เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day2-3 ชมธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี และทาน “เนื้อฮิดะ” ที่หมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ”「SHIRAKAWAGO」
NAGOYA-TAKAYAMA-SHIRAKAWAGO-KANAZAWA-KYOTO-OSAKA
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เช่าจักรยานปั่นเที่ยวชมบรรยากาศเมืองฮิดะทาคายาม่า และเที่ยวหมู่บ้าน「HIDA FOLK VILLAGE」ในบรรยากาศวิวธรรมชาติของฮิดะทาคายาม่า และทำกิจกรรมสัมผัสศิลปวัฒนธรรมของทาคายาม่า จากนั้นเที่ยวชม「Hida Takayama Crafts Experience Center(思い出体験館)」ที่สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งกิจกรรมประดิษฐ์ตุ๊กตา “ซารุโบโบะ”「SARUBOBO TSUKURI(さるぼぼづくり)」หรือ “กิจกรรมทำเซ็มเบ้ย่างไฟ”（600 เยน）แล้ว ก็ได้เดินทางจาก「Takayama Nohi Bus Center」ด้วยพาส「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」เป็นเวลา 50 นาที ตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึงหมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” เป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งหมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ด้วยบรรยากาศบ้านเมืองโบราณ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ที่เพื่อนๆ สามารถเพลิดเพลินกับความสวยงามของธรรมชาติได้ในทุกๆ ฤดู ไม่ว่าจะเป็น “ซากุระ” ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้มไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่มในช่วงฤดูร้อน “ใบไม้เปลี่ยนสี” ใบช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือ วิว “หิมะ” ในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะช่วง “ใบไม้เปลี่ยนสี” จะเป็นช่วงที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษเลยทีเดียว
การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วยพาส「Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass」ในตอนที่ 5 นี้จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีในหมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” กันค่ะ
ออกเดินทางจาก Takayama Nohi Bus Center ขึ้นทางด่วนมาเป็นเวลาประมาณ 50 นาที ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึง Shirakawa-go Bus Terminal เป็นที่เรียบร้อย ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณด้านหลังบัสเทอร์มินอลก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้วด้วย ยิ่งอยากเห็นวิวด้านในเร็วๆ เลย ซึ่งภายในบัสเทอร์มินอลจะมีศูนย์ให้ข้อมูล เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว และตู้ล๊อคเกอร์หยอดเหรียญอยู่ด้วยค่ะ
ที่แห่งนี้เป็นเทอร์มินอลบัสที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2555 มีสำนักงานให้ข้อมูลการท่องเที่ยว พร้อมสตาฟที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ นอกจากนี้ยังมีแผนที่ภายในหมู่บ้านชิราคาวาโกะที่เป็นภาษาต่างประเทศอยู่มากมายหลายภาษา และที่สำคัญคือ มีภาษาไทยด้วยค่ะ เท่านั้นไม่พอยังมีที่แลกเงินด้วย แน่นอนว่าสามารถแลกเงินไทยเป็นเงินเยนได้เช่นกันค่ะ
ซึ่งภายในแผนที่ภาษาไทย จะบอกสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไว้อย่างละเอียด ซึ่งจุดที่ ICHIGO-CHAN คิดว่าเพื่อนๆ ไม่ควรพลาดเลยก็คือจุดที่อยู่ในวงกลมสีส้ม ทั้ง 2 จุด หนึ่งจุดจะตั้งอยู่หลังเทอร์มินอลบัสที่อยู่ในวงกลมสีแดง ก็คือ “จุดชมวิว Tensyukaku View Point” （ในวงกลมสีส้มด้านซ้าย）ที่สามารถเดินขึ้นเขาไปดูได้ และอีกจุดหนึ่งก็คือ “คันมาจิ”「KANMACHI(かんまち)」ที่เพื่อนๆ จะได้ชมวิวบ้านหลังคาฟางที่เรียงกันอยู่สามหลังไฮท์ไลท์ของหมู่บ้านแห่งนี้（ในวงกลมสีส้มด้านขวา）
