เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day2-3 เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเกียวโตที่ “วัดคินคาคุจิ(วัดทอง)” พร้อมชมงานฤดูหนาว「ARASHIYAMA HANATOURO」
OSAKA-KYOTO-KURAMA-UJI-OSAKA
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเกียวโต ที่ได้รับเลือกให้เป็น “สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่น” ใน TripAdvisor อย่าง “ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ”「FUSHIMI INARI TAISHA(伏見稲荷大社)」และทานอาหารญี่ปุ่นที่ร้าน「 KOMERYOUTEI HACHIDAIME GIHEI (米料亭 八代目儀兵衛)」ไปแล้ว
Day2-2 เที่ยวชม “ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ” ต่อด้วยย่าน “กิออน” พร้อมทานอาหารกลางวันอาหารชุดแบบเกียวโต
หลังจากที่เราได้ทานอาหารกลางวันแล้ว ต่อไปเราจะเดินทางไปยังวัดสีทอง และเป็นวัดที่มีชื่อเสียงปรากฏอยู่ในการ์ตูนเรื่อง “อิคคิวซัง” กับ “วัดคินคาคุจิ”「KINKAKU-JI(金閣寺)」จากนั้นเที่ยวชม “อาราชิยามะ” สถานที่จัดงาน「HANATOURO(花灯路)」ในเดือนธันวาคมกันค่ะ
การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วย「KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS」ในตอนที่ 6 นี้ ICHIGO-CHAN จะพาเพื่อนๆ ไปสถานที่ท่องเที่ยวในเกียวโตที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ อย่าง “วัดคินคาคุจิ”「KINKAKU-JI(金閣寺)」และ “อาราชิยามะ”「ARASHIYAMA(嵐山)」กันค่ะ
หลังจากที่เราได้ทานอาหารที่ดูแลจัดการโดยร้านข้าวสารญี่ปุ่นกับร้าน「 KOMERYOUTEI HACHIDAIME GIHEI (米料亭 八代目儀兵衛)」สัมผัสรสชาติอาหารญี่ปุ่นที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อนกับเมนูปลาบูริ ไปอย่างเต็มอิ่ม
และสถานที่ท่องเที่ยวต่อไปก็คือ “วัดคินคาคุจิ”「KINKAKU-JI(金閣寺)」หรือชื่อที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “วัดทอง” ที่เป็นวัดที่พบเห็นอยู่บ่อยครั้งในการ์ตูนเรื่องอิคคิวซัง
โดยการเดินทางจากร้าน「 KOMERYOUTEI HACHIDAIME GIHEI (米料亭 八代目儀兵衛)」ในย่านกิออน ไปยังวัดคินคาคุจินั้น เดินทางด้วยรถบัสจะสะดวกที่สุด
โดยออกจากร้าน「 KOMERYOUTEI HACHIDAIME GIHEI (米料亭 八代目儀兵衛)」ไปทางซ้ายมือก็จะเจอป้ายรถบัสกิออนเลย
ซึ่งการเดินทางจากป้ายรถบัสกิออน ไปยัง「ป้ายบัสคินคาคุจิมิจิ (Kinkakuji-Michi Bus Stop)」ที่อยู่ใกล้วัดทองนั้นมีวิธีการเดินทางดังนี้
1. เดินทางด้วยรถบัสสาย “12”
2. เดินทางด้วยรถบัสสาย “100” ไปยัง “ป้ายรถบัสโอคาซากิ (Okazakimichi Bus Stop)” จากนั้นต่อด้วยรถบัส สาย “204”
ในครั้งนี้เราจะเลือกเดินทางด้วยการเดินทางที่ใช้เวลาในการเดินทางน้อยกว่ากับวิธีที่ 2 โดยก่อนอื่นจะต้องนั่งรถบัสสาย “100” ที่วิ่งทุกๆ 10 นาที ไปยัง “ป้ายรถบัสโอคาซากิ (Okazakimichi Bus Stop)” ก่อน
