Day3-5 ทานซูชิร้านดัง “ซูชิซันมัย”「SUSHI-ZANMAI」ในตลาดปลาสึกิจิ และเข้าพักที่โรงแรม「E-Hotel Ginza」

ROUND THE C・H・I

ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day3-5 ทานซูชิร้านดัง “ซูชิซันมัย”「SUSHI-ZANMAI」ในตลาดปลาสึกิจิ และเข้าพักที่โรงแรม「E-Hotel Ginza」

OSAKA-HYOGO-OSAKA-TOKYO

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เพลิดเพลินไปกับงานเทศกาลฤดูร้อนของญี่ปุ่นกับ “เทศกาลสึกิจิ ฮงกันจิ บงโอโดริ Tsukiji Honganji Bon-Odori Festival” ไปอย่างเต็มที่และสนุกสนาน นอกจากจะได้เข้าร่วมงานเทศกาลแล้ว บริเวณรอบๆ งานยังมีอาหารอร่อยๆ จำหน่ายอยู่มากมาย

วัดสึกิจิ ฮงกันจิ นี้อยู่ห่างจาก “ตลาดปลาสึกิจิ” ที่เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเพียงนิดเดียวเท่านั้น โดยที่ตลาดปลาสึกิจินี้จะมีร้านที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงอยู่เป็นร้านที่สามารถเพลิดเพลินกับซูชิสดใหม่ได้อย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นเราจะลองไปที่ร้านที่ว่านี้กันเลย

ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปทานซูชิที่ร้านชื่อดัง “ซูชิซันมัย”「SUSHI-ZANMAI」ในตลาดปลาสึกิจิ และเข้าพักที่โรงแรม「E-Hotel Ginza」กันค่ะ

เดินจากวัดสึกิจิ ฮงกันจิมาเพียง 5 นาที ตอนนี้เราก็ได้เดินมาถึงร้านซูชิชื่อดัง『SUSHI-ZANMAI HONTEN』ภายในตลาดปลาสึกิจิกันแล้ว

ซึ่งร้าน SUSHI-ZANMAI ที่ได้รับความนิยมในตลาดปลาสึกิจินี้ จะเปิดให้บริการ 365 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นร้านยอดนิยมที่สามารถเข้าไปทานซูชิอร่อยๆ ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

ซึ่ง SUSHI-ZANMAI ที่ตั้งอยู่ในส่วนด้านนอกของตลาดปลาสึกิจิ ในตลาดปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีร้านค้าต่างๆ มากมายที่เพื่อนๆ สามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารทะเลสดใหม่นานาชนิดได้อย่างเต็มที่

สามารถอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้จากทริปก่อนหน้า คลิ๊กเลย!!

Day4-2 ปิดท้ายทริปด้วยตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น「ตลาดปลาสึกิจิ」

ในช่วงกลางวันบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ แต่พอตกกลางคืน ร้านที่เปิดให้บริการก็จะมีอยู่เพียงไม่กี่ร้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือร้าน「SUSHI-ZANMAI」นั่นเอง

ภายในบริเวณตลาดปลาสึกิจิที่เงียบเหงานี้ จะมีเพียงร้าน「SUSHI-ZANMAI HONTEN」เท่านั้นที่มีผู้คนคึกครื้น ถึงแม้ว่าเวลานี้จะเลยเวลาสำหรับอาหารค่ำแล้ว แต่ก็มีลูกค้ารอต่อแถวอยู่พอสมควรเลย น่าจะมากกว่า 10 คน กว่าเราจะได้เข้าไปในร้านก็ต้องรอเกือบ 30 นาทีเลยค่ะ

ร้านจะมีอยู่ 2 ชั้น ที่นั่งก็จะมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบโต๊ะที่สามารถนั่งได้ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป หรือห้องส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่มากันเป็นกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์อีกด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเลย 3 ทุ่มแล้ว แต่ลูกค้าก็เต็มร้านเลยค่ะ ภายในร้านมีที่นั่งเยอะมากๆ เพราะฉะนั้นถึงจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่ ก็รอไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถเข้าไปในร้านได้เลยค่ะ (ในกรณีที่ลูกค้าเยอะ/ทางร้านไม่สามารถจองล่วงหน้าได้)

ภายในร้านจะมีทั้งเมนูภาษาอังกฤษ และรูปภาพประกอบให้เข้าใจง่าย เพื่อสะดวกต่อการสั่งอาหาร เมนูภายในร้านก็มีเลือกมากมาย ทั้งเมนูข้าวหน้าซูชิ「SUSHI ZANMAI DELUXE (特選すしざんまい)」(3000 เยน)「MAGURO ZANMAI(マグロざんまい)」(3000 เยน)หรือ「KOKORO IKI(こころ粋)」(2000 เยน)หรือ「HAKKAI GOKAN NIGIRI(北海五貫にぎり)」(1480 เยน)นอกจากนี้ยังมีเมนูข้าวหน้าทะเลอย่าง「DELUXE TUNA-DON(特選本マグロ丼)」(2800 เยน)หรือ「SEAFOOD CHIRASHI BOWL(海鮮ちらし丼)」(1500 เยน)ซึ่งในแต่ละเมนูจะเสิร์ฟพร้อมซุปมิโซะ อีกด้วยค่ะ

