Day1-1 เริ่มทริป ! จากกรุงเทพ เดินทางมายังสนามบินคันไซที่โอซาก้า และเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้า

ROUND THE C・H・I

ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day1-1 เริ่มทริป ! จากกรุงเทพ เดินทางมายังสนามบินคันไซที่โอซาก้า และเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้า

OSAKA-HYOGO-OSAKA-TOKYO

ในช่วงฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นก็เป็นช่วงที่ร้อนมากไม่แพ้เมืองไทยเลยค่ะ ซึ่งช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่นจะเป็นช่วงของการจัดงานเทศกาลต่างๆ มากมาย

ในช่วงยุคสมัยที่ยังไม่มีอุปกรณ์ปรับอากาศต่างๆ ในช่วงหน้าร้อนจะเป็นช่วงที่เกิดโรคภัยไข้เจ็บมากที่สุด ดังนั้นประเทศญี่ปุ่นจึงได้จัดงานเทศกาลต่างๆ เพื่อเป็นการปัดเป่าเคราะห์ และปัดเป่าภัยต่างๆ ด้วยการแบก “มิโคชิ MIKOSHI” ที่มีเทพเจ้าสถิตอยู่ หรือเป็นการแห่เทพเจ้าไปรอบเมืองด้วยมิโคชินั่นเอง ซึ่งช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นจะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมีจำนวนลดน้อยลง ถือว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศงานเทศกาล วัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่เลย

ครั้งนี้เราจึงจะพาเพื่อนๆ ไปเข้าร่วมงานเทศกาลชื่อดังของ โอซาก้าและโตเกียวจำนวน 2 งาน เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศฤดูร้อนของญี่ปุ่นกันค่ะ

ครั้งนี้ ICHIGO-CHAN จะไปเที่ยวโอซาก้ากับโตเกียว เพราะฉะนั้นเราจะเข้าญี่ปุ่นที่สนามบินคันไซ และกลับประเทศไทยจากสนามบินฮาเนดะ หรือสนามบินนาริตะค่ะ

ซึ่งสายการบินที่บินไปสนามบินคันไซ สนามบินฮาเนดะ และสนามบินนาริตะ ณ เดือนกรกฏาคม พ.ศ.2561 จะมีอยู่ 4 สายการบินก็คือ

・ สายการบินไทย

・ สายการบินญี่ปุ่น JAL

・ แอร์เอเชียเอกซ์ Airasia X

・ สกู้ท Scoot

ถึงแม้ว่าตั๋วของแอร์เอเชียเอกซ์ Airasia X ออกเดินทางจากกรุงเทพวันที่ 22 เดือนกรกฏาคม และออกเดินทางจากโตเกียว วันที่ 26 กรกฏาคม ราคาจะถูกที่สุดอยู่ที่ 8990 บาท

แต่จะถึงสนามบินคันไซตอนดึก แล้วต้องเสียเวลาไป 1 วันเต็ม ๆ เราจึงเลือกที่จะขึ้นของการบินไทย ราคาอาจจะแพงหน่อยที่ 18700 บาท แต่ราคานี้ก็ยังถือว่าไม่ได้แพงมาก แล้วยังรวมค่าโหลดกระเป๋า อาหาร และถึงตอนเช้าด้วย

สายการบินไทยจะบินไปโอซาก้าวันละ 2 เที่ยว รอบบินกลางคืน เที่ยวบิน 622 จะใช้เครื่อง A380 ส่วนรอบบินเช้า เที่ยวบิน 672 จะเป็นเครื่องบินใหม่ A350 ให้เราได้นั่งไปญี่ปุ่นอย่างสะดวกสบาย

