ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day1-1 เริ่มทริป ! จากกรุงเทพ เดินทางมายังสนามบินคันไซที่โอซาก้า และเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้า
OSAKA-HYOGO-OSAKA-TOKYO
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/1%28209%29.jpg)
ในช่วงฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นก็เป็นช่วงที่ร้อนมากไม่แพ้เมืองไทยเลยค่ะ ซึ่งช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่นจะเป็นช่วงของการจัดงานเทศกาลต่างๆ มากมาย
ในช่วงยุคสมัยที่ยังไม่มีอุปกรณ์ปรับอากาศต่างๆ ในช่วงหน้าร้อนจะเป็นช่วงที่เกิดโรคภัยไข้เจ็บมากที่สุด ดังนั้นประเทศญี่ปุ่นจึงได้จัดงานเทศกาลต่างๆ เพื่อเป็นการปัดเป่าเคราะห์ และปัดเป่าภัยต่างๆ ด้วยการแบก “มิโคชิ MIKOSHI” ที่มีเทพเจ้าสถิตอยู่ หรือเป็นการแห่เทพเจ้าไปรอบเมืองด้วยมิโคชินั่นเอง ซึ่งช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นจะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมีจำนวนลดน้อยลง ถือว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศงานเทศกาล วัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่เลย
ครั้งนี้เราจึงจะพาเพื่อนๆ ไปเข้าร่วมงานเทศกาลชื่อดังของ โอซาก้าและโตเกียวจำนวน 2 งาน เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศฤดูร้อนของญี่ปุ่นกันค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/2%28185%29.jpg)
ครั้งนี้ ICHIGO-CHAN จะไปเที่ยวโอซาก้ากับโตเกียว เพราะฉะนั้นเราจะเข้าญี่ปุ่นที่สนามบินคันไซ และกลับประเทศไทยจากสนามบินฮาเนดะ หรือสนามบินนาริตะค่ะ
ซึ่งสายการบินที่บินไปสนามบินคันไซ สนามบินฮาเนดะ และสนามบินนาริตะ ณ เดือนกรกฏาคม พ.ศ.2561 จะมีอยู่ 4 สายการบินก็คือ
・ สายการบินไทย
・ สายการบินญี่ปุ่น JAL
・ แอร์เอเชียเอกซ์ Airasia X
・ สกู้ท Scoot
ถึงแม้ว่าตั๋วของแอร์เอเชียเอกซ์ Airasia X ออกเดินทางจากกรุงเทพวันที่ 22 เดือนกรกฏาคม และออกเดินทางจากโตเกียว วันที่ 26 กรกฏาคม ราคาจะถูกที่สุดอยู่ที่ 8990 บาท
แต่จะถึงสนามบินคันไซตอนดึก แล้วต้องเสียเวลาไป 1 วันเต็ม ๆ เราจึงเลือกที่จะขึ้นของการบินไทย ราคาอาจจะแพงหน่อยที่ 18700 บาท แต่ราคานี้ก็ยังถือว่าไม่ได้แพงมาก แล้วยังรวมค่าโหลดกระเป๋า อาหาร และถึงตอนเช้าด้วย
สายการบินไทยจะบินไปโอซาก้าวันละ 2 เที่ยว รอบบินกลางคืน เที่ยวบิน 622 จะใช้เครื่อง A380 ส่วนรอบบินเช้า เที่ยวบิน 672 จะเป็นเครื่องบินใหม่ A350 ให้เราได้นั่งไปญี่ปุ่นอย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ หากเลือกตั๋วที่ต้องทำการเปลี่ยนเครื่องหนึ่งครั้งระหว่างทางก็อาจได้บินมาญี่ปุ่นในราคาที่ถูกกว่า ยกตัวอย่างเช่น สายการบินคาเธย์แปซิฟิคแวะฮ่องกง สายการบินเกาหลีแวะโซล หรือ สายการบิน EVA AIR แวะไทเป ราคาตั๋วก็จะอยู่ที่ มากกว่าหรือน้อยกว่า 15000 บาท นอกจากนี้ก็มี สายการบินฟิลิปปินส์แวะซีบู หรือ สายการบินเวียดนามแวะฮานอยก็จะถูกกว่าอยู่ในช่วงราคา 10000 บาทเลยทีเดียว
