ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day3-2 การประมูลปลามากุโระที่ท่าเรือประมงคาสึอุระ และการเดินทางไปยังศาลเจ้าคุมาโนะฮอนงู
Wakayama-Shirahama-NachiKatsuura-Shingu-Toba-Ise-Nagoya
ICHIGO-CHAN ได้เดินทางมาที่ท่าเรือคาสึอุระ ท่าเรือประมงที่มีจำนวนปลามากุโระสดมากที่สุดในญี่ปุ่น และ ICHIGO-CHAN ได้ทานเมนูปลาตั้งแต่เช้าเลยที่ตลาดเช้าของคาสึอุระที่จะจัดขึ้นทุกๆ เช้าวันอาทิตย์
ต่อไปเราจะไปชมการประมูลปลามากุโระที่จะจัดขึ้นทุกๆ 7 โมงเช้ากันค่ะ ปลามากุโระจำนวนมากๆ จะถูกนำมาเรียงอยู่ที่นี่เรื่อยๆ จำนวนหลายร้อยตัว ซึ่งเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แล้วที่นี่จะมีข้อจำกัดไม่เยอะไม่ว่าใครก็สามารถเข้าร่วมชมได้ โดยจ่ายค่าเข้าร่วมเพียง 1000 เยนเท่านั้น เพื่อนๆ สามารถชมการประมูลได้แบบใกล้ๆ มากๆ เหมือนได้เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประมูลเลยค่ะ
ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมบรรยากาศการประมูลปลามากุโระที่ท่าเรือประมงคาสึอุระ และการเดินทางไปยังศาลเจ้าคุมาโนะฮอนงูกันค่ะ
ICHIGO-CHAN ได้เดินทางมาที่ ท่าเรือประมงคาสึอุระ การประมูลของที่นี่จะเริ่มตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า สำหรับคนที่จองล่วงหน้าสามารถลงทะเบียนได้เวลา 6:50 น. ที่ชั้น 2F ก่อนแล้วจึงไปดูการประมูลที่เริ่มขึ้นตอน 7 โมง ได้เลย ท่าเรือประมงคาสึอุระที่มีจำนวนปลามากุโระสดมากที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากวันเสาร์แล้ว จะมีปลามากุโระกว่าหลายร้อยตัวถูกนำมาที่แห่งนี้ในทุกๆ วันตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่เลย
และที่บริเวณหางของปลามากุโระจะมีการตัดส่วนเล็กๆ ออกเหมือนในภาพซ้ายบน เพื่อตรวจสอบความสดของปลาได้จากส่วนนี้ โดยผู้ซื้อจะทำการประเมินราคาจากขนาดและความสดของปลา ซึ่งการประมูลปลามากุโระของคาสึอุระจะเป็นแบบประกวดราคา โดยผู้ซื้อจะกรอกตัวเลขปลา(รูปขวาบน) และราคาที่ต้องการซื้อลงไปใบฉลาก และนำฉลากไปใส่ไว้ในกล่อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะทำการประกาศผู้ที่ให้ราคาสูงที่สุดไปเรื่อยๆ ปลาที่ชนะการประมูลก็จะถูกบรรจุหีบห่อและนำส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
ซึ่งผู้เข้าร่วมการประมูลทุกคนจะมีเคียวเกี่ยวปลาอยู่ในมือ การจะลากปลามากุโระขนาดใหญ่ด้วยมือเปล่าเป็นเรื่องที่ยากและเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะต้องใช้เคียวเกี่ยวครีบหรือหางเพื่อทำการเคลื่อนย้าย น้ำหนักของปลามากุโระก็จะแตกต่างกันออกไปตามขนาดตัว แค่ปลาตัวเล็กก็หนักประมาณ 30kg ยิ่งถ้าตัวใหญ่ก็หนักถึง 400kg เลยทีเดียว การจะเกี่ยวปลามากุโระที่มีน้ำหนักมากขนาดนี้ด้วยเคียวเพียงอันเดียว คนที่ทำได้จะต้องมืออาชีพมากๆ เลยค่ะ