นอกจากนี้ หากเลือกตั๋วที่ต้องทำการเปลี่ยนเครื่องหนึ่งครั้งระหว่างทางก็อาจได้บินมาญี่ปุ่นในราคาที่ถูกกว่า ยกตัวอย่างเช่น สายการบินคาเธย์แปซิฟิคแวะฮ่องกง สายการบินเกาหลีแวะโซล หรือ สายการบิน EVA AIR แวะไทเป ราคาตั๋วก็จะอยู่ที่ มากกว่าหรือน้อยกว่า 15000 บาท นอกจากนี้ก็มี สายการบินฟิลิปปินส์แวะซีบู หรือ สายการบินเวียดนามแวะฮานอยก็จะถูกกว่าอยู่ในช่วงราคา 10000 บาทเลยทีเดียว

ครั้งนี้เราก็ได้ออกจากประเทศไทยจากสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินไทยเพื่อมุ่งหน้าไปสู่สนามบินคันไซ สุวรรรณภูมิที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติมากมาย ปัจจุบันก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจริงๆ ค่ะ ช่วงเที่ยวบินรอบดึกไปญี่ปุ่นและเกาหลี จะทำการเช็คอินอยู่ที่ช่อง C หากทำการเช็คอินจากเครื่องเช็คอินอัตโนมัติที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ C ก็สามารถต่อแถว「BagDrop」ที่สั้นกว่าได้เลย ถ้าใครถนัดเครื่องเช็คอินก็ใช้บริการเลยนะคะ นอกจากนี้สายการบินไทยที่ออกจากกรุงเทพสามารถเช็คอินได้ที่เว็ปไซต์เลย

https://www.thaiairways.com/en/index.page?

ณ ปัจจุบัน เดือนกรกฏาคม ปีพ.ศ. 2561 นั้นสามารถเช็คอินได้ก่อน 24 ชั่วโมงไปจนถึงก่อน 1 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นรีบเช็คอินในเว็ปไซต์เอาไว้ก่อนเลยก็ดีนะคะ

ซึ่งเที่ยวบิน TG ที่มุ่งหน้าไปสู่ สนามบินนาริตะ หรือ สนามบินคันไซ ส่วนหนึ่งจะใช้เครื่องบินลำใหญ่แบบ 2 ชั้น กับเครื่อง A380 เพราะฉะนั้นหากใครได้นั่งเครื่อง A380 ก็แนะนำให้นั่งชั้น 2F เลยค่ะ

เมื่อทำการเช็คอินทางเว็บไซต์ในขั้นตอนการเลือกที่นั่ง จะมีปุ่ม Medium Deck และ Upper Deck ให้เลือก เราจะเลือกเป็น Upper Deck ซึ่งเว็บไซต์จะเลือกอัตโนมัติไปที่ชั้น Medium Deck ก่อนเพราะฉะนั้นที่นั่งชั้น Upper Deck จะว่างกว่ามากเลยค่ะ

เมื่อเช็คอินเสร็จแล้ว ไปเช็คกระเป๋า และก็ผ่านเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองไปเลย เราก็คงรู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่าช่วงเวลารอบดึก ช่วงเที่ยวบิน TG622 จะเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมากๆ บางครั้งเราใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงเลย เพราะฉะนั้นรีบเข้าเกทไปก่อนน่าจะดีกว่านะคะ

ซึ่งช่วงเวลาพีคของการตรวจเช็คกระเป๋า และตรวจคนเข้าเมืองจะอยู่ที่ช่วงเวลา 21:00-24:00 น. เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อเวลาไปสนามบินเร็วหน่อยก็สามารถผ่านเข้าไปได้อย่างราบรื่นกว่าเลยค่ะ ซึ่งภายในสนามบินสุวรรณภูมิเองก็เป็นสนามบินที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร หรือร้านนวดต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีจุดจำหน่ายซิม SIM ต่างประเทศที่สามารถใช้ที่ญี่ปุ่นได้อีกด้วย

เที่ยวบินของ TG ส่วนใหญ่มักจะออกจากโซน C หรือ E เพราะฉะนั้นถ้าผ่านตม.มาแล้วต้องไปที่โซน C ก็เลี้ยวไปทางซ้ายมือ ส่วนโซน E ก็เลี้ยวไปทางขวาเลยค่ะ

