Day1-1 เริ่มทริป! ออกจากกรุงเทพ มาสู่ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ เดินทางไปสู่ “ปราสาทอินุยามะ INUYAMA CASTLE”

ROUND THE C・H・I

ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day1-1 เริ่มทริป! ออกจากกรุงเทพ มาสู่ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ เดินทางไปสู่ “ปราสาทอินุยามะ INUYAMA CASTLE”

INUYAMA-NAGOYA-MINOKAMO-NAGOYA

ครั้งนี้จะเป็นการเดินทางเพื่อเข้าร่วมชมงานเวิลด์ คอสเพลย์ ซัมมิต「World Cosplay Summit 2018」ซึ่งนอกจากบรรยากาศงานแล้ว เราจะพาเพื่อนๆ ไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในนาโกย่าและบริเวณรอบๆ กันค่ะ

โดยเราจะออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นที่ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ Chubu International Airport

Airport ที่นาโกย่า ซึ่งก่อนที่เราจะไปร่วมงานคืนก่อนวันเปิดงาน「World Cosplay Summit 2018」เราจะเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองหนึ่งที่ชื่อว่า “อินุยามะ”「INUYAMA(犬山)」ใกล้นาโกย่า เพื่อชมปราสาททางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ “ปราสาทอินุยามะ” 「INUYAMA CASTLE(犬山城)」และเที่ยวชมหมู่บ้านเมจิ “เมจิมูระ”「MEIJI MURA(明治村)」ธีมปาร์คจำลองญี่ปุ่นในสมัยก่อนกันค่ะ

ซึ่งในตอนนี้เราจะพาเพื่อนๆ เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปจนถึง “ปราสาทอินุยามะ” กันค่ะ โดยบริเวณรอบๆ ปราสาทก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น “ศาลเจ้าซันโก อินาริ”「SANKO INARI SHRINE(三光稲荷神社)」ที่มีทั้งเสาโทริอิสีแดงเรียงรายกันอยู่มากมาย ราวกับศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริที่เกียวโต อีกทั้งยังมี “เอมะ” แผ่นไม้ขอพรที่เป็นรูปหัวใจ น่ารักๆ อีกด้วย สามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่ระหว่างการเดินทางเลยทีเดียว

เราจะเริ่มทริปในครั้งนี้กันที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เพื่อเข้าประเทศญี่ปุ่นจาก ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ Chubu International Airport Airport ใกล้นาโกย่ากันค่ะ ซึ่งเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพมหานคร ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทร จะมีอยู่ทั้งหมด 3 เที่ยวบิน ในสายการบินไทย และสายการบินญี่ปุ่น

หากเพื่อนๆ ไม่ได้กำหนดสายการบินที่ต้องการนั่งเอาไว้ ก็สามารถเช็คเที่ยวบินของสายการบินต่างๆ ได้ทาง「Sky Scanner」ที่มีทั้งการเปรียบเทียบ เวลา ราคา ของเที่ยวบินและสายการบินต่างๆ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ จองตั๋วราคาถูก! เที่ยวญี่ปุ่นอย่างสบายใจด้วยตั๋วที่ราคาถูกกว่าในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์

ซึ่งราคาตั๋วในช่วงนี้เริ่มตั้งแต่นาโกย่า และการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ในญี่ปุ่น จะอยู่ที่ประมาณมากกว่าหรือน้อยกว่า 2 หมื่นบาท

หากต้องการเดินทางไปญี่ปุ่นในราคาที่ถูกกว่าก็แนะนำเป็นสายการบิน AIR CHINA (เปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวัน) KOREAN AIR (เปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี) SINGAPORE AIRLINES (ไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์) หรือ CATHAY PACIFIC (ปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง) เหล่านี้จะเป็นสายการบินที่ราคาถูกลงมาหน่อย คืออยู่ที่ประมาณ 1 หมื่น 5 พันเยน ซึ่งสายการบินเหล่านี้ก็เป็นสายการบินชั้นนำ ถึงจะใช้เวลานานกว่าแต่ก็ราคาถูกกว่าเที่ยวบินตรงนะคะ ซึ่งวันนี้เราได้เลือกเดินทางของสายการบินไทย ราคาอยู่ที่ไปกลับประมาณ 17000 บาท แถมยังบินกลางคืนด้วย มีเวลาเที่ยวเต็มที่เลย

