เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day4-3 จบทริป! ทานอาหารกลางวันที่ “ย่านชินจุกุ” และเดินทางจากตัวเมืองโตเกียวไปยัง “ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ”
TOKYO-HAKONE-GOTEMBA-KAWAGUCHIKO/FUJI-TOKYO
ICHIGO-CHAN ได้ท่องเที่ยว โตเกียว ฮาโกเน่ โกเทมบะ และฟูจิซัง ด้วย「ฟูจิฮาโกเน่พาส」จนเข้าสู่ช่วงท้ายของทริป หลังจากที่ ได้ชมเจดีย์ห้าชั้น พร้อมกับวิวภูเขาไฟฟูจิได้แบบชัดๆ ในวันฟ้าเปิดพอดีแล้ว เราก็ได้เดินทางมาที่ “ชินจุกุ” ในตัวเมืองโตเกียวแล้ว
Day4-2 เดินทางจากสถานีคาวากุจิโกะไปยังแหล่งช้อปปิ้งย่าน “ชินจุกุ” ในตัวเมืองโตเกียว
ซึ่งวันนี้เราจะต้องเดินทางกลับประเทศไทยในเที่ยวบินรอบ 20:00 น. จากสนามบินนาริตะ โดยก่อนเดินทางไปยังสนามบินเราก็ได้ช้อปปิ้งแบบเต็มที่ที่ “ชินจุกุ” แล้ว หลังจากนี้ก็จะไปหาอาหารกลางวันทานกันก่อนเดินทางไปสนามบินนาริตะค่ะ
การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วย「ฟูจิฮาโกเน่พาส」ในตอนที่ 16 ตอนสุดท้ายนี้ ICHIGO-CHAN จะพาเพื่อนๆ ทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร「KITAMAE SOBA TAKADAYA(北前そば高田屋)」ก่อนเดินทางไปยัง “ท่าอากาศนานาชาตินาริตะ” กันค่ะ
เดินจากสถานีชินจุกุมาเพียง 3 นาทีเท่านั้น ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาที่ร้านอาหาร『KITAMAE SOBA TAKADAYA(北前そば高田屋)』โดยเดินไปทางลานกว้างหน้าสถานีชินจุกุ ประตูตะวันออก และเลี้ยวขวาก่อนถึง จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ เดินเลยสี่แยกแรกไป ร้านจะอยู่ชั้น 6F・7F
(ติดตามรายละเอียดได้จากตอนก่อนหน้า)
ก่อนอื่นก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 6F กันเลย
โดยร้าน「KITAMAE SOBA TAKADAYA(北前そば高田屋)」จะมีอยู่ทั้งหมด 2 ชั้น ภายในร้านมีทั้งที่นั่งแบบโต๊ะ 4 คน และที่นั่งแบบกลุ่มใหญ่เป็นโต๊ะใหญ่ที่สามารถนั่งได้ 16 คน รวมทั้งหมดพร้อมที่นั่งเคาน์เตอร์แล้วเป็น 160 ที่นั่ง ถึงแม้ว่าร้านจะมีขนาดใหญ่แค่ไหนก็มีลูกค้าต่อแถวรอทานกันทั้งกลางวัน และตอนเย็นไม่น้อยเลยทีเดียว
เมนูที่ร้าน「KITAMAE SOBA TAKADAYA(北前そば高田屋)」หลักๆ แล้วจะมีเมนูโซบะ และเมนูข้าวหน้าต่างๆ เป็นศูนย์กลาง อย่างเช่น「GOMASOBA TO TENDON SET(ごまそばと天丼セット)」(990 เยน),「GOMASOBA TO KATSUDON SET(ごまそばとカツ丼セット)」(960 เยน)หรือ「GOMASOBA TO UMESHU KAORU WAFUU KARAAGEDON NO SET(ごまそばと梅酢香る和風から揚げ丼のセット)」(930 เยน)ฯลฯ ราคาอาหารไม่แพงมากอยู่ในช่วง 800-1200 เยน ถึงแม้ว่าเมนูอาหารจะมีเพียงภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษกำกับตัวเล็กๆ เท่านั้น แต่ในแต่ละเมนูจะมีภาพประกอบอยู่ด้วยเพราะฉะนั้นถึงจะไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นก็สามารถเลือกสั่งอาหารได้ไม่ยากเลย