ถึงแม้ว่าที่ “Shirakawa-go Bus Terminal” นี้จะมีตู้ล๊อคเกอร์หยอดเหรียญฝากสัมภาระเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ตู้จะเต็มค่ะ เพราะว่านักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะมากๆ เพราะฉะนั้นเราจะไปฝากของที่จุดฝากของที่อยู่หลัง “Shirakawa-go Bus Terminal” กันค่ะ สามารถฝากกระเป๋าขนาดใหญ่ได้เช่นกัน ราคาจะอยู่ที่กระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ 500 เยน แต่ทว่าจุดฝากสัมภาระนี้จะเปิดปิดเป็นเวลาต่างจากล๊อคเกอร์คือจะปิดให้บริการเวลา 17:00 น. เพราะฉะนั้นจะต้องมารับสัมภาระคืนภายในเวลา 17:00 น. นะคะ
เมื่อออกจากบัสเทอร์มินอลมาแล้ว ก็ได้เวลาชมธรรมชาติโดยรอบ บรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีกันเลย แต่ตอนนี้ก็บ่ายโมงแล้ว เรายังไม่ได้ทานอาหารกลางวันกันเลย เพราะฉะนั้นเราจะขอไปแวะทานอาหารขึ้นชื่อของฮิดะที่ร้าน “คิตะโนะโช”「KITANOSYO(基太の庄)」กันค่ะ
เดินออกจากบัสเทอร์มินอลไปตามถนนใหญ่ทางซ้ายมือ จากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ เพียงแค่ออกจากบัสเทอร์มินอลมาเพียงแปปเดียวเท่านั้นก็จะได้เห็นบรรยากาศบ้านโบราณทรงกัสโชซึคุริที่สวยงามของหมู่บ้านชิราคาวาโกะเลย และจะมีบ้านโบราณใหม่ๆ ขึ้นชื่อเรียงรายอยู่มากมายทั้ง「บ้านวาดะ」「บ้านคันดะ」และ「บ้านนางาเสะ」
ซึ่งในทริปก่อนหน้านี้เราได้มาเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และได้เข้าเยี่ยมชม “บ้านคันดะ”「KANDA HOUSE (神田家)」กันไปแล้ว
อ่านรีวิวคลิ๊กเลย! 『เที่ยวชม “บ้านคันดะ” ในหมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ”』
ซึ่ง “กัสโชซูคุริ” นี้จะเป็นภูมิปัญญาของคนในหมู่บ้านที่สร้างบ้านด้วยหลังคาฟางทรงสามเหลี่ยม โดย “กัสโช合掌” ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “ไหว้” มาจากหลังคาทรงสามเหลี่ยมที่เหมือนกับการไหว้นั่นเอง
ย้อนอดีตไปเมื่อ 150 กว่าปีก่อน บ้านส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นในช่วงท้ายยุคเอโดะ ซึ่งเป็นบ้านที่ยังคงถูกใช้เป็นที่พักอาศัยอยู่จนถึงปัจจุบัน คนทั่วไปสามารถเข้าชมภายในบ้านที่เปิดให้เข้าชมเหล่านี้ เพื่อสัมผัสถึงภูมิปัญญาและวิธีชีวิตของคนในหมู่บ้านนี้ได้
ซึ่งบริเวณเส้นทางหลักของหมู่บ้านก็จะมีบ้านโบราณเรียงรายกันอยู่ตลอดแนว ที่สามารถชม “ดอกดาวกระจาย” ที่เปรียบเสมือนเป็นซากุระในฤดูใบไม้ร่วงได้อย่างสวยงาม จะได้ชมและถ่ายรูปดอกไม้ไปพร้อมๆ กับบ้านโบราณทรง “กัสโชซูคุริ” เลยค่ะ
เดินชมหมู่บ้านชิราคาวาโกะไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที เราจะเจอร้านอาหารฮิดะกับร้าน “คิตะโนะโช”『KITANOSYO(基太の庄)』ที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางชิราคาวาโกะ ปลายๆ หมู่บ้านโอกิมาจิ ที่เป็นบ้านทรงกัสโชซึคุริ
เราเข้าไปในร้านกันเลย
ร้าน “คิตะโนะโช” ที่เป็นบ้านทรงกัสโชซึคุรินี้ เป็นร้านที่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารขึ้นชื่อของฮิดะ ภายในร้านกว้างขวาง เป็นห้องโถงหลังคายกสูง มีโต๊ะที่นั่งบนเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่น อยู่ 8 โต๊ะ ล้อมรอบเตาถ่านโบราณ ที่ให้ความอบอุ่นไปทั่วทั้งร้าน
ซึ่งเมนูที่ร้านก็จะเป็นเมนูอาหารขึ้นชื่อของฮิดะทั้งนั้น เช่น「HIDA-BEEF MISO SET(飛騨牛味噌セット)」（1620 เยน）「HOBA-MISO YAKI TEISYOKU(朴葉味噌焼き定食)」（1320 เยน）หรือ เมนูอาหารฮิดะที่เสิร์ฟพร้อมกับโซบะ และนอกจากภาษาญี่ปุ่นแล้ว ยังมีภาษาอังกฤษกำกับอธิบาย พร้อมรูปภาพประกอบในแต่ละเมนูอีกด้วย สามารถสั่งอาหารได้ไม่ยากเลย
