Day3-1 เที่ยวชมซากุระก่อนใครที่ 「เทศกาลคาวาซุซากุระ」

Day3-1 เที่ยวชมซากุระก่อนใครที่ เทศกาลคาวาซุซากุระ」

ICHIGO-CHAN ได้มีช่วงเวลาดีๆ ใช้ชีวิตแบบหรูหรา『SHIMODA TOKYU HOTEL』อีกทั้งยังได้ชมความสวยงามของทะเล คาวาซึซากุระ และรอยยิ้มของพนักงานที่นั่นแล้ว ต่อไปก็จะไปกันที่ คาวาซุ เพื่อไปดู「คาวาซุซากุระ」กัน

ปกติแล้วซากุระจะบานช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงช่วงต้นเดือนเมษายน (※ แล้วแต่พื้นที่)แต่เราสามารถเห็น คาวาซุซากุระ ได้ก่อนในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ (เช่นทุกปีที่ผ่านมา)ทำให้นั่งท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศต่างเดินทางมาที่บริเวณอิซุเพื่อที่จะดูซากุระที่บานก่อนในแถบนี้

ในครั้งนี้เราจึงจะมาแนะนำ คาวาซุซากุระและเทศกาลที่จะจัดขึ้นในช่วงนี้อย่าง「KAWAZUZAKURA MATSURI」「คาวาซุซากุระมาสึริ」หรือเทศกาลดอกคาวาซุซากุระ

ICHIGO-CHAN นั่งรถบัสฟรีจาก「SHIMODA TOKYU HOTEL」(วันละ 17 เที่ยว)เพื่อไปยัง 「สถานีอิซุคิวชิโมดะ」

จากตรงนี้ไป「คาวาซุ」ที่ที่มีคสวาซุซากุระ จะต้องนั่งรถไฟอิซุคิวที่เรานั่งมา

ใช้เวลาเดินทางไปถึงคาวาซุ 14 นาที

แล้วก็ทำเหมือนทุกครั้งคือ เช็คราคาจากบอร์ดเส้นทางที่อยู่ด้านบนตู้จำหน่ายบัตรอัตโนมัติแล้วก็ซื้อตั๋ว

กด English ที่ตู้อัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนภาษา หลังจากนั้นหน้าจอก็จะแสดงชื่อสถานีและราคามาให้ กดปุ่มตามที่ต้องการ ใส่เงิน เท่านี้ก็ซื้อได้แล้ว ไปสถานีคาวาซุจะอยู่ที่ 490 เยน

ออกจากช่องตรวจตั๋วที่ตกแต่งไว้ซะดูดีเลย

เป็นตู้ตรวจตั๋วสีดำกับสีแดง และมีสัญลักษณ์สมอเรืออยู่ด้วย เป็นการออกแบบให้คล้ายกับเรือ Susquehanna เรือสำราญท่าเรือชิโมดะที่เรานั่งเมื่อวาน

Day2-3 เที่ยวเมืองชิโมดะ เพื่อล่องเรือ「เรือสำราญท่าเรือชิโมดะ」และเดินเที่ยว 「Perry Road」

「สถานีอิซุคิว ชิโมดะ」จะไม่มีตู้ตรวจตั๋วแบบอัตโนมัติ ดังนั้นเราจะต้องเอาตั๋วไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ของสถานีตอนออกไปนั่นเอง

สำหรับคนที่จะขึ้นรถไฟด้วย IC CARD ก็สามารถเอาบัตรไปแตะได้ที่เครื่องที่อยู่ตรงหน้าเจ้าหน้าที่

รถไฟอิซุคิวที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่คาวาซุ

รถไฟนี้เคยถูกใช้เป็นรถไฟ TOKYU ที่เชื่อมระหว่างโตเกียวกับโยโกฮาม่า

รถไฟแบบนี้จะมีอายุเกือบ 50 กว่าปีเลย แต่รถไฟนี้หลังจากใช้ที่ TOKYU แล้วก็ใช้เป็น อิซุคิว จากนั้นถึงจะถูกนำไปใช้ที่อินโดนีเซีย หรือจากาต้าต่อ เป็นรถไฟที่แข็งแรงจริงๆ

จาก「อิซุคิวชิโมดะ」ใช้เวลาเดินทาง 14 นาทีจนถึงที่สถานีคาวาซุ

ตอนออกก็เอาตั๋วให้เจ้าหน้าที่สถานีคาวาซุ

ถ้าทิ้งตั๋วไปเลยหลังจากขึ้นรถไฟเหมือน STR เราจะต้องซื้อตั๋วใหม่อีกรอบตอนออกจากสถานี ยังไงก็เก็บไว้ด้วยน้า

