เรื่องกินเรื่อใหญ่ ตอน “เจาะลึกเรื่อง ปู ปู ในญี่ปุ่น”

หากพูดถึงอาหารขึ้นชื่อสำหรับนักชิมในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ก็คงหนีไม่พ้น “ปู”​ อย่างแน่นอน

“ปู” ในภาษาญี่ปุ่นคือ “คานิ”

แล้วทุกท่านทราบหรือไม่? ว่า ปู ในญี่ปุ่นนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด

ซึ่งปูที่สามารถตกได้ในประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วจะมีอยู่ทั้งหมด 4 ชนิด นั่นก็คือ “Red king crab(ปูราชาแดง : ทาราบะคานิ : タラバかに)” “ปูหิมะ : ซึวาอิคานิ : ズワイかに” “ปูขน : 毛かに” “Hanasaki Crab : ฮานะซากิคานิ : 花咲(ハナサキ)かに”

แต่ทว่า “Hanasaki Crab : ฮานะซากิคานิ : 花咲(ハナサキ)かに” ถือเป็นช่วงปูที่ตกได้จำนวนน้อย ดังนั้นโดยปกติแล้วนักท่องเที่ยวภายในประเทศญี่ปุ่นจะรับประทานปูอยู่ 3 ชนิดนั่นก็คือ “Red king crab(ปูราชาแดง : ทาราบะคานิ : タラバかに)” “ปูหิมะ : ซึวาอิคานิ : ズワイかに” และ “ปูขน : 毛かに” “Hanasaki Crab นั่นเอง

วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับปูทั้ง 3 ชนิด ซึ่งแต่ละก็มีรสชาติที่แตกต่าง และวิธีการทานที่เหมาะกันแต่ละชนิด ไปทำความรู้กับปูทั้ง 3 ชนิดนี้ไปพร้อมๆ กันเลย

【Red king crab(ปูราชาแดง : ทาราบะคานิ : タラバかに) 】

จุดเด่นของปูชนิดนี้ก็คือหนามรอบตัว ขนาดกระดองอยู่ที่ 20 เซนติเมตร และเมื่อกางขาออกจะมีความยาวถึง 1 เมตรเลยทีเดียว

มักรับประทานแบบต้มเกลือ หรือนึ่ง เพราะว่าปูชนิดนี้เมื่อผ่านความร้อนแล้ว จะทำให้เนื้อปูหวานมากยิ่งขึ้น จึงมักทานแบบต้มสุกหรือนึ่ง ไม่นิยมทานแบบดิบสำหรับปูชนิดนี้เพราะเนื้อแบบดิบจะไม่ค่อยหวาน และกลมกล่อมเท่า

สำหรับส่วนมันปู หรือ คานิมิโซะ (蟹みそ) ก็ไม่เหมาะสำหรับการทานมันปูจากปูทาราบะคานิเช่นกัน เนื่องจากมันปูจะมีกลิ่นคาว

ช่วงเวลารับประทานปูชนิดนี้จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม่ร่วง ไปจนถึงฤดูหนาว ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ทว่าช่วงเดือนเมษายน ไปจนถึงช่วงพฤษาภาคมก็เป็นช่วงอร่อยของปูชนิดนี้เช่นกันเนื่องจากเป็นช่วงวางไข่ทำให้เนื้อหวานเป็นพิเศษ

นอกจากนี้หากโชคดีก็อาจได้ทานไข่ปูในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน

【ปูหิมะ : ซึวาอิคานิ : ズワイかに】

ส่วนเปลือกผิวเรียบเงา ในบางตัวอาจะมีเม็ดก้อนสีดำติดอยู่ที่กระดอง

สำหรับตัวผู้กระดองมีขนาดประมาณ 14 เซนติเมตร และเมื่อกางขาออกจะมีความยาวประมาณ 70 เซนติเมตร

ตัวเมียมีขนาดเล็กกว่าตัวผู้เกือบครึ่ง หรือเล็กกว่าประมาณ 7 เซนติเมตร เนื้อมีความหอมหวาน และนิ่ม นุ่มลิ้น

ปูที่สดใหม่ สามารรรับประทานแบบดิบได้อย่างอร่อย หรือมักนิยมทานแบบเนื้อปูชาบู นอกจากนี้ยังรับประทานแบบต้มเกลือได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถรับประทานได้หลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว

ส่วนมันปู หรือคานิมิโซะ ก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่แนะนำเป็นมันปูของปูตัวเมียมากกว่าเพราะกลมกล่อมมากกว่า

ช่วงฤดูรับประทาน สำหรับทะเลญี่ปุ่นอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม ไปจนถึงเดือนมีนาคม ส่วนเกาะฮอกไกโดจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม

【ปูขน : 毛かに】

ตามชื่อของปู คือเป็นปูที่มีขนสั้นๆ อยู่รอบตัว ขนาดกระดองประมาณ 12 เซนติเมตร และตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่า