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/3%28166%29.jpg)
ครั้งนี้เราก็ได้ออกจากประเทศไทยจากสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินไทยเพื่อมุ่งหน้าไปสู่สนามบินคันไซ สุวรรรณภูมิที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติมากมาย ปัจจุบันก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจริงๆ ค่ะ ช่วงเที่ยวบินรอบดึกไปญี่ปุ่นและเกาหลี จะทำการเช็คอินอยู่ที่ช่อง C หากทำการเช็คอินจากเครื่องเช็คอินอัตโนมัติที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ C ก็สามารถต่อแถว「BagDrop」ที่สั้นกว่าได้เลย ถ้าใครถนัดเครื่องเช็คอินก็ใช้บริการเลยนะคะ นอกจากนี้สายการบินไทยที่ออกจากกรุงเทพสามารถเช็คอินได้ที่เว็ปไซต์เลย
ณ ปัจจุบัน เดือนกรกฏาคม ปีพ.ศ. 2561 นั้นสามารถเช็คอินได้ก่อน 24 ชั่วโมงไปจนถึงก่อน 1 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นรีบเช็คอินในเว็ปไซต์เอาไว้ก่อนเลยก็ดีนะคะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/4%28165%29.jpg)
ซึ่งเที่ยวบิน TG ที่มุ่งหน้าไปสู่ สนามบินนาริตะ หรือ สนามบินคันไซ ส่วนหนึ่งจะใช้เครื่องบินลำใหญ่แบบ 2 ชั้น กับเครื่อง A380 เพราะฉะนั้นหากใครได้นั่งเครื่อง A380 ก็แนะนำให้นั่งชั้น 2F เลยค่ะ
เมื่อทำการเช็คอินทางเว็บไซต์ในขั้นตอนการเลือกที่นั่ง จะมีปุ่ม Medium Deck และ Upper Deck ให้เลือก เราจะเลือกเป็น Upper Deck ซึ่งเว็บไซต์จะเลือกอัตโนมัติไปที่ชั้น Medium Deck ก่อนเพราะฉะนั้นที่นั่งชั้น Upper Deck จะว่างกว่ามากเลยค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/5%28174%29.jpg)
เมื่อเช็คอินเสร็จแล้ว ไปเช็คกระเป๋า และก็ผ่านเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองไปเลย เราก็คงรู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่าช่วงเวลารอบดึก ช่วงเที่ยวบิน TG622 จะเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมากๆ บางครั้งเราใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงเลย เพราะฉะนั้นรีบเข้าเกทไปก่อนน่าจะดีกว่านะคะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/6%28174%29.jpg)
ซึ่งช่วงเวลาพีคของการตรวจเช็คกระเป๋า และตรวจคนเข้าเมืองจะอยู่ที่ช่วงเวลา 21:00-24:00 น. เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อเวลาไปสนามบินเร็วหน่อยก็สามารถผ่านเข้าไปได้อย่างราบรื่นกว่าเลยค่ะ ซึ่งภายในสนามบินสุวรรณภูมิเองก็เป็นสนามบินที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร หรือร้านนวดต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีจุดจำหน่ายซิม SIM ต่างประเทศที่สามารถใช้ที่ญี่ปุ่นได้อีกด้วย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/7%28173%29.jpg)
เที่ยวบินของ TG ส่วนใหญ่มักจะออกจากโซน C หรือ E เพราะฉะนั้นถ้าผ่านตม.มาแล้วต้องไปที่โซน C ก็เลี้ยวไปทางซ้ายมือ ส่วนโซน E ก็เลี้ยวไปทางขวาเลยค่ะ
