ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day-1-3 ruทานวาคายาม่าราเม็งที่ร้าน “มารุมิโชเท็น MARUMI SHOTEN” และมุ่งหน้าไปยัง “มารีน่า ซิตี้”「MARINA CITY」ที่มีสถานที่น่าสนใจมากมายอย่างเช่น “ตลาดคุโรชิโอะ”「KUROSHIO MARKET」
Wakayama-Shirahama-NachiKatsuura-Shingu-Toba-Ise-Nagoya
จากความเดิมตอนที่แล้วที่ ICHIGO-CHAN ได้เยี่ยมชมสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของวาคายาม่า “ปราสาทวาคายาม่า”「WAKAYAMA CASTLE」เพื่อเริ่มทริปท่องเที่ยวรอบคาบสมุทรคิอิ แล้ว
พอเราได้เดินขึ้นเนินเขาของปราสาทวาคายาม่า ได้ขยับร่างกายเยอะๆ ก็เริ่มหิวขึ้นมาทันทีเลย ที่วาคามาย่าก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีอาหารขึ้นชื่ออร่อยๆ อยู่มากมาย แต่วันนี้เราจะขอแนะนำเป็น “วาคายาม่าราเม็ง” และตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึงที่ร้านราเม็งยอดนิยม “มารุมิโชเท็น MARUMI SHOTEN” กันแล้ว ซึ่งหลังจากทานอาหารกลางวันแล้วเราจะมุ่งหน้าไปที่ “มารีน่า ซิตี้”「MARINA CITY」เพื่อไปเพลิดเพลินกับอาหารทะเลสดใหม่และผลไม้นานาชนิดกันเลย
ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปทานอาหารขึ้นชื่อของวาคายาม่ากันเลย
เดินจากปราสาทวาคายาม่ามาประมาณ 10 นาที มาถึงร้านราเม็งวาคายาม่ายอดนิยม “มารุมิโชเท็น MARUMI SHOTEN” อยู่ชั้นใต้ดินของห้าง “วาคายาม่ามิโอะ”『WAKAYAMA MIO』
ซึ่งเวลาที่เรามาที่ร้านเป็นเวลาก่อน 11 โมงคนก็เลยไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ได้ยินมาว่าถ้ามาตอนเที่ยงก็จะต้องรอคิวนานหลายสิบนาทีเลย
เมนูที่ร้านจะเป็นเมนูเรียบๆ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด โดยเมนูหลักๆ ของร้านก็คือ “ชูกะโซบะ”「CHUKASOBA」(680 เยน)ขนาดพิเศษ(780 เยน)และแผ่นหมูย่าง(ชาชู)แบบอัดแน่น “โทกุเซ ชูกะโซบะ” 「TOKUSEI CHUKASOBA」(780 เยน)ขนาดใหญ่พิเศษ(880 เยน)เมื่อเลยเวลาบ่าย 3 โมงก็จะเสิร์ฟเป็น “สึเกเม็ง”「TSUKEMEN」(เล็ก 760 เยน/ ธรรมดา 860 เยน/ ใหญ่ 960 เยน)แต่ละเมนูจะมีรูปภาพกำกับอยู่เพราะฉะนั้นชี้สั่งได้ไม่ยากเลย
แต่ละที่นั่งทั้งเคาน์เตอร์และแบบโต๊ะ จะมีเครื่องเคียงต่างๆ อย่าง 「ซูชิ」(140 เยน)「โอนิกิริ」(120 เยน)「ไข่ต้ม」(60 เยน)วางจำหน่ายอยู่ เพื่อทานคู่กับราเม็ง ไม่จำเป็นต้องสั่งพิเศษสามารถหยิบทานได้เลย พนักงานจะคิดเงินทีเดียวตอนชำระเงินเลยค่ะ
ภายในร้านจะมีที่นั่งแบบโต๊ะนั่งได้ประมาณ 4 คนอยู่ 3 โต๊ะ และที่นั่งแบบเคาน์เตอร์อีก 6 ที่นั่ง รวมทั้งหมดเป็น 18 ที่นั่ง ถ้าไม่ได้มาเป็นกลุ่มใหญ่มากก็สามารถเข้าไปนั่งทานได้สบายเลยค่ะ ที่เคาน์เตอร์จะมีจานหมูแผ่นกองโตวางอยู่ด้วย ถ้าใครอยากทานหมูแผ่นแบบนี้แบบจัดเต็มก็สามารถสั่งเมนู “โทกุเซ ชูกะโซบะ”「TOKUSEI CHUKASOBA」ได้เลย