ออกจากสถานีคาวาซุเราก็จะเห็นต้นคาวาซุซากุระทันทีเลย

ถ้าเป็นปีที่ผ่านมาก็จะต้องบานเต็มที่แล้ว แต่ญี่ปุ่นปีนี้หนาวเป็นพิเศษและมีระยะเวลานาน ขนาดโตเกียวยังหิมะตกไป2รอบ

ทำให้ซากุระบานช้า ตอนนี้ก็เลยบานแค่ 20%-30% เท่านั้น

จากปีก่อนๆที่ผ่านมา คาวาซุซากุระจะบานช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม(※ ขึ้นอยู่กับการบานของต้นไม้ในแต่ละปี) จะมีเทศกาล「เทศกาลคาวาซุซากุระ」บริเวณริมฝั่งแม่น้ำคาวาซุ

ออกจากสถานีแล้วข้ามทางม้าลายและเดินไปตามทางที่ปูด้วยหินเพื่อไปลานจัดแสดง「เทศกาลคาวาซุซากุระ」

ยิ่งใกล้แม่น้ำคาวาซุก็จะยิ่งมีร้านขายของขึ้นชื่อเรียงกันอยู่เต็มไปหมด

「ปลาซานมะ」เป็นลูกปลาซานมะตากแห้ง「HARIKO」(10ไม้ 500 เยน)เป็นของกินในพื้นที่ มีทั้งปลาทั้งผัก

สตอเบอรี่ 「BENIHOPPE」ที่ปลูกที่ชิซุโอกะเคลือบช๊อคโกแลต (ไม้ละ 100 เยน) ,ขนม ,และร้านขายผลไม้

นอกจากนั้นก็มี ดังโงะ (ไม้ละ 300 เยน) หรือปลาอายุย่างเกลือ (600 เยน) มีร้านขายของอยู่มากมายหลากหลายชนิดให้เลือกเลย

ดูร้านต่างๆไปเพลินๆประมาณ 100 เมตรก็จะถึงที่หมาย

ริมแม่น้ำคาวาซุเต็มไปด้วย「คาวาซุซากุระ」ทั้งสองฝั่งเลย

อากาศที่หนาวเป็นพิเศษในปีนี้อาจจะทำให้ดอกยังไม่บานเต็มที่ แต่ดอกคาวาซุซากุระที่บานอยู่ตอนนี้ก็ทำให้นั่งท่องเที่ยวเดินทางมาชมซากุระที่นี่เป็นจำนวนมาก

เป็นอุโมงค์ซากุระเลย

ตอนนี้อาจจะบานแค่ 30% แต่ถ้าดอกบานเต็มที่กลีบดอกก็จะเต็มไปหมดจนแทบจะไม่เห็นท้องฟ้าเลย

ดอกที่บานสวยๆก็มี

ถ่ายรูปด้วยซักหน่อย

กลีบดอกซากุระสวยๆ น้ำในแม่น้ำที่ใสจนเห็นก้นแม่น้ำ และสีเขียวสดใสของดอกหญ้า

ICHIGO-CHAN ได้รูปเอาไปลงโซเชียลอวดเพื่อนๆแล้วแค่นี้ก็พอใจมากๆ

ถ้าซากุระที่ริมแม่น้ำคาวาซุบานเต็มที่ก็จะเป็นแบบในภาพนี้

แล้วดอกสีเหลืองๆที่บานอยู่ใต้ดอกซากุระก็คือ 「NANOHANA」ซึ่งเป็นดอกที่เป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิเช่นเดียวกับดอกซากุระนั่นเอง

ในช่วงที่ดอกคาวาซุซากุระบาน จะมีการเปิดไฟส่องไปที่ซากุระในตอนกลางคืนตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึง 3ทุ่ม (บางส่วนถึง 3 ทุ่มครึ่งหรือ 4 ทุ่ม)

ซากุระที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอย่าง 「SOMEIYOSHINO」นั้นจะมีช่วงระยะเวลาที่บาน 10 วันถึง 2 สัปดาห์ แต่ 「คาวาซุซากุระ」จะพิเศษหน่อยคือ จะมีช่วงระยะเวลาที่ดอกไม้บานนานถึง 3 สัปดาห์ หรือบางทีเกือบๆหนึ่งเดือนเลย

ปกติแล้วเราก็จะได้เห็นตั้งแต่ 10 กุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคมเลย

ถึงแม้ว่าซากุระจะบานแค่ 30% แต่แขกที่มางาน หรืออีเว้นท์เปิดงานยังคงเหมือนเดิม

ในช่วงที่ดอกคาวาซุบานประมาณ 1 เดือนนั้นจะมีผู้ที่มาชมความสวยงามของดอกเป็นจำนวนมากถึงประมาณ 1 ล้านคนเลย และที่บริเวณริมแม่น้ำคาวาซุก็จะมีร้านค้าต่างๆเรียงกันอยู่มากมาย

