Day 3-1 เดินทางจากโอซาก้าไปยัง “นารา” เพื่อเที่ยวชมย่านโบราณ “นารามาจิ” เป็นสถานที่แรก

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day 3-1 เดินทางจากโอซาก้าไปยัง “นารา” เพื่อเที่ยวชมย่านโบราณ “นารามาจิ” เป็นสถานที่แรก

HYOGO-KYOTO-OSAKA-NARA

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางเที่ยวชม “ตลาดนิชิกิ”「NISHIKI MARKET(錦市場)」ที่เกียวโต ผ่านแม่น้ำคาโมะคาวะที่ไหลผ่านตั้งแต่ทางใต้ไปจนถึงทางเหนือของเกียวฏต และได้เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของเกียวโตที่ย่านกิออน วัดคิโยมิซึ ในบริเวณฮิงาชิยามะแล้ว

จากนั้นเราก็ได้เดินทางมาในตัวเมืองโอซาก้า และได้ทานดินเนอร์ที่ร้านอิซากายะกันที่ร้าน「MIZUKAKECHAYA(水かけ茶屋)」พร้อมเดินเที่ยวบริเวณโดทงโบริย่านดังของโอซาก้า

Day2-5 เดินทางจากเกียวโต เข้าสู่โอซาก้าเพื่อทานดินเนอร์ร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่น “อิซากายะ”และเข้าพักที่โรงแรม CANDEO HOTELS OSAKA NAMBA

และการท่องเที่ยวโกเบ เกียวโต นารา และโอซาก้าของเราก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของทริปกันแล้ว ซึ่งในวันที่ 3 สามของทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆ เดินทางไปท่องเที่ยวเมือง “นารา” เมืองเก่าแก่เทียบเคียงเกียวโตกันค่ะ

การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วยพาส「KANSAI ONEPASS」ท่องเที่ยวบริเวณคันไซเป็นเวลา 5 วัน 3 คืน ในตอนที่ 11 นี้ เราจะพาเพื่อนๆ เดินทางจากโอซาก้า ไปยัง จังหวัดนารา จากนั้นก็เดินทางไปยัง “นารามาจิ”「NARAMACHI(ならまち)」กันค่ะ

การท่องเที่ยวในแถบคันไซในแต่ละที่ที่เป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์ ทั้งโกเบ เกียวโต นารา และโอซาก้า ตอนนี้ก็เป็นวันที่ 3 ของทริปกันแล้ว โดยโรงแรม「CANDEO HOTELS OSAKA NAMBA」นี้ก็เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่บริเวณนัมบะ ในกลางเมืองโอซาก้า ที่เพื่อนๆ สามารถชมวิวเมืองโอซาก้าได้จากหน้าต่างห้องพักอย่างชัดเจน มองออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่าวันนี้มีเมฆอยู่เล็กน้อย แต่ก็น่าจะสามารถเที่ยวได้เต็มที่ทั้งวัน ถ้าไม่เจอฝนก็น่าจะดีนะคะ

และตอนนี้เราจะไปทานอาหารเช้ากันที่ห้องอาหารชั้น 1F กันเลย

อาหารเช้าของที่นี่จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า ไปจนถึงเวลา 10 โมง ที่ห้องอาหารชั้น 1F ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ค่าอาหารเช้าจะถูกรวมอยู่ในราคาที่พักไปเลย แต่เพื่อนๆ ก็สามารถซื้ออาหารเช้าได้ในราคา 2000 เยน(อายุต่ำกว่า 12 ปี 1000 เยน)เท่านี้ก็จะได้ทานอาหารเช้าเพื่อสุขภาพได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว

การตกแต่งห้องอาหารจะเป็นแบบ “ญี่ปุ่นโมเดิล” ที่มีที่นั่งมากกว่า 100 ที่นั่ง เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าคนจะเยอะเพียงใดก็สามารถนั่งทานอาหารเช้าได้อย่างไม่แออัด มีทั้งที่นั่งแบบ 4 คน ไปจนถึง 6 คนอยู่มากมาย นอกจากนี้ยังมีที่นั่งแบบโซฟาที่แม้แต่เด็กน้อยก็สามารถนั่งทานอาหารได้อย่างสะดวกสบาย

และที่บริเวณศูนย์กลางจะมีโต๊ะที่สามารถนั่งได้มากถึง 12 คนอยู่อีกด้วย

เมนูอาหารเช้าก็มีให้เลือกมากมายทั้งไข่คน ไส้กรอก ผักต้ม แกงเนื้อ แฮมเบิร์ก และสลัดชนิดต่างๆ ที่เป็นวัตถุดิบจากญี่ปุ่นอยู่มากมาย และด้วยความที่แขกที่เข้าพักโรงแรม「CANDEO HOTELS OSAKA NAMBA」ส่วนใหญ่จะเป็นแขกชางต่างชาติ เพราะฉะนั้นนอกจากอาหารญี่ปุ่นแล้ว เพื่อนๆ ก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับอาหารชาติต่างๆ อย่างฝั่งยุโรป หรือเอเชียได้อีกด้วย

