ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day3-4 ล่องเรือชมเมืองริมน้ำโบราณ “โอมิฮาจิมัง” กราบไหว้ศาลเจ้าแห่งการค้าขาย “ศาลเจ้าฮิมูเระฮาจิมังกุ”「HIMUREHACHIMANGU」ตามด้วยร้านขนมญี่ปุ่นชื่อดัง “ทาเนะยะ”「TANEYA」
FUKUI-SHIGA-KYOTO-OSAKA
จากความเดิมตอนที่แล้วที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางมาถึงเมืองริมน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศบ้านเมืองที่เก่าแก่ สงบ และสวยงาม “โอมิฮาจิมัง”「OMIHACHIMAN」และแวะทานอาหารขึ้นชื่อของชิงะ “เนื้อโอมิ”「OMIGYU」แล้ว
ได้ทานเมนูเนื้อโอมิ ไปจนเต็มอิ่ม ต่อไปเราจะไปนั่งเรือเที่ยวชมเมืองที่คูน้ำฮาจิมังโบริ「HACHIMANBORI」จากนั้นเดินเล่นรอบเมืองเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบและแวะร้านของหวานยอดนิยมที่มีสาขาทั่วประเทศกับร้าน “ทาเนะยะ”「TANEYA」
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมเสน่ห์ของ “โอมิฮาจิมัง” กันค่ะ
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ทานเมนูเนื้อชั้นดี “เนื้อโอมิ” ที่ร้านอาหาร “วะเด็น” ไปแล้ว ต่อไปเราจะไปชมบรรยากาศเมืองริมคูน้ำ ที่ด้านหลังร้านโดยออกจากประตูหลังเพื่อไปที่ริม “คูน้ำฮาจิมังโบริ”「HACHIMANBORI」เมื่อออกมาจากประตูหลังร้านแล้วเราก็จะเจอโทริอิสีแดงสด เหมือนที่ฟูชิมิฮินาริ และหลังโทริอินี้จะมี「คัปปะ」(สัตว์ในตำนานญี่ปุ่น) สิงสถิตอยู่ ซึ่ง「คัปปะ」ที่เป็นสัตว์ในตำนานของญี่ปุ่นนี้เป็นสัตว์ที่ชำนาญการว่ายน้ำและดำน้ำในแม่น้ำ จนกลายเป็นเทพเจ้าแห่งแม่น้ำไปนั่นเอง ICHIGO-CHAN ก็มากราบไหว้ขอพรให้ทริปร่องคูน้ำฮาจิมังโบริของเราจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นนะคะ
ออกจากด้านหลังร้าน “วะเด็น”「WADEN」มาและลงบันไดไปที่ริมคูน้ำ เพื่อลงมาสู่ท่าเรือที่เป็นพื้นหินในแบบดั้งเดิม บริเวณโดยรอบก็จะล้อมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าริมทางและบ้านเรือนเก่าแก่ จุดนี้ก็ได้รูปสวยๆ หลายรูปเลยค่ะ
หลังจากถ่ายรูปกันจนเต็มที่แล้ว ก็ไปขึ้นเรือกันเลย “ร่องเรือเที่ยวชมคูน้ำฮาจิมัง”「HACHIMAN-CANAL CRUISE」จะอยู่ที่ 1000 เยนต่อคน รับเฉพาะเงินสดเท่านั้นนะคะ หากผู้โดยสารมากกว่า 2 คนขึ้นไป และไม่มีผู้จองเรือเอาไว้เรือก็จะออกเดินทางเลย เรือน้ำเที่ยวจะใช้เวลาในการร่องเรือ 35 นาทีต่อรอบ ดูราคาและระยะเวลาแล้วกำลังพอดีเลยค่ะ
ขึ้นเรือแล้วก็ออกเดินทางกันเลย คนขับเรือเป็นผู้หญิงด้วยค่ะ