วิธีขึ้นรถบัสในประเทศญี่ปุ่นอาจมีความแตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่และบริษัทรถไฟ สำหรับรถบัสภายในเกียวโต เกียวโตซิตี้บัสนั้น จะเป็นแบบขึ้นรถบัสจากประตูหลัง และลงรถบัสจากประตูหน้า และสามารถชำระเงินได้ขณะลงรถบัสโดยใส่เงินเข้าไปในกล่องชำระเงินที่อยู่ด้านหน้าข้างๆ คนขับจำนวน 230 เยน
สำหรับเพื่อนๆ ที่คิดว่าจะได้นั่งรถบัสมากกว่าวันละ 3 ครั้งแนะนำว่าให้ซื้อเป็นตั๋วแบบ 1 day (600 เยน) ไปเลยจะคุ้มกว่ามากๆ เลยค่ะ ซึ่งตั๋วแบบหนึ่งวันนี้สามารถซื้อได้ที่คนขับโดยตรงเลยค่ะ
เมื่อลงรถบัสที่ “ป้ายรถบัสโอคาซากิ (Okazakimichi Bus Stop)” แล้ว ก็รอขึ้นรถบัสสาย “204” ต่อได้เลย รถบัสสาย “204” นี้จะวิ่งทุกๆ 15 นาที ใช้เวลาในการเดินทางจาก “ป้ายรถบัสโอคาซากิ (Okazakimichi Bus Stop)” ไปยัง “ป้ายบัสคินคาคุจิมิจิ (Kinkakuji-Michi Bus Stop)” 40-45 นาที (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา)
เมื่อถึง “ป้ายบัสคินคาคุจิมิจิ (Kinkakuji-Michi Bus Stop)” แล้วก็เดินไปทางด้านหลัง และเลี้ยวขวาที่สามแยก จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางก็จะเจอทางเข้าวัดคินคาคุจิ(วัดทอง) เลย เดินไปตามทางเดินหินทรายไปเรื่อยๆ เพื่อเดินไปทางประตูวัดเลย
เมื่อเข้าประตูวัดมาแล้ว ก็ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอจุดจำหน่ายบัตรเข้าชมอยู่ด้านขวามือ เมื่อชำระเงิน 400 เยนแล้ว ก็จะได้รับแผ่นยันต์ เมื่อได้รับแล้วก็เดินเข้าไปด้านในกันเลย ที่นี่รองรับเฉพาะเงินสดเท่านั้นนะคะ
เมื่อลอดผ่านประตูวัดที่อยู่เลยจุดจำหน่ายบัตรเข้าชมไปแล้ว ก็จะเจอไฮไลท์ของวัดนี้ในส่วน「คินคาคุ(พระบรมสารีริกธาตุ)」อยู่ตรงหน้าเลย “วัดทอง” ที่เพื่อนๆ อาจพบเห็นอยู่บ่อยครั้งตามสื่อ โบชัวร์ หรือหนังสือนำเที่ยวต่างๆ และในการ์ตูนเรื่อง “อิคคิวซัง” ซึ่งวัดนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 600 กว่าปีก่อน ในปีพ.ศ.1940 แต่ก็ถูกเพลิงไหม้ในปีพ.ศ.2493 และได้ถูกสร้างใหม่เป็นรุ่นที่ 2 ในปีพ.ศ.2498
อาคารวัดทองตั้งอยู่กลางสวนญี่ปุ่นที่สวยงาม ไม่ว่าช่วงเวลาไหนๆ ก็เป็นภาพที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ในช่วงฤดูพิเศษอย่างช่วงที่ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณโดยรอบเปลี่ยนเป็นสีแดง ส้มสวยงามในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม หรือช่วงฤดูหนาวที่บริเวณโดยรอบปกคลุมไปด้วยหิมะ โดย “วัดทอง” ที่ตั้งอยู่ย่านในเมืองของเกียวโตนี้หิมะจะตกเพียงไม่กี่ครั้งต่อปีเท่านั้น เพราะฉะนั้นการได้เห็นวิววัดทองท่ามกลางหิมะซักครั้งเป็นอะไรที่โชคดีมากๆ เลยทีเดียว