ส่วนวันนี้ ICHIGO-CHAN สั่งเป็น “ชูกะโซบะ”「CHUKASOBA」(680 เยน)เป็นวาคายาม่าราเม็งสูตรลับเฉพาะของร้านที่ทำกานต้มซุปกระดูกให้ได้รสชาติกลมกล่อมต้มกับโชยุจนได้ที่ เป็น「ทงคตสึรสโชยุ」เมนูนี้จะมีความแตกต่างจากซุปหมูทงคตสึราเม็งแบบธรรมดาทั่วไป ซึ่งจะมีรสชาติที่ชัดเจนและกลมกล่อมกว่ามาก ทานพร้อมกับเส้นราเม็งที่เรียวเล็ก แผ่นหมูหอมอร่อย และเม็งมะ(หน่อไม้ดองญี่ปุ่น) บวกกับต้นหอม เป็นหนึ่งเมนูที่เข้ากันมากๆ
บรรยากาศภายในร้านก็ดูอบอุ่น พนักงานก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี อีกทั้งยังใจดีมากๆ พอได้ยินว่า ICHIGO-CHAN มาจากประเทศไทยก็ให้ข้าวปั้นเป็นของที่ระลึกด้วย เป็นอีกหนึ่งมื้อที่อิ่มอกอิ่มใจมากๆ เลย
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ทานอาหารกลางวันวาคายาม่าราเม็งจนเต็มอิ่มแล้ว ต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปที่ “มารีน่า ซิตี้”「MARINA CITY」ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ ประกอบไปด้วยตลาด “ตลาดคุโรชิโอะ”「KUROSHIO MARKET」ที่มีทั้งปลาสดใหม่ หรือผลไม้ราคาถูก และร้าน「KINOKUNI FRUIT VILLAGE」นอกจากนี้ยังมีธีมพาร์ค「PORTO EUROPE」ที่มีทั้งเครื่องเล่นและมุมถ่ายรูปให้ได้เพลิดเพลินอย่างเต็มที่อีกด้วย โดยสามารถเดินทางไปยัง “มารีน่า ซิตี้”「MARINA CITY」ได้โดยนั่งบัสจากสถานี JR วาคายาม่า ซึ่งบัสจะวิ่งชั่วโมงละ 1-3 เที่ยว
บัสส่วนใหญ่ที่มุ่งหน้าไปสู่ “มารีน่า ซิตี้”「MARINA CITY」จะวิ่งออกจากป้ายหมายเลข 2 ซึ่งบัสจะเป็นแบบ “ขึ้นด้านหลัง ลงด้านหน้า” โดยขึ้นรถบัสจากประตูหลัง และหยิบตั๋วรถบัสที่อยู่ข้างประตูทางขึ้น ราคาค่าโดยสารจะแสดงอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ข้างคนขับ สามารถเช็คราคาได้ตามช่องหมายเลขที่แสดงอยู่บนตั๋วรถบัสได้เลย ก่อนลงจะต้องเตรียมเงินให้พร้อม ครบตามจำนวน และจ่ายเงินลงไปในเครื่องชำระเงินที่อยู่ข้างคนขับ หากใครไม่มีเหรียญก็สามารถแลกได้ที่เครื่องข้างคนขับเลยค่ะ ระยะทางจากสถานี JR วาคายาม่า ไป “มารีน่า ซิตี้”「MARINA CITY」จะใช้เวลาเดินทาง 30-45 นาที (ขึ้นอยู่กับวันและเวลา) ราคา 510 เยน
เมื่อออกจากสถานี JR วาคายาม่า มาซักพักก็จะวิ่งเข้าสู่บริเวณที่มีบ้านพักอาศัยและโรงงานต่างๆ วิ่งไปประมาณ 30 นาทีก็เดินทางมาถึง “มารีน่า ซิตี้”『MARINA CITY』
ถึงวันนี้จะเป็นวันธรรมดา แต่บริเวณที่ที่จอดรถข้างป้ายบัสที่เราลง ก็มีรถบัสและรถยนต์จอดอยู่อย่างแน่นหนา และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย
เมื่อลงจากรถบัสแล้วก็เดินไปตามทางเดินซ้ายมือ ก็จะเห็น “ตลาดคุโรชิโอะ”「KUROSHIO MARKET」อยู่ด้านขวามือ ภายในตลาดมีทั้ง ปลาสดใหม่นานาชนิด เช่น มากุโระ(ทูน่า) จำหน่ายในราคาที่ถูกสุดๆ หรือร้านอาหารที่สามารถเพลิดเพลินไปกับเมนูปลาสดใสมากมาย ทั้งข้าวหน้าปลามากุโระ หรือซูชิ เป็นต้น ส่วนด้านซ้ายมือ จะมีร้าน「KINOKUNI FRUIT VILLAGE」ที่จำหน่ายผลไม้นานาชนิดตั้งแต่ ส้ม ลูกพีชโมโมะ องุ่น ไปจนถึง เมล่อน นอกจากนี้ยังมีธีมพาร์ค「PORTO EUROPE」ให้ได้เพลินเพลิดอย่างเต็มที่ ซึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษเลยก็คือ “ตลาดคุโรชิโอะ”「KUROSHIO MARKET」
