วันวาเลนไทน์ของญี่ปุ่น

01 Jul 2020
1101

อีกไม่นานก็จะถึงวันวาเลนไทน์แล้วนะคะ

คิดว่าก็มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังตั้งหน้าตั้งตารอกันอยู่ใช่มั้ยคะ??

ที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากงานวันวาเลนไทน์แล้ว ก็มีงานอีเวนท์อีกมากมายเช่นเดียวกับที่ประเทศไทยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่, วันฮาโลวีน, วันคริสต์มาส แล้วก็งานวันเกิดด้วย… แต่เพราะทั้งสองประเทศอยู่ห่างไกลกันถึง 5000 กิโลเมตร เนื้อหาของงานอีเวนท์เหล่านั้นก็เลยแตกต่างกันพอสมควรค่ะ

ในครั้งนี้ เราจะขอนำเสนอเกี่ยวกับบรรยากาศของ “วันวาเลนไทน์” และ “วันเกิด” ซึ่งประเทศไทยและญี่ปุ่นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนค่ะ

① วันวาเลนไทน์

ที่ประเทศไทย วันวาเลนไทน์คือวันที่ “ฝ่ายชาย” จะมอบดอกกุหลาบให้กับ “ฝ่ายหญิง” ค่ะ

และยังเป็นวันที่มีการจดทะเบียนสมรสมากที่สุดของปีด้วยเน๊อะ

แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นกลับตรงกันข้าม คือมีธรรมเนียมที่ “ฝ่ายหญิง” จะมอบช็อกโกแลตให้กับ “ฝ่ายชาย” ค่ะ เดิมทีประเทศญี่ปุ่นไม่เคยมีวันวาเลนไทน์มาก่อน จนกระทั่งช่วงปี 1950 ธรรมเนียมของวันวาเลนไทน์ก็ได้เริ่มแผ่ขยายมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ

ว่ากันว่าผู้เริ่มต้นธรรมเนียมที่ “ฝ่ายหญิง” จะมอบช็อกโกแลตให้กับ “ฝ่ายชาย (ที่ตัวเองชอบอยู่)” ก็คือบริษัทผลิตขนมนั่นเอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นโปรโมชั่นในการเพิ่มยอดขายสินค้าค่ะ

ถ้าหากว่าคุณมีผู้ชายญี่ปุ่นที่ตอนนี้กำลังแอบชอบอยู่ล่ะก็ คุณอาจจะส่งผ่านความรู้สึกของคุณด้วยการมอบช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์ก็ได้นะคะ

เราจะมาเผยเคล็ดลับการทำช็อกโกแลตมอบให้หนุ่ม ๆ กันค่ะ

① ก่อนอื่นเราก็ไปซื้อช็อกโกแลตแบบทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตเหมือนกับที่ ICHIGO-CHAN กำลังถืออยู่ค่ะ

② บดช็อกโกแลตให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เหมือนในรูปค่ะ

③ ละลายช็อกโกแลตโดยการอุ่นด้วยถาดร้อนหรืออุ่นด้วยไฟอ่อน ๆ ค่ะ

④ เพียงแค่เทลงในแม่พิมพ์ ช็อกโกแลตมอบให้หนุ่ม ๆ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ

ในช่วงแรกก็เป็นธรรมเนียมที่จะมอบช็อกโกแลตให้กับคนที่ตัวเองชอบจริง ๆ เท่านั้นนะคะ แต่พอเวลาผ่านไปก็กลายไปเป็นธรรมเนียมที่จะมอบ “กิริช็อกโก (ช็อกโตแลตตามหน้าที่)” ให้กับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานในบริษัท หรือเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนไปด้วย… เป็นธรรมเนียมที่เยอะไปนิดนะคะ

แต่ถึงอย่างนั้นก็จะเป็นช็อกโกแลตคนละอย่างกับที่จะใช้มอบให้คนที่ตัวเองชอบอยู่ดีค่ะ

อย่างเช่น โดยปกติแล้วก็จะมอบให้ตามความสำคัญ คือจะมอบช็อกโกแลตที่ทำเองกับมือให้กับคนที่ตัวเองชอบจริง ๆ และจะมอบช็อกโกแลตแบบที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านเป็นกิริช็อกโกแทนค่ะ

