เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day4-1 ทานอาหารเช้าของโรงแรมและเที่ยวชม วัด “โอสึ แคนนอน Osu-Kannon”
NAGOYA-TAKAYAMA-SHINHODAKAROPEWAY-HIRAYU-MATSUMOTO-KOMAGATAKEROPEWAY-NAGOYA
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ช้อปปิ้งที่ย่าน “ซาเกเอะ” ในนาโกย่าไปเต็มที่แล้ว ทั้งสินค้า NIPPON MADE ของ Onitsuka Tiger ที่สามารถหาซื้อได้เฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า “โยโดบาชิ คาเมร่า Yodobashi Camera” และ AppleStore ที่สามารถซื้อได้ในราคา TAX FREE และหลังจากช้อปปิ้งเราก็เข้าที่พัก「NISHITETSU INN NAGOYA NISHIKI HOTEL」บนเตียงนุ่มๆ นอนสบาย ได้พักผ่อนไปเต็มที่มากๆ
Day3-6 ช้อปปิ้งจุใจที่ย่าน “ซากาเอะ” ในเมืองนาโกย่า และเข้าพัก「NISHITETSU INN NAGOYA NISHIKI HOTEL」
เมื่อฟ้าสว่าง และแล้ววันนี้ก็เป็นวันที่ 4 ของทริป วันนี้ ICHIGO-CHAN จะต้องบินกลับประเทศไทยช่วงบ่าย ดังนั้นก่อนหน้านั้นเราจะแวะไปที่วัด “โอสึ แคนนอน Osu-Kannon” ที่เป็นสถานที่ขึ้นชื่อของนาโกย่า และอยู่ศูนย์กลางนาโกย่า มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ได้รับความเลื่อมใสจากคนนาโกย่า และนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมศาลเจ้ามาช้านาน ซึ่งบริเวณรอบๆ จะมีย่านร้านค้า ที่เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ มากมายทั้งห้างที่จำหน่ายสินค้ามือสอง มีร้านที่น่าสนใจอยู่มากมาย และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยการท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วย「บัตรพาสรถบัสด่วน โชริวโด -โปรแกรมมัทสึโมโตะ มาโกเมะ โคมากาเนะ-」ในตอนที่ 14 เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมวัด “โอสึ แคนนอน Osu-Kannon” กันค่ะ
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้นอนเตียงนุ่มๆ พักผ่อนอย่างเต็มที่ที่「NISHITETSU INN NAGOYA NISHIKI HOTEL」ไปแล้ว มองออกไปนอกหน้าต่างกับท้องฟ้าฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น วันนี้อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสมากๆ เราจะไปเติมพลังของวันนี้ด้วยอาหารเช้ากันเลย ห้องอาหารเช้าของที่นี่จะอยู่ที่ชั้น 1F กับห้องอาหาร「Locanda Mia」
「Locanda Mia」เป็นห้องอาหารบรรยากาศหรูหรา ดูดี เงียบสงบ มีที่นั่งโต๊ะแบบ 2 และ 4 คนอยู่มากมาย ซึ่งอาหารเช้าจะมี “Today’s Panini” ให้เลือก 3 แบบ ส่วนสลัด โยเกิรต์ และเครื่องดื่มจะเป็นแบบบุฟเฟต์ ก่อนอื่นก็ไปหาที่นั่งเพื่อเลือกเมนู “Today’s Panini” ก่อนเลย
เมื่อเลือกเมนู “Today’s Panini” แล้วก็ได้เวลาเลือกตักสลัด ไข่ต้ม ไส้กรอก ต่างๆ ที่ชอบได้เต็มที่ เนื่องจากร้านนี้เป็นร้านอาหารอิตาลี เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงรสชาติความอร่อยเลยค่ะ ไม่ว่าอะไรก็น่าทานไปหมดเลย
เครื่องดื่มก็มีให้เลือกทั้ง น้ำผลไม้ ชาอู่หลง และกาแฟ
พอเลือกตักเมนูสลัดต่างๆ แล้วเมนู “Today’s Panini” ก็มาเสิรฟ์ที่โต๊ะพอดีเลยค่ะ เมนูบุฟเฟต์ต่างๆ ก็น่าทาน แต่เมนู “Today’s Panini” ก็หอมน่าทานไม่แพ้กันเลย ทานแล้วนะคะ♪