เราเข้าไปข้างในกันเลย
“ตลาดคุโรชิโอะ”「KUROSHIO MARKET」เป็นตลาดที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในโกดังขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายตลาด “คุโรมง” KUROMON MARKET ที่โอซาก้า หรือ ตลาด “โอมิโจ” OMICHO MARKET ที่คานาซาว่า ทั้งสองข้างทางจะมีร้านต่างๆ จำหน่ายของทะเลสดๆ มากมายทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา บรรยากาศคึกคักมาก ๆ
ไว้ว่าร้านไหนๆ ก็มีสินค้าจากทะเลที่สดใส ทั้งหอยเชลล์(500 เยน)หอยเชลล์มันปู(500 เยน)หอยเม่น(1200 เยน)และกุ้งมังกรญี่ปุ่นตัวใหญ่(5000 เยน)สามารถซื้อให้ทางร้านย่าง หรือ แล่ ทานได้ที่ร้านเลย
ภายในตลาดจะมีร้านอาหารที่สามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารทะเลสดๆ ทั้งเมนูข้าวหน้าปลาดิบ ซูชิ หรือปลาดิบ เรียงรายกันอยู่มากมายหลายร้าน ไม่ว่าร้านไหนๆ ก็มีคนรอคิวทั้งนั้นเลย อย่างเช่นเมนูปลาแซลมอน「SALMON ICHIBA DON」(2750 เยน)ที่มีทั้งปลาแซลมอน ไข่ปลาแซลมอน และอูนิในหนึ่งเมนู หรือจะเป็นเมนูแซลม่อนแบบอัดแน่นกับ “ข้าวหน้าปลาแซลมอน”「SALMON DON」(1650 เยน)นอกจากนี้ยังมี「มันบดทอดปลามากุโระ」(180 เยน)เท็มปุระปลาหมึก(800 เยน)อีกด้วย
และไฮไลท์ของ “ตลาดคุโรชิโอะ” เลยก็คือ「การแสดงแล่ปลามากุโระ หรือปลาทูน่า Tuna Cutting Show」ที่จะทำการแล่ปลามากุโระตัวโตให้ได้ดูอย่างใกล้ชิด และนำเนื้อมากุโระที่ทำการแล่ไปจำหน่ายเป็นเมนูซาชิมิ หรือ ข้าวหน้าปลาดิบต่างๆ โดยการแสดงแล่ปลามากุโระจะมีอยู่ 3 รอบ เวลา 11:00 / 12:00 / 15:00 ในทุกๆ วัน เมื่อโชว์เริ่มใกล้เข้ามาก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาดูโชว์นี้กันอย่างล้นหลาม
นอกจากนี้ที่ “ตลาดคุโรชิโอะ” จะมีมุมให้ถ่ายรูปน่ารักๆ เป็นที่ระลึกด้วย เป็นหมวกมากุโระขนาดใหญ่เกือบพอๆ ตัวจริงเลยค่ะ แต่พอ ICHIGO-CHAN เอามาใส่แล้วเหมือนโดนปลากินหัวไปเลย 555
เมื่อออกมาจาก “ตลาดคุโรชิโอะ” แล้วก็จะเจอ「KINOKUNI FRUIT VILLAGE」อยู่ตรงหน้าทันที เมื่อเข้าไปในร้านแล้วก็จะได้กลิ่นหอมๆ ของผลไม้หน้าร้อนของวาคายาม่า กับลูกพีชโมโมะ หรือองุ่น มีทั้งผลไม้พันธุ์ดีราคาแพง ไปจนถึงผลไม้อร่อยๆ ราคาถูก และที่อยากแนะนำเป็นพิเศษเลยก็คือ เอาท์เล็ทผลไม้ ที่นำผลไม้ราคาแพงที่มีตำหนิหรือเป็นรอยเล็กน้อย มาลดราคาลงต่ำกว่าครึ่ง เช่น ลูกพีชโมโมะพันธุ์ที่ดีที่สุด ปกติราคาลูกละ 800 เยน แต่เมื่อเป็นเอาท์เล็ทก็จะเหลือเพียง 250 เยนเท่านั้น สามารถทานผลไม้ๆ อร่อยๆ ที่ราคาถูกลงกว่าครึ่งเลยค่ะ