ที่บริเวณริมแม่น้ำคาวาซุจะมีการแสดง「โชว์ลิง」ด้วย

ถึงจะเรียกว่าเป็นการโชว์ลิงแต่ที่ญี่ปุ่นกับที่ไทยมันก็ต่างกันอยู่มาก

การแสดงที่ไทยจะเป็นการแสดงของลิงหลายๆตัวพร้อมๆกันเลย แต่ที่ญี่ปุ่นจะแตกต่างออกไปตรงที่จะมีลิงกับคนหนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น

ลิงกับคนไว้ใจกันเหมือนเป็นพ่อแม่ลูกเลย และต่างก็พยายามแสดงโชว์ทั้งการพูดและทั้งดนตรีอย่างเต็มที่

และที่สำคัญคือดูฟรี จากที่แค่แวะมาดู ก็อยู่ดูได้จนจบเลย

ที่ญี่ปุ่นจะมีสำนวนว่า 「ฮานะโยริดังโงะ」

ซึ่ง 「ฮานะโยริดังโงะ」จะมีความหมายว่า เลือกของกินที่ได้ประโยชน์ที่แท้จริงดีกว่าการชมวิวดอกไม้ หรือ ของที่มีประโยชน์ย่อมดีกว่าของที่ดูสวยงามเท่านั้น

ส่วนสำหรับ ICHIGO-CHAN คือต้องใช้ว่า 「เอาทั้งดอกทั้งดังโงะ」จะเอาทั้งหมดเลย

จะต้องชมทั้งดอกซกุระสวยๆ และก็กินของอร่อยๆไปด้วยถึงจะพอใจ 555

「มันจูโคซากุระ」เป็นมันจูที่มีซากุระโมจิอยู่ข้างใน (12 ชิ้น 600 เยน)

คนขายที่ใส่หมวกสีขาวปุกปุยก็ดูน่ารักดี เหมาะกับงานเทศกาล 「คาวาซุซากุระ」แบบนี้มากๆเลย

แล้วอีกอย่างนึง ที่มีคนต่อแถวเยอะๆก็คือ 「ไทยากิซากุระ」หรือขนมปลาซากุระ(200 เยน) นั่นเอง

เป็นไทยากิที่มีซากุระโมจิอยู่ข้างใน อร่อยมาก

ถึงคนขายจะใส่หมวกกับแว่นอยู่แต่ดูก็รู้เลยว่าคงเป็นคุณลุงใจดีแน่นอน

สีชมพูของไทยากิมันเข้ากับบรรยากาศ「เทศกาลคาวาซุซากุระ」ในตอนนี้มากๆ อันนี้ก็เหมาะอัพลงโซเชียลอีกแล้ว

ดอกอาจจะยังไม่บานเต็มที่ แต่ ICHIGO-CHAN ก็ได้เห็นดอกซากุระสวยๆและบรรยากาศเทศกาลของญี่ปุ่นแล้วก็คุ้มมากๆ

สถานที่ท่องเที่ยวในอิซุที่คนไทยรู้จักมากที่สุดก็คือ「JOREN NO TAKI」เราจะไปที่นั่นกันน

การจะไป โจเรนโนะทากิ วิธีที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถบัสจากสถานีไป

เราสามารถไปโจเรนโนะทากิ ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนรถ โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง

ขึ้นรถบัสที่ป้ายเบอร์ 3 ที่อยู่ตรงลานกว้างหน้าสถานี

เป็นสถานีเล็กๆเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวหลงเลย

มีทั้งหมด 10 เที่ยวต่อวัน ตั้งแต่ตอนเช้า 9:55 จนถึง ตอนเย็น 17:05

รถบัสจะมีอยู่สองประตู แต่ให้ขึ้นและลงเฉพาะประตูหน้าเท่านั้น และตอนขึ้นก็อย่าลืมหยิบ「ตั๋วคิว」เอาไว้ด้วย ตามรูปภาพด้านล่างซ้ายก่อนขึ้นรถเลย

บัสใช้เวลา 57 นาทีแบบตรงเวลาเลย และก็มาถึงที่ทางเข้าของ โจเรนโนะทากิ 「ศูนย์ท่องเที่ยวโจเรนโนะทากิ」

สิ่งที่ทำให้ โจเรนโนะทากิ  เป็นสถานที่ยอดนิยมของคนไทยมันคืออะไรกันนะ ?

ในครั้งหน้าเราจะมาแนะนำสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่าง โจเรนโนะทากิกัน

รอติดตามกันด้วยน้า ♪

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