นอกจากเมนูที่เป็นเซ็ตแล้ว ก็ยังสามารถสั่งเป็นคำได้อีกด้วย ทั้งซูชิหน้า「ABURI TORO(あぶりとろ)」(398 เยน)หรือ「OTORO(大トロ)」(398 เยน)ถ้าเป็นปลาที่มีในสึกิจิก็สามารถสั่งได้ทั้งหมดเลยค่ะ

ซึ่งด้านหลังสุดของเมนู จะมี “วิธีการทานซูชิที่ถูกต้อง” อธิบายให้ชาวต่างชาติอีกด้วย การทานซูชินั้น ทางที่ดีควรทานด้วยมือ มากกว่าทานด้วยตะเกียบค่ะ โดยหยิบซูชิจากส่วนตรงกลางเพื่อพลิกซูชิ จากนั้นก็จิ้มซูชิลงไปในโชยุจาก “หน้าซูชิ” ไม่ใช่ “ข้าว หรือ ชาริ(シャリ)” เพียงนิดเดียวเท่านั้น หลายคนจะนิยมจิ้มซูชิจากส่วนข้าว แต่ที่ถูกต้องจะต้องจิ้มจากหน้าซูชิเพียงนิดเดียวเพื่อสามารถลิ้มรสความอร่อยของหน้าซูชิได้อย่างแท้จริง เพราะว่าถ้าจิ้มจากข้าว ข้าวจะดูดซอสโชยุมากไปจนกลบรสชาติความอร่อยของหน้าซูชินั่นเอง

และที่ ICHIGO-CHAN สั่งในวันนี้ก็คือ「SUSHI ZANMAI DELUXE (特選すしざんまい)」(3000 เยน)ปริมาณที่ได้จริง ดูเยอะกว่าในเมนูอีกค่ะ  เป็นหนึ่งเมนูที่เราสามารถทานซูชิได้หลากหลายมากๆ

ภายในเมนูนี้ มีข้าวหน้าปลาอานาโงะ ที่ใหญ่กว่าตัว ICHIGO-CHAN อยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมี ส่วนโอโทโร่ ของปลามากุโระ หรือ อุนิ(หอยเม่น) ฯลฯ อีกมากมาย ปริมาณและคุณภาพขนาดนี้ ในราคา 3000 เยน ถือว่าหาทานแบบนี้ไม่ได้ที่ไทยเลยค่ะ

หลังจากทานดินเนอร์แสนอร่อยไปเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาคิดเงิน ซึ่งราคาทั้งหมดรวมเครื่องดื่มแล้วอยู่ที่ 3400 เยน ที่ร้านสามารถชำระด้วยบัตรเครดิตค่ะ เราได้เพลิดเพลินกับซูชิหน้าต่างๆ หลากหลายชนิดในราคาที่ไม่แพงเลย การบริการของร้านก็ดีมากๆ ใครได้มาตลาดปลาสึกิจิไม่ควรพลาดร้านนี้เลยจริงๆ ค่ะ

จากร้าน「SUSHI-ZANMAI HONTEN」ที่บริเวณด้านนอกตลาดปลาสึกิจิ เดินไปโรงแรม「E-Hotel Ginza」จะใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น เมื่อออกจากร้านแล้วก็เดินไปทางขวามือ จากนั้นก็เดินไปจนสุดทางออกมาสู่ถนนใหญ่ ก็เลี้ยวไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็เดินตรงไปอีกประมาณ 5 นาที และเดินข้ามสะพานผ่านทางด่วนไปก็เลี้ยวไปทางซ้าย

เมื่อข้ามสะพานมาแล้ว ก็เดินไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 3 นาที ก็จะเจอป้ายที่เขียนว่า「新橋演舞場Shinbashi Enbujo」ให้เลี้ยวซ้ายที่มุมนี้เลย จากนั้นก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ ซักพักก็จะเจอ「E-Hotel Ginza」อยู่ทางขวามือเลย

โรงแรม『E-Hotel Ginza』นี้ตั้งอยู่ศูนย์กลางระหว่าง ย่านกินซ่า และ ตลาดปลาสึกิจิพอดี

เป็นโรงแรมเปิดใหม่ที่เปิดให้บริการเมื่อเดือนมกราคม ปีพ.ศ.2561 ที่ผ่านมา ตั้งอยู่ในจุดที่สามารถเดินไปยังสถานี JR ชินบาชิ และตลาดปลาสึกิจิ ได้โดยใช้เวลา 10 นาที ถึงแม้ว่าโรงแรมจะตั้งอยู่ใกล้ย่านกินซ่าที่ราคาที่พักสูง แต่ราคาห้องพักของที่นี่ก็ไม่แพงมากเลยค่ะ