แล่นเรือออกมาซักพัก เราก็จะเห็นธงรูปปลาคาร์ฟปักอยู่เป็นแถบด้านซ้ายมือ สิ่งนี้ก็คือ “โคอิโนโบริ”「KOINOBORI」เป็นขนบธรรมเนียมของญี่ปุ่นที่จะนำมาประดับเอาไว้ตามบ้านหรือ ในเมือง ในช่วงวันเด็กผู้ชายในวันที่ 5 พฤษภาคม(วันที่ 5 เดือน 5 หรือ บางพื้นที่เป็นวันที่ 5 เดือนมิถุนายน) เพื่อให้เด็กผู้ชายหมดทุกข์หมดโศก และประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะนำธงปลาคาร์ฟนี้ออกเมื่อสิ้นสุดวันที่ 5 พฤษภาคม แต่ที่พื้นที่นี้จะใช้「KYUUREKI」อ่านว่า “คิวเรกิ” หมายถึง ปฏิทินแบบเก่าตามจันทรคติ ที่เคยใช้มาตั้งแต่สมัยก่อนจึงจะมีการประดับธงปลาคาร์ฟไปจนถึงกลางเดือนมิถุนายนนั่นเอง
ตลอดทั้งสองฝั่งข้างทางเราจะได้เพลิดเพลินกับดอกไม้ตามฤดูกาลต่างๆ ซึ่งในช่วงนี้จะเป็นช่วงฝนสั้นๆ ของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “สึยุ”「TSUYU」จะเป็นช่วงของดอก “โชบุ”「SHOUBU」หรือ “ว่านน้ำ” พอดี เราสามารถเพลิดเพลินกับดอกว่านน้ำได้ตั้งแต่จุดจอดเรือหลังร้าน “วาเด็น”「WADEN」และบริเวณโดยรอบริมทั้งสองฝั่งคูน้ำเลยค่ะ ซึ่งนอกจากดอกโชบุแล้ว ก็ยังมีดอกประจำเดือนมิถุนายนอย่างดอก「อาจิไซ AJISAI」หรือ “ดอกไฮเดรนเยีย” หลากสีอีกด้วย
ระหว่างนั่งเรือ เราจะกินของว่างที่เราแอบไปซื้อมาระหว่างทาง กับโดรายากิที่มี “ฮิโคะเนียน”「HIKONYAN」คาแรคเตอร์ของฮิโคเนะอยู่ด้วย แอบเสียดายและน่าสงสารที่ต้องกิน แต่ขนมน่าทานมาก ทานจนหมดเลยค่ะ
ที่บริเวณคูน้ำ “ฮาจิมังโบริ”「HACHIMAN BORI」นอกจากช่วงที่ ICHIGO-CHAN ไปมาครั้งนี้ที่เป็นช่วงดอก “โชบุ” แล้วเรายังสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูทั้ง ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม่ร่วง และฤดูหนาว ถึงแม้ว่าที่นี่จะอยู่ห่างจากโอซาก้าโดยนั่งรถไฟเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่พื้นที่ “โอมิฮาจิมัง”(หรือ “ฮิโคเนะ”)จะอยู่ใกล้กับภูเขาดังนั้นทำให้ในช่วงฤดูหนาวพื้นที่กว่า 1 ใน 4 จะขาวโพลนไปทั่วพื้นที่เลย โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์ หากได้มาเที่ยวโอซาก้าในช่วงเวลานี้ ก็ลองขึ้นมาอีกนิดนึงเพื่อมาสัมผัสบรรยากาศฤดูหนาวที่หนาวเหน็บของที่นี่กันดูนะคะ
ใช้เวลานั่งเรือท่องคูน้ำฮาจิมังโบริประมาณ 30 นาที ได้นั่งเรือชมเมืองริมน้ำที่เก่าแก่กันไปแบบเต็มอิ่มแล้ว เรือก็จะมาส่งเราที่เดิมที่บริเวณคูน้ำหลังร้าน “วะเด็น”「WADEN」ก่อนลงเรือ ICHIGO-CHAN ได้ถ่ายรูปกับคนขับเรือด้วย ขอบคุณสำหรับทริปร่องเรือที่แสนสนุกนี้นะคะ
และหลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้นั่งเรือชมบริเวณคูน้ำฮาจิมังโบริเรียบร้อยแล้ว ก็ลงจากเรือ เดินกลับไปตามทางเดิมเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณสะพานเมจิ ขึ้นบันไดที่อยู่ด้านข้างแล้วก็จะเจอ “ศาลเจ้าฮิมูเระฮาจิมังกุ”『HIMUREHACHIMANGU』อยู่ด้านขวามือทันที
