เที่ยวเกียวโตด้วย รถไฟสายโรแมนติก Torokko ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม

“เกียวโต” อีกหนึ่งจุดหมายของคอเที่ยวญี่ปุ่นที่จะต้องเพิ่มเข้าไปในลิสต์ และต้องไปเที่ยวให้ได้ซักครั้งในทริปญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโอซาก้า เป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งศิลปะะและวัฒนธรรมที่เก่าแก่ และมีเสน่ห์ ทั้งอาคารบ้านเรือนที่ยังคงความเก่าแก่แบบดั้งเดิม หรือสถานที่เก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ และกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นที่ถูกคลุมโทนอย่างสวยงามและมีเสน่ห์

ซึ่งนอกจากการเที่ยวชมบรรยากาศภายในเมืองแล้ว ยังมีจุดอื่นๆ ที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวอีกมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือการเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามนั่นเอง วันนี้เราจึงจะมาแนะนำทริปสั้นๆ ระหว่างวันสำหรับการเดินทางชมธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามของเกียวโตกับ “รถไฟท่องเที่ยวสายโรแมนติกSagano Romantic Train” ของ บริษัท Sagano Scenic Railway หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ารถไฟ Torokko จะเป็นยังไงไปดูกันเลย

“Sagano Romantic Train” – Sagano Scenic Railway สำหรับรถไฟท่องเที่ยวสายโรแมนติกนี้ เป็นเส้นทางรถไฟระยะทาง 25 นาที ระหว่าง สถานี Saga torokko station ไปยัง Kameoka torokko Station แล่นไปตามเส้นทางท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ในหุบเขาโฮซุเคียว (Hozukyo) 

นอกจากจะได้ชมธรรมชาติแล้ว ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความสวยงามของบรรยากาศในทุกฤดูของญี่ปุ่นได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น “ซากุระ” ในฤดูใบไม้ผลิ, “ใบไม้เปลี่ยนสี” ในฤดูใบไม้ร่วง , “ดอกไฮเดรนเยีย” ในฤดูร้อน หรือ “หิมะ” ในช่วงฤดูหนาว ได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น และชาวต่างชาติ

ข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์หลัก (ภาษาอังกฤษ)

 https://www.sagano-kanko.co.jp/en/

สำหรับการเดินทางไปยัง Saga torokko station (บริเวณอาราชิยามะ หรือป่าไผ่) สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟ JR ไปยัง สถานีรถไฟ JR สถานี Saga-Arashiyama Station โดยใช้เวลาเดินทางไปยังสถานีเกียวโตได้ภายใน 15 นาที

ในครั้งนี้เราจะยกตัวอย่างการเดินทางโดยเริ่มจาก Kameoka torokko Station (สถานีต้นทาง) ไปยังสถานีปลายทาง Saga-Arashiyama Station เพื่อเดินเที่ยวชมป่าไผ่ และบริเวณอาราชิยามะกันต่อได้เลย สำหรับการเดินทางไปยัง Kameoka torokko Station ที่เราจะเริ่มเดินทางจากสถานีนี้ ก่อนอื่นจะต้องเดินทางด้วยรถไฟ JR มายังสถานี JR Kameoka Station จากนั้นก็เดินเท้าตามภาพดังนี้

เมื่อเดินทางมาถึงสถานี JR Kameoka Station แล้ว เดินออกจากสถานี เมื่อผ่านช่องตรวจตั๋ว ไปแล้วเดินทางไปทางซ้ายมือ
จากนั้นเดินเลี้ยวไปทางซ้ายมืออีกหนึ่งรอบ เมื่อเดินมาถึงอุโมงค์ตามภาพ เดินลอดอุงโมงค์ไปและเลี้ยวไปทางซ้ายมือ ใช้เวลาเดินทางจากสถานี JR ไปยังสถานีรถไฟ Torokko ประมาณ 10 นาที (ระหว่างทางมีป้ายบอกทางแต่เป็นภาษาญี่ปุ่น)

เมื่อเลี้ยวขวามาแล้ว ก็เป็นเส้นทางถนนเลียบทุ่งนา พร้อมวิวภูเขา ในบรรยากาศชนบทของญี่ปุ่น

นี่คือสถานีรถไฟ Torokko “สถานี Kameoka torokko Station” เมื่อมาถึงแล้วสามารถเข้าไปในตึกได้โดยทางเดินลาดชัน หรือลิฟต์ ขึ้นไปยังชั้น 3 สำหรับชั้นจำหน่ายตั๋วรถไฟ และชานชาลารถไฟ

สามารถซื้อตั๋วได้ทางเคาน์เตอร์จำหน่ายนี้ ในช่วงเวลาปกติแล้วรถไฟ Torokko ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ทำให้รถไฟในแต่ละรอบเต็ม และไม่สามารถซื้อตั๋วได้ที่หน้างาน ดังนั้นส่วนใหญ่อาจต้องจองล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ หรือซื้อตั๋วล่วงหน้าตามตัวแทนจำหน่ายก่อน  แต่ทว่าสถานการณ์โควิดในช่วงนี้ทำให้สามารถซื้อตั๋วเพื่อขึ้นรถไฟในรอบถัดไปจากเคาน์เตอร์ที่สถานีได้เลย
สำหรับค่าเดินทาง เป็นแบบเหมาจ่าย ผู้ใหญ่ขาเดียวเที่ยวละ 650 เยน เด็ก 320 เยน
ขบวนรถไฟมีทั้งหมด 5 ตู้ แบ่งออกเป็นตู้ธรรมดา 4 ตู้ เป็นตู้ที่มีหลังคา และตู้พิเศษ แบบ “Rich” car เป็นตู้แบบเปิดโล่งรับลมจากภายนอก 
ซึ่งวันนี้ได้เลือกนั่งแบบตู้ “Rich” car  ชมบรรยากาศธรรมชาติแบบจุใจ
*ควรเช็คและพิจารณาสภาพอากาศในช่วงนั้นๆ หากฝนตกอาจเปียกได้