ก่อนอื่นก็เข้าไปที่เคาน์เตอร์เพื่อทำการเช็คอินโดยแสดงหนังสือเดินทาง และกรอกข้อมูลชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทร ลงในใบลงทะเบียน จากนั้นทำการชำระเงิน เท่านี้ก็เรียบร้อย ที่นี่รองรับบัตรเครดิตค่ะ รับคีย์การ์ดแล้วก็ไปที่ห้องพักกันเลย

บริเวณล๊อบบี้หน้าลิฟต์จะมีเครื่องชงกาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ บริการให้แขกที่เข้าพักด้วย ICHIGO-CHAN ก็ดื่มกาแฟซักแก้วแล้วไปที่ห้องพักเลย

วันนี้เราเลือกพักห้องพักแบบทวิน ที่มีเตียงเดี่ยวติดกันสองเตียง บรรยากาศภายในห้องพักที่ตกแต่งด้วยไม้ ดูอบอุ่น และยังดูใหม่มากๆ

และมุมหนึ่งภายในห้องพักจะมีโต๊ะเก้าอี้เล็กๆ ให้ได้นั่งเล่น มีบริการน้ำดื่มฟรี 2 ขวดอีกด้วย เป็นบริการที่หาได้ยากสำหรับประเทศญี่ปุ่นที่สามารถดื่มน้ำก๊อกได้ค่ะ

ถึงแม้ว่าโรงแรมนี้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองโตเกียว แต่หน้าต่างห้องก็สามารถเปิดปิดได้ด้วยค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากในโรงแรมในเมืองที่ญี่ปุ่น ซึ่งเยื้องๆ ไปทางด้านหน้าโรงแรมจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นแบบ「RYOUTEI」อ่านว่า “เรียวเต” เป็นภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นชั้นดี ชื่อว่าร้าน “คาเนะ ทานากะ”『KANETANAKA』อยู่ด้วย

ไม่เพียงแต่อาหารเท่านั้น แต่ที่นี่จะมีบริการที่เป็นเลิศจากสาวใช้ที่มีมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งผู้ที่มาใช้บริการ สามารถเพลิดเพลินไปกับอาคารสิ่งก่อสร้างและสวนที่สวยงาม นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการแสดงจาก “ไมโกะ” ได้ระหว่างการทานอาหารญี่ปุ่นสุดหรูอีกด้วย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นแบบเรียวเต จะเป็นการรับรองแขกของบริษัท การร่วมพูดคุยระหว่างนักการเมือง การนัดดูตัว หรือการพบหน้ากันก่อนแต่งงาน หรือการต้อนรับแขกคนสำคัญจากต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่ง “คาเนะ ทานากะ KANETANAKA” นี้เป็นภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นแบบเรียวเตที่มีความเก่าแก่ เปิดบริการมาเกือบ 100 ปี ปัจจุบันก็ยังคงเป็นสถานที่ที่รองรับแขกคนสำคัญอย่างเช่น นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ อีกด้วย ถือว่าเป็น ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น ที่ไม่สามารถหาโอกาสไปใช้บริการได้ง่ายๆ เลยค่ะ

ห้องน้ำภายในห้องพัก จะเป็นแบบห้องอาบน้ำและห้องน้ำรวมอยู่ในห้องเดียว ขนาดกระทัดรัดแต่ก็อาบน้ำได้สบาย อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เตรียมไว้อยู่ในห้องน้ำ ทั้ง แปรงสีฟัน หวี ที่โกน ฯลฯ หากต้องการครีมหรือคอตตอนบัตเพิ่มเติมก็สามารถแจ้งได้ที่ฟร้อนท์เลยค่ะ

บนโต๊ะมีมือถือสมาร์ทโฟน「handy」ให้ได้ใช้ฟรี ระหว่างเข้าพักเพื่อนๆ สามารถถือออกไปใช้เล่นเน็ตได้ด้วย ไม่ต้องหา Wifi ให้ลำบากเลยค่ะ จะใช้หาข้อมูลการท่องเที่ยวต่างๆ หรือใช้เป็นกล้องถ่ายรูปก็ได้สบายเลย นอกจากนี้ยังสามารถใช้โทรศัทพ์ภายในประเทศได้ฟรีอีกด้วย ซึ่งเครื่องนี้สามารถรองรับได้หลายภาษาทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ใช้งานได้สบายเลยค่ะ

บริเวณหัวเตียงก็มีปลั๊กไฟอยู่ให้ได้เสียบชาร์ทใกล้ตัว เล่นมือถือะระหว่างนอนอยู่บนเตียงได้เลย

ICHIGO-CHAN ออกจากตัวเมืองโอซาก้ามาตั้งแต่เช้า และได้เดินทางเข้ามายังเมืองหลวงของญี่ปุ่นที่โตเกียว เพื่อเที่ยวที่ “โอไดบะ” ทั้งช้อปปิ้ง กิน ถ่ายรูป ไปเต็มที่แล้วก็ต่อด้วยงานเทศกาล「Tsukiji Honganji Bon-Odori Festival」เป็นอีกหนึ่งวันที่ได้เที่ยวเต็มที่มากๆ

สำหรับวันนี้ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

【ตารางการเดินทาง Day3-5 SUSHI-ZANMAI HONTEN/E-HOTEL TOKYO-GINZA】

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