“โอมิฮาจิมัง” หรือ “ฮิโคเนะ” เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองพ่อค้า ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก แต่ที่โอมินี้เป็นสถานที่ที่เป็นที่ตั้งของร้านค้ายักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นอยู่หลายร้าน ดังนั้น “ศาลเจ้าฮิมูเระฮาจิมังกุ”「HIMUREHACHIMANGU」นี้จึงเป็นศาลเจ้าที่เหล่าพ่อค้าทั้งหลายให้ความยึดมั่นศรัทธา และมีความเชื่อว่าเป็นวัดที่ให้โชคเรื่องการค้าขายอีกด้วย
เมื่อเข้ามาในบริเวณศาลเจ้าแล้วก็จะมีที่ชำระล้างร่างกายอยู่ด้านขวามือ และด้านหลังที่ชำระล้างร่างกายจะมี “ถังเหล้าหมัก” ที่ถูกนำมาถวายประดับเอาไว้อยู่ด้วย มุมนี้ก็เป็นมุมที่น่าถ่ายรูปเช่นกันค่ะ
วิธีการชำระล้างร่างกายสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ Day1-3 มนัสการศาลเจ้า『FUSHIMI-INARI TAISHA』ที่เกียวโต
เมื่อหันหน้าไปด้านในศาลเจ้า จะมีเวทีแสดงการแสดงศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า「NOU」หรือ “ละครโน”(สามารถอ่านรายละเอียด “ละครโน” ได้ตามลิ้งค์ด้านล่าง คลิ๊กเลย)Day2-3 จุใจที่ร้านอาหาร『YATUSHASHI NO SATO』ชมสวนแสนสวย
และที่ส่วนด้านหลังเวทีจะมีรูปปั้นนกสีทองประดับอยู่ นี่ก็คือสิ่งที่ ชาวบ้านใกล้เคียงที่อยู่ในการปกครองของศาลเจ้าที่มุ่งมั่นและตั้งใจได้ถวายให้กับวัด ซึ่งนกสองตัวจะมีความหมายเท่ากับตัวอักษรญี่ปุ่น「八」 (แปลว่า แปด) ซึ่งตัวอักษรนี้จะเป็นคำที่มีความเกี่ยวพันกับชื่อวัด “ศาลเจ้าฮิมูเระฮาจิมังกุ” ที่เขียนว่า 「日牟禮八幡宮」นั่นเอง
เมื่อชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปกราบไหว้ศาลเจ้าหลักกันเลย วิธีการสักการะศาลเจ้าคือ「โค้งคำนับ 2・ปรบมือ 2・โค้งคำนับ 1」
โดยโยนเหรียญลงไปในกล่องทำบุญ จากนั้นก็สั่นกระดิ่งที่อยู่ตรงหน้า และ
- โค้งคำนับ 2 ครั้ง
- ปรบมือ 2 ครั้ง
- โค้งคำนับ 1 ครั้ง
ระหว่างปฏิบัติก็สามารถตั้งจิตขอพรไปพร้อมๆ กันเลย
ด้านข้างอาคารศาลเจ้าหลัก จะมีสำนึกงานที่จำหน่ายเครื่องรางของขลังอยู่ รวมไปถึงเซียมซีด้วย ในศาลเจ้าที่ “พ่อค้าโอมิ” ให้ความศรัทธานี้ เครื่องรางของขลังที่เกี่ยวกับ「กิจการค้ารุ่งเรือง」จะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ
หากได้มา “ศาลเจ้าฮิมูเระฮาจิมังกุ” แล้วก็ไม่ควรพลาดร้านของหวานของจังหวัดชิงะกับร้าน “ทาเนะยะ”『TANEYA』
ในปัจจุบันร้านนี้ได้ขยายสาขาไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ทั้งโตเกียว โอซาก้า หรือฟูกุโอกะ ฯลฯ ซึ่งสาขาหลักจะอยู่ที่ “โอมิฮาจิมัง” แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นร้านของพ่อค้าโอมิจริงๆ เลยค่ะ