ถ้าเดินไปอีกสักพักแต่ละฝั่งก็จะเจอสี่แยกค่ะ ถ้า C ก็เลี้ยวขวา ส่วน E ก็เลี้ยวซ้ายจากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ในกรณีของการบินไทยจะปิดเกทก่อนเครื่องออกประมาณ 20
นาทีเพราะฉะนั้นต้องรีบไปที่เกทไว้ก่อนนะคะ
โดยเฉพาะเครื่องลำใหญ่อย่าง A380 ที่มักจะจอดอยู่ที่ประตูที่อยู่ริมๆ ดังนั้นควรจะเผื่อเวลาเดินไปที่เกทด้วยนะคะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/8%28175%29.jpg)
ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ถึงจะเป็นคนที่ขึ้นเครื่องหลายสิบครั้งต่อปี แต่ช่วงเวลานี้ถือได้ว่าเป็นก้าวแรกของการเริ่มทริป ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/9%28170%29.jpg)
เครื่อง A380 ที่เราได้นั่งวันนี้เป็นเครื่องบิน 2 ชั้น ซึ่งชั้น 2F ส่วนใหญ่จะเป็นที่นั่งสำหรับ First class และ Business class แต่ก็มีส่วนหนึ่งท้ายๆ ที่เป็น Economy class เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่นั่งชั้นสองก็จะต้องเดินผ่านบริเวณชั้น 1F ไปเพื่อขึ้นบันไดที่อยู่หลังสุด เพื่อขึ้นไปที่ชั้น 2F ตอนที่เราผ่านชั้น 1F ก็เห็นว่าที่นั่งเกือบเต็มเลยค่ะ แต่ส่วนชั้น 2F ยังพอมีที่ว่างอยู่บ้าง ได้นั่งแบบสบายๆ ในบรรยากาศเหมือนได้นั่ง「Economy First」เลยค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/10%28176%29.jpg)
ซึ่งสายการบิน TG จะมีการติดตั้งกล้องเอาไว้ที่ส่วนหางของเครื่องบินให้เราได้ชมบรรยากาศนอกเครื่องได้ด้วย และเราจะใช้เวลาเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ผ่านอุบลราชธานี ผ่านดานังที่เวียดนาม ไต้หวัน เพื่อเข้าใกล้ญี่ปุ่นเรื่อยๆ ซึ่งอาหารจะมาเสริฟ์ก่อนเครื่องลง 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/11%28182%29.jpg)
เมื่อขึ้นไปบนเครื่องแล้ว ก็จะได้รับใบตรวจคนเข้าเมืองและใบศุลกากร เราจำเป็นจะต้องเขียนสองใบนี้ดีๆ จะได้ไม่มีปัญหาตอนเข้าประเทศค่ะ ถ้าเขียนที่อยู่มั่วๆ ก็อาจจะได้เปิดเช็คสัมภาระกันยกใหญ่เลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นตั้งใจเขียนข้อมูลให้ครบและเขียนให้เป็นระเบียบนะคะ ในส่วนของเบอร์โทรติดต่อกลับ
ถ้าเป็นเบอร์ไทยก็ตัด 0 ที่อยู่ด้านหน้าออกและใส่ +66 แทน เช่น เบอร์ 081-234-5678 ให้เขียนเป็น +66-1-234-5678
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/12%28182%29.jpg)
ออกจากกรุงเทพตอน 23:30 เที่ยวบิน TG622 ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติคันไซเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ เมื่อลงจากเครื่องแล้ว สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือ อากาศช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่น ลองเช็คอุณภูมิในมือถือดูโอซาก้าตอนนี้ถึงจะเป็นเวลา 7 โมงเช้า แต่ก็ 31 องศาแล้วค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/13%28177%29.jpg)
เมื่อถึงสนามบินคันไซแล้ว ผ่านตม. และศุลกากร เวลาที่เราถึงนี้ก็จะเป็นช่วงที่หลายๆ เที่ยวบินลงจอดพอดี คนก็จะเยอะหน่อยใช้เวลาผ่านตม. มากกว่าหนึ่งชั่วโมง และรอรับสัมภาระกว่า
