ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day1-4 นั่งเรือ「TONBORI RIVER CRUISE」แล่นไปบนแม่น้ำโดทงโบริเพื่อชมวิวบรรยากาศโดยรอบสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโอซาก้า และเยี่ยมชมศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ในย่านโดทงโบริ
OSAKA-KYOTO-OSAKA-AMANOHASHIDATE-OSAKA
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่เป็นแลนด์มาร์กของโอซาก้าอย่าง “หอคอยโอซาก้า”「TSUTENKAKU」แล้ว
เราได้มาโอซาก้าทั้งที ถ้าใครมาโอซาก้าแล้วไม่ได้มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึงโอซาก้า และสถานที่ต่อไปที่เราจะไปนั่นก็คือ “ย่านชินไซบาชิ SHINSAIBASHI” และ “โดทงโบริ DOTONBORI” ซึ่งเป็นย่านร้านค้าที่มีทั้งร้านปลอดภาษี ร้าน Drug Store หรือร้านอาหารต่างๆ มากมาย และยังเป็นบริเวณที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปถ่ายรูปคู่กับป้าย “กูริโกะ” นอกจากนี้เราจะไปนั่งเรือชมวิวโดทงโบริ「TONBORI RIVER CRUISE」กันค่ะ
เรือชมวิวโดทงโบริ『TONBORI RIVER CRUISE』ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากๆ วิ่งทุกวันตั้งแต่ บ่ายโมงไปจนถึง 21:15
ในช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษอย่างช่วงเวลาตั้ง 16 นาฬิกาเป็นต้นไปจะวิ่งชั่วโมงละ 5 ถึง 6 เที่ยวเลย แนะนำว่าถ้ามาถึงโดทงโบริแล้วให้ซื้อตั๋วจากจุดขายตั๋วที่อยู่ข้างๆ โดทงโบริเอาไว้เลย เพราะว่าส่วนใหญ่ที่นั่งมักจะเต็มขึ้น และรอบเรือก็จะแตกต่างออกไปตามวันและเวลา โดยเฉพาะช่วงเวลาตอนเย็นเป็นต้นไปที่นั่งจะเต็มทุกรอบเลยค่ะ ปกติแล้วค่านั่งเรือก็จะอยู่ที่ 900 เยนแต่ถ้าใครมี「Osaka Amazing Pass」ก็สามารถนั่งได้ฟรี ! ใครที่มีบัตรพลาดไม่ได้เลยจริงๆ ค่ะ
เมื่อถึงเวลาขึ้นเรือที่กำหนดอยู่บนตั๋วแล้ว ก็ไปขึ้นเรือจากท่าเรือที่อยู่หน้าโดทงโบริเลย เรือชมวิวโดทงโบริ「TONBORI RIVER CRUISE」จะมีอยู่สองแบบคือ แบบมีหลังคา และแบบโอเพ่นแอร์ เป็นการสุ่มนั่งไม่สามารถเลือกได้ วันที่ ICHIGO-CHAN ไปเป็นวันที่ฝนตกนิดหน่อย เลยภาวนาให้ได้เรือแบบมีหลังคา แต่เรือที่มาก็คือ ! แบบโอเพ่นแอร์ไม่มีหลังคา……
แต่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะที่นี่มีเสื้อกันฝนให้ใช้ได้ฟรี และสามารถนำกลับไปได้ด้วย ใครที่มีบัตร「Osaka Amazing Pass」ก็ลองมานั่งเรือนี้ดูนะคะ แถมได้เสื้อกันฝนกลับบ้านไปแบบฟรีๆ ด้วย