หลังจากที่เพลิดเพลินกับวัดทองจากด้านหน้าบ่อน้ำแล้ว ก็เดินเล่นไปด้านหลังวัดกันบ้าง โดยทางเดินจะมีอยู่เพียงเส้นเดียวเท่านั้น เฉพาะฉะนั้นไม่หลงแน่นอนค่ะ และที่บริเวณด้านหลังวัดนี้จะมีส่วนจำหน่ายเครื่องรางของขลังต่างๆ ที่เป็นเครื่องรางเฉพาะของที่วัดอย่าง “เครื่องรางคิตตี้สีทอง” หรือ “เครื่องรางอิคคิวซัง” (อย่างละ 700 เยน)
“วัดทอง” นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ทางด้าน “โชคลาภ” เพราะฉะนั้นเครื่องรางน่ารักๆ เหล่านี้ก็เหมาะที่จะซื้อไปเป็นของฝากมากๆ เลยค่ะ
เมื่อเดินเยี่ยมชมวัดทองไปเรื่อยๆ ก็เกือบลืมไปเลยค่ะว่าตอนนี้เรากำลังเดินภายในวัดกันอยู่ ในบริเวณหนึ่งในวัดจะมีอาคารกราบไหว้「ฟุโดโด(不動堂)」อยู่ ซึ่งการกราบไหว้ที่วัดจะแตกต่างจากศาลเจ้า โดยการกราบไหว้ที่วัดไม่จำเป็นต้องปรบมือค่ะ สามารถกราบไหว้โดยพนมมือไหว้ และโค้งเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีแผ่นไม้ขอพร “แผ่นไม้เอมะ” ลายอิคิวซังน่ารักๆ อยู่อีกด้วย
เดินชมความสวยงามของวัดทองไปเรื่อยๆ เวลาก็ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็เป็นเวลา 16:30 น. แล้ว ซึ่งในช่วงที่ ICHIGO-CHAN เป็นช่วงเดือนปลายเดือนธันวาคม ที่ท้องฟ้าจะมืดเร็วเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้วค่ะ และสถานที่ท่องเที่ยวต่อจาก “วัดคินคาคุจิ(วัดทอง)” ก็คือ “อาราชิยามะ”「ARASHIYAMA(嵐山)」สถานที่จัดงาน「HANATOURO(花灯路)」ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ที่เป็นงานประดับไฟยามค่ำคืนในบริเวณป่าไผ่หรือบริเวณแม่น้ำคัตสึระ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
โดยการเดินทางจาก “วัดคินคาคุจิ(วัดทอง)” ไปยัง “อาราชิยามะ”「ARASHIYAMA(嵐山)」 สามารถเดินทางด้วยการต่อรถบัส, การนั่งรถบัสต่อด้วยรถไฟ JR หรือนั่งรถไฟเคฮัง และรถไฟอาราชิยามะไป
ในครั้งนี้เราจะเลือกเดินทางด้วยรถบัสไปที่ “สถานีเอ็มมาจิ” ก่อน จากนั้นก็นั่งรถไฟ JR เดินทางไปยัง “สถานีซากะ อาราชิยามะ Saga-Arashiyama Station” กันค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะเดินออกจาก “วัดคินคาคุจิ(วัดทอง)” ตรงไปตามทางเรื่อยๆ และเดินข้ามสามแยกไปยังถนนอีกฝั่งและเดินไปทางขวามือเพื่อไปที่ 「ป้ายบัสคินคาคุจิมิจิ (Kinkakuji-Michi Bus Stop)」 กันเลย
จากนั้นนั่งรถบัสสาย “205” ที่วิ่งชั่วโมงละ 6-9 เที่ยว เพื่อเดินทางไปยัง “นิชิโนะเคียว เอ็นมาจิ Nishinokyo Enmachi”(สถานีเอ็มมาจิ)เมื่อลงรถบัสที่ “นิชิโนะเคียว เอ็นมาจิ Nishinokyo Enmachi”(สถานีเอ็มมาจิ)แล้วก็เดินไปทางด้านหน้าเพื่อไปที่สถานีรถไฟ JR สถานีเอ็มมาจิ กันเลย
เป็นอาคารสถานีเล็กๆ ที่เมื่อเดินเข้าไปแล้วก็จะเจอเครื่องจำหน่ายตั๋วอยู่ด้านซ้ายมือเลย ก่อนอื่นเราจะไปซื้อตั๋วรถไฟไป “สถานีซากะ อาราชิยามะ”「Saga-Arashiyama Station」 กันเลย