ถ้าเดินไปอีกสักพักแต่ละฝั่งก็จะเจอสี่แยกค่ะ ถ้า C ก็เลี้ยวขวา ส่วน E ก็เลี้ยวซ้ายจากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ในกรณีของการบินไทยจะปิดเกทก่อนเครื่องออกประมาณ 20

นาทีเพราะฉะนั้นต้องรีบไปที่เกทไว้ก่อนนะคะ

โดยเฉพาะเครื่องลำใหญ่อย่าง A380 ที่มักจะจอดอยู่ที่ประตูที่อยู่ริมๆ ดังนั้นควรจะเผื่อเวลาเดินไปที่เกทด้วยนะคะ

ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ถึงจะเป็นคนที่ขึ้นเครื่องหลายสิบครั้งต่อปี แต่ช่วงเวลานี้ถือได้ว่าเป็นก้าวแรกของการเริ่มทริป ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาค่ะ

เครื่อง A380 ที่เราได้นั่งวันนี้เป็นเครื่องบิน 2 ชั้น ซึ่งชั้น 2F ส่วนใหญ่จะเป็นที่นั่งสำหรับ First class และ Business class แต่ก็มีส่วนหนึ่งท้ายๆ ที่เป็น Economy class เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่นั่งชั้นสองก็จะต้องเดินผ่านบริเวณชั้น 1F ไปเพื่อขึ้นบันไดที่อยู่หลังสุด เพื่อขึ้นไปที่ชั้น 2F ตอนที่เราผ่านชั้น 1F ก็เห็นว่าที่นั่งเกือบเต็มเลยค่ะ แต่ส่วนชั้น 2F ยังพอมีที่ว่างอยู่บ้าง ได้นั่งแบบสบายๆ ในบรรยากาศเหมือนได้นั่ง「Economy First」เลยค่ะ

ซึ่งสายการบิน TG จะมีการติดตั้งกล้องเอาไว้ที่ส่วนหางของเครื่องบินให้เราได้ชมบรรยากาศนอกเครื่องได้ด้วย และเราจะใช้เวลาเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ผ่านอุบลราชธานี ผ่านดานังที่เวียดนาม ไต้หวัน เพื่อเข้าใกล้ญี่ปุ่นเรื่อยๆ ซึ่งอาหารจะมาเสริฟ์ก่อนเครื่องลง 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ

เมื่อขึ้นไปบนเครื่องแล้ว ก็จะได้รับใบตรวจคนเข้าเมืองและใบศุลกากร เราจำเป็นจะต้องเขียนสองใบนี้ดีๆ จะได้ไม่มีปัญหาตอนเข้าประเทศค่ะ ถ้าเขียนที่อยู่มั่วๆ ก็อาจจะได้เปิดเช็คสัมภาระกันยกใหญ่เลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นตั้งใจเขียนข้อมูลให้ครบและเขียนให้เป็นระเบียบนะคะ ในส่วนของเบอร์โทรติดต่อกลับ

ถ้าเป็นเบอร์ไทยก็ตัด 0 ที่อยู่ด้านหน้าออกและใส่ +66 แทน เช่น เบอร์ 081-234-5678 ให้เขียนเป็น +66-1-234-5678

ออกจากกรุงเทพตอน 23:30 เที่ยวบิน TG622 ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติคันไซเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ เมื่อลงจากเครื่องแล้ว สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือ อากาศช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่น ลองเช็คอุณภูมิในมือถือดูโอซาก้าตอนนี้ถึงจะเป็นเวลา 7 โมงเช้า แต่ก็ 31 องศาแล้วค่ะ

เมื่อถึงสนามบินคันไซแล้ว ผ่านตม. และศุลกากร เวลาที่เราถึงนี้ก็จะเป็นช่วงที่หลายๆ เที่ยวบินลงจอดพอดี คนก็จะเยอะหน่อยใช้เวลาผ่านตม. มากกว่าหนึ่งชั่วโมง และรอรับสัมภาระกว่า