30 นาทีเลย เมื่อผ่านทุกอย่างทั้ง ตม.รอรับกระเป๋า และศุลกากรมาแล้วก็ออกไปข้างนอกกันเลย เมื่อออกจากประตูทางออกขาเข้าประเทศแล้ว เราจะไปส่งสัมภาระไปที่โรงแรมกันค่ะ หากบินด้วยสายการบินไทย TG ก็ให้เลี้ยวไปทางขวามือ ส่วนเพื่อนๆ ที่เดินทางมาด้วยสายการบินญี่ปุ่น JAL ให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือ ก็จะเจอเคาน์เตอร์ขนส่งสัมภาระเลยค่ะ ซึ่งอัตราค่าบริการขนส่งกระเป๋าเดินทางต่อใบจะอยู่ที่ประมาณ 1600-2400 เยน สามารถส่งสัมภาระไปได้ทุกโรงแรมภายในตัวเมืองโอซาก้า และยิ่งหากเพื่อนๆ ได้ทำเรื่องส่งสัมภาระในช่วงเช้า สัมภาระก็จะถูกส่งมายังโรงแรมในช่วงเย็นของวันนั้นเลยค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/14%28180%29.jpg)
ที่หมายแรกของเราก็คือ “ปราสาทโอซาก้า”「OSAKA CASTLE」สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ปราสาทโอซาก้าจะมีอยู่หลายสถานี ซึ่งครั้งนี้เราจะเลือกเดินทางไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน เท็มมะบาชิ TENMABASHI STATION สายทานิมาจิ TANIMACHI LINE ค่ะ โดยเราจะต้องนั่ง“ฮารุกะ”「HARUKA EXPRESS」จากสนามบินคันไซ เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีเท็นโนจิ TENNOUJI STATION ก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรถไฟใต้ดินสาย สายทานิมาจิ TANIMACHI LINE เพื่อมุ่งหน้าไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเท็มมะบาชิ TENMABASHI STATION กันค่ะ โดยก่อนอื่นเราจะต้องเดินไปที่สถานีรถไฟสนามบินคันไซที่อยู่ติดกับสนามบินก่อน สายการบินไทยจะออกมาจาก「ทางออกผู้โดยสารขาเข้า ทางฝั่งทิศใต้」ขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ด้านซ้ายมือไป เมื่อขึ้นมาแล้วก็เดินออกจากอาคารไปทางประตูเลื่อนอัตโนมัติ เมื่อออกมาแล้วก็เดินข้ามสะพานทางเชื่อมอาคารไปก็คือสถานีสนามบินคันไซเลย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/15%28174%29.jpg)
เมื่อถึงสถานีรถไฟสนามบินคันไซแล้ว ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอ「JR Ticket Office」อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งเคาน์เตอร์ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้จะอยู่ที่(ข้อมูล เดือนมิถุนายน พ.ศ.
2561)หมายเลข 7・8・9(นอกจากคนที่ถนัดภาษาญี่ปุ่น)ก็สามารถเลือกใช้บริการที่ช่องนี้ได้เลยค่ะ
โดยสามารถพูดกับพนักงานจำหน่ายตั๋วว่า
「TENNOUJI MADE TOKKYU NO TICKET(จำนวนคน)MAI ONEGAISHIMASU」
「เท็นโนจิ มาเดะ ทกคิว โนะ ทิกเก็ต(จำนวนคน)ไม โอเนกาอิชิมัส」
(ขอซื้อตั๋วรถด่วนพิเศษไปเท็นโนจิ(จำนวน)ใบ ค่ะ/ครับ)
เท่านี้พนักงานก็จะเลือกวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดให้กับเรา นอกจากนี้ สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ทั่วไปอย่าง VISA หรือ Master และ JCB ฯลฯ ได้ค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/16%28173%29.jpg)
