Day 4-3 จบทริป! ทานอาหารกลางวันที่นาโกย่า และเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ เดินทางกลับประเทศไทย

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day 4-3 จบทริป! ทานอาหารกลางวันที่นาโกย่า และเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ เดินทางกลับประเทศไทย

NAGOYA-TAKAYAMA-SHIRAKAWAGO-TOYAMA-ALPINEROUTE-MATSUMOTO-NAGOYA

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางจาก “มัตสึโมโตะ” ที่มีปราสาทขนาดใหญ่งดงาม ด้วยรถไฟด่วนพิเศษ WIDE VIEW SHINANO มาเป็นเวลา 2 ชั่วโมง พร้อมชมวิวธรรมชาติที่สวยงามตลอดสองข้างทาง และตอนนี้ก็ได้เดินทางมาที่ “นาโกย่า” เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งบริเวณรอบๆ สถานีนาโกย่าก็มีสถานที่ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ ที่น่าสนใจอยู่มากมาย ไม่แพ้แหล่งช้อปปิ้งในโตเกียว หรือโอซาก้าเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น “UNIQLO” ขนาดใหญ่ “BIC CAMERA” “ONITSUKA TIGER” หรือ “BAOBAO” ฯลฯ อีกมากมาย ที่ให้เพื่อนๆ ได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งอย่างเต็มที่

Day 4-2 การเดินทางด้วยรถไฟจาก “มัตสึโมโตะ” ไปยัง “นาโกย่า” พร้อมช้อปปิ้งในตัวเมืองนาโกย่า

และหลังจากที่เราได้ช้อปปิ้งไปเต็มที่แล้ว สุดท้ายนี้เราจะไปทานอาหารกลางวันส่งท้ายกันค่ะ โดยอาหารที่เราจะทานในวันก็คือร้านา「MARUHA SHOKUDO(まるは食堂)」ที่เต็มไปด้วยเมนูอาหารทะเลที่สดใหม่มากมาย เมื่อทานอาหารกลางวันแล้ว เราก็จะเดินทางไปยังสนามบินกันเลยค่ะ

การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วยพาส「Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass」ในตอนที่ 16 นี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารทะเลสดใหม่「MARUHA SHOKUDO(まるは食堂)」จากนั้นก็เดินทางกลับประเทศไทยด้วย “สายการบินไทยไลอ้อนแอร์” ที่เพิ่งเปิดเส้นทางใหม่ไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมานี้กันค่ะ

หลังจากที่ได้ช้อปปิ้งกันไปเต็มที่แล้ว เราจะไปทานอาหารมื้อสุดท้ายของทริปที่ร้าน『MARUHA SHOKUDO(まるは食堂)』ที่ได้รับความนิยมด้วยเมนูอาหารทะเลที่สดใหม่ และกุ้งทอดกรอบๆ ตัวโต

ซึ่งร้าน「MARUHA SHOKUDO(まるは食堂)」ได้รับความนิยมจากคนในพื้นที่ในเมนูกุ้งทอดเป็นอย่างยิ่ง บริเวณทางเข้าร้านก็จะมีหุ่นผู้ก่อตั้งร้าน「MARUHA SHOKUDO(まるは食堂)」กับ “คุณอุเมะ ไอซาวะ”(ชื่อเล่น:อุเมะซัง)อยู่ด้วย หลังจากถ่ายรูปกับ “อุเมะซัง” แล้วก็เข้าไปในร้านกันเลย

ซึ่งคำว่า “โชกุโด” จากชื่อร้าน “มารุฮะโชกุโด” ในที่นี่จะแปลว่า “โรงอาหาร” แต่ถึงอย่างนั้นภายในร้านก็ถูกตกแต่งอย่างสวยงามมีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์และที่นั่งแบบโต๊ะขนาดใหญ่ หรือที่นั่งโต๊ะแบบ 2 คน 4 คน รวมแล้ว 64 ที่นั่ง สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่ลูกค้าที่มาคนเดียวไปจนถึงลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มเลยค่ะ โดยร้านนี้เป็นร้านที่ได้รับความนิยเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นในช่วงเวลาอาหารกลางวัน หรือช่วงอาหารเย็นก็อาจมีลูกค้าเต็มร้านจนต้องต่อแถวรอคิว เพราะฉะนั้นหากมาเป็นกลุ่มใหญ่ก็อาจไม่สามารถนั่งด้วยกันได้นะคะ

