มาขึ้นปีใหม่ที่ญี่ปุ่นกัน! ศาลเจ้าในแถบคันโต-คันไซ-ชูบุสำหรับวันขึ้นปีใหม่ที่คุณไม่ควรพลาด

ก่อนอื่นก็จะต้องกล่าวต้อนรับเนื่องในวันปีใหม่กับทุกท่านว่า “สวัสดีปีใหม่” ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามเรามาโดยตลอด และจากนี้ไปก็ขอฝาก ICHIGO-JAPAN ไว้ให้ทุกท่านได้ติดตามการแนะนำการท่องเที่ยวรอบญี่ปุ่น และข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นกันต่อไปในปีนี้

ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในวันขึ้นปีใหม่ก็คือ การกราบไหว้ศาลเจ้าเพื่อเป็นการเริ่มต้นปีใหม่อีกหนึ่งปีกับ “ฮาสึโมเดะ”「HATSUMOUDE(初詣)」โดยในช่วง 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-3 มกราคม จะเป็นช่วงที่ผู้คนนิยมกราบไหว้สักการะกันในช่วงนี้จนแถวยาวเหยียดในศาลเจ้าใหญ่ๆ ตามที่ต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นหากคุณได้มาท่องเที่ยวข้ามปีที่ประเทศญี่ปุ่นก็ลองไปศาลเจ้าพร้อมๆ กับคนญี่ปุ่นกันเลย

ครั้งนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับศาลเจ้าใน แถบคันโต-คันไซ-ชูบุ อย่างละ 1 ที่ รวมเป็น 3 ศาลเจ้าที่ไม่ควรพลาดในช่วงวันขึ้นปีใหม่

1. ศาลเจ้าเมจิ MEIJI JINGU : 明治神宮 (TOKYO)

สถานที่แรกก็คือสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย ตั้งอยู่ในเมืองโตเกียว บริเวณโอโมเตะซันโด・ฮาราจุกุ กับ “ศาลเจ้าเมจิ” หรือภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า “เมจิจิงกุ” ถึงแม้ว่าจะเป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโตเกียว แต่ก็เป็นศาลเจ้าที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศสงบและศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นศาลเจ้าโด่งดังอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ที่มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจากทั่วทุกพื้นที่

แค่เพียงช่วงวันขึ้นปีใหม่ ก็มีผู้คนมาเยี่ยมชมที่ศาลเจ้าเมจิในทุกๆ ปีมากถึง 3 ล้านคนเลยทีเดียว โดยปกติแล้วศาลเจ้าจะเปิดให้เข้าได้ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น ไปจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน (เวลา 6:40-16:20 น.) แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงวันขึ้นปีใหม่ก็จะยืดระยะเวลาให้ยาวนานขึ้น ในวันที่ 31 ธันวาคม และวันที่ 1 มกราคม สามารถเข้าสักการะเยี่ยมชมศาลเจ้าได้ตลอดทั้งคืน ส่วนวันที่ 2 มกราคม ได้ถึงเวลา 19:00 นอกจากนี้ในวันที่ 3 และ 4 ได้จนถึงเวลา 18:30 น. นั่นเอง

ซึ่งที่ “ศาลเจ้าเมจิ” นี้จะมีโซนอาหารที่เรียกว่า「FUREAI HIROBA(ふれあい広場)」อยู่ถึงแม้ว่าโดยปกติก็มีคนรอต่อแถวเยอะอยู่แล้ว แต่ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะยิ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ซึ่งร้านค้าแผงลอยต่างๆ หรือที่เรียกว่า “ยะไต” นั้นก็จะมีทั้ง ร้านเหล้าอามะซาเก(甘酒:เหล้าหวาน) , ปูหิมะ หรือ ราเม็ง ฯลฯ ที่สามารถพบเห็นได้ตามงานเทศกาลญี่ปุ่น ช่วยอบอุ่นร่างกายท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี หากเป็นช่วงเวลาปกติ ก็สามารถเดินจากโทริอิประตูทางเข้าศาลเจ้า ทางฝั่งสถานีฮาราจุกุ มาในตัวอาคารศาลเจ้าได้เพียง 15 นาทีเท่านั้น แต่หากเป็นช่วงวันขึ้นปีใหม่อาจต้องใช้เวลาเดินนานถึง 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นหากต้องการไปช่วงที่คนไม่เยอะมาก แนะนำให้หลีกเลี่ยงช่วงเวลาตั้งแต่ 11:00-16:00 น. ก็คือไปในช่วงเช้าตรู่ หรือช่วงเวลาตั้งแต่ 17:00 น.เป็นต้นไป คาดว่าจะเป็นช่วงที่ไม่ต้องรอนาน(รอเพียง 30นาที ถึง 1 ชั่วโมง) ก็สามารถเข้าไปถึงส่วนกราบไหว้สักการะได้เลย