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็กลับหลังหัน และเข้าช่องตรวจตั๋วอัตโนมัติที่อยู่ฝั่งขวามือ เพื่อไปที่ชานชาลาสถานี เมื่อผ่านช่องตรวจตั๋วเข้ามาแล้ว ก็ลงบันไดเลื่อนที่อยู่ขวามือเพื่อลงไปที่ชานชาลา ที่ชานชาลาสถานีสนามบินคันไซนี้จะมีรถไฟอยู่ 2 ฝั่งก็คือฝั่งรถด่วนพิเศษ “ฮารุกะ”「HARUKA」(วิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยวใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที)และรถไฟแบบด่วนสีเงิน(วิ่งชั่วโมงละ 3-4 เที่ยว
ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 40-50นาที)ในครั้งนี้เราจะนั่งแบบรถไฟด่วนพิเศษ “ฮารุกะ”「HARUKA」สีขาว ที่วิ่งทั้งหมด 6 โบกี้ เมื่อออกจากสถานีสนามบินคันไซแล้วรถไฟจะแวะจอดที่ สถานีเท็นโนจิใกล้「ABENO HARUKUS」สถานีชินโอซาก้า ที่สามารถเปลี่ยนรถไฟไปยังชินคันเซ็น หรือ JR สายเกียวโตรถไฟใต้ดินสายมิโดสึจิ ตามด้วยสถานีเกียวโตค่ะ จาก “สถานีสนามบินคันไซ” จะใช้เวลาเดินทางไป “สถานีเท็นโนจิ”ประมาณ 30 นาที“สถานีชินโอซาก้า” ประมาณ 50 นาที และ “สถานีเกียวโต” ประมาณ 75 นาที วิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยว
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/17%28180%29.jpg)
ภายในรถที่นั่ง Reclining Seat เรียงกันแบบนี้
รถไฟด่วนพิเศษ “ฮารุกะ”「HARUKA」หรือ “ทันเดอร์เบิร์ด”「THUNDERBIRD」ที่นั่งจากสถานีชินโอซาก้า หรือรถไฟด่วนพิเศษของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่นั่งจะสามารถปรับหมุนให้หันหน้าเข้าหากันแบบ 4 คนได้ โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถหมุนได้โดยการเหยียบแป้นที่อยู่ด้านล่างข้างเก้าอี้ และดันพนักเก้าอี้เพื่อหมุนปรับด้านเก้าอี้ แต่ถ้ามีแขกนั่งอยู่ด้านหน้าที่นั่งก็จะต้องขอรบกวนให้เขาปรับพนักพิงให้อยู่ในระดับตรงเหมือนเดิม
โดยพูดว่า
「SUIMASEN SUKOSHINO AIDA DAKE ZASEKI NO SEWO MODOSHITE MORATTE
IIDESUKA??」
「ซูมิมาเซ็น สุโคะชิโนะไอดะ ดาเคะ ซะเซกิ โนะ เซะโอะ โมโดชิเตะ โมรัตเตะ อี้เดสก้ะ??」
(ขอโทษนะคะ ขอปรับพนักเก้าอี้คืนให้สักระยะนึงได้ไหมคะ??)
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/18%28173%29.jpg)
นั่งรถไฟด่วนพิเศษ “ฮารุกะ”「HARUKA」จากสถานีสนามบินคันไซมาประมาณ 30 นาที ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงสถานีเท็นโนจิ หนึ่งในสถานีในตัวเมืองโอซาก้าเป็นที่เรียบร้อย และเราจะนั่งรถไฟใต้ดินที่สถานีเท็นโนจิ สายทานิมาจิ ไปที่ปราสาทโอซาก้ากันค่ะ เมื่อลงรถไฟที่สถานีเท็นโนจิแล้ว ก็เดินมุ่งตรงไปตามทางเดินข้างหน้า ขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปที่ช่องตรวจตั๋วกันค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/19%28172%29.jpg)