นอกจากนี้ สิ่งที่แตกต่างกับประเทศไทยอย่างชัดเจนก็คือมี “วันไวต์เดย์” ด้วยค่ะ

วันที่ 14 มีนาคม ซึ่งถ้าเรานับจาก “วันวาเลนไทน์” มาก็เป็นเวลา 1 เดือนพอดี วันนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า “วันไวต์เดย์” ค่ะ ถึงเวลาที่ฝ่ายชายซึ่งได้รับช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์จะต้องมอบสิ่งของคืนให้กับฝ่ายหญิงบ้างค่ะ

ผิดกับช็อกโกแลตที่ใช้มอบในวันวาเลนไทน์ สิ่งของที่นิยมใช้มอบในวันไวต์เดย์ก็คือ มาร์ชแมลโลว์ ค่ะ ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นมาร์ชแมลโลว์ด้วย? ก็เพราะว่าวันไวต์เดย์ (ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยมี) เป็นอีกวันที่เกิดขึ้นจากความสำเร็จของโปรโมชั่นของบริษัทผลิตขนมนั่นเองค่ะ ถ้าฝ่ายหญิงได้มอบช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์ไปแล้ว แต่สุดท้ายตัวเองกลับไม่ได้ของอะไรในวันไวต์เดย์เลย…. ก็ถือว่าน่าเห็นใจจริง ๆ ค่ะ โชคดีที่ ICHIGO-CHAN เกิดเป็นคนไทยนะคะ 555

จากนั้นวันไวต์เดย์ก็ได้เริ่มแผ่ขยายจากประเทศญี่ปุ่นไปยังประเทศอื่นในเอเชียมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในตอนนี้มีวันไวต์เดย์ในไต้หวัน, เกาหลีใต้ รวมไปถึงประเทศจีนแล้วด้วยค่ะ… ไม่แน่นะคะ บางทีวันไวต์เดย์นี้อาจจะมาถึงที่ประเทศไทยสักวันก็ได้นะ?

②  วันเกิด

สำหรับคนไทยแล้ว หนึ่งในวันที่สำคัญที่สุดของปีก็คือวันเกิดไงคะ

ที่ประเทศไทย ส่วนใหญ่แล้วในวันเกิด ผู้คนก็จะนิยมไปทำบุญหรือไม่ก็จัดงานเลี้ยงฉลองและเลี้ยงอาหารผู้ที่มาเข้าร่วมงานนะคะ แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้วจะเป็นยังไงกันน้า….?

สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้ว เพื่อน ๆ และครอบครัว รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับเจ้าของวันเกิดค่ะ

เพราะว่ามีผู้คนมากมายมาจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ สำหรับคนซึ่งเป็นที่รักใคร่ของใครหลายคนแล้ว บางทีตารางนัดของพวกเขาในช่วงก่อนและหลังวันเกิดอาจจะแน่นเอี้ยดสุด ๆ เลยก็เป็นได้นะคะ!?

ถ้าเป็นที่ประเทศไทย เจ้าของวันเกิดจะเชิญทุกคนครั้งเดียวแล้วก็เป็นอันจบนะคะ แต่ถ้าเป็นวันเกิดของคนญี่ปุ่นแล้ว อาจจะถึงกับต้องมากังวลเรื่องขนาดรอบเอวกันเลยทีเดียวค่ะ

แถมให้อีกหน่อยนะคะ เพลงวันเกิดของญี่ปุ่นและไทยนั้นก็เกือบจะเหมือนกันเลยนะคะ… เพียงแต่ว่าเพลงของญี่ปุ่นจะใส่ชื่อของเจ้าของวันเกิดเอาไว้ในท่อนที่ 2 นับจากท้ายเพลงค่ะ

ในครั้งนี้เราก็ได้นำเสนอเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์และวันเกิดของประเทศไทยและญี่ปุ่นซึ่งมีความแตกต่างกันค่ะ ความแตกต่างของลักษณะนิสัยและวัฒนธรรมระหว่างคนไทยและคนญี่ปุ่นที่แสดงออกมานั้นก็ดูน่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ นอกจากนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นก็ยังมีงานอีเวนท์ต่าง ๆ อีกมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่และวันคริสต์มาส การท่องเที่ยวที่สนุกสนานไปกับงานอีเวนท์ต่าง ๆ ก็ดีไปอีกแบบนะคะ