ซึ่งข้างๆ “ศาลเจ้าฮิมูเระฮาจิมังกุ” จะมี “ทาเนยะ โอมิฮาจิมัง ฮิมูเระ วิลเลจ”「TANEYA OMIHACHIMAN HIMURE VILLAGE」ฝั่งสะพานเมจิบาชิ ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นที่ที่มีทั้งร้าน ขนม ของฝาก หรือ คาเฟ่ต่างๆ อยู่หลายร้าน หนึ่งในร้านเหล่านั้นจะมีร้าน “ฮิมูเระฉะยะ”「HIMURECHAYA」เป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเลยค่ะ
บรรยากาศภายในร้านก็จะเหมือนได้อยู่ในบ้านโบราณที่คล้ายๆ บ้านโบราณในชิราคาวาโกะ ในส่วนตรงกลางบ้านมีเตาผิงไฟอยู่ และมีเก้าอี้วางเรียงล้อมอยู่ นอกจากนี้ก็มีที่นั่งแบบโต๊ะทั่วไปอีกด้วย จะมาเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ก็รองรับได้หมดเลยค่ะ
ถึงแม้ว่าร้าน “ทาเนะยะ” 「TANEYA」จะขึ้นชื่อในเรื่องขนม “บามคูเฮน” แต่เราสามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าในที่ต่างๆ อย่างโตเกียว โอซาก้า หรือ เกียวโต ฯลฯ เพราะฉะนั้นไหนๆ เราก็มาแล้ว ลองทานขนมอื่นอย่าง “สึบุระโมจิ”「TSUBURA MOCHI」(1 ชิ้น 80 เยน)และ “สึบุระเซ็นซัย”「TSUBURA ZENZAI」(648 เยน)ดูก็ดีนะคะ “สึบุระโมจิ”「TSUBURA MOCHI」นี้เหมือนทาโกยากิเลย รสสัมผัสที่นุ่ม ไส้ถั่วแดงที่อัดแน่นอยู่ในโมจิ ซึ่งตัว “สึบุระโมจิ” ก็หวานอร่อยอยู่แล้ว แต่ถ้าใส่เข้าใจใน ZENZAI (ถั่วแดงกวน) อีกเป็น「TSUBURA ZENZAI」ทั้งโมจิ ถั่วแดงบด และถั่วแดงกวน ก็อร่อยเข้ากันสุดๆ ไปเลย สำหรับใครที่ชอบทานของหวานพลาดไม่ได้เลยค่ะ ยังคิดเลยว่า ถึงให้นั่งรถไฟมาจากโอซาก้า 1 ชั่วโมง เพื่อมาทาน「TSUBURA MOCHI」ICHIGO-CHAN ก็ยอม
หลังจากที่เราได้ทาน “สึบุระโมจิ”「TSUBURA MOCHI」และ “สึบุระเซ็นซัย”「 TSUBURA ZENZAI」ไปแล้ว ก็ข้ามสะพานเมจิ「MEIJI BASHI」และออกจากโทริอิขนาดใหญ่ไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็ขึ้นรถบัสที่ป้าย “โอสึกิมาจิ”「OSUGI MACHI大杉町」นั่งรถบัสที่มุ่งหน้าไปสถานีโอมิจิงกุ เพื่อไปลงที่สถานีโอมิจิงกุ จากโอสึกิมาจิไปสถานีโอมิจิงกุจะใช้เวลาในการเดินทาง 6 นาที บัสจะวิ่งชั่วโมงละ 2-3 เที่ยว ตั้งแต่ 10 โมงไปจนถึง 15 โมง ทุกๆ นาทีที่ 24 และ 54(หรืออาจมีนอกเหนือจากนี้ตามตารางเวลา)
ตอนนี้บัสก็พอเรามาถึงลานกว้างหน้าสถานีโอมิฮาจิมังเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าครั้งนี้เราจะใช้รถบัสในการเดินทาง แต่ถ้ามากันเป็นกลุ่ม แท็กซี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเดินทางเลยค่ะ เพราะว่าจากสถานีโอมิฮาจิมังไป บริเวณโอสึกิมาจิ ราคาค่าโดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 1000 เยน ซึ่งแท็กซี่จะนั่งได้มากที่สุด 4 คนก็จะตกคนละ 250 เยน หรือแม้แต่ 3 คนก็คนละ 330 เยน ซึ่งรถบัสราคาจะอยู่ที่ 230 เยน ถือว่าราคาไม่แตกต่างกัน แต่ได้นั่งรถแท็กซี่ที่สบายกว่ามาก ก็เป็นอีกทางเลือกนึงสำหรับเพื่อนๆ นะคะ