ข่าวดี! ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม ปีพ.ศ.2561 สายการบิน AirAsia X จะเพิ่มรอบบินไป ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ Chubu International Airport เป็นบินทุกวัน ต่อจากสนามบินคันไซ 『AirAsia X Don Mueang-Nagoya』

โดยออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง 6:55 ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ 14:20

และ ออกจาก ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ 16:30 ถึง ท่าอากาศยานดอนเมือง 21:10

(ตามแผน ณ เดือนกันยายน ปีพ.ศ.2561)ซึ่งเป็นตารางเวลาที่ค่อนข้างดีเลยค่ะ เพื่อนๆ จะยิ่งสามารถท่องเที่ยวในพื้นที่ส่วนกลางของญี่ปุ่น ในพื้นที่ “ชูบุ” ได้มากขึ้นทั้ง “นาโกย่า” “ฮิดะทาคายาม่า” “ชิราคาวาโกะ” “อิเสะ” หรือจะเป็นการท่องเที่ยว ระหว่าง “นาโกย่า-โตเกียว” และ “นาโกย่า-โอซาก้า” ได้มากขึ้นอีกด้วย

ในกรณีเคาน์เตอร์ชั้น Economy Class ของการบินไทยจะอยู่ที่เคาน์เตอร์ H/J ใกล้ประตู 4 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เฉพาะบางเที่ยวบินที่บินดึกไปญี่ปุ่น และเกาหลีที่เป็นช่วงเวลาคนเยอะ ก็จะทำการเช็คอินอยู่ที่ช่อง C

เพราะฉะนั้นอย่าไปเผลอต่อผิดแถวนะคะไม่งั้นต้องไปต่อแถวใหม่เสียเวลาเลย ก่อนจะไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ สามารถทำการเช็คอินจากเครื่องเช็คอินอัตโนมัติที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ เพื่อจองที่นั่งและออกบัตรโดยสารก่อน เมื่อเช็คแล้วก็สามารถต่อแถว「BagDrop」ที่สั้นกว่าได้เลย สามารถอ่านรายละเอียดการเช็คอินไปจนถึงการเดินทางออกนอกประเทศได้จากลิ้งค์ด้านล่างเลย
Day1-1 เริ่มต้นการเดินทางทริปโอซาก้า เกียวโตจากสนามบินคันไซ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ตึก「ABENO HARUKAS」สูง 300 เมตร !

เที่ยวบินของสายการบินไทยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประตู C หรือ E ซึ่งเมื่อผ่านตม.เข้ามาแล้ว ประตูจะอยู่ห่างออกไป 7-15 นาทีเพราะฉะนั้นรีบไปที่เกทไว้ก่อนก็ดีนะคะ

เครื่องที่ถูกใช้บินไปนาโกย่าจะเป็นเครื่อง B777 เมื่อเทียบกับเครื่องลำใหญ่ที่มีที่นั่งกว่า 10 แถว แบ่งเป็น 3-4-3 แล้วลำนี้จะมีทางเดินกว้างกว่านิดหน่อย เพราะว่ามีแค่ 9 แถว แบ่งเป็น 3-3-3 นั่งไปได้แบบสบายๆ โดยจะใช้เวลาเดินทางไปนาโกย่า 5 ชั่วโมงค่ะ

เดินทางจากกรุงเทพตอนกลางคืน และมาถึงที่สนามบินชูบุเซ็นแทรร์ในตอนเช้า ช่วงเช้าก็จะมีสายการบินเอเชียต่างๆ ลงจอดอยู่เรื่อยๆ ทำให้บรรยากาศภายในสนามบินจะคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อเข้าประเทศมาแล้วก็ผ่านตม. รับการเป๋า และผ่านศุลกากรมาเลย

ซึ่งสถานที่แรกของทริปก็คือ “ปราสาทอินุยามะ และ เมจิมูระ(หมู่บ้านเมจิ)” โดยนั่ง รถไฟเมเทสึ MEITETSU ไปจะสะดวกที่สุดค่ะ