นอกจากเมนูอาหารที่มีให้เลือกมากมายแล้ว ที่นี่ยังมีเครื่องชงกาแฟที่สามารถเลือกทานลาเต้ หรือเอสเปรสโซ เท่านั้นไม่พอยังมีดริ้งค์บาร์ที่มีทั้งโค้ก โซดา ฯลฯ ให้เลือกดื่มอีกมากมาย

มีให้เลือกทานเยอะแบบนี้ก็อยากดื่มไม่หยุดเลยใช่ไหมคะ แต่อย่าลืมว่าหลังจากนี้เราจะต้องเดินทางไป “นารา” กันเพราะฉะนั้นอย่าดื่มเยอะเกินไปนะคะ เดี๋ยวจะหาที่เข้าห้องน้ำไม่ได้

ไม่ว่าเมนูไหนๆ ก็น่าทานไปหมดจนเลือกไม่ถูกเลยค่ะ เราเลยตักมาทั้ง แกงกะหรี่ แฮมเบิร์ก ปลาย่าง ไข่เจียว และสลัดมาแบบจัดเต็มเลย อิ่มมากๆ เลยค่ะตอนนี้

หลังจากทานอาหารเช้าไปจนเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปจังหวัด “นารา” กันเลย ซึ่งการเดินทางไปยัง “นารา” นั้น เราจะต้องเดินทางจากโรงแรมไปประมาณ 5 นาที เพื่อไปขึ้นรถไฟ Express คินเท็ตสึที่ “สถานีนิปปอนบาชิ” ของรถไฟคินเท็ตสึไปเป็นเวลา 30 นาที

ก่อนอื่นก็จะต้องออกจากโรงแรมไปทางขวามือ และตรงไปทางสถานีนิปปอนบาชิไปเรื่อยๆ เดินจากโรงแรมเรียบถนนใหญ่ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอบันไดลงไปสู่สถานีของ รถไฟใต้ดิน และคินเท็ตสึ

ให้เดินลงบันไดไป และเดินลงบันไดไปทางซ้ายมืออีก เพื่อเดินผ่านทางเดินใต้ดินไปเรื่อยๆ และเมื่อเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอสถานีคินเท็ตสึนิปปอนบาชิเลย

ก่อนอื่นเราจะใช้พาสสุดคุ้ม「KANSAI ONEPASS」ในการผ่านช่องตรวจตั๋วเข้าไป เมื่อผ่านมาแล้วก็เดินลงบันไดทางด้านซ้ายมือไปที่ชานชาลาหมายเลข 1 เพื่อขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่ “นารา” กันเลย ซึ่งภายในชานชาลาเดียวกันนี้นอกจากรถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่นาราแล้ว ยังมีรถไฟด่วนพิเศษที่มุ่งหน้าไปสู่ “นาโกย่า・อิเสะชิมะ” อยู่อีกด้วย เพราะฉะนั้นสังเกตุรถไฟที่ตัวเองจะต้องขึ้นให้ดีๆ ด้วยนะคะ

นอกจากรถไฟ Express ระหว่างโอซาก้าและนาราแล้ว ก็ยังมีรถไฟด่วนพิเศษ และรถไฟที่วิ่งตรงสู่โกเบ วิ่งอยู่ประมาณ ชั่วโมงละ 1 รอบอยู่อีกด้วย ไม่ว่าขบวนไหนๆ ก็จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30-35 นาที

และสำหรับรถไฟแบบด่วนพิเศษนั้น เพื่อนๆ จะต้องชำระเพิ่มอีก 500 เยน และจะได้นั่งที่นั่งแบบ Reclining Seat แบบสบาย เป็นการเดินทางที่หรูหราขึ้นกว่าปกติมาอีกหนึ่งระดับนั่นเอง

และเมื่อนั่งรถไฟเดินทางออกจากนิปปอนบาชิมาเพียงหนึ่งสถานีและออกจากสถานีอุเอะฮนมาจิ Uehommachi Station มาแล้วก็จะขึ้นมาสู่ชั้นบนดิน ก็จะขับผ่านย่านเกาหลีที่ “ซึรุฮาชิ” ที่เป็นแหล่งเนื้อย่างอร่อย และผ่านบ้านเมือง และบริเวณโรงงานไปเรื่อยๆ ก็จะออกมาสู่บริเวณย่านนอกเมือง

ซึ่งเมื่อเดินทางออกจาก “ซึรุฮาชิ” มาประมาณ 10 นาที ก็จะมาถึงภูเขาอิโกมะเลย โดยบริเวณสถานีอิชิคิริ ที่อยู่ภายในภูเขาอิโกมะนี้ ด้านซ้ายมือจะเป็นวิวทุ่งนาของโอซาก้าที่แผ่กว้างออกไปสุดลูกหูลูกตา และเมื่อเลยผ่านสถานีอิชิคิริไปอีกไม่ถึง 20 นาทีก็จะถึง “นารา” กันแล้ว

