Day1-2 สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่าน “ปราสาทวาคายาม่า”「WAKAYAMA CASTLE」 และสวนญี่ปุ่น “นิชิโนะมารุ NISHINOMARU”

ROUND THE C・H・I

ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day1-2 สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่าน “ปราสาทวาคายาม่า”「WAKAYAMA CASTLE」 และสวนญี่ปุ่น “นิชิโนะมารุ NISHINOMARU”

Wakayama-Shirahama-NachiKatsuura-Shingu-Toba-Ise-Nagoya 

จากความเดิมตอนที่แล้วที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางจากกรุงเทพใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่งมาที่สนามบินคันไซ และนั่งรถบัสจากสนามบินคันไซเพื่อมายังจุดเริ่มต้นของทริปท่องเที่ยวรอบคาบสมุทรคิอิที่ “วาคายาม่า”「WAKAYAMA」

วาคายาม่าที่มี「TAMA TRAIN」หรือ「KUROSHIO」ที่มีชื่อเสียง เราจะเริ่มด้วย “ปราสาทวาคายาม่า” กันก่อนเลย

ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชม “ปราสาทวาคายาม่า” และสวน NISHINOMARU กันค่ะ

ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินคันไซมาเป็นเวลา 50 นาที เราจะลงรถบัสจากป้ายหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองวาคายาม่า “ชิยาคุโชะมาเอะ” ที่เมื่อข้ามถนนใหญ่ก็จะเป็นที่ตั้งของปราสาทวาคายาม่าเลย ซึ่งข้างปราสาทวาคายาม่าจะมี「Wakayama Historical Museum」ที่สามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวคาบสมุทรคิอิเป็นภาษาอังกฤษ หรือเป็นภาษาไทย นอกจากนี้ยังมีตู้ล็อคเกอร์ฝากของ และ Wifi ฟรี อีกด้วย..

ที่สำคัญเลยคือที่นี่มีกิจกรรมดีๆ ให้ได้ทดลองใส่ชุดซามุไรแบบสมัยก่อน ชุดคาบูโตะ โยโรอิ หรือนินจา แบบฟรีๆ อีกทั้งยังสามารถถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้อีกด้วย เวลาใส่ชุดก็มีสตาฟคอยดูแลหายห่วงได้เลย หาโอกาศแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ ถ้าใครสนใจก็ลองดูได้เลยนะคะ

โดยพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า「YOROI WO KITAI DESUGA IIDESUKA?(โยโรอิ โอะ คิไต เดะสุกะ อี้เดสก้ะ ?)」เท่านั้น เจ้าหน้าที่ก็จะยินดีช่วยให้อย่างเต็มที่เลยค่ะ

เพื่อนๆ สามารถฝากของได้ที่ล็อคเกอร์ของที่นี่ ราคาวันละ 500 เยน หากใครไม่มีเหรียญก็สามารถแลกเงินได้ที่ร้านขายของฝากของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเลยค่ะ

ส่วนที่ชั้น 2F จะเป็นส่วนจัดแสดงประวัติศาสตร์「History Exhibition Room」เมื่อขึ้นลิฟต์หรือบันไดไปที่ชั้น 2F แล้วก็จะเป็นทางเข้าห้องจัดแสดงเลย บัตรเข้าชมคู่กับบัตรเข้าปราสาทราคา 410 เยน ส่วนเฉพาะบัตรเข้าชมส่วนจัดแสดงจะอยู่ที่ 100 เยน

ห้องจัดแสดงจะมีทั้งวัตถุโบราณชิ้นส่วนตึกในวาคายาม่า ภาพเมืองวาคายาม่าในสมัยก่อน นอกจากนั้นยังมีภาพหรือผลงานของวีรบุรุษวาคายาม่าอีกด้วย

ซึ่งสิ่งที่สะดุดตา ICHIGO-CHAN มากก็คือ ภาพบ้านเมืองสมัยก่อน ซึ่งภาพล่างซ้ายเป็นภาพบ้านเมืองวาคายาม่าก่อนสงครามแปซิฟิกในปีพ.ศ.2473 ทุกคนในภาพใส่ชุดญี่ปุ่นกันหมดเลยค่ะ

เมื่อออกมาจากศูนย์สอบถามข้อมูลแล้ว ก็ได้เวลาไป “ปราสาทวาคายาม่า”「WAKAYAMA CASTLE」ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองวาคายาม่ากันแล้ว โดยเราจะเดินออกจากศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวไปทางขวามือ และตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเข้ามาสู่สวนญี่ปุ่น NISHINOMARU ของปราสาทวาคายาม่า สามารถเดินรัดสวนเข้าไปในปราสาทได้เลย สวนนี้ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ

สวนญี่ปุ่นสวยงามที่ล้อมรอบบ่อน้ำ มีทั้งต้นซากุระ เมเปิ้ลโมมิจิ หรือต้นสน อีกทั้งยังมี โคมไฟหินไว้รูปร่างแปลกๆ ประดับรวมกันเป็นมุมที่น่าถ่ายรูปมากๆ ภายในสวนจะมีร้านน้ำชา「KOSHOAN」ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับชาและขนมในราคา 460 เยน ได้สัมผัสบรรยากาศแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมเลยค่ะ

เราสามารถเพลิดเพลินไปกับความแตกต่างในแต่ละฤดูของประเทศญี่ปุ่นทั้ง ฤดูใลไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ได้จากสวนนิชิโนะมารุ NISHINOMARU แห่งนี้ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนสวน นิชิโนะมารุ NISHINOMARU ก็จะมีสีเขียวชอุ่มทั้งบริเวณ ซึ่งฤดูที่ไม่ควรพลาดเป็นพิเศษเลยก็คือช่วงฤดูใบไม้ร่วง สวน NISHINOMARU ที่มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “โทมิจิดานิ”「MOMIJIDANI」เนื่องจากที่สวนแห่งนี้จะมีต้นเมเปิ้ลหรือโมมิจิถูกปลูกเอาไว้มากมาย ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนก็จะมีนักท่องเที่ยวมากมายเดินทางมาเยี่ยมชมความสวยงามของช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ณ สวนแห่งนี้

และสิ่งที่อยู่ด้านขวาตรงกลางรูปก็คือ “โอฮาชิโรกะ”「OHASHIROUKA」เป็นทางเดินที่เชื่อมระหว่างตัวปราสาทและสวน ทางเดินพิเศษที่สามารถผ่านได้เฉพาะผู้ครองแคว้น หรือคนใกล้ชิดเท่านั้น  ทางเดินมีหลังคาและกำแพงเพื่อไม่ให้ด้านนอกรู้ว่าใครกำลังเดินผ่านทางเดินนี้อยู่ ซึ่ง “โอฮาชิโรกะ” OHASHIROUKA เคยเกิดเพลิงใหม่ขึ้นเมื่อประมาณ 150 ปีก่อน และได้รับการปรับปรุงใหม่ในปี พ.ศ. 2549 ทางเดินที่เมื่อก่อนสามารถผ่านได้แค่ผู้มีอำนาจเท่านั้น แต่ตอนนี้ได้ทำการเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเดินผ่านได้ฟรี

เป็นทางเดินที่ใช้ไม้จากต้นสนญี่ปุ่น หรือไม้จากคาบสมุทรคิอิอย่างเต็มที่ จะต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไปด้านในด้วย ถึงแม้ว่าทางเดินนี้จะมีความชันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่พื้นก็ลื่นมากดังนั้นจึงได้มีการสร้างเป็นขั้นเล็กๆ เพื่อลดความลื่นลง กลิ่นของไม้ก็ให้บรรยากาศที่สงบ เหมือนได้เป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย หรือซามุไรในสมัยก่อนเลย

เมื่อผ่านทางเดิน OHASHIROUKA มาแล้ว ก็จะออกมาสู่ NISHINOMARUATO ถึงแม้ว่า ปราสาทวาคายาม่าจะมีหอคอยปราสาทอยู่บนเนินเขา และมี “ฮนมารุโกะเท็น HONMARU GOTEN” อยู่ แต่การจะขึ้นไปบนเนินทุกวันๆ ก็เป็นเรื่องที่ลำบากพอสมควร เพราะฉะนั้นซามุไรหรือโชกุนในสมัยนั้นส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ ณ “นิโนะมารุ” แห่งนี้ เมื่อผ่านส่วนนี้ไปก็เดินไปทางซ้าย ก็จะเจอทางขึ้นไปหอคอยปราสาท และ “ฮนมารุโกะเท็น HONMARU GOTEN” อยู่ขวามือ ทันที

ซึ่งหอคอยปราสาทวาคายาม่าจะมีความสูง 49m สร้างอยู่บนยอดเนิน “โทระฟุซุยามะ”「TORAFUSUYAMA」

เส้นทางเดินไปยังหอคอยปราสาทจะเป็นทางขึ้นเขาเล็กน้อย ขึ้นไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที ก่อนถึงยอดจะมีสามแยกอยู่ เมื่อขึ้นบันไดซ้ายมือไปจะเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวปราสาทหอคอยที่สวยที่สุด ไหนๆ ก็มาที่นี่แล้วก็อย่าขึ้นไปที่จุดชมวิวแล้วถ่ายรูปมาเยอะๆ นะคะ