ICHIGO-CHAN สั่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านกับ「GOMASOBA TO TENDON SET(ごまそばと天丼セット)」(990 เยน)โดยเป็นเส้นที่ทำจากแป้งโซบะจากฮอกไกโดและงา ความหอมโดดเด่น อร่อยมากๆ
ในเมนูโซบะนั้นจะต้องจุ่มซอสทาน ซึ่งในซอสจะมีต้นหอม และสามารถใส่วาซาบิเพิ่มได้ตามความชอบ แต่ระวังใส่วาซาบิเยอะเกินไปจนเผ็ดทานไม่ได้นะคะ
โดยในเมนูนี้นอกจากโซบะแล้ว ยังมีข้าวหน้าเท็มปุระที่มีกุ้งตัวใหญ่ถึง 2 ตัว ทอดจนกรอบ ทานพร้อมซอสหวานเค็มแบบญี่ปุ่นที่รสชาติเข้ากันเป็นอย่างยิ่ง ราคาทั้งหมดอยู่ที่ 980 เยนเท่านั้น แต่ปริมาณ และรสชาติจัดเต็มมากๆ โดยที่ร้านจะรองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตอีกด้วยค่ะ
หลังจากทานอาหารกลางวันจนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะกันแล้ว
ในโตเกียวจะมีสนามบินอยู่ 2 แห่งคือ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ และท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ ถึงแม้ว่าสายการบิน scoot, nokscoot, AIRASIA X หรือ ไทยไลอ้อนแอร์ ที่เพิ่งเปิดเส้นทางใหม่ตั้งแต่เดือนธันวาคม จะเป็นเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ แต่สายการบินไทย, JAL หรือ ANA นั้นจะบินทั้งสองสนามบินคือทั้งท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ และท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเช็คดูก่อนนะคะว่าสายการบินไทยจะลงสู่สนามบินใด (ทั้งสองสนามบินอยู่ห่างกันโดยนั่งรถบัส 80 นาที)
โดยการเดินทางจาก “ชินจุกุ” ไปยัง “ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ” จะมีวิธีการเดินทางดังนี้
- เดินทางจากสถานีชินจุกุ ด้วย JR Narita Express
- เดินทางจาก Shinjuku Expressway Bus Terminal ด้วยลีมูซีนบัส
- เดินทางด้วย JR Yamanote Line+Keisei Skyliner
ถึงแม้ว่าจะมีการเดินทางทั้งหมด 3 วิธี แต่วิธีที่สามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องต่อรถไฟ และเดินทางได้ถึงตรงเวลาแน่นอนก็คือ JR Narita Express โดยใช้เวลาในการเดินทางจากสถานีชินจุกุ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ 76 นาที
ก่อนอื่นก็จะต้องเดินออกจากตึกร้าน「KITAMAE SOBA TAKADAYA(北前そば高田屋)」ไปทางซ้ายมือจากนั้นก็เดินไปจนสุดทาง และเดินไปทางขวามือ ซักพักก็จะเจอสถานีชินจุกุประตูตะวันออกอยู่ทางซ้ายมือเลย
และเมื่อเดินเข้าสถานีไปทางซ้ายมือ ก็ลงบันไดเพื่อไปที่ลานจุดนัดพบภายในสถานีเลย เมื่อลงบันไดมาแล้วก็จะเจอ「MIDORI NO MADOGUCHI(みどりの窓口)」อยู่ทางซ้ายมือ ให้ซื้อตั๋วรถไฟไปท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะที่นี่เลย