ภายในสถานีบริเวณชั้นล่างของภาพ(บริเวณชั้น 2) จะมีเคาน์เตอร์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวและ ห้องอาหารเล็กๆ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้ส่วนห้องอาหารปิดให้บริการชั่วคราว
และชั้นตามภาพ (ชั้นที่ 3) คือชั้นชานชาลารถไฟ และชั้นเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว พร้อมมุมร้านขายของฝาก ห้องน้ำ และพื้นที่นั่งรอรถไฟ

ได้ตั๋วมาเรียบร้อยแล้ว โดยวันนี้เป็นวันธรรมดา นักท่องเที่ยวไม่มาก มีประปราย รอบ 14:30 น. ในครั้งนี้ได้ซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ก่อนรอบรถไฟประมาณ 15 นาที เมื่อใกล้ถึงเวลานายสถานีจะเรียกให้ออกไปยืนรอรถไฟที่ชานชาลารถไฟ ด้านนอกประตูกระจก

และนี่คือ รถไฟท่องเที่ยวสายโรแมนติก Sagano Romantic Train นอกจากจะพาทุกท่านแล่นไปตามธรรมชาติแล้ว ตัวรถไฟเองก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เป็นมุมสวยๆ ในการถ่ายรูปได้อีกด้วย

บรรยากาศขบวนรถไฟส่วน Rich Car เป็นส่วนที่เปิดโล่งรับลมได้โดยตรง พร้อมสัมผัสธรรมชาติแบบเต็มที่
ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อน แดดไม่แรงมาก ลมกำลังเย็นสบาย

หากโชคดี ก็จะเจอความบังเอิญที่ลงตัวแบบนี้ ขออนุญาตเจ้าตัวในการแชะภาพที่เข้ากับบรรยากาศในตอนนี้มากๆ กับชุดนักเรียนญี่ปุ่นแบบสมัยก่อน ราวกับท่องเที่ยวอยู่ในโลกการ์ตูน

และรถไฟก็แล่นไปท่ามกลางหุบเขา ธรรมชาติ และข้ามผ่านสะพานเหล็กในบางช่วง

ส่วนวิวที่จากตัวรถไฟเป็นวิวแม่น้ำที่ไหลอยู่ท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้ โดยมีกิจกรรมร่องเรือ และล่องแพให้ได้ชมระหว่างทาง โบกมือทักทายกันไปมา เรียกเสียงหัวเราะให้กับผู้โดยสารได้เป็นช่วงๆ 

โดยรถไฟนี้เป็นเส้นทางรถไฟที่ถูกใช้จริงในสมัยก่อน ตั้งแต่สมัยที่บริเวณนี้ยังไม่สามารถสร้างทางรถไฟตัดผ่าน หรือขุดอุโมงค์ลอดผ่านภูเขาลูกใหญ่ๆ ได้เหมือนในปัจจุบัน
จึงเป็นเส้นทางรถไฟท่ามกลางธรรมชาติ ที่คดเคี้ยวไปตามแนวหุบเขา ระหว่างทางรอดผ่านอุโมงค์หลายจุด
แต่เมื่อเทคโนโลยีเริ่มพัฒนาทำให้เกิดเส้นทางรถไฟใหม่ๆ ที่สะดวกและรวดเร็วเพิ่มขึ้นมากมาย ทำให้เส้นทางนี้หยุดให้บริการไป และหลายสิบปีให้หลัง ทางเมืองก็เล็งเห็นว่าสามารถใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางรถไฟสำหรับท่องเที่ยวได้ จึงเปิดให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

และแล้วก็เดินทางมาถึงสถานีปลายทาง สถานี Saga torokko station เป็นที่เรียบร้อย ในจุดนี้สามารถชมหัวขบวนรถไฟแบบใกล้ๆ โดยรถไฟจะจอดพักอยู่ซักพัก และแล่นตัวออกไป

ในช่วงที่มีดอกไฮเดรนเยีย จะได้ภาพที่สวยงามแบบนี้ในช่วงฤดูร้อน กับบรรยากาศดอกไฮเดรนเยีย หรือดอกอาจิไซ กับรถไฟสายโรแมนติก

เมื่อลงจากรถไฟแล้ว ให้ขึ้นบันไดไปที่อาคารสถานี โดยก่อนออกสามารถคืนตั๋วได้ที่กล่องคืนตั๋วเล็กๆ สีขาวกำกับตัวหนังสือสีแดงตามภาพ
ภายในอาคารสถานีมีเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ตารางเวลารถไฟ และจุดนั่งพัก

เป็นสถานีเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ หากเป็นก่อนช่วงโควิด นักท่องเที่ยวหนาแน่นและล้นออกมายืนเต็มหน้าสถานี บรรยากาศต่างจากตอนนี้เป็นอย่างมาก

และหากต้องการเดินเที่ยวต่อ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจบริเวณนี้มีดังนี้

“ป่าไผ่ Bamboo Road”

“ศาลเจ้าโนโนมิยะ” (ระหว่างทางภายในป่าไผ่)

และบริเวณอาราชิยามะพร้อมร้านขายของฝาก ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ต่างๆ มากมาย

นอกจากนี้ยังมี “สะพานโทเก็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge)” ที่เป็นอีกหนึ่งจุดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก หากมีโอกาสเราจะพาทุกท่านไปชมทริปโตเกียวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกในครั้งต่อๆ ไป รอติดตามกันได้เลย