เดินตรงจากสามแยกที่ขึ้นไปจุดชมวิวไปซักพักก็จะมาถึงยอดเนินเขา “โทระฟุซุยามะ”「TORAFUSUYAMA」ซึ่งเราจะได้เห็นหอคอยปราสาทวาคายาม่าใหญ่อลังการอยู่ขวามือ ที่ทางเข้าจะมีจุดจำหน่ายบัตรเข้าชมอยู่(410เยน) แต่เราได้ซื้อตั๋วจาก「Wakayama Historical Museum」ไปแล้วเพราะฉะนั้นเข้าไปข้างในได้เลย

ยุดสมัยเอโดะที่ยาวนานถึง 265 ปี เมื่อ 415 ปีที่ผ่านมา ปราสาทที่เป็น “คิชูโทกูงาวะ”「KISHU TOKUGAWA」ของตระกูลโทกูงาวะที่เคยเป็นโชกุนในสมัยเอโดะ ก็คือ “ปราสาทวาคายาม่า” นี้เอง ซึ่งปราสาทแห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยถูกเพลิงไหม้จากสงครามแปซิฟิก และได้ถูกปรับปรุงในอีก 13 ปีให้หลังสงคราม ในปี พ.ศ. 2501 จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของวาคายาม่าจนถึงปัจจุบัน

 เราเข้าไปกันเลย

ภายในชั้น 1F และ 2F จะเป็นส่วนจัดแสดง “โยโรอิ” “คาบูโตะ” “ดาบ” หรือ “ปืน” ต่างๆ ที่เป็นอาวุธที่ถูกใช้จริงให้สมัยก่อน นอกจากนี้ยังมี “ฮาโอริ” หรือชุดคลุมที่ทำจากหนังวัวของผู้ครองแคว้น สามารถสัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นในสมัยโบราณได้เลยค่ะ การดูแลรักษาของแต่ละชิ้นก็ยังดูดีมากๆ

เมื่อขึ้นมาที่ชั้นบนสุดชั้น 3F ก็สามารถชมวิววาคายาม่าได้ทั้งเมืองเลยค่ะ รูปขวาบนก็คือ ทางเหนือ และต่อด้วย ทิศตะวันออก ใต้ และทิศตะวันตก เมืองวาคายาม่าที่ไม่มีตึกสูงมากเท่าเมืองที่อื่น ดังนั้นไม่ว่าจะชมวิวจากมุมไหนๆ ของจุดชมวิวปราสาทวาคายาม่าก็จะเห็นเส้นขอบฟ้าได้ทุกมุมเลยค่ะ

ด้านนอกหอคอยปราสาทจะมีทั้งน้ำแข็งใสดับความร้อน เครื่องดื่มเย็น หรือของฝากจากวาคายาม่ามากมายหลากหลายแบบ ที่เมืองวาคายาม่าที่เป็นที่ตั้งของปราสาทวาคายาม่านี้ ขึ้นชื่อในเรื่อง บ๊วยเค็ม ส้ม และชา ซึ่งที่นี่จำหน่ายเครื่องดื่มเยลลี่ส้มด้วย อากาศร้อนแบบนี้ยิ่งน่าทานมากๆ เลยค่ะ

ที่ปราสาทวาคายาม่าเราจะเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ตามที่ต่างๆ อยู่มากมาย ทั้งคนจะยืนหรือนั่งจ้องมือถือหรือแท็บเล็ตอยู่ตลอดเวลา เราจึงเข้าไปถามดูและได้ความว่าที่นี่เป็น「จุดเก็บโปเกม่อน」ที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ICHIGO-CHAN ก็เคยติดเกม “โปเกม่อนโก” อยู่เหมือนกันค่ะ ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้พลาดไม่ได้เลยค่ะ

เมื่อเที่ยวชมปราสาทวาคายาม่าไปเต็มที่แล้ว ก็กลับไปที่ศูนย์ให้ข้อมูลการท่องเที่ยวที่เราฝากสัมภาระเอาไว้เลย

ซึ่งที่มุมหนึ่งของตึกจะมีร้านขายของฝากที่มีของฝากจากวาคายาม่ามากมาย และของฝากที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงจะเป็นของนินจา ไม่ว่าจะเป็นดาวกระจาย หรือ “มากิฮิชิ” นอกจากนี้ยังมี ชุดนินจาจำหน่ายอยู่อีกด้วย

ตอนนี้ ICHIGO-CHAN ก็เริ่มหิวแล้ว เราจะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านราเม็งวาคายาม่า ร้านที่เราจะไปนั้นตั้งอยู่ชั้นใต้ดินของห้าง “วาคายาม่ามิโอะ”「WAKAYAMA MIO」ภายในอาคารสถานี JR วาคายาม่า ชื่อว่า “มารุมิโชเท็น MARUMI SHOTEN” เดินทางด้วยรถบัสจากปราสาทวาคายาม่าไปที่ร้านจะสะดวกที่สุด