ค่าเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะจะอยู่ที่ 3190 เยน(ช่วงเวลาปกติ・Reserved Seat)
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกจากจุดจำห่นายตั๋วไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็ผ่านออกจากช่องตรวจตั๋วที่อยู่ขวามือไป และเมื่อผ่านออกมาแล้วก็เดินไปทางซ้ายมือ เดินตรงไปเรื่อยๆ เพื่อไปที่ชานชาลาหมายเลข 5・6 เลย
และเราก็จะเจอ JR Narita Express ที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ต่างๆ ในโตเกียวอย่างสถานีโตเกียว ชินจุกุ ชิบุย่า หรือ ชินางาวะ เท่านั้นไม่พอยังมี โยโกฮาม่า หรือ โอมิยะ ที่สามารถเดินทางไปยังสนามบินนาริตะได้โดยตรงอีกด้วย ซึ่งรถไฟจะออกจากตัวเมืองโตเกียว ไปยัง สนามบินนาริตะ ทุกๆ 30 นาที
『แผนผังเส้นทางรถไฟไปยังสนามบินนาริตะ』
โดยจะวิ่งวันเสาร์ และวันหยุดวันละ 1 เที่ยว ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว
ใช้เวลาในการเดินทางจากสถานีชินจุกุไปยังท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะเป็นเวลา 76 นาที ส่วนการเดินทางจากสถานีโตเกียว ไปยังท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะจะใช้เวลา 53 นาที เป็นที่นั่งแบบ Reclining Seat นอกจากจะมีชั้นวางของขนาดใหญ่ภายในรถไฟแล้ว ยังมีบริการ WIFI อีกด้วย ซึ่ง JR Narita Express จะเป็นที่นั่งแบบ Reserved Seat ทุกที่นั่ง ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้นั่งที่นั่งทางฝั่ง D หรือ C เพราะว่าระหว่างทางหลังจากออกจากสถานีโตเกียวมาประมาณ 5 นาที เมื่อขึ้นจากชั้นใต้ดินมาบนดินแล้ว ก็จะได้ชมวิวแลนด์มาร์กของโตเกียวอย่าง “โตเกียวสกายทรี” อยู่ทางซ้ายมือนั่นเอง
นั่งรถไฟไปเพลินๆ ลองนึกย้อนทริปทั้งหมดของเราในครั้งนี้
วันที่ 1 : นิชิชินจุกุ(ชินจุกุตะวันตก) / โอโมเตะซันโด (ฮาราจุกุ)
วันที่ 2 : Romancecar / รถไฟฮาโกเน่โทซัง / กระเช้าลอยฟ้าสายฮาโกเน่ / โอวากุดานิ / เรือทัศนาจรชมทะเลสาบฮาโกเน่ / โกเทมบะ พรีเมียม เอ้าท์เล็ตส์
วันที่ 3 : ลานหิมะ yeti / เรือทัศนาจรท่องเที่ยวทะเลสาบคาวากุจิโกะ ENSOLEILLE/ กระเช้าลอยฟ้า Mt. FUJI PANORAMIC ROPEWAY
วันที่ 4 : ศาลเจ้าอาราคุระยามะ เซ็นเก็น / ย่านชินจุกุโดริ(ช้อปปิ้ง)
ถึงแม้ว่าเราจะมีเวลาในการท่องเที่ยว ฟูจิซัง ฮาโกเน่ และโตเกียวเพียง 4 วันเท่านั้น แต่ก็ถือว่าได้เที่ยวแบบเต็มที่และคุ้มมากๆ น่าเสียดายที่วันที่ 2 กับ 3 อากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังโชคดีที่ได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิแบบชัดๆ ในวันสุดท้ายของทริปนะคะ