“Today’s Panini” นี้จะมีให้เลือก 3 แบบคือ
- เบค่อน & ชีส
- มะเขือเทศมายองเนส
- นาโกย่าสเปเชียล
ซึ่งสามารถเลือกได้ 2 ใน 3 เมนูนี้ค่ะ ครั้งนี้เราได้เลือกเป็น “เบค่อน & ชีส” และ “นาโกย่าสเปเชียล” เริ่มกันที่รส “เบค่อน & ชีส” ที่มีความเข้ากันสุดๆ และเมนูรส “นาโกย่าสเปเชียล” ก็คือไส้ถั่วแดงกวนบดละเอียด หอมหวานเข้ากับแป้งสุดๆ ทั้งสองอย่างให้รสชาติที่ต่างกัน แต่ก็เป็นเมนูธรรมดาที่อร่อยมากๆ ทั้งคู่เลยค่ะ พอใจกับมื้อเช้าของวันสุดท้ายนี้มากๆ เลย
เมื่อทานอาหารเช้าจนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมกันแล้ว โดยสถานที่แรกที่เราจะไปในวันนี้ก็คือวัด “โอสึ แคนนอน”「OSU-KANNON」โดยจากโรงแรม ไปยัง “โอสึ แคนนอน” นี้สามารถเดินเท้าไปได้ 15-20 นาที แต่ครั้งนี้เราจะเลือกเดินทางด้วย รถไฟใต้ดินสายสึรุไม จากสถานีรถไฟใต้ดินฟูชิมิ ที่อยู่ใกล้โรงแรม ไปกันค่ะ
ซึ่งจากโรงแรมไปยังสถานีฟูชิมิ จะใช้เวลาเดินเท้าเพียง 3 นาทีเท่านั้น ออกจากโรงแรมไปทางขวามือเลย
เมื่อออกจากโรงแรมไปทางขวามือแล้ว ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ และเลี้ยวขวาที่สี่แยกที่ 2 จากนั้นก็เดินไปอีกและเลี้ยวขวาที่สี่แยกที่ 2 อีกรอบ ก็จะเจอทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดิน สถานีฟูชิมิ ประตูหมายเลข 1 เลย ลงบันไดเพื่อไปที่ลานจุดนัดพบสถานี ก็จะเจอเครื่องจำหน่ายตั๋วและช่องตรวจตั๋วอยู่ทางซ้ายมือเลย
ก่อนจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เราจะต้องไปซื้อตั๋วกันก่อน
โดยก่อนอื่นจะต้องเช็คราคาตั๋วรถไฟจากบอร์ดแผนผังเส้นทางรถไฟที่อยู่บนเครื่องจำหน่ายตั๋ว ซึ่งราคาตั๋วจาก “สถานีฟูชิมิ” ไป “สถานีโอสึ แคนนอน” จะอยู่ที่ 200 เยน จากนั้นกดปุ่ม English ที่อยู่ขวาบนหน้าจอ เมื่อเปลี่ยนภาษาแล้วก็กดคำว่า Ticket จากนั้นก็กดราคาตั๋ว「200」และปิดท้ายด้วยการชำระเงิน โดยใส่เงินเข้าไปในช่องใส่เงิน เท่านี้ก็เรียบร้อย
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็ผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วไปและเดินไปทางซ้ายมือ เพื่อไปที่ชานชาลารถไฟใต้ดินสายสึรุไม SUBWAY TSURUMAI LINE ที่มุ่งหน้าไปสู่ เมืองโตโยตะ TOYOTA
ซึ่งรถไฟระหว่าง “สถานีฟูชิมิ” และ “สถานีโอสึ แคนนอน” จะวิ่งทุกๆ 10 นาที และจะต้องนั่งไป 1 สถานี ใช้เวลาเพียง 2 นาทีเท่นั้น
เมื่อถึง สถานีโอสึ แคนนอน Osu-Kannon Station แล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปและผ่านช่องตรวจตั๋วออกมา จากนั้นเดินออกจากประตูหมายเลข 2 ที่อยู่เยื้องไปทางซ้าย เพื่อไปที่ “โอสึ แคนนอน Osu-Kannon” กันเลย
โดยขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อออกจากประตู 2 จากนั้นก็เดินตรงไปตามทางเรื่อยๆ เดินเลยเซเว่นไปก็จะเจอทางเข้า โอสึ แคนนอน Osu-Kannon อยู่ทางซ้ายมือ