ปลามากุโระที่ท่าเรือประมงคาสึอุระก็จะมีอยู่หลากหลายชนิด ทั้ง BINCHOU MAGURO, MEBACHI MAGURO, KIHADA MAGURO และ KAJIKI MAGURO เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่วันละประมาณ 50 ตัน หรืออย่างมากก็จะอยู่ที่วันละ 100 ตันเลยทีเดียว ถึงจะพูดเป็นตัวเลขก็อาจจะไม่เห็นภาพเท่าไหร่นัก แต่การได้ชมการประมูลปลามากุโระนี้เป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาดูได้ง่ายๆ เลยค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ต้องการเสียค่าบริการในการเข้าร่วมก็สามารถชมการประมูลได้จากระเบียงทางเดินชั้น 2F ก็ได้เช่นกันค่ะ
การประมูลปลามากุโระจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า และบรรยากาศอันดุเดือดก็สิ้นสุดลง ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปที่ “ศาลเจ้าคุมาโนะ ฮอนงู” โดยเราจะนั่งรถไฟ JR สายคิเซ จากสถานีคิอิคาสึอุระ ไปที่สถานีชินกุ และเปลี่ยนเป็นรถบัส จากท่าเรือประมงคาสึอึระ เดินเท้าไปที่สถานีคิอิคาสึอุระใช้เวลาประมาณ 5 นาที เราจะนั่งรอบ 7:43 น. เพื่อให้นั่งรถต่อได้พอดี เพราะฉะนั้นเราจะรีบเดินทางไปสถานีกันเลย
ออกจากตลาด และเลี้ยวขวาที่ถนนใหญ่ เดินไปจนเจอสามแยกใหญ่อันแรกให้เลี้ยวไปทางซ้าย จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ ก็จะมาถึงลานกว้างหน้าสถานีคิอิคาสึอุระกันเลย เราเข้าไปในสถานีกันเลยค่ะ
ซึ่งเส้นทางระหว่างสถานีคิอิคาสึอุระไปสถานีชินกุ นี้ก็สามารถใช้บัตร『ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS』ได้ค่ะ ซึ่งตั๋วนี้เราสามารถเดินผ่านช่องตรวจตั๋วโดยแสดงให้เจ้าหน้าที่เท่านั้นไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋วเลยค่ะ
ส่วนสำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ไม่มีบัตรนี้ก็สามารถซื้อตั๋วได้ตามปกติที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเลยค่ะ
ก่อนอื่นจะต้องเช็คราคาจากบอร์ดแผนผังเส้นทางรถไฟที่อยู่บนเครื่องจำหน่ายตั๋วก่อน จากนั้นแตะไปที่ English บนหน้าจอ จากนั้นเลือก Purchase Ticket และกดเลือกจำนวนเงินค่าโดยสารจนถึงที่หมายต่อไป(ไปถึงชินกุ ราคา 240 เยน)จากนั้นก็ใส่เงิน เท่านี้ก็เรียบร้อย เมื่อซื้อตั๋วแล้วก็ผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วได้เลย
สำหรับผู้ที่ใช้「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」นี้ สามารถใช้กับเส้นทางระหว่างสถานีคิอิคาสึอุระถึงสถานีชินกุ ของรถไฟ JR สายคิเซ ได้นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับเส้นทางรถบัสคุมาโนะ สายชินโช ได้อีกด้วย รอบเวลารถบัสจะขึ้นอยู่กับเวลาของรถไฟ แต่ช่วงเวลา 7 โมงเช้าจะวิ่งทุกๆ 20 นาที ส่วนช่วงเวลา 8 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็นจะวิ่งทุกๆ นาทีที่ 0 นาที และ 30 นาทีเป็นจำนวน 2 รอบ
เมื่อผ่านช่องตรวจตั๋วเข้ามาแล้ว ก็ข้ามผ่านสะพานข้ามระหว่างชานชาลาเพื่อที่ชานชาลา ซึ่งรถไฟเส้นทางสถานีคิอิคาสึอุระ ถึงสถานีชินกุ จะไม่ได้กำหนดชานชาลาเอาไว้ แต่จะขึ้นอยู่กับรถไฟที่วิ่งอยู่ ดังนั้นสามารถเช็คชานชาลาได้จากจอมอนิเตอร์ที่แสดงอยู่บนเครื่องตรวจตั๋ว หรือสามารถถามเจ้าหน้าที่สถานีได้โดยถามว่า
「SUIMASEN SHINGU MADE NO DENSHA WA NANBAN HOME KARA SHUPPATSU SHIMASUKA??(ซุมิมาเซ็น ชินกุ เอกิ มาเดะ โนะ เด็นฉะ วะ นันบัง โฮมุ คาระ ชุปปะสึ ชิมัสก้ะ??)」แปลว่า รถไฟไปสถานีชินกุจะออกตัวจากชานชาลาไหนคะ?
