทไคโก จากสถานีมิชิมะ เพื่อไปที่สถานีอาตามิ

เมื่อเข้าไปข้างในก็จะเห็นตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเลย แต่ถ้าจะไปที่「IZUKYU SHIMODA」แล้วซื้อตั๋วที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติก็จะซื้อได้แค่ตัวที่ไปถึงแค่ที่「สถานีอิโต」

เพราะฉะนั้นจะต้องไปซื้อที่ช่องจำหน่ายตั๋วที่อยู่ทางซ้ายมือ

ถ้าไป「IZUKYU SHIMODA」แบบไม่ใช้รถไฟด่วนพิเศษราคาจะอยู่ที่ 2200 เยน

ต้องนั่งรถไฟที่ชานชาลาเบอร์ 3・หรือเบอร์ 4ที่สถานีมิชิมะเพื่อไป สถานีอาตามิ

ที่ชานชาลาจะมีร้านชื่อ Kiosk อยู่ด้วย

เดินทางจากอาตามิไป IZUKYU SHIMODA จะใช้เวลาอีกเกือบสองชั่วโมง ยังไงซื้อขนม เครื่องดื่ม หรือผลไม้เอาไว้ก็ดีนะ

จากมิชิมะ ถึง อาตามิ เราจะผ่าน 「อุโมงค์ TANNA」แล้วใช้เวลา 14 นาทีก็จะมาถึงอาตามิ

ต้องรีบหน่อยเพราะเรามีเวลาเปลี่ยนรถไฟที่สถานีอาตามิแค่ 4 นาทีเอง

เมื่อถึงสถานีอาตามิ ลงบันไดเพื่อไปทางเดินข้างล่างชานชาลาและเดินไปยังชานชาลาเบอร์ 1

และที่รอ ICHIGO-CHAN อยู่ที่ ชานชาลาเบอร์ 1นั่นก็คือ ……

「Resort21」สีแดงสดใส

ด้านหน้าจะเป็นที่นั่งแบบชมวิวด้วย เท่สุดๆไปเลย

รถไฟจาก「อาตามิ」ที่เป็นรอยต่อของ อุซุ ไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิซุ「ชิโมดะ」จะวิ่งไปกลับวันละ 34 เที่ยวนั้นจะมีอยู่เพียง 3 เที่ยวเท่านั้น (8:24・12:24・16:33)ที่จะเป็น 「Resort21」

เป็นรถไฟที่ไม่มีราคาด่วนพิเศษ ข้างในตกแต่งสวยงาม รวมถึงหน้าต่างที่ดูดี อยากแนะนำรถนี้ให้ไม่ใช่แค่เฉพาะคนที่ชอบรถไฟเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวทั่วไปก็น่าจะถูกใจเหมือนกัน

ครั้งต่อไปเราจะนั่ง 「Resort21」กับทริปรถไฟอิซุ และทานปลาสดใหม่ที่ชิโมดะกัน

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