มื่อออกจากช่องตรวจตั๋วสถานี JR เท็นโนจิ แล้วเดินไปทางขวามือ และตรงไปเล็กน้อยก็จะเจอบันไดเพื่อลงไปสู่บย่านร้านค้า「MIO CHIKA MARCHE」อยู่ทางซ้ายมือ ให้ลงบันไดนี้ไปเลยค่ะ จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ และเดินไปตามป้ายบอกทางไปรถไฟใต้ดินสาย ทานิมาจิ(สายสีม่วง) TANIMACHI LINE และลงบันไดเพื่อไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเท็นโนจิ สายทานิมาจิเลยค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/20%28165%29.jpg)
ก่อนจะขึ้นรถไฟใต้ดินเราจะมาซื้อตั๋วรถไฟกันก่อนนะคะ โดยก่อนอื่นจะต้องเช็คราคาจากบอร์ดแผนผังเส้นทางรถไฟที่อยู่บนเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติก่อน เพื่อเช็คราคาไป「TENMABASHI」(230 เยน)เมื่อเช็คราคาเรียบร้อยแล้วก็กดปุ่ม English บนหน้าจอ จากนั้นก็เลือก「Purchase Ticket」 ต่อด้วยปุ่มราคา「230」และใส่เงินเข้าไปในเครื่องเท่านั้น
เราจะผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วที่อยู่ติดเครื่องจำหน่ายตั๋วเลย เมื่อผ่านเข้าไปแล้วก็เดินไปทางซ้ายมือเพื่อลงบันไดไปที่ชานชาลาหมายเลข 2
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/21%28152%29.jpg)
เราจะต้องนั่งจากสถานีเท็นโนจิ ไปสถานีเท็มมะบาชิ ไป 5 สถานี ใช้เวลาประมาณ 9 นาที ซึ่งรถไฟจะแล่นช่วงเวลาเช้าทุกๆ 3 นาที เมื่อเช้าช่วงกลางวันก็จะวิ่งประมาณ ทุกๆ 7 นาทีเหมือน BTS เลยค่ะ ไม่ต้องรอนานเลย ซึ่งจะมีข้อควรระวังเล็กน้อยในช่วงเวลาเช้าของรถไฟใต้ดินสำหรับโบกี้ “สำหรับผู้หญิงเท่านั้น WOMEN ONLY” เป็นโบกี้ที่มีไว้ให้ผู้หญิงขึ้นเท่านั้น เฉพาะในช่วงเวลาเช้าที่คนหนาแน่นเท่านั้น ในสายรถไฟบางส่วนของ รถไฟใต้ดินในโอซาก้า บริษัทรถไฟเอกชน หรือ รถไฟ JR บางส่วน ซึ่งสายทานิมาจินี้จะมีโบกี้เฉพาะผู้หญิง ถึงเวลา 9 โมงเช้าเท่านั้น ในโบกี้ที่ 3(ครั้งนี้นับจากด้านหลังมาโบกี้ที่ 3) เพราะฉะนั้นสำหรับคุณผู้ชายระวังขึ้นผิดนะคะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/22%28123%29.jpg)
เมื่อถึงสถานีเท็มมะบาชิ สถานีใกล้ปราสาทโอซาก้าแล้ว ก็เดินไปตามทางด้านหลัง ไปที่ชานชาลาที่มีบันไดเลื่อนค่ะ เมื่อออกจากช่องตรวจตั๋วมาแล้วก็เดินไปทางซ้ายมือ และขึ้นลิฟต์หรือบันไดเพื่อไปที่ชั้นบนดิน เมื่อขึ้นมาแล้วก็เดินไปทางซ้ายมือ เดินไปเรื่อยๆ จนถึงแยกใหญ่อันที่ 2 กับแยกที่ชื่อว่า “แยกทานิมาจินิโจเมะ”「TANIMACHI 2 CHOME KOUSATEN(谷町2丁目交差点)」เมื่อถึงแยกนี้แล้วให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/23%28109%29.jpg)
เดินตรงจากแยกทานิมาจินิโจเมะ มาเรื่อยๆ ก็จะถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของโอซาก้ากับ ปราสาทโอซาก้าแล้วค่ะ ซึ่งปราสาทโอซาก้าเป็นสถานที่ที่มีการค้นหามากที่สุด ในบรรดาสถานที่ขึ้นชื่อต่างๆ อย่าง “วัดทองคินคาคุจิ” หรือ USJ ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนๆ นักท่องเที่ยวก็มาท่องเที่ยวที่ปราสาทโอซาก้ากันตลอดเลยค่ะ
และเราจะพาเพื่อนๆ ไปชมปราสาทโอซาก้ากันในครั้งหน้า ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪
【ตารางการเดินทาง Day1-1 】
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/24%2877%29.jpg)