Day2-4 ทานเนื้อฮิดะที่ร้าน “คิตะโนะโช” และชมบ้านโบราณ วัด และธรรมชาติป่าเขา ในหมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” ท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day2-4 ทานเนื้อฮิดะที่ร้าน “คิตะโนะโช” และชมบ้านโบราณ วัด และธรรมชาติป่าเขา ในหมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” ท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี

NAGOYA-TAKAYAMA-SHIRAKAWAGO-KANAZAWA-KYOTO-OSAKA

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางมาหมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม เพื่อเดินเล่นภายในป่าเขาที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม เหลืองสวยงาม ในหมู่บ้านโอกิมาจิ จากนั้นทานอาหารขึ้นชื่อของฮิดะที่ร้าน “คิตะโนะโช”「KITANOSYO」ในเมนู「HIDA-BEEF MISO SET(飛騨牛味噌セット)」

Day2-3 ชมธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี และทาน “เนื้อฮิดะ” ที่หมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ”「SHIRAKAWAGO」

หลังจากทานอาหารจนอิ่มท้องแล้ว เราจะไปเดินเล่นภายในหมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามที่สุดกันต่อ

การท่องเที่ยวด้วยพาสสุดคุ้ม「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」ในตอนที่ 6 นี้จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมหมู่บ้านโบราณมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” ท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามกันต่อเลยค่ะ

หมู่บ้าน “คันมาจิ” ที่อยู่ศูนย์กลาง “ชิราคาวาโกะ” บริเวณทางใต้ของหมู่บ้านโอกิมาจิ เป็นสถานที่ที่มีวิวบ้านทรงกัสโชซึกุริเรียงติดกัน 3 หลัง เป็นภาพที่สวยงามลงตัว ตัวแทนความสวยงามของหมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะแห่งนี้ และด้วยเนื่องจากสถานที่นี้จะตั้งอยู่ห่างจากบริเวณบัสเทอร์มินอล เพราะฉะนั้นจึงเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น ทำให้สามารถดื่มด่ำบรรยากาศได้อย่างเต็มที่ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการมาท่องเที่ยวหมู่บ้าน “ชิราคาวาโกะ” เลยทีเดียว

และสถานที่ต่อไปถัดจาก “หมู่บ้านคันมาจิ”「KANMACHI(かんまち)」ก็คือ “ศาลเจ้าโอกิมาจิ ฮาจิมัง”「OGIMACHI HACHIMAN JINJA(荻町八幡神社)」

โดยเดินจากหมู่บ้านคันมาจิไปทานร้านอาหารที่เราทานตอนกลางวันร้าน “คิตะโนะโช”「KITANOSYO」และเดินเลยร้านคิตะโนะโชตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็น “ศาลเจ้าโอกิมาจิ ฮาจิมัง” อยู่ทางขวามือ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามในชิราคาวาโกะได้อย่างสวยงาม

เดินชมใบไม้เปลี่ยนสีไปพร้อมๆ กับตัวศาลเจ้าแล้ว ก็อย่าลืมไปกราบไหว้สักการะกันด้วยนะคะ

สามารถทำได้โดยโยนเหรียญใส่กล่องทำบุญ(ตามจิตศรัทธา โดยปกติประมาณ 5-50 เยน)จากนั้นให้ทำการ

โค้งคำนับ 2:โค้งคำนับไปทางศาลเจ้า 2 ครั้ง

ปรบมือ 2:ปรบมือ 2 ครั้ง

โค้งคำนับ 1:อธิษฐานในใจ และโค้งคำนับอีก 1 รอบ

ซึ่งขั้นตอนวิธีการกราบไหว้นี้จะเป็นขั้นตอนของศาลเจ้าเท่านั้น หากกราบไหว้ที่วัด ก็เพียงแค่พนมมืออธิษฐาน และโค้งคำนับ 1 ครั้งเท่านั้น

หลังจากที่ได้ชม “ศาลเจ้าโอกิมาจิ ฮาจิมัง”「OGIMACHI HACHIMAN JINJA(荻町八幡神社)」ท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามแล้ว ก็ได้เวลาเดินไปอีกหนึ่งสถานที่ไฮไลท์ของหมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะที่ “สะพานเดะไอ”「DEAIBASHI(であい橋)」กันค่ะ โดยเดินออกจาก “ศาลเจ้าโอกิมาจิ ฮาจิมัง” ไปทางขวามือ และตรงไปตามทางเดินตรงไปเรื่อยๆ จนเจอแยก 2 มุม ให้เลี้ยวไปทางขวามือ จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอสะพานเดะไอเลย

ถึงแม้ว่าที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะจะไม่มีโรงแรมหรือเรียวคัง(ที่พักแบบญี่ปุ่น)ขนาดใหญ่ แต่ก็มีที่พักบ้านคนในบ้านโบราณอยู่หลายหลัง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะต้องทำการจองทางโทรศัพท์หรือ FAX เป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับนักท่องเที่ยวชางต่งชาติอยู่พอสมควร แต่ที่บ้านพัก『KOEMON(幸エ門)』ใกล้ “สะพานเดะไอ” จะเป็นบ้านพักที่รองรับภาษาอังกฤษด้วยค่ะ

จะไม่สามารถจองผ่านเว็ปไซต์ได้ แต่จะต้องจองผ่านทาง FAX เท่านั้น

เดินไปตามทางที่รายล้อมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีไปเรื่อย ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึง “สะพานเดะไอ”「Deai Bridge(であい橋)」เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นสะพานที่มีความยาวถึง 107 เมตร เป็นสะพานแขวนที่เมื่อมีคนเดินสะพานก็จะสั่นๆ รู้สึกหวาดเสียวนิดๆ และจากบนสะพานจะได้เห็นวิวแม่น้ำโชเรียบชิราคาวาโกะเลย

ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของชิราคาวาโกะถือได้ว่าเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวหนาแน่นมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นวันธรรมดา แต่นักท่องเที่ยวก็มาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวต่างๆ หยุดถ่ายรูปวิวสวยๆ บนสะพานกันเป็นจำนวนมาก จนแทบผ่านไม่ได้เลยค่ะ

น้ำในแม่น้ำโชที่ไหลผ่านใต้ “สะพานเดะไอ” นี้ถึงแม้ว่าจะโปร่งใส แต่ก็เป็นสีขาวๆ เล็กน้อยทำให้หมู่บ้านบริเวณนี้ถูกเรียกว่า “ชิราคาวาโกะ” ที่แปลว่า “เมืองแม่น้ำสีขาว”​นั่นเอง จากบนสะพานจะได้เห็นวิว แม่น้ำ วิวต้นไม้ใบหญ้าทิวเขาที่กำลังเปลี่ยนสี สวยงาม พร้อมๆ ลมเย็นๆ ในฤดูใบไม้ร่วง เป็นบรรยากาศที่ไม่สามารถสัมผัสได้ที่ไทยเลยค่ะ

เดินไปซักพักก็จะเจอ “วัดเมียวโอะเซนจิ”「Myozenji(明善寺)」อยู่ทางด้านซ้ายมือ

เป็นวัดที่มีประตูซากุระมงที่เป็นหอระฆัง หลังคาฟางตามแบบบ้านต่างๆ ในบริเวณนี้ ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2291 เมื่อ 270 ปีที่ผ่านมา เพียงแค่เสียค่าเข้าชม 300 เยนก็สามารถเข้าชมภายในอาคารวัดสไตล์ “กัสโชซูคุริ” ได้พร้อมๆ กับวิวบ้านที่อยู่รอบๆ ได้ ซึ่งในช่วงนี้จะมีต้นไม้เปลี่ยนสีให้ชมอยู่ข้างๆ หอระฆังทรงกัสโชซึกุริ อีกด้วย

เดินออกจาก “วัดเมียวโอะเซนจิ” ไปทางถนนใหญ่ และเดินไปทางขวามือ  ในบริเวณที่อยู่ห่างจากเทอร์มินอลบัสเล็กน้อยก็จะเจอลานกว้างเล็กๆ ซึ่งบริเวณนี้จะมีร้านอาหารต่างๆ ล้อมรอบอยู่มากมาย นอกจากนี้ยังมีร้านขายอาหารทานเล่น ร้านขายของฝาก ห้องน้ำ เก้าอี้ และ WIFI เป็นจุดพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งในบริเวณนี้เพื่อนๆ สามารถเพลิดเพลินไปกับ “มันบดทอดเนื้อฮิดะ” (250 เยน)หรือ “เนื้อฮิดะย่างเสียบไม้” (500 เยน)เนื้อชั้นดี “ฮิดะกิว” ที่มีระดับเทียบเคียงกับ “เนื้อโกเบ” หรือ “เนื้อมัตสึซากะ” เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับ ของหวานต่างๆ อย่างเช่น ซอฟต์ครีม(350 เยน)สามารถพักผ่อนพร้อมเพลิดเพลินกับอาหารขึ้นชื่อของพื้นที่ได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ

ถึงแม้ว่า ICHIGO-CHAN จะเพิ่งทานข้าวไป แต่กลิ่นหอมๆ ของของกินบริเวณนี้ทำให้อดใจไม่ได้เลยต้องซื้อ “ขนมโกะเฮโมจิ”「GOHEI MOCHI(五平餅)」(250 เยน)จากร้าน “ชิราโอกิ”『SHIRAOGI (しらおぎ)』กันซักหน่อย

เป็นขนมที่นำข้าวเหนียวมาปั้นเสียบไม้ พร้อมซอสหวานเค็ม ย่างไฟให้หอมกรอบนอกนุ่มใน อร่อยสุดๆ

เดินออกจากลานกว้างไปทางขวามือ เพื่อเดินไปทางเทอร์มินอลบัสเลยค่ะ เมื่อเดินไปซักพักก็จะเจอจุดขึ้นรถบัสเพื่อไปยังจุดชมวิวมุมสูง “Tensyukaku View Point” อยู่ทางขวามือเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะสามารถเดินขึ้นไปสู่จุดชมวิวมุมสูง “Tensyukaku View Point” ได้เช่นกัน แต่ทางเดินขึ้นไปนั้นจะเป็นทางขึ้นเขาลาดชัน ซึ่งจะใช้เวลากว่า 15-20 นาที เพราะฉะนั้นหากไม่อยากใช้แรงเยอะแนะนำว่าให้นั่งบัสขึ้นไปจะสะดวกกว่าค่ะ ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 200 เยน บัสนี้ให้บริการตั้งแต่ เก้าโมงเช้า ไปจนถึง ห้าโมงเย็น โดยจะวิ่งชั่วโมงละ 3 เที่ยว คือนาทีที่ 0・20・40 สามารถชำระเงิน 200 เยนให้คนขับรถได้ระหว่างลงรถเลยค่ะ

ซึ่งวิวจาก “Tensyukaku View Point” นี้จะเป็นวิวที่สามารถชมหมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” ได้ทั้งหมด เป็นตำแหน่งที่สามารถชมหมู่บ้านได้สวยที่สุดทำให้เป็นวิวที่เปรียบเสมือนตัวแทนของหมู่บ้าน ที่สามารถพบเห็นได้ตามหนังสือท่องเที่ยว หรือโปสเตอร์ตามที่ต่างๆ เป็นวิวที่งดงามเหมือนภาพวาดเลยทีเดียวค่ะ

นักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างเดินทางมายังจุดชมวิวแห่งนี้เพื่อชมวิวที่สวยที่สุดของหมู่บ้านชิราคาวาโกะแห่งนี้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว ตอนที่เรากำลังชมวิวอยู่ก็ได้ยินเสียงคนไทยอยู่เป็นพักๆ และก็ได้เจอกับพี่ๆ คนไทยคู่นี้ที่กำลังเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 อาทิตย์ เลยถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยกันซักหน่อย และยังบอกเราอีกว่าได้ไปเที่ยว ภูเขาไฟฟูจิ ทาคายาม่า และจะออกจากชิราคาวาโกะ ต่อไปยังเกียวโต และโอซาก้าอีกด้วย ซึ่งจุดมุ่งหมายหลักของทริปก็คือ “ชิราคาวาโกะ” แห่งนี้นั่นเอง ได้มาท่องเที่ยวชิราคาวาโกะในวันที่อากาศดีแบบนี้พอดี โชคดีจังเลยนะคะ

ช่วงตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะเป็นช่วงที่สามารถเพลิดเพลินกับหมู่บ้าน “ชิราคาวาโกะ” ได้มากที่สุด ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง และ หิมะในฤดูหนาวในช่วงเดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึง ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่จะได้เห็นวิวสะท้อนในทุ่งนาในช่วงเตรียมนานั่นเอง