เมื่อทุกคนขึ้นเรือแล้วก็ออกเดินทางเลยย เราจะใช้เวลาร่องเรือ 20 นาทีบนแม่น้ำโดทงโบริ
ก่อนอื่นก็จะแล่นไปทางตะวันออกซักเล็กน้อยแล้วยูเทินกลับมาทางเดิมค่ะ ผ่าน「EBISU BASHI」ที่มีป้ายกูลิโกะ ผ่าน「DOTONBOSHI BASHI」ที่มีเส้นมิโดซุจิถนนสายหลักของโอซาก้าตัดผ่าน เรือนี้เราจะผ่านสะพานทั้งหมด 9 สะพานในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ค่ะ
日本橋 NIPPOMBASHI นิปปอนบาชิ
相合橋 AIAI BASHI ไอไอบาชิ
太左衛門橋TAZAEMON BASHI ทาซาเอมงบาชิ
戎橋 EBISU BASHI เอบิซุบาชิ
道頓堀橋 DOTONBOSHI BASHI โดทงโบริบาชิ
新戎橋 SHIN EBISU BASHIชินเอบิซุบาชิ
大黒橋 OGURO BASHIโอกุโระบาชิ
深里橋 FUKARI BASHI ฟูคาริบาชิ
浮庭橋 UKINIWA BASHI อูคินิวะบาชิ
ซึ่งเราจะได้เห็น ด้านใต้สะพานที่ไม่สามารถเห็นกันได้ง่ายๆ จากเรือนี้ค่ะ เรือจะแล่นผ่านแต่ละสะพานไปแบบฉิวเฉียดมากๆ ถ้ายืนหัวก็จะชนกับสะพานได้เลยเพราะฉะนั้นนั่งถ่ายรูปดีกว่านะคะ ปลอดภัยที่สุดค่ะ
ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 70% ที่มาใช้บริการจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งชาวไทย เกาหลี และไต้หวัน แต่ว่าคุณป้าที่เป็นไกด์จะพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย ก็ยังมีนักท่องเที่ยวนิยมใช้บริการเรือชมวิวนี้ ถึงจะพูดได้นิดหน่อยแต่ก็เข้าใจนะว่าไกด์พูดว่าอะไร เพราะฉะนั้นลองไปนั่งกันดูนะคะ ถึงจะฟังไม่ออกแค่ได้ชมวิวก็ถือว่าคุ้มมากๆ เลยล่ะค่ะ
ตอนนี้เรือก็แล่นมาเรือๆ จนถึงสะพานอูคินิวะ「UKINIWA BASHI」แล้ว และเราจะเห็นตึกแปดเหลี่ยมที่ชื่อว่า 「MINATO MACHI RIVER PLACE」อยู่ข้างๆ สะพาน ซึ่งสะพานอูคินิวะนี้เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างบริเวณนัมบะและตึกนี้เอาไว้ และเพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อปีพ.ศ.2551 ด้านข้างสะพานจะมีต้นไม้ปลูกอยู่ด้วย ดูแปลกตานิดหน่อยถ้าเทียบกับบรรยากาศของโดทงโบริ แต่ก็ดูสวยดีนะคะ ซึ่งบริเวณรอบๆ MINATO MACHI RIVER PLACE จะมีย่าน “มินามิโฮริเอะ”「MINAMIHORIE」ที่มีร้านสวยๆ น่ารักๆ มากมายเรียงรายอยู่ในบริเวณนี้ ทั้งร้านกาแฟและร้านขายของต่างๆ เป็นย่านแนะนำสำหรับสาวๆ เลยค่ะ