ซึ่งการเดินทางไปยัง “ศาลเจ้าเมจิ” สามารถเดินทางไปได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถเดินจากสถานีรอบๆ ศาลเจ้าเมจิอย่าง สถานี JR ชินจุกุ สายยามาโนเตะ หรือ สถานีใต้ดิน Meiji-jingumae Station สายชิโยดะ・ฟุกุโทชิน ได้เพียง 3 นาทีเท่านั้น ซึ่งในช่วงวันขึ้นปีใหม่จะมีผู้คนมากมายแห่กันไปที่ศาลเจ้าเมจิเพราะฉะนั้นเดินไหลไปตามผู้คนได้ไม่หลงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ “ศาลเจ้าเมจิ” ยังเป็นสถานที่ที่ตั้งอยู่ใกล้ย่านโอโมเตะซันโด แหล่งช้อปปิ้งที่มีทั้ง「Onisuka Tiger」หรือ「Kiddy Land」และย่าน「TAKESHITA DORI」อีกด้วย สามารถช้อปปิ้งลดราคาช่วงปีใหม่ได้ก่อนหลังหลังกราบไหว้ที่ศาลเจ้าเลยทีเดียว

2. ศาลเจ้าสุมิโยชิ SUMIYOSHI TAISHA : 住吉大社 (OSAKA)

และสถานที่ต่อไปก็คือสถานที่ยอดนิยมในโอซาก้ากับ “ศาลเจ้าสุมิโยชิ”「SUMIYOSHI TAISHA」เป็นศาลเจ้าที่คนโอซาก้าให้ความเลื่อมใสเป็นอย่างมากและมีชื่อเรียกจากคนโอซาก้าว่า「すみよっさん」อ่านว่า “ซุมิโยะซัง” ตั้งอยู่บริเวณนัมบะย่านดังของโอซาก้า สามารถเดินทางด้วยรถไฟนันไคมาเพียง 10 นาที ซึ่งในทุกๆ ปีจะมีกลองลั่นดังสนั่นในเวลาเที่ยงคืนของวันสุดท้ายของปี เพื่อเป็นสัญญาณเรียกความโชคดีให้เกิดขึ้นตลอดทั้งปีใหม่ที่กำลังจะมีถึงนี้ มีผู้คนมาเข้าร่วมมากกว่า 2 ล้านคนในทุกๆ ปี จากทั่วประเทศญี่ปุ่น และต่างประเทศนั่นเอง

โดยหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ศาลเจ้าสุมิโยชิแห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็คือ การให้โชคทางด้าน “ความรัก” หรือ “การพบเจอ” ทำให้มีวัยรุ่นมากราบไหว้สักการะที่ศาลเจ้าแห่งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อผ่านประตูทางเข้าศาลเจ้าที่เป็นเสาโทริอิหินแล้ว ก็จะพบกับสะพานโค้ง(SORIBASHI:反橋) สะพานสีแดงสดใสแบบญี่ปุ่น ซึ่งสะพานนี้ก็คือสัญลักษณ์ของศาลเจ้าสุมิโยชิแห่งนี้นั่นเอง ถึงแม้ว่า “ศาลเจ้าสุมิโยชิ” จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้า แต่สะพานแห่งนี้เคยถูกคลื่นน้ำทะเลกระทบจนถึงช่วงสมัยเอโดะเลยทีเดียว โดยสะพาน TAIKOBASHI(太鼓橋) นี้มีชื่อเรียกที่ถูกต้องว่า「SORIBASHI(反橋)」เป็นการจำลองจาก “สายรุ้ง” เปรียบเสมือนสะพาน「KAKEHASHI(掛け橋)」ที่เชื่อมระหว่างมนุษย์ที่อยู่บนพื้นดินและเทพเจ้าที่อยู่บนท้องฟ้านั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าหากได้ข้ามสะพาน TAIKOBASHI(太鼓橋) นี้ก็จะเป็นการชำระล้างบาปหรือสิ่งสกปรกออกจากร่างกายและจิตใจ พร้อมได้เข้าใกล้กับเทพเจ้าอีกด้วย

โดยช่วงเวลาที่เปิดให้กราบไหว้สักการะมีดังนี้

วันที่ 31 ธันวาคม(วันสิ้นปี)จะปิดประตูเวลา 17:00 น. หนึ่งรอบ จากนั้นก็จะเปิดประตูอีกทีในเวลา 22:00 น. ข้ามปีไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม เวลา 22:00 น. เป็นเวลา 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว

วันที่ 2 และ 3 เวลา 6:00-21:00 น.

วันที่ 4 และ 5 เวลา 6:00-18:00 น.

หลังจากนั้นเป็นต้นไปจะเปิดให้กราบไหว้สักการะช่วงเวลา 6:00-17:00 น.