เมนูที่ร้านหลักๆ แล้วก็จะเป็นเมนูกุ้งทอดที่มีเซตอาหารให้เลือกหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็น「Deep fried Drawn Set meal」(1560 เยน)กับกุ้งทอดกรอบขนาดใหญ่ หรือ “เซต”「JR Nagoya station Set meal」(1460 เยน)ในเมนูกุ้งทอดตัวโตพร้อมปลาดิบ “ซาชิมิ” ในเซต เป็นต้น

ซึ่งนอกจากเมนูภาษาญี่ปุ่นแล้วที่ร้านจะมีเมนูภาษาอังกฤษด้วย และที่สำคัญคือมีรูปภาพประกอบอยู่ด้วยเพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยค่ะ

ส่วนมื้อนี้ ICHIGO-CHAN สั่งเป็น「JR Nagoya station Set meal」(1460 เยน)ที่มาพร้อมกับ “กุ้งทอด” ตัวโตอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ และปลาดิบซาชิมิ อีกทั้งยังมีเครื่องเคียงเล็กๆ น้อยๆ อยู่ในเซตอีกด้วย และหากจ่ายเพิ่มอีก 300 เยน ก็สามารถสั่งพร้อมเครื่องดื่มซอฟท์ดริ้ง หรือเบียร์ได้อีกด้วย

ซึ่งจุดเด่นของร้าน「MARUHA SHOKUDO(まるは食堂)」ก็คือกุ้งทอดตัวโต ที่ทั้งใหญ่ หนา กรอบ อร่อยเต็มคำมากๆ

ซึ่งเมนู「JR Nagoya station Set meal」จะอยู่ที่ 1460 เยน (รวมภาษี) ถึงจะรวมเครื่องดื่ม 300 เยนไปรวมแล้วอยู่ที่ 1730 เยนเท่านั้น นอกจากเงินสด และบัตรเครดิตแล้ว เพื่อนๆ ยังสามารถชำระด้วยบัตรโดยสาร IC CARD ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นถึงไม่มีเงินสดก็สามารถจ่ายค่าอาหารได้แบบสบายใจหายห่วงเลยค่ะ โดยอาหารนาโกย่านั้น นอกจากเมนู “กุ้งทอด” ที่เราได้ทานไปเมื่อซักครู่แล้ว ก็ยังมีอาหารขึ้นชื่ออื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น “ฮิซึมาบุชิ(ข้าวหน้าปลาไหล)” “มิโซะคัตสึ(หมูทอดชุปมิโซะ)” “มิโซะนิโคมิอุดง” หรือ “คิชิเม็ง(อุดงเส้นแบนใหญ่)” เป็นต้น

และหลังจากทานอาหารกลางวันไปจนเต็มอิ่มแล้ว เราจะเดินทางไปสนามบินกันเลย ซึ่งการเดินทางจาก “สถานีนาโกย่า” ไปยัง “สนามบินชูบุ(นาโกย่า)” นั้นเดินทางด้วย “รถไฟแท็ตสึ” จะสะดวกที่สุด เพราะฉะนั้นก่อนอื่นเราจะไปที่ “สถานีรถไฟเมเท็ตสึ สถานีนาโกย่า” กันเลย

เดินออกจากร้านไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็เดินออกจาก “ประตูฮิโระโคจิ”「HIROKOJI GUCHI(広小路口)」ที่อยู่ทางขวามือไป เพื่อเดินออกจาสถานีนาโกย่า จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งที่มีห้างเมเท็ตสึ เมื่อข้ามทางม้าลายมาแล้วก็จะเจอทางเข้าเล็กๆ อยู่ทางขวามือ แต่ให้เดินผ่านไปแล้วไปลงบันไดใหญ่ไปทางขวามือแทนค่ะ

เมื่อลงบันไดมาแล้ว จุดขายตั๋วรถไฟจะอยู่ซ้ายมือทันที

ก่อนอื่นจะต้องทำการเช็คราคาค่าเดินทางจากบอร์ดแผนผังรถไฟที่อยู่บนเครื่องจำหน่ายตั๋วกันก่อนค่ะ โดยค่าเดินทางไปสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ Chubu Centrair International Airport(Nagoya)จะอยู่ที่ 870 เยน เมื่อเช็คราคาเรียบร้อยแล้ว ก็ใส่เงินเข้าไปในช่องใส่เงินเลยค่ะ จากนั้นก็กดปุ่มราคาบนหน้าจอคือ 870 เท่านี้ก็เรียบร้อย