ก่อนอื่นก็ออกจากประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้าประเทศ ไปทางซ้ายมือ เดินไปประมาณ 50m จนถึงสามแยก จากนั้นเลี้ยวไปทางขวามือ ลงไปตามทางสโลปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับสถานีรถไฟเมเทสึ

MEITETSU ที่จะมุ่งหน้าไปสู่ ตัวเมืองนาโกย่า และกิฟุ GIFU

ซึ่งการเดินทางจากสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ ไป “สถานีอินุยามะ INUYAMA STATION” จะต้องนั่งรถไฟด่วนพิเศษมิวสกาย「LIMITED EXPRESSμ SKY」ที่จะวิ่งชั่วโมงละ 1 เที่ยว

ซึ่งรถไฟ「LIMITED EXPRESS μ SKY」จะใช้เวลาในการเดินทางไป “สถานีอินุยามะ” 55 นาที ตั๋วรถไฟด่วนพิเศษมิวสกาย「LIMITED EXPRESS μ SKY」จะต้องซื้อที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วค่ะ ครั้งนี้ ICHIGO-CHAN เลือกเดินทางด้วย LIMITED EXPRESS μ SKY ซึ่งตอนที่เราไปคือเดือนกันยายน ปีพ.ศ.2561 เป็นช่วงที่ยังไม่สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิต เพราะฉะนั้นอย่าลืมเตรียมเงินสดเอาไว้ด้วยนะคะ

ราคาตั๋วไป “สถานีอินุยามะ” จะอยู่ที่ 1340 เยน ซึ่งในกรณีของ LIMITED EXPRESS μ SKY นั้นจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 360 เยนเป็นค่าตั๋วขึ้นรถและสำหรับเลือกที่นั่งค่ะ

LIMITED EXPRESS μ SKY นั้นจะต้องผ่านช่องตรวจตั๋วที่สนามบินชูบุเซ็นแทรร์ไป และไปทางขวามือ เพื่อขึ้นรถไฟที่ชานชาลาหมายเลข 1

รถไฟด่วนพิเศษของญี่ปุ่น รวมถึง μ SKY นั้นส่วนใหญ่สามารถหมุนที่นั่งได้ค่ะ คือสามารถหันเก้าอี้ให้หันหน้าเข้าหากันเป็น 4 คนได้ค่ะ แต่ละคันก็จะมีวิธีหมุนเก้าอี้ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนรถไฟคันนี้สามารถหมุนได้โดย การจับส่วนที่อยู่ในวงกลมสีเหลืองตามรูป จากนั้นก็ดันหมุนเก้าอี้ได้เลยค่ะ

ซึ่งในบางกรณีที่มีผู้โดยสารนั่งอยู่ด้านหน้าเอนเบาะที่นั่งจะทำให้ไม่สามารถหมุนได้ เพราะฉะนั้นเราอาจจะรบกวนให้คนด้านหน้าช่วยปรับพนักเก้าอี้ให้ได้โดยพูดว่า

「SUIMASEN SUKOSHINO AIDA DAKE ZASEKI NO SEWO MODOSHITE MORATTE

IIDESUKA??」

「ซูมิมาเซ็น ซูโคชิโนะไอดะ ดาเคะ ซาเซกิ โนะ เสะโอะ โมโดชิเตะ โมรัตเตะ อี้เดสก้ะ??」

(ขอโทษนะคะรบกวนปรับพนักเก้าอี้สักครู่ได้ไหมคะ??)

เราจะนั่งรถไฟจากสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ ไปยัง “อินุยามะ” เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางเมื่อผ่านนาโกย่าไปแล้ว ก็จะเป็นวิวเมืองยาวไปเรื่อยๆ และเมื่อออกเดินทางมาเป็นเวลา 40 นาทีแล้ว วิวโดยรอบก็จะกลายเป็นวิวธรรมชาติ ทั้งทุ่งนา แม่น้ำที่มีท้องฟ้าสดใสสะท้อนอยู่บนผิวน้ำ