ในครั้งนี้เป็นการเดินทางด้วย「ฟูจิฮาโกเน่พาส」(8,000 เยน) โดยในพาสจากชินจุกุจะประกอบไปด้วย ตั๋วเที่ยวเดียวระหว่างชินจุกุ-โอดาวาระ และตั๋วรถบัสด่วน(คาวากุจิโกะ-ชินจุกุบัสเทอร์มินอล)อยู่ด้วย
สามารถใช้นั่งยานพาหนะได้ดังนี้
【พื้นที่ ฮาโกน่】
1.รถไฟฮาโกเน่โทซัง 2.รถประจำทางสายฮาโกเน่โทซัง(เฉพาะพื้นที่ที่ระบุ) 3.ฮาโกเน่โทซังเคเบิ้ลคาร์ 4. กระเช้าลอยฟ้าสายฮาโกเน่ 5.เรือทัศนาจรชมทะเลสาบฮาโกเน่ 6.รถบัสประจำทางด่วนสายโอดะคิวฮาโกเน่ (เฉพาะพื้นที่ที่ระบุ) 7.รถบัส “คังโค ชิเซ็ตสึ-เมะกุริ” (รถบัสนำเที่ยว) 8.รถประจำทางสายโทไก รถรับส่งสีส้ม (พื้นที่ที่กำหนดไว้)
【พื้นที่ ฟูจิ】
9.รถไฟสายฟูจิคิว สถานีคาวากุจิโกะ-สถานีชิโมะโยชิดะ 10.รถประจำทางสายฟูจิคิว(พื้นที่ที่กำหนดไว้ในบริเวณภูเขาไฟฟูจิ)
สามารถนั่งทั้งหมดนี้ได้ไม่อั้นเป็นเวลา 3 วัน และไปลองคำนวนค่าเดินทางในแต่ละวันดูเลย
วันที่ 1
Odakyu Romancecar(ค่าเดินทางรวมรถไฟฮาโกเน่โทซัง 1550 เยน ค่าเดินทางเพิ่มเติมสำหรับ Romancecar 1090 เยน)
รถไฟฮาโกเน่โทซัง・รถบัสระหว่างโกระ-โซอุนซัง(420 เยน)
กระเช้าลอยฟ้าสายฮาโกเน่(900 เยน+1120 เยน)
เรือทัศนาจรชมทะเลสาบฮาโกเน่(1000 เยน)
รถประจำทางสายฮาโกเน่โทซัง(ระหว่าง ฮาโกเน่มาจิ(箱根町)-โกเทมบะ พรีเมียม เอ้าท์เล็ตส์ 1720 เยน)
รวมค่าเดินทางวันที่ 1 :6720 เยน
วันที่ 2
รถประจำทางสายฟูจิคิว(สถานีโกเทมบะ-yeti ไปกลับ 2340 เยน・สถานีโกเทมบะ⇒สถานีคาวากุจิโกะ 1510 เยน)
Kawaguchiko Sightseeing Bus(200 เยน )
รวมค่าเดินทางวันที่ 2:4050 เยน
วันที่ 3
รถไฟสายฟูจิคิว(ไปกลับ ระหว่าง สถานีคาวากุจิโกะ-สถานีชิโมะโยชิดะ 600 เยน)
Chuo Highway Bus(สถานีคาวากุจิโกะ⇒ชินจุกุ บัสเทอร์มินอล 1750 เยน)
รวมค่าเดินทางวันที่ 3:2350 เยน
รวมค่าใช้จ่าย 3 วัน เป็น 13120 เยน
หากใช้「ฟูจิฮาโกเน่พาส」(8000 เยน)นี้แล้ว ก็ถือว่าสามารถประหยัดได้ถึง 5120 เยน เท่านั้นไม่พอยังไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋วในแต่ละครั้ง และไม่ต้องวุ่นวายในการเตรียมเงินในแต่ละครั้ง ทำให้ได้ท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่า และสะดวกสบายอีกด้วย
ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ จะมีอยู่ 3 เทอร์มินอล โดยสายการบินที่บินตรงไปยังประเทศไทยมีดังนี้
เทอร์มินอลที่ 1 : ANA・สายการบินไทย
เทอร์มินอลที่ 2 : JAL・NOKSCOOT・AIRASIA X
ซึ่งเทอร์มินอลแต่ละที่จะอยู่ห่างกันพอสมควร หากลงผิดที่อาจต้องเสียเวลาในการเดินทางไปเทอร์มินอลอื่นอยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้นเช็คเทอร์มินอลให้ดีก่อนนะคะ