ซึ่งหากเพื่อนๆ คนไหนต้องการเช็คราคาตั๋วล่วงหน้าก็สามารถค้นหาได้ทางเว็บไซต์เพียงแค่กรอก สถานีต้นทาง และสถานีปลายทางเท่านั้น อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ คลิ๊กเลย ! การเดินทางในญี่ปุ่นของคุณจะง่ายมากขึ้นเมื่อท่านได้อ่านบทความนี้แล้ว』

นอกจากนี้หากไปกันเป็นกลุ่มใหญ่เกิน 10 คนก็สามารถซื้อตั๋วแบบคูปองในราคาที่ถูกกว่าเล็กน้อยได้อีกด้วย นั่นก็คือ ตั๋วคูปองที่เรียกว่า “ไคซูเค็น KAISUUKEN (回数券)” สามารถอ่านรายละเอียดวิธีการซื้อได้ที่นี่ คลิ๊กเลย ! ตั๋วรถไฟญี่ปุ่นยิ่งซื้อเยอะก็ยิ่งลดเยอะ มันคืออะไรไปดูกันเลย』

สำหรับกรณีที่เลือกเดินทางด้วย “รถไฟด่วนพิเศษมิวสกาย”「LIMITED EXPRESS μ SKY」หรือไม่ถนัดซื้อตั๋วรถไฟจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติก็สามารถซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วได้เลย

ซึ่งการเดินทางจาก “สถานีรถไฟเมเท็ตสึสถานีนาโกย่า” ไป “สนามบินชูบุ” นั้นสามารถเดินทางได้ 3 วิธี คือ รถไฟด่วนพิเศษมิวสกาย「LIMITED EXPRESS μ SKY」ในที่นั่งแบบ Reserved Seat ทั้งหมด หรือ “รถไฟแบบด่วนพิเศษ LIMITED EXPRESS” ที่ส่วนหนึ่งเป็นที่นั่งแบบ Reserved Seat และ “รถไฟ LOCAL EXPRESS” ใช้เวลาในการเดินทางดังนี้ LIMITED EXPRESS μ SKY :ประมาณ 28 นาที, LIMITED EXPRESS:ประมาณ 35 นาที

และ LOCAL EXPRESS:ประมาณ 45 นาที ในกรณีของ μ SKY นั้นจะต้องซื้อตั๋วขึ้นรถไฟที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 360 เยนเพื่อเลือกที่นั่งแบบ Reserved Seat เพราะฉะนั้นหากนั่ง μ SKY ก็สามารถซื้อตั๋วขึ้นรถไฟเพิ่มได้พร้อมตอนแลกรับตั๋วเลย

เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็ผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วไปเลย จากนั้นขึ้นบันไดเล็กๆ ที่อยู่ซ้ายมือเพื่อไปที่ชานชาลา รถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่สนามบินชูบุเซ็นแทรร์ Chubu International Airport(Nagoya)จะออกจากชานชาลาหมายเลข 4 ซึ่งที่ชานชาลาหมายเลข 4 จะมีรถไฟอื่นๆ ออกตัวจากชานชาลานี้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเวลาขึ้นรถไฟต้องสังเกตุให้ดูก่อนขึ้นนะคะ ถ้าพลาดอาจทำให้ขึ้นเครื่องไม่ทันเลย

ครั้งนี้เราเลือกเดินทางที่ใช้เวลาน้อยที่สุด(28 นาที) กับการเดินทางด้วย μ SKY ที่นั่งภายในรถไฟจะเป็นที่นั่ง Reserved Seat และเป็นแบบ Reclining Seat ทั้งหมด ด้วยความที่การเดินทางด้วยรถไฟ μ SKY จะใช้เวลาในการเดินทางน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นจึงเป็นการเดินทางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเดินทางจากสนามบินชูบุ (นาโกย่า) ในช่วงเช้าตรู่ หรือช่วงเย็นอาจไม่มีที่นั่งเลย จึงอยากแนะนำว่าให้จองล่วงหน้าไปก่อนเลยค่ะ

หากได้เดินทางจากนาโกย่าไปสู่สถานีสนามบินชูบุด้วยรถไฟ μ SKY แนะนำให้นั่งทางด้านซ้ายมือ เนื่องจากเมื่อเดินทางออกมาจากนาโกย่า ผ่านบ้านเมืองต่างๆ มาแล้วประมาณ 20 นาทีก็จะเห็นวิวทะเลพร้อมท่าเรืออยู่ทางด้านซ้ายมือ จากนั้นเมื่อไปอีกซักพักก็จะผ่านสะพานยาว ที่จะเห็นเกาะสนามบินอยู่เยื้องไปทางซ้ายมือ