เท่านี้เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งให้ค่ะ ซึ่งรถไฟรอบ 7:43 จะออกจากชานชาลาหมายเลข 2
รถไฟสายคิเซ ที่มีการตกแต่งด้วยการให้บรรยากาศเหมือนทะเลของคาบสมุทรคิอิ แบบสีน้ำทะเล เป็นรถไฟที่วิ่งบริเวณท้องถิ่นที่ให้บรรยากาศสงบไม่วุ่นวาย เป็นที่นั่งแบบที่นั่งยาวเหมือนรถไฟฟ้า BTS แนะนำว่าให้นั่งทางด้านขวามือนะคะ
รถไฟสายคิเซ เป็นหนึ่งในรถไฟของญี่ปุ่นที่มีวิวจากหน้าต่างรถไฟที่สวยงามเป็นอย่างมาก โดยเส้นทางระหว่างคิอิคาสึอุระ ไปชินกุ นั่นส่วนใหญ่จะวิ่งผ่านทะเล ยิ่งได้นั่งทางฝั่งขวาก็จะได้เห็นวิวทะเลสีครามเกือบตลอดทางเลยค่ะ
รถไฟออกตัวจากสถานีคิอิคาสึอุระมาประมาณ 20 นาที ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึงสถานีชินกุ เรียบร้อยแล้วค่ะ และเมื่อออกมาจากช่องตรวจตั๋วสถานีชินกุแล้ว ก็จะมีห้องพักผ่อนที่มีตู้ล๊อคเกอร์อยู่ด้านใน ทางฝั่งขวามือ
ทั้งไซต์เล็ก ที่ไม่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางได้ ราคา 300 เยน
ไซต์กลาง ที่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 500 เยน
และไซต์ใหญ่ ที่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้ ราคา 600 เยน
การแบกสัมภาระหนักๆ ไปเที่ยวชมศาลเจ้าคุมาโนะฮอนงูเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากค่ะ เพราะฉะนั้นอยากแนะนำให้ฝากของเอาไว้ที่ล็อคเกอร์ที่นี่เอาไว้เลยจะดีกว่าค่ะ
เราจะมุ่งหน้าจากสถานีชินกุ ไปศาลเจ้าคุมาโนะฮอนงู โดยการนั่งรถบัสคุามโนะไปค่ะ
ออกจากสถานีไปทางซ้ายมือ เพื่อไปที่ป้ายบัสเบอร์ 5 ระหว่างรอรถบัสมาเพื่อนๆ สามารถไปที่ศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่อยู่ตรงข้ามลานกว้างหน้าสถานีเพื่อสอบถามหรือเก็บข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ ได้เลยค่ะ
ผู้ที่ใช้บัตร「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」สามารถแสดงบัตรนี้ให้เจ้าหน้าที่ขณะลงจากรถบัสได้เลย แต่ต้องระวังบริษัทรถบัสที่ขึ้นนะคะ 「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」นี้จะสามารถใช้ได้กับรถบัส「Kumano kotsu Bus」เท่านั้น (บัสตามภาพบน) ซึ่งบัสนารา NARA KOTSU (ภาพล่างขวา)จะไม่เข้าร่วม เพราะฉะนั้นหากขึ้นผิดจะต้องชำระเงินเพิ่มอีก 1,540 เยนเลยค่ะ ต้องดูให้ดีก่อนขึ้นรถนะคะ