ซึ่งหากพูดถึง “วาคายาม่า” ก็คงจะต้องนึกถึง “ส้ม” ญี่ปุ่น วาคายาม่าที่มีอากาศอบอุ่นจึงเป็นแหล่งผลิตส้มญี่ปุ่นชั้นดี ซึ่งที่「KINOKUNI FRUIT VILLAGE」นี้ก็มีน้ำส้มคั้นจากส้มวาคายาม่า(400 เยน)ให้ได้เพลิดเพลินไปกับรสชาติความอร่อยแบบเต็มอิ่ม และยังสามารถซื้อแบบบรรจุขวดกลับไปได้อีกด้วย ส้มญี่ปุ่นจะมีความเปรี้ยวน้อยกว่า และมีความหวานมากกว่าส้มไทย พอนำมาคั้นเป็นน้ำส้มแล้วก็สดชื่นหวานอร่อยมากๆ จะดื่มกี่แก้วก็ไม่เบื่อเลย
“มารีน่า ซิตี้”「MARINA CITY」นี้จะมีธีมพาร์คที่จำลองบรรยากาศเมืองในยุโรป ชื่อว่า “พอร์โต ยูโรป้า”「PORTO EUROPA」อยู่ ถ้าเป็นธีมปาร์คโดยทั่วไปอย่าง ดีสนี่ย์แลนด์ หรือ USJ ก็จะต้องเสียค่าเข้า แต่ที่นี่สามารถเข้าชมได้ฟรี ซึ่งภายในนี้จะมีทั้งเครื่องเล่นต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟเหาะหรือชิงช้าสวรรค์ นอกจากนี้ยังมี 『Ninja Master』(600 เยน)ที่สามารถสัมผัสประสบการณ์นินจาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง อีกด้วย ถ้าใครมีเวลาก็ลองแวะไปดูนะคะ
“พอร์โต ยูโรป้า”「PORTO EUROPA」นั้นมีมุมให้ถ่ายรูปอยู่มากมาย ไม่ว่าจะไปที่ไหนๆ ก็น่าถ่ายรูปไปหมดเลยจริงๆ ค่ะ ถึงไม่ได้เข้าไปเล่นเครื่องเล่นก็ไม่เบื่อเลย ทั้งๆ ที่มาเที่ยวญี่ปุ่น แต่เราจะได้รูปแนวยุโรปกลับไปด้วย ดีจริงๆ เลยค่ะ
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เพลิดเพลินไปกับ “มารีน่า ซิตี้”「MARINA CITY」ที่มีสถานที่น่าสนใจมากมายทั้ง “ตลาดคุโรชิโอะ”「KUROSHIO MARKET」หรือ ร้านผลไม้ญี่ปุ่น「KINOKUNI FRUIT VILLAGE」แล้ว ต่อไปเราจะนั่งรถไฟ「TAMA TRAIN」หรือ「UMEBOSHI TRAIN」ของ รถไฟ วาคายาม่าเด็นเท็ตสึ WAKAYAMA DENTETSU LINE ที่ขึ้นชื่อเพื่อไปเจอกับ “แมว” ผู้ดูแลสถานีที่ สถานีคิชิ KISHI STATION ซึ่งรถไฟวาคายาม่าเด็นเท็ตสึ จะออกตัวจากสถานีรถไฟวาคายาม่าเด็นเท็นสึวาคายาม่า ที่เดียวกับสถานี JR วาคายาม่าเลย
ดังนั้นก่อนอื่นเราจึงต้องมุ่งหน้าไปที่สถานี JR วาคายาม่า กันก่อน
* ข้อควรระวัง ที่วาคายาม่าจะมีทั้ง “สถานี JR วาคายาม่า” และ “สถานีนันไควาคายาม่า” ซึ่งทั้งสองที่จะอยู่ห่างกันถึง 2km ถ้าเผลอเดินทางไปผิดสถานีก็จะต้องเสียทั้งเวลาและเงินในการเดินทางใหม่เลย เพราะฉะนั้นตอนขึ้นรถบัสจะต้องดูให้ดีและขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปสู่ “สถานี JR วาคายาม่า” เท่านั้น โดยเราจะต้องนั่งรถบัสไป “สถานี JR วาคายาม่า” เป็นเวลา 45 นาที
ครั้งหน้าเราจะพาเพื่อนๆ ไปนั่งรถไฟ「UMEBOSHI TRAIN」ของ รถไฟวาคายาม่าเด็นเท็ตสึ สายคิชิคาวะ และเข้าที่พักอยู่ในบริเวณรีสอร์ทชิราฮามะของวาคายาม่ากันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
【ตารางการเดินทาง Day1-3 MARUMI SHOUTEN/MARINA CITY】
Sponsored by Central Japan Railway Company