วิธีซื้อตั๋วก็ไม่ยาก ก่อนอื่นจะต้องเช็คค่าเดินทางจากบอร์ดแผนผังเส้นทางรถไฟที่อยู่บนเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติไปยัง “สถานีซากะ อาราชิยามะ”「Saga-Arashiyama Station」(190 เยน) จากนั้นก็กดคำว่า English ที่อยู่ด้านซ้ายหน้าจอ จากนั้นก็กดคำว่า Purchase Ticket และใส่เงินเข้าไปในเครื่อง ต่อด้วยกดปุ่ม「190」เท่านี้ก็เรียบร้อย
เมื่อซื้อตั๋วรถไฟเรียบร้อยแล้ว ก็เดินผ่านช่องตรวจตั๋วไปที่ชานชาลากันเลย จากนั้นก็จะเจอบันไดเลื่อนไปยังชานชาลาอยู่ด้านซ้ายมือ
รถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่ “สถานีซากะ อาราชิยามะ”「Saga-Arashiyama Station」จะออกตัวจากชานชาลาหมายเลข 2 โดยรถไฟที่มุ่งหน้าจาก “เอ็มมาจิ” ไปยัง “ซากะ อาราชิยามะ” จะวิ่งชั่วโมงละ 5 เที่ยว และเดินทางไปเพียง 7 นาทีเท่านั้นก็ไปถึงสถานีซากะ อาราชิยามะเลย
เมื่อถึง สถานีซากะ อาราชิยามะ แล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อน หรือ บันได ไปที่ชั้นช่องตรวจตั๋วกันเลย
เมื่อผ่านออกจากช่องตรวจตั๋วแล้วก็เดินไปทางซ้ายมือ เพื่อออกจากประตูใต้ เมื่อออกมาแล้วก็เดินตรงไปตามทางเดินไปเรื่อยๆ และเลี้ยวขวาที่สามแยกขนาดใหญ่อันแรก
และเดินไปอีกประมาณ 3 นาที ก็จะออกมาสู่ถนนใหญ่ ให้เดินไปทางขวามือเพื่อไปทางป่าไผ่「CHIKURINNO-KOMICHI(竹林の小径)」กันเลย
ถึงแม้ว่างาน「HANATOURO(花灯路)」นี้หลักๆ แล้วจะอยู่ที่ป่าไผ่ CHIKURINNO-KOMICHI(竹林の小径) และบริเวณสะพานโทเก็ตสึเคียว แต่บริเวณรอบๆ ถนนใหญ่ก็มีการประดับโคมไฟเล็กๆ อยู่มากมาย เป็นบรรยากาศพิเศษๆ ของบริเวณอาราชิยามะในช่วงนี้เลยค่ะ
เมื่อเลี้ยวขวาที่ถนนใหญ่แล้ว ก็เดินเข้าซอยซ้ายซอยแรกไปก็จะเจอสถานที่จัดงานหลักของ『ARASHIYAMA HANATOURO(嵐山花灯路)』ที่ป่าไผ่「CHIKURINNO-KOMICHI(竹林の小径)」เลย
สถานที่ท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนตัวแทนของเกียวโตแห่งนี้ กับบรรยากาศป่าไผ่แบบญี่ปุ่น โดยเราจะได้ชมช่วงเวลาสุดพิเศษแบบเฉพาะในช่วงงาน「ARASHIYAMA HANATOURO(嵐山花灯路)」เท่านั้น เนื่องจากปกติแล้วป่าไผ่นี้จะไม่มีไฟแม้แต่ดวงเดียวเรียกได้ว่ามืดสนิทมองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงการจัดงานก็จะมีการประดับไฟสวยงาม ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นท่ามกลางป่าไผ่ยามค่ำคืน
และที่บริเวณทางเข้าป่าไผ่แห่งนี้ จะเป็นบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมากที่สุด แต่เมื่อเดินไปอีกเล็กน้อยนักท่องเที่ยวจะเบาบางลงมาก ทำให้สามารถถ่ายรูปได้แบบสบายๆ อย่างเต็มที่ และเสน่ห์งานฤดูหนาวของเกียวโตอย่าง “อาราชิยามะ ฮานะโทโร”「ARASHIYAMA HANATOURO(嵐山花灯路)」ยังไม่หมดเพียงเท่านี้
ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปชมบรรยากาศงาน “อาราชิยามะ ฮานะโทโร” กันต่อเลย ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪
【ตารางการเดินทาง Day2-3 KINKAKU-JI TEMPLE/ARASHIYAMA-HANATOURO】