เมื่อเข้าสู่วิวทุ่งนาก็แสดงว่าใกล้ถึงที่หมายของเราที่ “อินุยามะ” แล้วค่ะ

ออกจากสนามบินชูบุเซ็นแทรร์มาเป็นเวลา 55 นาที รถไฟก็แล่นมาสู่ “สถานีอินุยามะ” เป็นที่เรียบร้อย เมื่อลงจากรถไฟแล้ว ก็เดินขึ้นบันไดที่อยู่ภายในชานชาลาเพื่อขึ้นไปที่ชั้นช่องตรวจตั๋ว เมื่อผ่านช่องตรวจตั๋วออกมาแล้ว ก็เดินไปทางซ้ายมือ เพื่อไปที่ประตูทางออกทิศตะวันตก WEST EXIT(西口) กันเลย

โดยที่หมายแรกของเราก็คือ “ปราสาทอินุยามะ”「INUYAMA CASTLE」ซึ่งอยู่ห่างจากสถานี 1.4km ถ้าเดินก็ต้องใช้เวลาถึง 18 นาที ไกลพอสมควรเลยค่ะ แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะว่าระหว่างทางจากสถานีไปปราสาทอินุยามะ จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่มากมาย ทั้งวิวบรรยากาศเมืองเก่า และศาลเจ้าต่างๆ เพราะฉะนั้นสามารถเดินถ่ายรูป ชมวิวไปได้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อยและไม่เบื่อแน่นอนค่ะ

ออกจากทางออกช่องตรวจตั๋วสถานีอินุยามะมาแล้ว ก็เดินไปทางซ้ายเพื่อไปที่ ประตูทางออกทิศตะวันตกWEST EXIT(西口) และเดินไปจนสุดทางจากนั้นก็เดินไปทางขวา เพื่อลงบันไดไปข้างล่าง และเลี้ยวไปทางซ้ายมือ ตรงไปเรื่อยๆ ซักพักเลยค่ะ

และเมื่อเดินมาถึงสี่แยกดังรูปภาพด้านบนซ้ายมือแล้ว ก็เลี้ยวไปทางขวามือ ซึ่งสี่แยกไฟแดงนี่อาจสังเกตุยากเล็กน้อย แต่เราจะเห็นวิวเมืองรอบๆ ปราสาทอยู่ด้านขวามือเลย เพราะฉะนั้นไม่งงแน่นอน

โดยบริเวณเมืองเก่ารอบๆ ปราสาทจะเป็นสถานที่ที่มีร้านค้าต่างๆ เรียงรายกันอยู่มากมาย ทั้งของฝาก และอาหารที่หอมโชยมาแต่ไกล ซึ่งเราจะพาเพื่อนๆ เที่ยวชมบริเวณเมืองเก่ารอบปราสาทนี้กันในตอนหน้า เพราะฉะนั้นครั้งนี้เราจะเดินตรงผ่านบริเวณนี้ไปก่อน

เมื่อเดินมาจนสุดทางและเห็นเสาโทริอิอยู่ 2 อันแล้ว ตรงนี้ก็คือทางเข้าปราสาทอินุยามะเลยค่ะ

ซึ่งบริเวณเสาโทริอิ จะมีบริการรถลากแบบญี่ปุ่นให้ได้นั่งเที่ยวชมเมืองรอบปราสาทและบริเวณโดยรอบ การนั่งรถลากเที่ยวชมเมืองจะใช้เวลารอบละ 15 นาที ราคา 1000 เยน

โดยชื่อเรียกของรถลากนี้ก็คือ「OWARAI JINRIKISHA(お笑い人力車)」แปลว่า “รถลากดาวตลก” ส่วนคนลากนี้มีอาชีพหลักเป็นดาวตลกด้วย

เป็นการทำงานลากรถลากไปพร้อมๆ กับแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ของเด็กฝึกหัดในสังกัดของบริษัทจัดหาดาราตลก「YOSHIMOTO KOGYO(吉本興業)」ที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น โดยพื้นฐานจะเป็นการใช้ภาษาญี่ปุ่น แต่เราก็สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าความร่าเริงและความตลกของดาราตลกฝึกหัดเหล่านี้ได้ เพียง 1000 เยนเท่านั้นต้องลองเลยค่ะ