30 นาทีเลย เมื่อผ่านทุกอย่างทั้ง ตม.รอรับกระเป๋า และศุลกากรมาแล้วก็ออกไปข้างนอกกันเลย เมื่อออกจากประตูทางออกขาเข้าประเทศแล้ว เราจะไปส่งสัมภาระไปที่โรงแรมกันค่ะ หากบินด้วยสายการบินไทย TG ก็ให้เลี้ยวไปทางขวามือ ส่วนเพื่อนๆ ที่เดินทางมาด้วยสายการบินญี่ปุ่น JAL ให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือ ก็จะเจอเคาน์เตอร์ขนส่งสัมภาระเลยค่ะ ซึ่งอัตราค่าบริการขนส่งกระเป๋าเดินทางต่อใบจะอยู่ที่ประมาณ 1600-2400 เยน สามารถส่งสัมภาระไปได้ทุกโรงแรมภายในตัวเมืองโอซาก้า และยิ่งหากเพื่อนๆ ได้ทำเรื่องส่งสัมภาระในช่วงเช้า สัมภาระก็จะถูกส่งมายังโรงแรมในช่วงเย็นของวันนั้นเลยค่ะ

ที่หมายแรกของเราก็คือ “ปราสาทโอซาก้า”「OSAKA CASTLE」สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ปราสาทโอซาก้าจะมีอยู่หลายสถานี ซึ่งครั้งนี้เราจะเลือกเดินทางไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน เท็มมะบาชิ TENMABASHI STATION สายทานิมาจิ TANIMACHI LINE ค่ะ โดยเราจะต้องนั่ง“ฮารุกะ”「HARUKA EXPRESS」จากสนามบินคันไซ เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีเท็นโนจิ TENNOUJI STATION ก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรถไฟใต้ดินสาย สายทานิมาจิ TANIMACHI LINE เพื่อมุ่งหน้าไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเท็มมะบาชิ TENMABASHI STATION กันค่ะ โดยก่อนอื่นเราจะต้องเดินไปที่สถานีรถไฟสนามบินคันไซที่อยู่ติดกับสนามบินก่อน สายการบินไทยจะออกมาจาก「ทางออกผู้โดยสารขาเข้า ทางฝั่งทิศใต้」ขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ด้านซ้ายมือไป เมื่อขึ้นมาแล้วก็เดินออกจากอาคารไปทางประตูเลื่อนอัตโนมัติ เมื่อออกมาแล้วก็เดินข้ามสะพานทางเชื่อมอาคารไปก็คือสถานีสนามบินคันไซเลย

เมื่อถึงสถานีรถไฟสนามบินคันไซแล้ว ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอ「JR Ticket Office」อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งเคาน์เตอร์ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้จะอยู่ที่(ข้อมูล เดือนมิถุนายน พ.ศ.

2561)หมายเลข 7・8・9(นอกจากคนที่ถนัดภาษาญี่ปุ่น)ก็สามารถเลือกใช้บริการที่ช่องนี้ได้เลยค่ะ

โดยสามารถพูดกับพนักงานจำหน่ายตั๋วว่า

「TENNOUJI MADE TOKKYU NO TICKET(จำนวนคน)MAI ONEGAISHIMASU」

「เท็นโนจิ มาเดะ ทกคิว โนะ ทิกเก็ต(จำนวนคน)ไม โอเนกาอิชิมัส」

(ขอซื้อตั๋วรถด่วนพิเศษไปเท็นโนจิ(จำนวน)ใบ ค่ะ/ครับ)

เท่านี้พนักงานก็จะเลือกวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดให้กับเรา นอกจากนี้ สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ทั่วไปอย่าง VISA หรือ Master และ JCB ฯลฯ ได้ค่ะ

เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็กลับหลังหัน และเข้าช่องตรวจตั๋วอัตโนมัติที่อยู่ฝั่งขวามือ เพื่อไปที่ชานชาลาสถานี เมื่อผ่านช่องตรวจตั๋วเข้ามาแล้ว ก็ลงบันไดเลื่อนที่อยู่ขวามือเพื่อลงไปที่ชานชาลา ที่ชานชาลาสถานีสนามบินคันไซนี้จะมีรถไฟอยู่ 2 ฝั่งก็คือฝั่งรถด่วนพิเศษ “ฮารุกะ”「HARUKA」(วิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยวใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที)และรถไฟแบบด่วนสีเงิน(วิ่งชั่วโมงละ 3-4 เที่ยว

ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 40-50นาที)ในครั้งนี้เราจะนั่งแบบรถไฟด่วนพิเศษ “ฮารุกะ”「HARUKA」สีขาว ที่วิ่งทั้งหมด 6 โบกี้ เมื่อออกจากสถานีสนามบินคันไซแล้วรถไฟจะแวะจอดที่ สถานีเท็นโนจิใกล้「ABENO HARUKUS」สถานีชินโอซาก้า ที่สามารถเปลี่ยนรถไฟไปยังชินคันเซ็น หรือ JR สายเกียวโตรถไฟใต้ดินสายมิโดสึจิ ตามด้วยสถานีเกียวโตค่ะ จาก “สถานีสนามบินคันไซ” จะใช้เวลาเดินทางไป “สถานีเท็นโนจิ”ประมาณ 30 นาที“สถานีชินโอซาก้า” ประมาณ 50 นาที และ “สถานีเกียวโต” ประมาณ 75 นาที วิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยว

ภายในรถที่นั่ง Reclining Seat เรียงกันแบบนี้

รถไฟด่วนพิเศษ “ฮารุกะ”「HARUKA」หรือ “ทันเดอร์เบิร์ด”「THUNDERBIRD」ที่นั่งจากสถานีชินโอซาก้า หรือรถไฟด่วนพิเศษของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่นั่งจะสามารถปรับหมุนให้หันหน้าเข้าหากันแบบ 4 คนได้ โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถหมุนได้โดยการเหยียบแป้นที่อยู่ด้านล่างข้างเก้าอี้ และดันพนักเก้าอี้เพื่อหมุนปรับด้านเก้าอี้ แต่ถ้ามีแขกนั่งอยู่ด้านหน้าที่นั่งก็จะต้องขอรบกวนให้เขาปรับพนักพิงให้อยู่ในระดับตรงเหมือนเดิม

โดยพูดว่า

「SUIMASEN SUKOSHINO AIDA DAKE ZASEKI NO SEWO MODOSHITE MORATTE

IIDESUKA??」

「ซูมิมาเซ็น สุโคะชิโนะไอดะ ดาเคะ ซะเซกิ โนะ เซะโอะ โมโดชิเตะ โมรัตเตะ อี้เดสก้ะ??」

(ขอโทษนะคะ ขอปรับพนักเก้าอี้คืนให้สักระยะนึงได้ไหมคะ??)

นั่งรถไฟด่วนพิเศษ “ฮารุกะ”「HARUKA」จากสถานีสนามบินคันไซมาประมาณ 30 นาที ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงสถานีเท็นโนจิ หนึ่งในสถานีในตัวเมืองโอซาก้าเป็นที่เรียบร้อย และเราจะนั่งรถไฟใต้ดินที่สถานีเท็นโนจิ สายทานิมาจิ ไปที่ปราสาทโอซาก้ากันค่ะ เมื่อลงรถไฟที่สถานีเท็นโนจิแล้ว ก็เดินมุ่งตรงไปตามทางเดินข้างหน้า ขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปที่ช่องตรวจตั๋วกันค่ะ

มื่อออกจากช่องตรวจตั๋วสถานี JR เท็นโนจิ แล้วเดินไปทางขวามือ และตรงไปเล็กน้อยก็จะเจอบันไดเพื่อลงไปสู่บย่านร้านค้า「MIO CHIKA MARCHE」อยู่ทางซ้ายมือ ให้ลงบันไดนี้ไปเลยค่ะ จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ และเดินไปตามป้ายบอกทางไปรถไฟใต้ดินสาย ทานิมาจิ(สายสีม่วง) TANIMACHI LINE และลงบันไดเพื่อไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเท็นโนจิ สายทานิมาจิเลยค่ะ