จากนั้นเรือก็จะยูเทินกลับที่ใต้สะพานนี้ เพื่อแล่นกลับไปทางดองกี้โฮเตะที่โดทงโบริค่ะ
เรือจะหยุดให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปซักพักที่หน้าบริเวณป้ายกูลิโกะด้วย เราจะได้ภาพที่แตกต่างออกไปจากตอนที่เราถ่ายรูปบนสะพานเลย ซึ่งไกด์ใจดีสามารถถ่ายรูปให้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นกลุ่มด้วย เพราะฉะนั้นถ้าใครไปเป็นกลุ่มก็ขอไกด์ถ่ายรูปให้เป็นที่ระลึกได้นะคะ
ช่วงเวลาที่สนุกสนานก็ผ่านไป 20 นาทีแล้ว เรือจะมาสิ้นสุดอยู่ที่ท่าเรือหน้าดองกี้โฮเตะที่เดียวกับตอนที่เราขึ้นเรือค่ะ
เมื่อลงจากเรือแล้วเราก็จะเห็น ดองกี้โฮเตะขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า ที่นี่มีสินค้ามากมายให้เลือก ทั้งขนม ของฝาก เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า ในราคาที่ถูกกว่าค่ะ และที่ตึกดองกี้โฮเตะโดทงโบริจะมีชิงช้าสวรรค์ชื่อว่า「EBISU TOWER」อยู่ด้วยค่ะ ซึ่งชิงช้าสวรรค์ที่ได้เปิดให้บริการใหม่หลังจากหยุดพักมาเป็นเวลา 10 กว่าปี รอบละ 15 นาที นั่งได้มากสุด 4 คนและค่าบริการ 600 เยน จะไปกันเป็นคู่หรือไปกันเป็นครอบครัวก็สามารถสนุกกันได้ทุกคนเลยค่ะ
รอบๆ ริมแม่น้ำบริเวณ「TONBORI WALK」หรือ “ทงโบริวอร์ก” ที่มีทั้งดองกี้โฮเตะและชิงช้าสวรรค์ EBISU TOWER จะมีร้านอาหารขึ้นชื่ออยู่ 2 ร้าน ก็คือ ร้านราเม็งชื่อ “อิจิรัน”「ICHIRAN RAMEN」และ ร้านทาโกยากิ「ACCHICHI HONPO」ที่นี่คนเยอะมากทั้งวันธรรมดาหรือวันหยุด ถ้าเป็นวันหยุดจะต้องต่อแถวรอคิวมากกว่าหนึ่งชั่วโมงเลย ถึงคนจะเยอะแต่ก็น่าลองมาก ๆ
ระหว่างทางเราก็เจอฝรั่งกำลังก้มหน้ามองอะไรซักอย่างอยู่พอลองเข้าไปใกล้ๆ ดูก็………
เห็นว่านักท่องเที่ยวฝรั่งกำลังถ่ายรูปฝาท่อที่เป็นลายปราสาทโอซาก้าที่มีซากุระอยู่ด้วย ที่โอซาก้าเองก็จะแบ่งออกเป็น「เขต」เหมือนกับกรุงเทพ ซึ่งมีอยู่ 24 เขต แต่ละเขตก็จะมีลายฝาท่อที่คล้ายๆ กันแต่จะแตกต่างกันตรงการใช้สีหรือรายละเอียดเล็กน้อย ซึ่งเราสามารถรู้ว่าอยู่เขตไหนจากการดูฝาท่อด้วย
「TONBORI WALK」หรือ “ทงโบริวอร์ก” ที่มีทั้งร้านราเม็ง และร้านทาโกยากิยอดนิยม ต่อไปเราขึ้นไปบนสะพานเอบิซุกันเลย เมื่อขึ้นมาที่สะพานเอบิซุแล้วเราก็จะมาถึงถนนสายช้อปปิ้ง「SHINSAIBASHI SUJI」 “เส้นชอนไซบาชิ”
เราได้รีวิวแหล่งช้อปปิ้งย่านชินไซบาชิไปแล้ว อ่านรายละเอียดคลิ๊กเลย !