 “ศาลเจ้าสุมิโยชิ” ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้านี้ สามารถเดินทางจาก สถานีรถไฟนันไคสถานีนัมบะ ด้วยรถไฟสายหลักนันไค มาเพียง 10 นาทีเท่านั้น และสามารถเดินจาก สถานี Sumiyoshitaisha Station มาเพียง 3 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางจากสถานีรถไฟ HANKAI สถานี Ebisucho Station ใกล้ย่าน “ชินเซไค” หรือ “เด็นเด็นทาวน์” มาได้อย่างง่ายดาย

โดยบริเวณรอบๆ “ศาลเจ้าสุมิโยชิ” จะมีทั้งย่าน「KOHAMA SHOPPING STREET」แหล่งช้อปปิ้งที่ให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นเก่าๆ ให้ความรู้สึกแตกต่างจากย่านโดทงโบริ หรือ ชินไซบาชิ ที่สามารถเที่ยว ชิม ช้อป ก่อนหรือหลังการกราบไหว้สักการะ ได้อย่างเต็มที่

3. ศาลเจ้าอัตสึตะ ATSUTA JINGU : 熱田神宮 (NAGOYA)

และศาลเจ้าสุดท้ายก็คือ “ศาลเจ้าอัตสึตะ” ในนาโกย่า ศาลเจ้าที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่มีผู้คนมากราบไหว้ศักการะมากถึง 2 ล้าน 3 แสนคน เป็นศาลเจ้าหายากในญี่ปุ่นที่มีอายุมากถึง 1900 ปีมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานได้รับความนิยมทั้งจากคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมากมาย

ซึ่งจุดสำคัญของศาลเจ้าอัตสึตะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ ต้นการบูรขนาดใหญ่ที่ถูกปลูกมามากกว่า 1000 ปี เรียกว่า「OOKUSU:大楠」ซึ่งต้นการบูรขนาดใหญ่ตั้งสูงเด่นท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าที่อุดมสมบูรณ์ในศาลเจ้าแห่งนี้มีมากถึง 7 ต้นเลยทีเดียว นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ของ “ศาลเจ้าอัตสึตะ” แห่งนี้ก็คือ “อาหารนาโกย่า” นั่นเอง เนื่องจากภายในศาลเจ้าอัตสึตะจะมีร้านอาหารขึ้นชื่อของนาโกย่าอยู่หลายร้าน ทั้งร้านอาหารคิชิเม็ง(เมนูเส้น)「MIYAKISHIMEN(宮きしめん)」หรือร้านฮิตสึมะบุชิ(ข้าวปลาไหล)「ATSUTA HOURAIKEN(あつた蓬莱軒)」ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

การเข้าถึง “ศาลเจ้าอัตสึตะ” นั้นสามารถเดินทางจาก “สถานีนาโกย่า” ด้วยรถไฟ JR สายโทไคโดมายัง “สถานีอัตสึตะ” หรือเดินทางด้วยรถไฟสายเมเทตสึมายัง “สถานีจิงกุมาเอะ Jingu-Mae Station”  นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางจากย่าน “ซากาเอะ” แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของนาโกน่า ได้ด้วยรถไฟใต้ดินสายเมโจ มายัง “สถานีจิงกู นิชิ Jingū-Nishi Station” ได้อีกด้วย

หากคุณได้มาท่องเที่ยวข้ามปีที่นาโกย่า ก็อย่าลืมแวะมาที่ “ศาลเจ้าอัตสึตะ” แห่งนี้เพื่อสัมผัสบรรยากาศวันขึ้นปีใหม่ และเพลิดเพลินกับอาหารประจำท้องถิ่นได้เลย

ครั้งนี้เราได้แนะนำศาลเจ้าสำหรับช่วงวันขึ้นปีใหม่ในแถบคันโต-คันไซ-ชูบุ อย่างละ 1 ที่ ไปทั้งหมด 3 ศาลเจ้า ไม่ว่าศาลเจ้าไหนๆ ก็เป็นศาลเจ้าชื่อดังที่มีผู้คนมากราบไหว้สักการะในช่วงปีใหม่ตั้งแต่วันที่ 1-3 มกราคม เป็นจำนวนมากกว่า 2 ล้านคน คุณจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศการขึ้นปีใหม่ในประเทศญี่ปุ่น พร้อมทานอาหารญี่ปุ่นในบรรยากาศเหมือนงานเทศกาลญี่ปุ่น ที่นอกจากจะสามารถเดินทางจากในตัวเมืองของที่ต่างๆ แล้ว ยังตั้งอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งที่คุณสามารถช้อปปิ้ง “ของลดราคาช่วงปีใหม่” ที่ถูกเรียกว่า「初売り」อ่านว่า ฮะสึอุริ กันได้อีกด้วย

ช่วงเวลาพิเศษๆ ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แบบนี้อยากให้คุณได้ลองมาสัมผัสทั้งบรรยากาศ พร้อมอาหารที่แสนอร่อย และช้อปปิ้งสุดคุ้มในช่วงปีใหม่นี้กันดู รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า สวัสดีปีใหม่อีกครั้งค่ะ♪