นั่งรถไฟมาแปปเดียวเท่านั้นตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเป็นที่เรียบร้อย เมื่อออกจากช่องตรวจตั๋วแล้วก็เดินขึ้นทางสโลปไปก็จะออกมาสู่ชั้นผู้โดยสารขาออกเลย

เราจะเดินทางไปยังดอนเมืองด้วยสายการบิน『Thai Lion air』

หันหน้าเข้าหาชั้นผู้โดยสารขาออกจากนั้นก็เดินไปทางขวามือไปที่โซน J

เมื่อถึงเวลาเช็คอินแล้วแถวก็จะยาวมากๆ หากไม่อยากเสียเวลาก็สามารถทำการเช็คอินล่วงหน้าผ่านทางเว็ปไซต์ได้ก็จะสามารถต่อแถวพิเศษที่เร็วกว่าได้เลย

『Thai Lion air Web Check-In』

“สนามบินชูบุเซ็นแทรร์” Chubu International Airport(Nagoya)นี้เมื่อเทียบกับสนามบินคันไซ สนามบินนาริตะ หรือสนามบินฮาเนดะแล้วขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองจะราบรื่นกว่ามากๆ ซึ่งประตู(เกท)นั้น(ข้อมูลปัจจุบันเดือนมีนาคม ปีพ.ศ.2562) จะถูกกำหนดอยู่ทางด้านซ้ายมือเมื่อผ่านช่วงตรวจคนเข้าเมื่อมาแล้ว

เครื่องบินที่จะถูกใช้ในการเดินทางจาก นาโกย่า ไปยัง ดอนเมือง จะเป็นเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุด B737-9MAX (220 ที่นั่ง) ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกับสายการบินแอร์เอเชียแล้วเครื่องจำลำเล็กกว่า แต่ที่นั่งและพื้นที่เบสัมภาระก็กว้างขวางพอสมควรเลย

ถึงแม้ว่า “สายการบินไทยไลอ้อนแอร์” จะเป็นสายการบินราคาประหยัดเช่นเดียวกับ “สายการบิแอร์เอเชีย X” หรือ “สายการบินนกสกู๊ต” แต่ระหว่างบินจะมีบริการน้ำดื่ม และของว่างให้ฟรี(ในส่วนนี้สายการบินเสียค่าใช้จ่าย) นอกจากนี้อาหารที่จำหน่ายอยู่ในเครื่องก็มีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น “ข้าวหน้าไก่ย่างยากิเทริ” “แกงกะหรี่ไก่ปีนัง” “ยำวุ้นเส้น” หรือ “ข้าวผัดอเมริกัน” อยู่ที่ราคา 140 บาท

เราจะใช้เวลา 6 ชั่วโมงในการบินกลับประเทศไทยกันค่ะ

การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วยพาส「Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass」ในครั้งนี้ หากเพื่อนๆ ได้มาท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่พอดีกับช่วงเปิดให้บริการพาส「Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass」ในวันที่ 15 เมษายน เพื่อนๆ ก็จะได้เพลิดเพลินกับซากุระพร้อม “เทศกาลทาคายามะ Takayama Festival” และหิมะที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในหมู่บ้านประวัติศาสตร์ “ชิราคาวาโกะ” หรือ “กำแพงหิมะ ยูกิ โนะ โอทานิ” ที่ “ที่ราบมูโรโด” นอกจากนี้ยังสามารถชมซากุระบานสวยงามได้พร้อมๆ กับ “ปราสาทมัตสึโมโตะ” ที่ยิ่งใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่เพื่อนๆ จะได้เพลิดเพลินกับความสวยงามของ “ดอกซากุระ” ไปพร้อมๆ กับ “หิมะ” ที่ไม่สามารถสัมผัสได้ที่ประเทศไทย ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป

และถึงแม้ว่าจะผ่านช่วงฤดูใบไม้ผลิไป เพื่อนๆ ก็ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับ พื้นที่เขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ในช่วงฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่น พร้อมชมพืชพันธุ์นานาชนิดในพื้นที่ภูเขาสูง หรือ เพลิดเพลินไปกับ “ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี” ที่สวยงามได้ด้วยพาส「Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass」อีกด้วย สำหรับครั้งนี้ต้องขอขอบพระคุณผู้ชมทุกท่านที่ติดตามเรามาจนถึงท้ายทริปนี้ แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้าค่ะ ♪

【ตารางการเดินทาง Day4-3 Lunch at MARUHA SHOKUDO(NAGOYA STATION)/Chubu Centrair International Airport】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้「Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass」

        Go to the top Page        

  ◀ BACK