วัด “โอสึ แคนนอน Osu-Kannon” ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน「NIHON SANDAI KANNON(日本三大観音)」(สามวัดแคนนอนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น) เดิมทีเป็นวัดที่ตั้งอยู่ “โอสึ大須” ในจังหวัดกิฟุ ที่อยู่ข้างๆ จังหวัดไอจิที่เป็นที่ตั้งของนาโกย่า แต่ได้ถูกเคลื่อนย้ายมายังสถานที่แห่งนี้เมื่อ 400 ปีที่แล้ว เป็นวัดที่ให้โชคทางด้าน “ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย” “ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข” “สุขภาพร่างกายแข็งแรง” “การค้าขายรุ่งเรือง” และ “การเรียนประสบความสำเร็จ” ได้รับความเลื่อมใสจากคนในพื้นที่ และคนนาโกย่ามาช้านาน โดยภายในพื้นที่วัดที่กว้างขวางแห่งนี้จะมีการจัดงานต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง เช่น「KOTTOUICHI(骨董市)」ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 และ 28 ของทุกเดือน, งาน「OSU TREET PERFORMING’S FESTIVAL(大須大道町人祭)」ที่จะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมของทุกปี และงาน「World Cosplay Summit」ในเดือนสิงหาคมของทุกปี ที่เป็นสถานที่จัดขบวนพาเหรด Osu-Parade อีกด้วย
งาน「World Cosplay Summit」ที่จะถูกจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมของทุกปี นั้นจะมีการจัดขบวนพาเหรด Osu-Parade ไฮไลท์ของงานที่มีเหล่านักคอสเพลย์มากกว่า 1000 คนมาร่วมเดินขบวนพาเหรดในคาแรคเตอร์ต่างๆ
อ่านรีวิวงาน『World Cosplay Summit / Osu-Cosplay Parade』คลิ๊กเลย !
ขึ้นบันไดภายในวัดไปที่อาคารหลักของวัด เพื่อไปกราบไหว้สักการะกันเลย และเมื่อเข้าไปในอาคารหลักวัดแล้ว ก็จะเจอกับโคมไฟญี่ปุ่นขนาดใหญ่เหมือน โคมไฟยักษ์ ที่ “ประตูคามินาริมง雷門” ที่ อาซากุสะ ในโตเกียวเลยค่ะ น่าถ่ายรูปมากๆ
และที่บริเวณใต้โคมไฟขนาดใหญ่จะมีกระถางธูปอยู่ ซึ่งที่บริเวณด้านข้างกระถางธูปจะมีธูปวางเตรียมไว้ให้บูชา 100 เยน สามารถจุดธูปได้จากไฟที่อยู่กลางกระถาง และปักที่กระถางได้เลย จากนั้นปัดควันจากธูปเข้าตัว ซึ่งคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าการปัดเป่าควันธูปเข้าส่วนต่างๆ เช่น ร่างกาย ก็จะทำให้ส่วนนั้นดีขึ้น เหมือนการปัดโชคเข้าตัวนั่นเอง
หลังจากที่จุดธูปสักการะแล้ว ก็ไปกราบไหว้อาคารหลักวัดเลย ซึ่ง “โอสึ แคนนอน Osu-Kannon” นี้คือ วัด ไม่ใช่ศาลเจ้า เพราะฉะนั้นตอนไหว้สักการะไม่จำเป็นต้องตบมือ แค่พนมมือก้มหัว ขอพรก็เพียงพอแล้ว เหมือนการไหว้แบบที่ไทยเลย ในกรณีที่ด้านหน้ามี เบาะนั่ง ก็สามารถนั่งกราบไหว้เหมือนวัดที่ไทยได้เลยค่ะ แต่ก็สามารถยืนไหว้ได้เช่นกัน และไม่จำเป็นต้องถอดรองเท้าในการไหว้เหมือนประเทศไทยด้วยค่ะ
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้กราบไหว้ที่วัดโอสึ แคนนอน แล้วบริเวณรอบๆ ก็มีทั้งศาลเจ้า วัด และย่านร้านค้า「OSU-SHOPPING STREET」ที่มีร้านจำหน่ายของฝาก และร้านอาหารทานเล่นมากมาย โดยเฉพาะร้านจำหน่ายสินค้ามือสองทั้งกระเป๋า นาฬิกา หรือชุดกิโมโน อยู่อีกด้วย ซึ่งถือว่าอาจมีหลากหลายกว่าโตเกียว หรือ โอซาก้าเลยก็ว่าได้
ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปเดินเที่ยวภายในย่านร้านค้า「OSU-SHOPPING STREET」กันให้เต็มที่เลยค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪
【ตารางการเดินทาง Day4-1 OSU-KANNON】
PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “บัตรพาสรถบัสด่วน โชริวโด -โปรแกรมมัทสึโมโตะ มาโกเมะ โคมากาเนะ”