ที่นี่จะมีร้านค้ามากมายให้ได้เลือกช้อปกันอย่างจุใจทั้ง ร้านรองเท้า ONITSUKA ร้านนาฬิกา หรือร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ฯลฯ อีกมากมาย และถ้าเดินมาจากทางชินไซบาชิหันไปทางป้ายกูลิโกะก็จะเห็นป้ายร้าน「KANI DOURAKU」ที่เป็นปูขนาดใหญ่อยู่ทางซ้ายมือ
และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ โดยให้ป้ายปูอยู่ซ้ายมือก็จะเห็นย่านช้อปปิ้ง「EBISU BASHI SHOPPING STREET」อยู่ตรงหน้า ที่มี STARBUCKS อยู่ทางเข้าซ้ายมือ ที่สามารถชมบรรยากาศของผู้คนที่มาท่องเที่ยวในเมืองนี้ได้จากมุมบนเลย บรรยากาศอาจคล้ายๆ กับวิวแยกชิบูย่าเลยก็ได้นะคะ
ย่านที่คนพลุกพล่านอย่างโดทงโบรินี้ เพียงแค่เราเข้าซอยมานิดเดียวบรรยากาศก็จะสงบๆ และมีความเป็นญี่ปุ่นมากๆ เหมือนในรูปเลยค่ะ และหนึ่งในนั้นก็มี “วัดโฮเซ็น”『HOUZENJI』
ที่มีผู้คนมากมายมาสักการะ และมีชื่อเสียงจากรูปปั้น不動明王像ที่ถูกปกคลุมไปด้วยมอสทั่วตัวเลย และหากได้รดรดน้ำลงไปบน不動明王像ก็จะช่วยให้โรคภัยไข้เจ็บที่เผชิญอยู่ทุเลาลงด้วยค่ะ
เดินจากโดทงโบริมา 1 บล๊อค เมื่อเห็นร้านร้อยเยน “ไดโซะ” อยู่ซ้ายมือก็เลี้ยวเข้าซอยเลยค่ะ และตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางเดินก็จะเจอกับวัด法善寺เลยค่ะ
วัดนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2180 หรือเมื่อ 380 ปีที่แล้ว ในช่วงสงครามแปซิฟิกในปีพ.ศ.2487 ที่เมืองโอซาก้าถูกไฟไหม้ไปทั้งเมือง ตึกส่วนใหญ่ของวัดก็ถูกไฟเผาไหม้ไปหมดเหลือไว้เพียง พระ “ประธานอจลวิทยราช” เท่านั้น ทำให้ผู้คนต่างเลื่อมใส และขนานนามว่า「MIZUKAKEFUDOUSAN」จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของบริเวณนี้เลยค่ะ
เดิมทีประธานอจลวิทยราชนั้นจะต้องถือ ดาบ และเชือก ไว้ในมือ ถึงสีหน้าท่านจะน่ากลัวน่าเกรงขามมาก และหากดูรูปสมัยก่อนก็จะเห็นว่าหน้าท่านดูใจดีและหล่อมากด้วย แต่ด้วยปัจจุบันมอสได้ปกคลุมไปจนทั่วทั้งตัว ทำให้เราไม่สามารถเห็นสีหน้าของท่านได้เลย ยังไงเพื่อนๆก็ลองไปรดน้ำ「MIZUKAKEFUDOU」ดูแล้วลองขอพรดูซักข้อนะคะ
ระหว่างที่กำลังกราบไหว้สักการะที่วัดโฮเซ็นจิ HOUZENJI อยู่ก็มีคุณลุงโอซาก้าคนนึงเข้ามาทักด้วย และคุณลุงก็มีข้อความจะฝากถึงทุกๆคนด้วย พอจะรู้แค่「สวัสดีครับ」เท่านั้นแหละเนาะ 55555
“วัดโฮเซ็น”「HOUZENJI」ที่ตั้งอยู่ในบริเวณโดทงโบริที่มีความน่าสนใจมากๆ เริ่มจากที่เราได้ถ่ายรูปปฏิมากรรมและป้ายแปลกๆ ที่ชินเซไคแล้ว ก็มาถ่ายรูปกับตุ๊กตาคุยดะโอเระทาโร่「KUIDAORE TAROU」ที่เดิมทีเคยตั้งอยู่หน้าร้านคุยดะโอเระ「KUIDAORE」ที่เคยอยู่ในย่านโดทงโบริมาหลายสิบปี จนลืมเวลาไปเลยยย
ที่ย่านนี้มีร้านอาหารต่างๆ มากมายทั้งร้านราเม็ง ร้านทาโกยากิที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของโอซาก้า ตอนนี้ ICHIGO-CHAN ก็เริ่มหิวแล้ว ต่อไปเราจะไปกิน「GYUKATSU」เนื้อคัตสึ หรือ เนื้อทอดที่กำลังเป็นที่พูดถึงในโซเชียลทั้ง Facebook และ Instagram กับร้าน「KATSUGYU」
ครั้งต่อไปเราจะมารีวิวอาหารค่ำที่「KATSUGYU」และเข้าพักที่โรงแรมที่ได้รับความนิยมจากชางต่างชาติ Trip Adviser กับโรงแรม「DOUTONDORI HOTEL」กันค่ะ
【ตารางการเดินทาง Day1-4 OSAKA TONBORI CRUISE/HOZENJI TEMPLE】