“สถานีคินเท็ตสึนารา” ที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยว “วัดโทไดจิ” “ศาลเจ้าคะซุงะ” และ “สวนนารา” ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อถึงสถานีแล้วก็ขึ้นบันไดที่อยู่ภายในชานชาลาไปเพื่อไปที่ช่องตรวจตั๋วกันเลย ที่ชั้นช่องตรวจตั๋วก็จะมี「เซ็นโตะคุง」ที่เป็นคาแรคเตอร์ประจำท้องถิ่นจาก “กวาง” ที่อยู่บริเวณสวนนาคา มารอต้อนรับเราอยู่ด้วย

เมื่อแตะ「KANSAI ONEPASS」แล้วก็ผ่านออกจากช่องตรวจตั๋วเยื้องไปทางขวามือ ก็จะเจอบันไดเลื่อนหรือบันได ให้ขึ้นบันไดเลื่อนหรือบันไดนี้ไปก็จะเจอลานกว้างอยู่ ซึ่งที่บริเวณรอบๆ ลานกว้างจะมีร้านสะดวกซื้อ หรือศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย

ก่อนอื่นเราจะไปเก็บข้อมูลกันที่ศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวกันก่อนเลย ซึ่งที่ศูนย์บริการนี้จะมีข้อมูลการท่องเที่ยวเป็นภาษาต่างๆ มากมายทั้งภาษาอังกฤษ เกาหลี และจีน นอกจากนี้ยังมีส่วนหนึ่งที่เป็นภาษาไทย ที่เป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในนาราต่างๆ มากมาย

เมืองนาราเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีรัศมีเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น เดินเที่ยวแปปเดียวก็สามารถเดินได้เกือบทั่วเมืองเลยค่ะ

และสถานที่แรกที่เราจะไปในวันนี้ก็คือ “นารามาจิ”「NARAMACHI(ならまち)」โดยสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เก่าแก่มากกว่าเกียวโต คือเป็นย่านกลางเมืองที่มีอายุมากกว่า 1400 ปีที่อยู่ศูนย์กลางของเมืองนาราที่ให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นสุดๆ

โดยการเดินทางไปยัง “นารามาจิ” นั้นจะต้องเดินจากลานกว้างหน้าสถานีขึ้นเนินไป ก็จะเจอตึกที่เขียนป้าย HIS อยู่ให้เลี้ยวขวามือไปทางย่านร้านค้าและเดินไปเรื่อยๆ 

บริเวณย่านร้านค้านี้ก็จะมีร้านค้าที่น่าสนใจต่างๆ มากมายทั้งร้าน 100 เยน ร้าน Drugstore หรือร้านจำหน่ายของฝากเฉพาะของนาราอยู่มากมาย

ถึงแม้ว่าจะมีร้านค้าคล้ายๆ กับย่านโดทงโบริในโอซาก้าแต่ว่าที่นี่นักท่องเที่ยวจะเบาบางกว่าเพราะฉะนั้นสามารถเดินช้อปปิ้งในบรรยากาศที่สบายไม่แออัดเลยค่ะ

และเมื่อเดินเลยย่านร้านค้าไปก็จะเข้าสู่ย่าน “นารามาจิ”『NARAMACHI(ならまち)』 ในบรรยากาศเมืองเก่าของนารา

โดยมีวัด Gangō-ji(元興寺) ตั้งอยู่ศูนย์กลาง และเมืองเก่าบริเวณโดยรอบจะมีร้านต่างๆ มากมายทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร และที่พักที่สามารถสัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าของญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่

ซึ่งที่ “นารามาจิ” นี้ก็เป็นสถานที่ที่สามารถเจอ “กวาง” ในนาราได้อีกด้วย

วันที่ ICHIGO-CHAN ไปก็เป็นวันที่มีน้องกวางเดินเล่นอยู่บริเวณนี้อยู่ระหว่างทางด้วยน่ารักมากๆ

หลังจากที่เราได้เดินเล่นภายในย่านโบราณ “นารามาจิ” แล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงวันแล้ว ก่อนที่เราจะเดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของนาราอย่าง “วัดโทไดจิ” “ภูเขาวาคาคุสุ” หรือ “ศาลเจ้าคาซุงะ” เราจะไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอุดง「MUGINOKURA(むぎの蔵)」ที่มุมหนึ่งของย่านร้านค้ากันก่อนเลย

ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอุดง「MUGINOKURA(むぎの蔵)」และเดินทางเที่ยวชม “วัดโทไดจิ” ที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่อยู่ภายในวัดกันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ

【ตารางการเดินทาง Day3-1 NARA STATION/NARAMACHI】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “KANSAI ONE PASS”

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