เนื่องจากปูชนิดนี้ค่อนข้างแพร่พันธุ์ยาก ดังนั้นจึงมีจำกัดจำนวนในการเก็บเกี่ยว โดยสามารถเก็บเกี่ยวได้เฉพาะตัวเมียที่มีขนาดใหญ่กว่า 8 เซนติเมตรขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งปูขนถือเป็นปูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปูคนรักปู เนื่องจากเนื้อปูที่นุ่ม และมักนิยมทานแบบต้มเกลือ หรือทานแบบดิบ เหมือนกับปูหิมะ

แต่ทว่าส่วนที่อร่อยที่สุดของปูขนนั่นก็คือ “มันปู” ที่มีรสชาติกลมกล่อม เข้มข้น ถือเป็นมันปูที่อร่อยที่สุดในบรรดาปูชนิดอื่นๆ เลยก็ว่าได้

โดยปูขนสามารถรับประทานได้ทั้งปี แต่สถานที่ตกปูอาจแตกต่างออกไปตามฤดูกาล

【จำนวนขนปู】

ทุกๆ คนทราบหรือไม่ว่าขาปูนั้นมีกี่ขากัน?

เรียงจากรูปทางด้านซ้ายไปคือ “ทาราบะคานิ” “ซึวาอิคานิ” และ “ปูขน”

โดย ปูราชาแดง : ทาราบะคานิ → มีจำนวน 8 ขา

ปูหิมะ : ซึวาอิคานิ → มีจำนวน 10 ขา

ปูขน → มีจำนวน 10 ขา

ซึ่งจำนวนขาที่แตกต่างกันนั้นมีความหมายแอบแฝงอยู่ นั่นก็คือความจริงแล้ว “ปูราชาแดง(ทาราบะคานิ)” ไม่ใช่ปูนั่นเอง

ปูราชาแดง(ทาราบะคานิ) นั้นถือเป็นสัตว์ประเภทเดียวกับ ปูเสฉวน ส่วน ปูหิมะ : ซึวาอิคานิ และ ปูขน นั้นถูกจัดให้เป็นปู ซึ่งความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดก็คือ รสชาติความอร่อยของ “มันปู” หรือ “คานิมิโซะ”

สำหรับมันปูของ ปูราชาแดง(ทาราบะคานิ) จะมีควาเหลวและมีน้ำมันมากกว่า ทำให้เหม็นคาวไม่น่ารับประทาน นอกจากนี้ทางด้านรสชาติของเนื้อปู เมื่อเทียบกับ ปูหิมะ(ซึวาอิคานิ) และ ปูขน จะมีรสชาติที่จืดจางกว่า ดังนั้นจึงอาจจะไม่ถูกปากบางท่านได้

แต่ถึงแม้ว่ารสชาติความกลมกล่อมจะไม่ถึงใจนัก แต่ปูราชาแดง(ทาราบะคานิ)ก็มีช่วงเวลาที่สามารถรับประทานได้อย่างอร่อย หากรับประทานในช่วงนี้ก็จะได้ปูที่รสชาติกลทกล่อม และหอมหวาน

หากเปรียบเทียบทางด้านราคา “ปูขน” จะเป็นปูที่ตกได้จำนวนน้อย และอร่อยที่สุด ดังนั้นจึงมีราคาที่แพงมากที่สุด รองลงมาก็คือ หิมะ(ซึวาอิคานิ) และ ราชาแดง(ทาราบะคานิ) นั่นเอง

หากเพื่อนๆ ได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเมื่อไหร่ก็อย่าลืมมาลองปูทั้ง 3 ชนิดที่เราได้แนะนำไปในวันนี้ ลองทานเปรียบเทียบ และหาปูที่ถูกปากเพื่อนๆ กันดูได้เลย

Related posts
OSAKA IN LOVE! ️เก็บตกบรรยากาศวันวาเลนไทน์สไตล์ญี่ปุ่น
ต้อนรับปี 2022 ด้วย 1 DAY TRIP IN OSAKA ร่วมงานเทศกาลสำหรับการค้าขายรุ่งเรืองของญี่ปุ่น
ทำความรู้จักกับ “วัตถุดิบจากภูเขา” หรือ “อาหารป่า” ประจำฤดูใบไม้ร่วงแห่งใบไม้เปลี่ยนสี
อาหารตามฤดูกาลในฤดูใบไม้ร่วง ฤดูแห่งใบไม้เปลี่ยนสี กับวัตถุดิบทะเล(ซีฟู้ด)ทั้ง 3 ชนิด “แซลมอน” “หอยนางรม” และ “ปู”ร่วง
เที่ยวญี่ปุ่นต้องทานซักมื้อ ! ทำความรู้จักกับ “ราเม็ง” อาหารประจำประเทศญี่ปุ่น แบบ “มิโซะราเม็ง” “โทริไปตันราเม็ง(ราเม็งไก่ซุปขาว)” และ “สึเกะเม็ง(ราเม็งจิ้มจุ่ม)”
สะดวก รวดเร็ว อร่อย ทันใจ กับ“เอกินาคะ”「EKINAKA」ร้านค้ารภายในสถานีรถไฟทางเลือกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยว