เมื่อมาท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น สิ่งที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากประเทศไทยก็คือ บรรยากาศธรรมชาติ หลายคนอาจคิดว่าที่ญี่ปุ่นมีเพียง「ซากุระ」หรือ「ใบไม้เปลี่ยนสี」เท่านั้น ซึ่งที่จริงแล้วเราสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติของญี่ปุ่นที่แตกต่างกันออกไปในทุกฤดู ในแต่ละพื้นที่
ประเทศญี่ปุ่นจะมีคำว่า「HANAGOYOMI」หรือ ฮานะโกะโยมิ คือ ปฏิทินดอกไม้ ที่สามารถเพลิดเพลินกับดอกไม้ที่ชมได้ในเดือนนั้น ๆ เพื่อเพลิดเพลินกับความเปลี่ยนแปลงของแต่ละฤดูผ่านดอกไม้ค่ะ ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะมีดอกไม้ประจำในแต่ละเดือนที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อน และในแต่ละพื้นที่ก็จะมี「HANAGOYOMI」หรือ ฮานะโกะโยมิ ที่แตกต่างกันออกไป
ครั้งนี้ ICHIGOJAPAN จึงจะมาแนะนำปฏิทินดอกไม้ที่ดัดแปลงเพื่อนักท่องเที่ยวชาวไทยโดยเฉพาะ พร้อมแนะนำสถานที่ ต่อจากครั้งที่แล้ว(27 เมษายน)
โดยครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอ ฮานะโกะโยมิในครึ่งปีหลัง คือ ตั้งแต่เดือนกรกฎา ถึงเดือนธันวาคมค่ะ
เดือนกรกฎาคม:あじさい AJISAI ดอกอาจิไซ หรือ ดอกไฮเดรนเยีย
ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคมในบริเวณเกาะฮนชูของญี่ปุ่นจะเป็นช่วงฤดูฝนสั้น ๆ เรียกว่า「TSUYU」ทำให้ฝนจะตกติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งดอกที่จะมาในช่วงนี้ก็คือ「ดอกดอกอาจิไซ」สีของดอกนี้จะเป็นสีที่เรียบๆ หน่อยดังนั้นจะเห็นดอกนี้ได้ดีในช่วงที่ฟ้ามืดครึ้มหรือช่วงที่ฝนตกนั่นเอง เมื่อน้ำฝนหยดลงบนดอกแล้วก็จะทำให้ดอกดูมีมิติสวยงาม นอกจากนี้สีของดอกจะขึ้นอยู่กับสภาพของดินด้วย มีสีม่วง น้ำเงิน ขาว และชมพู ซึ่งดอกสีม่วงกับสีน้ำเงินจะเป็นดอกที่ขึ้นในดินที่มีความเป็นกรดตำ่นั่นเอง
และสถานที่ขึ้นชื่อของดอกอาจิไซก็จะมีทั้ง วัด MEIGUTSU IN ที่คามาคุระ หรือวัดฮาเสะเดระ ที่แถบคันโต โอฮาระหรือยอดเขาร็อคโคที่เกียวโตในแถบคันไซ แต่สถานที่ที่ ICHIGO JAPAN อยากจะมาแนะนำคือ การชมดอกอาจิไซจาก『HAKONE TOZAN TETSUDOU』รถไฟฮาโกเนะโทซัน
รถไฟฮาโกเนะโทซัน เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่าง HAKONE YUMOTO ไป GORA เป็นเวลา 40 นาที โดยสั่งสองฝั่งข้างทางจะมีดอกอาจิไซบานอยู่ให้ได้ชมกันระหว่างเดินทาง ถ้าเป็นช่วงกลางเดือนมิถุนายนไปจนถึงต้นเดือนกรกฏาคมเช่นปีที่ผ่านๆ มา จะมีรถไฟ 「 Hydrangea Train」เปิดให้บริการโดยเฉพาะ ราคาเท่าราคาปกติทั่วไปคือ 400 เยน ซึ่งที่นั่งทั้งหมดเป็นที่นั่งแบบไม่สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้ และส่วนใหญ่คนก็จะเยอะมากให้วันเสาร์อาทิตย์ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้นั่งวันธรรมดาค่ะ