ซึ่งในช่วงเดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงวันพิเศษอยู่ช่วงหนึ่ง ที่จะฉายไฟยามค่ำคืนท่ามกลางหิมะที่สวยงามเป็นเวลาหลายวัน

สามารถอ่านรายละเอียดกิจกรรมพิเศษๆ ของหมู่บ้านชิราคาวาโกะได้ที่นี่

คลิ๊กเลย! 『กิจกรรมฉายไฟยามค่ำคืนที่น่าสนใจในประเทศญี่ปุ่น』

หลังจากที่ได้เพลิดเพลินไปกับชิราคาวาโกะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีไปเต็มที่แล้ว ก็ได้เวลามุ่งหน้าไปที่『Shirakawa-go Bus Terminal』ที่อยู่ใน “หมู่โอกิมาจิ” ศูนย์กลางชิราคาวาโกะ ด้วยรถบัสกันแล้ว โดยเราจะนั่งรถบัสจากบัสเทอร์มินอลจากชิราคาวาโกะ ไปยังที่พักของเราในคืนนี้ที่ “คานาซาว่า KANAZAWA” กันเลย โดยรถบัสจะวิ่งช่วงเวลา 8:50 ไปจนถึง 17:30 น. วันละ 10 เที่ยว ใช้เวลาในการเดินทาง 75 นาที 

คลิ๊กเลย! เพื่อเช็ค『ตารางเวลารถบัส』

ถึงแม้ว่าเพื่อนๆ สามารถซื้อตั๋วรถบัสไปยัง “คานาซาว่า” ที่ Shirakawa-go Bus Terminal ได้ แต่ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นนี้ ที่นั่งอาจเต็มได้ เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้ซื้อตั๋วรถบัสไว้ล่วงหน้าก่อนที่ Takayama Nohi Bus Center เลย เพื่อความชัวร์ค่ะ

ซึ่งเส้นทางระหว่างชิราคาวาโกะ ไปยัง คานาซาว่า จะเป็นเส้นทางที่สามารถใช้「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」ได้ เพราะฉะนั้นสามารถแสดง「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」เพื่อรับตั๋วขึ้นรถและจองที่นั่งไว้ได้เลย ในกรณีที่ที่นั่งรถบัสที่มุ่งตรงจาก “ชิคาวาโกะ ไปยัง คานาซาว่า” เต็มจริงๆ ก็สามารถนั่งรถบัสไปยัง “ชินทาคาโอกะ” ก่อนแล้วจึงนั่ง Hokuriku Shinkansen(北陸新幹線) ไปคานาซาว่า ได้เช่นกัน

รถบัสที่มุ่งหน้าไปยัง “คานาซาว่า” จะออกตัวจาก Shirakawa-go Bus Terminal ป้ายหมายเลข 1 สามารถแสดงตั๋วขึ้นรถให้พนักงานขณะขึ้นรถได้เลย

รถบัสจะใช้เวลา 75 นาทีในการเดินทางจาก “ชิราคาวาโกะ” ไปยัง บัสเทอร์มินอลที่สถานีคานาซาว่า ซึ่ง “คานาซาว่า” นี้เป็นเมืองที่อยู่ทางฝั่งทะเลญี่ปุ่นที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์มากมายทั้ง “สวนเค็นโรคุเอ็น”「KENROKUEN(兼六園)」หรือ ย่านเมืองเก่า「HIGASHI-CHAYAGAI(ひがし茶屋街)」และตลาดโอมิโจ「OMICHO ICHIBA(近江町市場)」ที่อุดมไม่ด้วยอาหารทะเลนานาชนิด เป็นต้น

ในตอนหน้าเราจะพาเพื่อนๆ ไปทานอาหารค่ำกันที่ “คานาซาว่า” เพื่อเพลิดเพลินกับอาหารทะเลกันให้เต็มอิ่ม จากนั้นก็เข้าที่พัก「APA VILLA HOTEL KANAZAWA KATAMACHI」กันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪

【ตารางการเดินทาง Day2-4 SHIRAKAWAGO】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass”

Sponsored by JR TOKAI

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