ก่อนอื่นก็ออกจากศูนย์ให้ข้อมูลการท่องเที่ยวไปทางซ้ายมือ เดินไปทางถนนใหญ่ที่มีป้ายรถบัส “ชิยากุโชะมาเอะ SHIYAKUSHIMAE” บัสที่วิ่งจากป้ายชิยากุโชะมาเอะ ไป สถานี JR วาคายาม่า จะวิ่งชั่วโมงละ 8-10 เที่ยว ไม่ต้องรอนานก็สามารถขึ้นได้เลย

ซึ่งรถบัสที่จอดที่ป้ายหน้าที่ว่าการอำเภอ “ชิยากุโชะมาเอะ” ทุกคันจะมุ่งหน้าไปสู่ สถานี JR วาคายาม่า ทั้งหมดเพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเลย ขึ้นบัสที่เข้ามาจอดได้เลยค่ะ ราคาค่าโดยสารจะแสดงอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ข้างคนขับ สามารถเช็คราคาได้ตามช่องหมายเลขที่แสดงอยู่บนตั๋วรถบัสได้เลย ก่อนลงจะต้องเตรียมเงินให้พร้อม ครบตามจำนวน และจ่ายเงินลงไปในเครื่องชำระเงินที่อยู่ข้างคนขับ หากใครไม่มีเหรียญก็สามารถแลกได้ที่เครื่องข้างคนขับเลยค่ะ จากป้ายรถป้ายหน้าที่ว่าการอำเภอ “ชิยากุโชมาเอะ” ไปสถานี JR วาคายาม่า จะใช้เวลาเดินทาง 10-15 นาที ราคา 230 เยน

วิ่งไปในเมื่อวาคายาม่าที่เงียบสงบประมาณ 10 นาที ตอนนี้เราก็มาถึงสถานีวาคายาม่าเป็นที่เรียบร้อย ภายในสถานีจะมีห้างสรรพสินค้าอยู่ 2 แห่งคือ ห้าง “วาคายาม่ามิโอะ”「WAKAYAMA MIO」 และ KINTETSU DEPARTMENT STORE ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้งและร้านอาหารมากมาย และร้านราเม็งวาคายาม่าขึ้นชื่อที่ “มารุมิโชเท็น MARUMI SHOTEN” ที่เรากำลังจะไปก็อยู่ชั้นใต้ดินของห้าง “วาคายาม่ามิโอะ”「WAKAYAMA MIO」

เมื่อลงจากบัสแล้วก็เข้าไปในอาคารสถานีวาคายาม่าเลย เมื่อผ่านเข้าไปทางประตูข้างบริษัททัวร์ Nippon Travel Agency ก็จะเจอตู้ล็อคเกอร์อยู่ทางขวามือทันที ค่าบริการจะอยู่ที่ ขนาดกลาง ที่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ ราคา 500 เยน ส่วนขนาดใหญ่ สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้ราคา 700 เยน วิธีใช้งานก็เพียงใส่สัมภาระที่ต้องการฝากเข้าไป จากนั้นก็ใส่ค่าบริการ และล็อคกุญแจ เท่านี้ก็เรียบร้อย

เดินออกจากตู้ล็อคเกอร์ไปทางขวามือ ก็จะเจอทางเข้า “วาคายาม่ามิโอะ”「WAKAYAMA MIO」เมื่อเข้ามาแล้วก็จะเจอบันไดเลื่อนอยู่ทางขวามือ ให้ลงบันไดเลื่อนนี้ไปที่ชั้นล่าง เมื่อลงมาแล้วก็ยูเทิร์นไปทางซ้ายมือ และตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางจะเจอร้านราเม็งวาคายาม่าขึ้นชื่ออยู่ทางขวามือชื่อว่า “มารุมิโชเท็น MARUMI SHOTEN”

ร้านราเม็งยอดนิยมของวาคายาม่า ร้าน「มารุมิโชเท็น MARUMI SHOTEN」

เป็นร้านเล็กๆ ที่มีที่นั่งเพียง 20 ที่นั่ง เมื่อเข้าสู่ช่วงเที่ยง ช่วงเย็น ก็จะมีคนยืนรอต่อแถวยาวเหยียด ภายในร้านก็จะมีกลิ่นหอมของซุปไก่ และซุปทงคตสึ โชยอยู่

ครั้งหน้าเราจะพาเพื่อนๆ ไปทานอาหารกลางวันที่ “มารุมิโชเท็น MARUMI SHOTEN” และเดินทางไปยัง “ตลาดคุโรชิโอะ”「KUROSHIO MARKET」ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ

【ตารางการเดินทาง Day1-2 WAKAYAMA TOURIST INFORMATION AND HISTRICAL MUSEUM/WAKAYAMA CASTLE】

Sponsored by Central Japan Railway Company

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