มื้อนี้ ICHIGO-CHAN สั่งเป็น「HIDA-BEEF MISO SET(飛騨牛味噌セット)」（1620 เยน）ที่เป็นการผสมผสานกับระหว่าง เนื้อชั้นดี “เนื้อฮิดะ” ในพื้นที่ฮิดะ และ “โฮบะมิโซะ” ที่เป็นการย่างมิโซะบนใบโฮบะ เป็นเมนูที่น่าสนใจ และน่าทานมากๆ
ซึ่งเนื้อที่มาในเมนูนี้ สามารถรับประทานได้โดยคลุกมิโซะกับเนื้อที่อยู่บนเตา ย่างให้สุกตามความชอบ และทานได้เลย ซึ่ง “เนื้อฮิดะ” ที่เป็นเนื้อชั้นดีเทียบเคียงเนื้อชื่อดังอย่างเนื้อโกเบหรือเนื้อมัตสึซากะ นี้ก็มีความนุ่มอร่อย ทานคู่กับโซบะมิโซะที่หอมกลมกล่อม อร่อยเข้ากันมากๆ รสชาติของเนื้อเข้ากับความหวานเค็มของมิโซะสุดๆ ยิ่งทานคู่กับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ อร่อยเกินคำบรรยายเลยค่ะ เป็นเมนูแนะนำที่สามารถทานอาหารขึ้นชื่อของฮิดะอย่าง “โฮบะมิโซะ” และ “เนื้อฮิดะ” ได้พร้อมๆ กันเลยทีเดียว
และนอกจากเมนูหลักๆ แล้วภายในชุดอาหารยังมี เต้าหู้ ผักดอง เท่านั้นไม่พอยังมีปลาอายุย่างเกลือด้วย เหมือนกับที่ ICHIGO-CHAN ถ่ายให้เพื่อนๆ ดูเลย ซึ่งปลาอายุย่างก็หอมอร่อยมากๆ หนังกรอบๆ แต่เนื้อด้านในนุ่มอร่อยมากๆ เครื่องเคียงก็อร่อย เป็นเมนูที่อิ่มท้องสุดๆ เลยค่ะ
อาหารสุดอลังการที่เราได้ทานไปเมื่อซักครู่ราคาชุดละ 1620 เยน การชำระเงินจะรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมเตรียมเงินสดไปด้วยนะคะ
ภายในร้านยังมีโซนจำหน่ายของฝากต่างๆ อีกด้วย มีทั้งขนมทรงบ้านโบราณ กับขนมคุ๊กกี้「SHIRAKAWAGO SABLE(白川郷サブレ)」（540 เยน）หรือชีสบาร์「SHIRAKAWAGO CHEESE BAR(白川郷しっとりチーズバー)」（540 เยน）นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกน่ารักๆ อย่างแม่เหล็ก “ซารุโบโบะ” หรือ “ตุ๊กตานินจา” อยู่ด้วย（แต่ละชนิด 490 เยน）เป็นต้น
เมื่อทานอาหารที่ “คิตะโนะโช”「KITANOSYO(基太の庄)」และซื้อของฝากเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกจากร้านไปทางขวามือ และเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับหมู่บ้าน ”คันมาจิ” ที่มีวิวบ้านแบบ “กัสโชซูคุริ” เรียงติดกัน 3 หลัง พร้อมต้นไม้สูง ถูกวางองค์ประกอบเอาไว้อย่างลงตัว และอาจเป็นเพราะบริเวณนี้เป็นส่วนที่อยู่ห่างจากเทอร์มินอลบัส จึงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณนี้มากนัก เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนๆ อยากเที่ยวสบายๆ ไม่แออัด และได้รูปสวยๆ แบบนี้ก็ลองแวะมาบริเวณนี้ดูนะคะ
ซึ่งในช่วงก่อนลงนาในฤดูใบไม้ผลิ จะเป็นช่วงเตรียมนา ทำให้ภาพวิวโดยรอบสะท้อนลงบนผิวน้ำในทุ่งนา สวยงาม และเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนก็จะได้ชมวิวทุ่งนาโตเต็มที่ เป็นพรมทุ่งนาสวยงาม ต่อด้วยฤดูใบไม้ร่วงที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ทั่วทั้งบริเวณ และในช่วงสุดท้ายคือ ฤดูหนาว ที่สามารถเที่ยวชมได้ในบรรยากาศหิมะที่ขาวโพลน จะมากี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อเลยจริงๆ ค่ะ
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เพลิดเพลินไปกับใบไม้เปลี่ยนสีในส่วนหมู่บ้านคันมาจิไปแล้ว แต่สถานที่ที่น่าสนใจในชิราคาวาโกะยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ต่อไปเราจะชมวิวทั้งหมู่บ้านชิราคาวาโกะกับที่จุดชมวิวมุมสูง「Tensyukaku View Point」และไปยังสะพาน “เดะไอ” เพื่อชมวิวแม่น้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้าน พร้อมวิวทิวเขาโดยรอบที่สวยงามกันค่ะ
ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมหมู่บ้านโบราณ มรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” กันต่อ ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪
【ตารางการเดินทาง Day2-3 Lunch at KITANOSYO/SHIRAKAWAGO】
PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass”
Sponsored by JR TOKAI