ส่วนการจะขึ้นรถไฟฮาโกเนะโทซัน(HAKONE YUMOTO-GORA)นั้นต้องนั่งชินคันเซ็น หรือ JR สายโทไคโด จากสถานีโตเกียว มาโอดาวาระ Odawara เพื่อนั่งรถไฟฮาโกเนะโทซันที่มุ่งหน้าไปสู่「HAKONE YUMOTO」ไปจนสุดสายที่「GORA」
หรือ สามารถเดินทางจากชินจุกุไป HAKONE YUMOTO ด้วย รถไฟโอดะคิว Romance Car「HAKONE」ได้เช่น
อ่านรายละเอียดรถไฟฮาโกเนะโทซันจาก ICHIGO JAPAN คลิ๊กเลย
Day2-1 พักโรงแรม『HOTEL SUIMEISOU』เที่ยว「HAKONE」
กันเดือนสิงหาคม:ひまわり HIMAWARI ดอกฮิมาวาริ หรือ ดอกทานตะวัน
เมื่อผ่านช่วงหน้าฝนสั้นๆ อย่าง「TSUYU」ไปแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนอย่างแท้จริง ตั้งแต่เดือนกรกฏาคมเป็นต้นไป ที่ญี่ปุ่นจะมีอุณหภูมิสูงถึง 32 – 35 องศา ทำให้นั่งท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้จะมีน้อยกว่าช่วงอื่น อาจเป็นเพราะความร้อนที่เหมือนอากาศประเทศไทยนี้
ซึ่งความจริงแล้วช่วงเดือนกรกฏาคม และเดือนสิงหาคมจะเป็นช่วงเทศกาลของญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงเดือนสิงหาคม ทั้งงานดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ที่โตเกียวจะมีงาน「JINGU HANABI TAIKAI」โอซาก้างาน「YODOGAWA HANABI TAIKAI」ที่ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศงานเทศกาลต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นแบบนี้ ซึ่งนอกจากงานเทศกาลต่างๆ แล้ว เรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับ「ดอกฮิมาวาริ」หรือดอกทานตะวันในเดือนสิงหาคมได้นั่นเอง ทุ่งดอกทานตะวันเหลืองอร่าม นี้เป็นอะไรที่สวยงามและน่าชมมากๆ
ซึ่งสถานที่ที่สามารถชมดอกทานตะวันได้นั้นก็คือที่『EXPO MEMORIAL PARK』“BANPAKU KINEN KOUEN”ในโอซาก้า
ที่มีดอกทานตะวันกว่า 1 หมื่นต้น 「BANPAKU KINEN KOUEN」「EXPO MEMORIAL PARK」จะมีทั้งดอกทานตะวันนานาชนิดทั้ง กลีบดอกหนึ่งชั้น กลีบดอกแปดชั้น หรือ ครึ่งแปดชั้น ที่หาดูได้ยากในประเทศไทย ในบรรดาดอกทานตะวันนานาชนิดนี้จะมีดอกที่ได้รับความนิยมอยู่คือ「ดอกทานตะวันของแวนโก๊ะ」สีเหลืองแบบเลม่อน กับ 「Moulin Rouge」สีนำ้ตาลแดง นอกจากนี้ที่ BANPAKU KINEN KOUEN ยังมี『EXPOCITY』ที่เป็น Gundam Square อยู่บริเวณใกล้ๆ สามารถแวะไปดูได้ด้วย
วิธีการเดินทางไป BANPAKU KINEN KOUEN เราสามารถนั่งรถไฟใต้ดินสายมิโดซึจิ Midosuji Line จากสถานีที่ใกล้ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง「โดทงโบริ」ที่「นัมบะ」หรือสถานี「อุเมดะ」ที่อยู่ในสถานีโอซาก้า เพื่อไปลงที่สถานีปลายทางอย่าง เส้นเซ็นริจูโอ Senri Chuo Line เมื่อลงจาก เส้นเซ็นริจูโอ แล้วก็นั่ง Osaka Monorail ที่มุ่งหน้าไปสู่「KODAMA MINAMI」นั่งไปประมาณ 5 นาทีเพื่อลงที่ 「BANPAKU KINEN KOUEN」เลย
เดือนกันยายน:コスモス COSMOS ดอกคอสมอส
เมื่อเข้าเดือนกันยายนแล้ว ก็จะเป็นช่วงสิ้นสุดฤดูร้อนพอดี อุณหภูมิก็จะลดต่ำลงเรื่อย ๆ ช่วงปลายเดือนก็จะเป็นช่วงที่อากาศกลับมาเย็นสบายและเริ่มเข้าสู่ช่วงการท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งดอกในเดือนกันยายนนี้ก็คือ「ดอกคอสมอส」ช่วงที่สามารถชมดอกคอสมอสนี้ได้คือช่วงเดือนกันยายนไปจนถึงเดือนตุลาคม ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสายพันธุ์
ซึ่งเดิมทีดอกคอสมอสนี้ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นดอกที่มาจากอิตาลี ดอกนี้เป็นดอกสีชมพูและสีขาว สดใสทำให้เราสามารถพบเห็นดอกคอสมอสได้ทุกหนทุกแห่งในประเทศญี่ปุ่นเลย
ซึ่งสถานที่ที่เราสามารถเห็นดอกคอสมอสได้อย่างสวยงามคือที่ 『SHOWAKINEN-KOEN』ในโตเกียว
ที่「SHOWAKINEN-KOEN」นี้จะมีดอกคอสมอสมากถึง 5 ล้าน 5 แสนต้น การบานของดอกก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดซึ่งเราจะสามารถชมดอกคอสมอสได้นานตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงเดือนตุลาคมเลย เมื่อเข้าช่วงดอกคอสมอสก็มีการจัดเทศกาลคอสมอส「COSMOS MATRURI」ภายในช่วงนี้ก็จะมีการจัดอีเว้นท์ต่างๆ ให้ได้เข้าร่วม
ค่าเข้าชม SHOWAKINEN-KOEN นี้จะอยู่ที่ 410 เยน หากอายุต่ำกว่า 15 ปี สามารถเข้าชมได้ฟรี ซึ่งช่วงเทศกาลคอสมอสก็จะอยู่ที่ราคาปกติ
การเดินทางก็ไม่ยาก สามารถเดินทางจาก ย่านช้อปปิ้งชินจุกุ หรือสถานีที่มีเส้นโทไคโดชินคันเซ็นวิ่งอยู่อย่างสถานีโตเกียว เพื่อนั่ง เส้นจูโอ・รถไฟ OME ที่มุ่งหน้าไปสู่ 「OME」・「HAIJIMA」・「MUSASHI ITSUKAICHI」・「OKUTAMA」(วิ่งชั่วโมงละ 3 เที่ยว)เดินทางจากสถานีชินจุกุใช้เวลา 35-40 นาที(ขึ้นอยู่กับรถไฟที่ขึ้น)เพื่อลงที่สถานี「NISHI TACHIKAWA」และเดินไปอีกประมาณ 2 นาทีเท่านั้น
เดือนตุลาคม:すすき SUSUKI ดอกหญ้าซูซูกิ
เดือนตุลาคมเป็นเดือนที่อุณหภูมิจะลดต่ำลงไปเรื่อยๆ เพื่อเข้าสู่ฤดูหนาว 「ดอกหญ้าซูซูกิ 」ที่เป็นสีเขียวในฤดูหนาวยอดก็จะเริ่มกลายเป็นสีเงิน และเปลี่ยนเป็นสีทอง วิวของท้องฟ้ากับสีทองเป็นวิวที่สวยงามน่าถ่ายรูปมากๆ ถึงแม้ว่า「ดอกหญ้าซูซูกิ 」จะไม่ใช่ดอกไม้ แต่เราก็สามารถเพลิดเพลินกับความสวยงามของมันได้ในเดือนตุลาคมนี้ ที่มีความสวยงามไม่แพ้ดอกไม้เลย
「ดอกหญ้าซูซูกิ 」นี้เราจะไม่สามารถพบเห็นได้ในเมืองทั่วไปแต่จะต้องเป็นบริเวณภูเขาหรือพื้นที่สูง
ครั้งนี้เราจึงจะมาแนะนำ『SENGOKUHARA』ที่อยู่ระหว่าง 「HAKONE」และ「OTEMBA PREMIUM OUTLET」กันค่ะ
เราสามารถชมดอกซูซูกิได้ในช่วงปลายเดือนกันยายนไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
ในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคมเราจะได้เห็นซูซูกิเป็นสีทอง และเมื่อเข้าช่วงปลายเดือนตุลาคมที่เริ่มเข้าฤดูใบไม้ร่วงดอกก็จะกลายเป็นสีทองอ่อนๆ แทน ซึ่งการเดินทางไปที่นี่นจะมีบัสที่วิ่งตรงมาที่หน้าทางเข้าเลย เพราะฉะนั้นไม่หลงแน่นอนค่ะ