ขึ้นรถบัสจากประตูด้านหลัง และรับตั๋วรถบัสจากเครื่องด้านข้างทางเข้า สำหรับคนที่มี「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」สามารถขึ้นไปได้เลย และแสดงบัตรให้เจ้าหน้าที่ดูก่อนลงรถเท่านั้น ในกรณีที่ไม่มีสามารถเช็คราคาตั๋วรถบัสได้จากจอมอนิเตอร์ที่อยู่ข้างคนขับ ดูราคาตามตัวเลขที่แสดงอยู่บนตัวเลย และทำการชำระเงินขณะลงรถที่ช่องชำระเงินข้างคนขับตามจำนวน ซึ่งเครื่องนี้จะไม่มีระบบทอนเงิน เพราะฉะนั้นหากใครไม่มีเหรียญก็สามารถแลกได้ที่เครื่องแลกเหรียญข้างคนขับเลย
ค่าเดินทางจากสถานีชินกุ ไป หน้าศาลเจ้าฮอนงู จะอยู่ที่ 1540 เยน
ใช้เวลาเดินทางจากสถานีชินกุ มาศาลเจ้าคุมาโนะฮอนงูประมาณ 1 ชั่วโมง บัสจะค่อยวิ่งผ่านแม่น้ำชินกุไปเรื่อยๆ เส้นทางนี้แนะนำให้นั่งทางฝั่งขวาติดหน้าต่างค่ะ เพราะว่าเพื่อนๆ จะได้เห็นวิวสวยๆ แบบนี้เลยค่ะ เป็นวิวที่สวยมากๆ แปปเดียวเท่านั้น 1 ชั่วโมงก็ผ่านไปไวมากๆ เลยค่ะ
หลังจากที่เราได้นั่งบัสมาประมาณ 1 ชั่วโมง ตอนนี้เราก็มาถึงป้ายบัสหน้าศาลเจ้าฮอนงูแล้วค่ะ และที่ด้านข้างป้ายจะมี『Kumano Hongu Heritage Center』อยู่เป็นศูนย์ให้ข้อมูลที่มีทั้งวิดีโอ หรือใบปลิวศาลเจ้าคุมาโนะฮอนงู และสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณโดยรอบ แจกอยู่มากมาย
มีทั้งห้องน้ำสะอาดๆ และจุดพักผ่อน สามารถเตรียมความพร้อมได้ที่นี่ก่อนเดินทางไปศาลเจ้าคุมาโนะฮอนงูเลยค่ะ
ฝั่งตรงข้าม「Kumano Hongu Heritage Center」และป้ายรถบัส ก็คือ ศาลเจ้าคุมาโนะ ฮอนงู「KUMANO HONGU TAISHA」ค่ะ บริเวณนี้จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายเพราะฉะนั้นไม่หล
งแน่นอน
ซึ่ง “ศาลเจ้าคุมาโนะ ฮอนงู”「KUMANO HONGU TAISHA」แห่งนี้เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 2050 ปี เป็นหนึ่งใน KUMANO SANSHA เทียบเคียงกับ “ศาลเจ้าคุมาโนะนะชิ”「KUMANO NACHI TAISHA」และ “ศาลเจ้าคุมาโนะ ฮายาทามะ”「KUMANO HAYATAMA TAISHA」
ครั้งหน้าเราจะพาเพื่อนๆ ไปชมศาลเจ้าคุมาโนะ ฮอนงู และเดินทางไปยังโทบะ TOBA เพื่อไปที่พักคืนนี้ที่ 「HOTEL SUN-URASHIMA YURINO SATO」กันค่ะ
【ตารางการเดินทาง Day3-2 KII-KATSUURA MORNING MARKET/KUMANO-HONGU-TAISHA SHRINE】
Sponsored by Central Japan Railway Company