ก่อนจะขึ้นรถไฟใต้ดินเราจะมาซื้อตั๋วรถไฟกันก่อนนะคะ โดยก่อนอื่นจะต้องเช็คราคาจากบอร์ดแผนผังเส้นทางรถไฟที่อยู่บนเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติก่อน เพื่อเช็คราคาไป「TENMABASHI」(230 เยน)เมื่อเช็คราคาเรียบร้อยแล้วก็กดปุ่ม English บนหน้าจอ จากนั้นก็เลือก「Purchase Ticket」 ต่อด้วยปุ่มราคา「230」และใส่เงินเข้าไปในเครื่องเท่านั้น

เราจะผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วที่อยู่ติดเครื่องจำหน่ายตั๋วเลย เมื่อผ่านเข้าไปแล้วก็เดินไปทางซ้ายมือเพื่อลงบันไดไปที่ชานชาลาหมายเลข 2

เราจะต้องนั่งจากสถานีเท็นโนจิ ไปสถานีเท็มมะบาชิ ไป 5 สถานี ใช้เวลาประมาณ 9 นาที ซึ่งรถไฟจะแล่นช่วงเวลาเช้าทุกๆ 3 นาที เมื่อเช้าช่วงกลางวันก็จะวิ่งประมาณ ทุกๆ 7 นาทีเหมือน BTS เลยค่ะ ไม่ต้องรอนานเลย ซึ่งจะมีข้อควรระวังเล็กน้อยในช่วงเวลาเช้าของรถไฟใต้ดินสำหรับโบกี้ “สำหรับผู้หญิงเท่านั้น WOMEN ONLY” เป็นโบกี้ที่มีไว้ให้ผู้หญิงขึ้นเท่านั้น เฉพาะในช่วงเวลาเช้าที่คนหนาแน่นเท่านั้น ในสายรถไฟบางส่วนของ รถไฟใต้ดินในโอซาก้า บริษัทรถไฟเอกชน หรือ รถไฟ JR บางส่วน  ซึ่งสายทานิมาจินี้จะมีโบกี้เฉพาะผู้หญิง ถึงเวลา 9 โมงเช้าเท่านั้น ในโบกี้ที่ 3(ครั้งนี้นับจากด้านหลังมาโบกี้ที่ 3) เพราะฉะนั้นสำหรับคุณผู้ชายระวังขึ้นผิดนะคะ

เมื่อถึงสถานีเท็มมะบาชิ สถานีใกล้ปราสาทโอซาก้าแล้ว ก็เดินไปตามทางด้านหลัง ไปที่ชานชาลาที่มีบันไดเลื่อนค่ะ เมื่อออกจากช่องตรวจตั๋วมาแล้วก็เดินไปทางซ้ายมือ และขึ้นลิฟต์หรือบันไดเพื่อไปที่ชั้นบนดิน เมื่อขึ้นมาแล้วก็เดินไปทางซ้ายมือ เดินไปเรื่อยๆ จนถึงแยกใหญ่อันที่ 2 กับแยกที่ชื่อว่า “แยกทานิมาจินิโจเมะ”「TANIMACHI 2 CHOME KOUSATEN(谷町2丁目交差点)」เมื่อถึงแยกนี้แล้วให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือ

เดินตรงจากแยกทานิมาจินิโจเมะ มาเรื่อยๆ ก็จะถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของโอซาก้ากับ ปราสาทโอซาก้าแล้วค่ะ ซึ่งปราสาทโอซาก้าเป็นสถานที่ที่มีการค้นหามากที่สุด ในบรรดาสถานที่ขึ้นชื่อต่างๆ อย่าง “วัดทองคินคาคุจิ” หรือ USJ ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนๆ นักท่องเที่ยวก็มาท่องเที่ยวที่ปราสาทโอซาก้ากันตลอดเลยค่ะ

และเราจะพาเพื่อนๆ ไปชมปราสาทโอซาก้ากันในครั้งหน้า ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪

【ตารางการเดินทาง Day1-1 】

        Go to the top Page        

  NEXT ▶