เมื่อถึงสถานีโอมิฮาจิมังแล้ว ต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปที่ “ศาลเจ้าโอมิจิงกุ”「OMIJINGU」ที่เป็นฉากในอนิเมะเรื่อง “จิฮายะ กลอนรักพิชิตใจเธอ”「CHIHAYAFURU (จิฮายะฟุรุ)」โดยการเดินทางไป “ศาลเจ้าโอมิจิงกุ” นั้นจะต้องนั่งรถไฟแบบด่วน(ใหม่)ไปลงที่สถานีอิชิยามะก่อน จากนั้นก็นั่งรถไฟ KEIHAN ISHIYAMA MAIN LINE ที่สถานีอิชิยามะ เพื่อไปลงที่สถานีโอมิจิงกุ
เมื่อมาถึงสถานีโอมิฮาจิมังแล้ว เดินขึ้นบันไดมาและเดินไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็จะเจอเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติอยู่ด้านขวามือ ก่อนอื่นต้องเช็คราคาตั๋วไป “สถานีอิชิยามะ” 「ISHIYAMA STATION」ที่จะต้องเปลี่ยนไปเป็นรถไฟ KEIHAN ISHIYAMA MAIN LINE โดยเช็คราคาตั๋วรถไฟจากบอร์ดแผนผังรถไฟที่อยู่บนเครื่องจำหน่ายตั๋ว(โอมิฮาจิมัง OMIHACHIMAN)จากนั้นกด「Tickets」ที่หน้าจอ ตั๋วไปสถานีอิชิยามะจะอยู่ที่ 410 เยน เพราะฉะนั้นกด 410 บนหน้าจอ และใส่เงินเข้าไปในเครื่อง เท่านี้ก็เรียบร้อย หากต้องการซื้อตั๋วครั้งละหลายใบก็สามารถเลือกกดได้ที่ปุ่มรูปคนที่อยู่ด้านซ้ายหน้าจอ (รูปล่างซ้าย) ได้มากที่สุด ผู้ใหญ่ 2 คน + เด็ก 2 คน / ครั้ง ต้องกดปุ่มก่อนจึงสามารถกดซื้อตั๋วได้
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วก็ผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วที่อยู่ด้านข้างเครื่องจำหน่ายตั๋วเลย ลงบันไดทางด้านซ้ายมือ เพื่อลงมาที่ชานชาลาหมายเลข 2・3 รถไฟที่วิ่งระหว่างสถานีโอมิฮาจิมัง ไปสถานีอิชิยามะ จะวิ่งทั้ง รถไฟด่วน(ใหม่) และรถไฟธรรมดาแบบจอดทุกสถานี อย่างละ 2 เที่ยวต่อชั่วโมง คือวิ่งทั้งหมดชั่วโมงละ 4 เที่ยว สามารถนั่งรถไฟที่มาจอดได้ทุกขบวนเลยค่ะ
โดย “รถไฟแบบด่วน(ใหม่) Special Rapid Service” หลักๆ ที่วิ่งในโอซาก้า ที่วิ่งจาก BANSHU AKO ที่อยู่เลยทิศตะวันตกของฮิเมจิ ถึงทางทิศตะวันออกที่สึรุงะในจังหวัดฟุกุอิ รวมเวลาจอดรถไฟด้วยแล้วจะวิ่งด้วยความเร็ว 80 กิโลมเตร / ชั่วโมง จากโอมิฮาจิมังไปอิชิยามะ เป็นระยะทาง 25km ก็จะใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น
ครั้งหน้าเราจะพาเพื่อนๆ ไป “ศาลเจ้าโอมิจิงกุ”「OMIJINGU」ที่เป็นฉากในอนิเมะเรื่อง “จิฮายะ กลอนรักพิชิตใจเธอ”「CHIHAYAFURU (จิฮายะฟุรุ)」และดินเนอร์ที่เกียวโตกันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪
【ตารางการเดินทาง Day3-4 OMI-HACHIMAN】