ครั้งนี้ ICHIGO-CHAN ใช้บริการสายการบิน AIRASIA X ที่เทอร์มินอล 2 โดยจะต้องลงจาก Narita Express ที่「Narita Airport Terminal 2・3 Station」จากนั้นก็ผ่านออกจากช่องตรวจตั๋วและขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นผู้โดยสารขาออก(3F)เลย เคาน์เตอร์ AIRASIA X จะอยู่ที่「N」(วงกลมสีแดงในภาพ)เมื่อออกจากลิฟต์แล้วก็เดินไปทางขวามือ จากนั้นก็เดินไปที่ N เลย
AIRASIA X ที่รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มีผู้ใช้บริการมากมาย เพราะฉะนั้นแถวที่เคาน์เตอร์ก็ยาวเหยียด หากเพื่อนๆ ทำการเช็คอินล่วงหน้าทางเว็ปไซต์ ก็สามารถผ่านเข้าช่องพิเศษสำหรับผู้โดยสารเว็ปเช็คอินได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาไปได้พอสมควร จะได้เหลือเวลาไปช้อปปิ้ง หรือซื้อของกันก่อนเดินทางกลับประเทศไทยอย่างเต็มที่
ซึ่งเพื่อนๆ สามารถทำการเช็คอินผ่านทางเว็ปไซต์ได้ตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง 14 วัน ไปจนถึง ก่อนออกบิน 4 ชั่วโมง
เมื่อทำการเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ก็ไปตรวจเช็คสัมภาระ ผ่านเคาน์เตอร์ตม. จากนั้นก็ไปที่เกทกันเลย ซึ่งเที่ยวบิน AIRASIA X จะบินในช่วงค่ำ ซึ่งจะไม่มีคนเยอะมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องรอนานเลยค่ะ
และเมื่อผ่านเคาน์เตอร์ตม. แล้วก็จะออกมาสู่โซนร้านค้าต่างๆ มากมายทั้งร้านจำหน่ายของฝาก หรือร้านสินค้าปลอดภาษี เท่านั้นไม่พอยังมี ร้านค้าแบรนด์ไฮแอนด์ หรือ UNIQLO อีกด้วย
ซึ่งที่ร้านจำหน่ายของฝากนั้นจะมี “ชิโระอิ โคอิบิโตะ”「SHIROIKOIBITO(白い恋人)」「MARUSEI BUTTER SAND」หรือ「Jaga Pokkuru」ที่โดยปกติแล้วหาซื้อได้เฉพาะที่ฮอกไกโด ให้ได้เลือกซื้อกันในราคาปลอดภาษีอีกด้วย
และตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลา Boarding Time แล้วค่ะ เมื่อเดินไปที่เกทขึ้นเครื่องบินคนก็เยอะมากๆ โดยเราจะใช้เวลาการเดินทางจากนาริตะไปยังกรุงเทพเป็นเวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ด้วยความที่ขากลับจะต้องบินย้อนไปทางทิศทางลมย้อนทำให้ใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าขาไปประมาณ 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าในครั้งนี้เราจะท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง “ฟูจิซัง” “ฮาโกเน่” และ “โตเกียว” แล้ว แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งเราจะพาเพื่อนๆ ไปท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดที่อื่นๆ หรือสถานที่ขึ้นชื่อในฤดูกาลต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นกันค่ะ แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
【ตารางการเดินทาง Day4-3 Lunch at SHINJUKU AREA/NARITA AIRPORT】