และเมื่อเดินไปจนสุดทางแล้วก็จะเจอเสาโทริอิอยู่ 2 อัน ให้เดินไปทางซ้ายมือเพื่อไปทางเสาโทริอิสีแดง ซึ่งศาลเจ้าที่อยู่เลยเสาโทริอิสีแดงไปก็คือ “ศาลเจ้าซันโก อินาริ”「SANKO INARI SHRINE」โดยการจะเดินไปปราสาทอินุยามะนั้นสามารถเดินอ้อมไปได้เช่นกัน แต่จะเป็นระยะทางที่ไกลพอสมควรเลย เพราะฉะนั้นเราจะเดินทางลัดผ่านศาลเจ้าซันโก อินาริไปแทนค่ะ

โดยศาลเจ้าซันโก อินาริ เป็นหนึ่งใน 3 ศาลเจ้าที่อยู่ข้างปราสาทอินุยามะ โดดเด่นเรื่อง “การเงิน” และ “การค้าขาย” ไหนๆ ก็ได้ผ่านมาแล้ว เราจะเข้าไปกราบไหว้ศาลเจ้ากันด้วยเลยค่ะ

เมื่อขึ้นบันไดมาแล้ว เดินไปซักพักก็จะเจอที่ชำระล้างร่างกายอยู่ด้านขวามือ

เราจะต้องทำการชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ด้วยการล้างมือ บ้วนปากก่อนไปกราบไหว้ภายในศาลเจ้า โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. ถือกระบวยด้วยมือขวา และตักน้ำให้เต็ม จากนั้นนำน้ำมาล้างมือซ้าย

2. เปลี่ยนมือที่ถือกระบวยเป็นข้างซ้าย และล้างมือขวา

3. เปลี่ยนมาถือกระบวยมือขวาอีกรอบ เทน้ำใส่มือซ้ายพอประมาณ และทำการบ้วนปาก

4. ล้างมือซ้ายอีกรอบ

5. ตั้งกระบวยขึ้น โดยหันหน้ากระบวยเข้าตัว เพื่อให้น้ำไหลลงไปล้างที่จับกระบวย วางกระบวยไว้ที่เดิม เท่านี้ก็เรียบร้อย

เมื่อเดินเลยที่ชำระล้างร่างกายไปก็จะเป็นอาคารหลักของศาลเจ้าเลย

โดยโยนเหรียญใส่กล่องทำบุญ(ตามจิตศรัทธา โดยปกติประมาณ 5-50 เยน)จากนั้นให้ทำการ

โค้งคำนับ 2:โค้งคำนับไปทางศาลเจ้า 2 ครั้ง

ปรบมือ 2:ปรบมือ 2 ครั้ง

โค้งคำนับ 1:อธิษฐานในใจ และโค้งคำนับอีก 1 รอบ

ซึ่งที่ศาลเจ้าซันโก อินาริ แห่งนี้จะมีแผ่นไม้ขอพร “เอมะ” รูปหัวใจ ที่สามารถซื้อได้ที่สำนักงานข้างศาลเจ้าหลัก และนำไปเขียนขอพร เพื่อนำไปแขวนไว้ที่วัดได้เลย ส่วนนี้จะได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นเป็นพิเศษเลยค่ะ และในส่วนด้านหลังอาคารหลักศาลเจ้าจะมีอุโมงค์เสาโทริอิสีแดงสวยงาม น่าถ่ายรูป ให้บรรยากาศเหมือนศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ ที่เกียวโต อยู่อีกด้วยค่ะ

เมื่อออกจาก “ศาลเจ้าซันโก อินาริ” ไปทางขวามือแล้ว ก็จะเจอปราสาทเก่าแก่อายุมากกว่า 400 ปีกับ “ปราสาทอินุยามะ” อยู่ตรงหน้าเลย

“ปราสาทอินุยามะ” ที่มีเสน่ห์นี้ สามารถเพื่อนเพลิดเพลินกับปราสาทไปพร้อมๆ กับในแต่ละฤดูกาลของญี่ปุ่น และวิวที่สวยงามจากบนหอคอยปราสาท ด้วยความที่ปราสาทนี้ตั้งอยู่ใกล้นาโกย่า ทำให้นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ปราสาทแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมากนั่นเอง

ครั้งหน้าเราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชม “ปราสาอินุยามะ” และบรรยากาศบ้านเมืองบริเวณรอบๆ ปราสาทกันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪
 

【ตารางการเดินทาง Day1-1 CHUBU INTERNATIONAL AIRPORT/SANKO INARI SHRINE】

        Go to the top Page        

  NEXT ▶