ส่วนวิธีการเดินทางจะมีดังนี้ การเดินทางไป SENGOKUHARA นั้น สามารถเดินทางจาก 「HAKONE YUMOTO」ทางเข้าของฮาโกเนะ จะมีบัสออกตัวจากที่นี่ Hakone Tozan Bus วิ่งชั่วโมงละ 4 เที่ยว( T Line)ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที(ขึ้นอยู่กับเที่ยวนั้นๆ) ค่าเดินทาง 860 เยน
หรือนอกจากนี้ สามารถนั่ง เปลี่ยน จากสถานีชินจุกุ เพื่อตรงไปที่ SENGOKUHARA ได้เลย บัสวิ่งวันละ 17 เที่ยว (วันธรรมดา) ค่าเดินทาง 1900 เยน
เดือนพฤศจิกายน:紅葉 KOUYOU โคโย หรือ ใบไม้เปลี่ยนสี
เดือนพฤศจิกายนจะเป็นเดือนที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งเราสามารถเพลิดเพลินกันใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นได้ในทุกพื้นที่ หุบเขา หรือทางตอนบน ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน, แถบมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างโตเกียว โอซาก้า หรือ นาโกย่า ช่วงตั้งแต่ครั้งเดือนหลังเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลยที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเพื่อมาดูใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ใบไม้ต่างๆ มีสีสันสดใส โดยจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือแดงไปเรื่อยๆ ได้บรรยากาศที่สวยงามไปอีกแบบ
เราสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นไปได้เรื่อยๆ ทั่วประเทศเลย แต่สถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษเลยก็คือ ใบไม้เปลี่ยนสีที่เกียวโต หนึ่งในนั้นคือที่วัดโทฟุกุ『TOFUKUJI』ที่แม้แต่คนเกียวโต โอซาก้า หรือคนญี่ปุ่นจากทั่วประเทศเดินทางมาชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่
ไฮไลท์ของวัดโทฟุกุก็คือ 「TSUTEN BASHI」ที่เห็นอยู่ด้านหลัง เราสามารถเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีได้ทั้งจากมุมบนและมุมล่าง ซึ่ง 「TSUTEN BASHI」จะเปิดประตูให้เข้าชมได้ตั้งแต่ 8:30(เฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ปกติเปิด 9:00 นาฬิกา)แต่ก็มีคนมารอต่อแถวกันตั้งแต่ก่อนประตูจะเปิดเลย ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้คนก็จะเยอะมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะช่วงวันหยุด หรือวันเสาอาทิตย์ ดังนั้นหากใครอยากไปชมแบบสบายๆ คนไม่เยอะ แนะนำให้ไปตั้งแต่เช้าช่วงวันธรรมดาค่ะ
ค่าเข้าวัดโทฟุกุ จะอยู่ที่ 400 เยน เด็กอายุตั้งแต่ 6 ขวบ ถึง 15 ขวบ ราคา 300 เยน
เนื่องจากช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หรือช่วงการท่องเที่ยวจะเยอะมากเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้ใช้การเดินทางโดยรถไฟ โดยนั่ง JR เส้นนารา(รถด่วน・รถจอดทุกสถานี)จากสถานีเกียวโตไป 1 สถานีใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น รถไฟจะวิ่งชั่วโมงละ 6 เที่ยว
เดือนธันวาคม:クリスマスツリー ต้นคริสต์มาส
เมื่อผ่านช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแล้วต่อไปก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวแบบเต็มตัว และเข้าสู่ช่วงหลับใหลของดอกไม้ใบหญ้าของช่วงฤดูฤดูใบไม้ร่วงถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ
เดือนธันวาคมนี้ก็ยังคงมีดอกไม้ให้ชมอยู่บ้าง แต่ก็มีไม่เยอะถึงกับต้องบินมาจากไทยเพื่อมาชมดอกไม้ที่นี่ ซึ่งสิ่งที่จะมาแทนที่ดอกไม้ในเดือนนี้ก็คือ สีสันของต้นคริสต์มาสกับการประดับไฟอิลลูมิเนชั่น
ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นหลัก แต่จะมีการจัดต้นคริสต์มาสและประดับไฟอิลลูมิเนชั่นมากมาย ตั้งแต่เมืองใหญ่ๆ อย่าง โตเกียว โอซาก้า นาโกย่า ไปจนถึงเมืองเล็กๆ ทั่วประเทศเลยก็ว่าได้
ซึ่งสถานที่ชมต้นคริสต์มาสที่เป็นไฮไลท์ของประเทศญี่ปุ่นที่เราอยากจะแนะนำมากๆ เลยก็คืองานอีเว้นท์คริสต์มาสที่จะจัดขึ้นที่โตเกียวที่『TOKYO SKYTREE TOWN』
ที่มีทั้งการประดับไฟอิลลูมิเนชั่น การฉายภาพบนวัตถุ(Project Mapping) หรือมาร์เก็ตบู้ทอาหารหรือเบียร์ และที่สำคัญเลยก็คือ การไลท์อัพไฟที่สกายทรีเฉพาะช่วงคริสต์มาสเท่านั้น
การเดินทางไปโตเกียวสกายทรีที่สะดวกที่สุดก็คือ รถไฟใต้ดินสายฮันโซมน Hanzoumon Subway Line
นั่ง JR CHUO SOBU LINE จากสถานีชินจุกุ ไปสถานี Kinshichou และเปลี่ยนเป็นรถไฟใต้ดินสายฮันโซมน Hanzoumon Subway Line นั่งรถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่「OSHIAGE」เพื่อลงที่สถานี Oshiage
หรือ นั่งบัส『SKY TREE SHUTTLE』จากสถานีโตเกียว ที่วิ่งชั่วโมงละ 1-2 เที่ยว เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่าง สถานีโตเกียว หรือ「เอโกดะ・โตเกียวมิวเซียม」นั่นเอง (ค่าเดินทางจากสถานีโตเกียว 520 เยน)
ในครั้งนี้ ICHIGO JAPAN ได้ดัดแปลงปฏิทินดอกไม้หรือ Hanogoyomi ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนธันวาคม มาเพื่อเพื่อน ๆ โดยเฉพาะเลยค่ะ
เดือนกรกฎาคม:あじさい AJISAI ดอกอาจิไซ หรือ ดอกไฮเดรนเยีย
เดือนสิหาคม:ひまわり HIMAWARI ดอกฮิมาวาริ หรือ ดอกทานตะวัน
เดือนกันยายน:コスモス COSMOS คอสมอส
เดือนตุลาคม:すすき ซูซูกิ
เดือนพฤศจิกายน:紅葉 ใบไม้เปลี่ยนสี
เดือนธันวาคม:クリスマスツリー Chrismas Tree ต้นตริสต์มาส
นอกจาก「ซากุระ」「ชิบะซากุระ」「ใบไม้เปลี่ยนสี」ที่ทุกคนรู้จักแล้ว เรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับดอกไม้นานาชนิดในประเทศญี่ปุ่นได้อีกมากมาย ซึ่งเราสามาถชมดอกไม้นานาชนิดนี้ได้ทุกช่วงฤดูเพื่อสัมผัสความเปลี่ยนแปลงในแต่ละฤดูของประเทศญี่ปุ่น ยังไงหากใครได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ลองนำปฏิทินดอกไม้นี้ไปเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของเพื่อนๆ ดูนะคะ
แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