Day4-2 เที่ยวชม “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ”「HAMAMATSU FLOWER PARK」พร้อมทาน “ฮะมะมัตสึเกี๊ยวซ่า”

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของ แต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day4-2 เที่ยวชม “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ”「HAMAMATSU FLOWER PARK」พร้อมทาน “ฮะมะมัตสึเกี๊ยวซ่า”

TOKYO-FUJI-MISHIMA-SHUZENJI-SHIMIZU-MIHONOMATSUBARA-HAMAMATSU-

NAGOYA

พาสที่จำหน่ายโดยบริษัทรถไฟญี่ปุ่นตอนกลาง Central Japan Railway Company หรือ JR TOKAI กับพาสสุดคุ้ม『Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini』

พาสที่สามารถใช้นั่งเส้นทางระหว่าง อาตามิ-โทโยฮาชิ(Tokaido Main Line), นุมะซุ-มัตสึดะ(Gotemba Line)หรือ ฟูจิ-ชิโมเบะออนเซ็น(Minobu Line)รวมการนั่งรถไฟแบบด่วนพิเศษได้ไม่อั้น(ยกเว้นรถไฟแบบนอน)นอกจากนี้ยังสามารถใช้นั่งยานพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ Izuhakone Railway(ทุกสายของสายซุนซึ Sunzu Line), รถบัสเพื่อใช้ท่องเที่ยว โกเทมบะ พรีเมียม เอ้าท์เล็ตส์ขนาดใหญ่ และ ทะเลสาบคาวากุจิ หรือ เรือเฟอร์รี่「The Suruga Bay Ferry」เพื่อนั่งเรือชมภูเขาไฟฟูจิจากทะเลได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นพาสสุดคุ้มที่ให้เพื่อนๆ ได้ท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่

「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」มีอายุ 3 วัน ราคาเพียง 4500 เยนเท่านั้น แค่เพียงราคาตั๋วรถบัสไปกลับระหว่างโกเท็มบะ และ คาวากุจิโกะแบบปกติอยู่ที่ 3020 เยนและเรือเฟอร์รี่ The Suruga Bay Ferry(ราคาปกติ 2100 เยน)รวม 2 อย่าง อยู่ที่ 5300 เยน จะเห็นได้ว่าไม่จำเป็นต้องใช้นั่งรถไฟใดๆ ก็คุ้มเกินทุน โดยครั้งนี้เราจะใช้พาสนี้ท่องเที่ยวแบบสุดคุ้ม เพื่อเที่ยวชม “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ”「HAMAMATSU FLOWER PARK」

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ไปท่องเที่ยวแลนด์มาร์กของเมืองฮะมะมัตสึที่ “ปราสาทฮะมะมัตสึ” พร้อมชมวิวภูเขาไฟฟูจิจากชั้นบนสุดหอคอยแล้ว

Day4-1 เที่ยวชม “ปราสาทฮะมะมัตสึ” แลนด์มาร์กของเมืองฮะมะมัตสึ

สถานที่ต่อไปที่เราจะมุ่งหน้าไปก็คือ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ”「HAMAMATSU FLOWER PARK」กันค่ะ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีทั้ง ห้องเรือนกระจก ลานสนามเด็กเล่น หรือโชว์น้ำพุต่างๆ มากมาย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับความสวยงามของฤดูกาลทั้ง 4 ฤดูของญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนมีนาคม ไปจนถึงกลางเดือนเมษายน เป็นเดือนที่สามารถเพลิดเพลินไปกับ「สวนดอกซากุระ และทิวลิปที่สวยที่สุดในโลก」ได้อีกด้วย เป็นช่วงการท่องเที่ยวที่พอดีกับช่วงวันหยุดงสงกรานต์ของไทยจึงได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ

ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชม “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ”「HAMAMATSU FLOWER PARK」 กันค่ะ

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามจากหอคอยปราสาทฮะมะมัตสึไปแล้ว สถานที่ต่อไปก็คือ “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ”「HAMAMATSU FLOWER PARK」โดยเราจะเดินทางจากปราสาทฮะมะมัตสึ ไปสวนดอกไม้ฮะมะมัตสึด้วยรถบัสที่มุ่งหน้าไปสู่「KANZANJI ONSEN」เหมือนตอนที่เราเดินทางมาจากสถานีฮะมะมัตสึกันค่ะ ก่อนอื่นก็จะต้องเดินจากหอคอยปราสาทย้อนกลับไปทางป้ายรถบัส「SHIYAKUSHO MAE」กันเลย

 รถบัสในช่วงเส้นทางระหว่าง「SHIYAKUSHO MAE」ไปยัง「HAMAMATSU FLOWER PARK」จะวิ่งทุกๆ 20 นาที และใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 35 นาที

『ตารางเส้นทางรถบัสสาย Kanzanji Line』

ซึ่งรถบัสนี้จะต้องขึ้นรถบัสจากประตูกลาง และลงรถบัสจากประตูหน้า โดยปกติแล้วเมื่อขึ้นรถบัสจะต้องหยิบตั๋วรถบัสจากเครื่องออกตั๋วที่อยู่ข้างประตูทางเข้าเพื่อเช็คราคาค่าโดยสารจากบอร์ดค่าโดยสารที่อยู่ด้านหน้าข้างคนขับตามตัวเลขที่อยู่บนตั๋วรถบัส จากนั้นก็นำเงินใส่ไปในเครื่องชำระเงิน ที่อยู่ข้างคนขับได้ขณะลงรถ แต่ในช่วงเส้นทางระหว่างป้ายบัส “สถานีฮะมะมัตสึ-SHIYAKUSHO MAE–HAMAMATSU FLOWER PARK-KANZANJI ONSEN นั้นสามารถใช้พาสสุดคุ้ม「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」ในการเดินทางได้ เพราะฉะนั้นสามารถนั่งรสบัสได้เลย และแสดงพาสนี้ให้พนักงานขับรถได้ขณะลงรถเลย

ใช้เวลาเดินทางจาก「SHIYAKUSHO MAE」ไป 35 นาที ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึงป้ายบัส “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ”「HAMAMATSU FLOWER PARK」เป็นที่เรียบร้อย ลงจากบัสและเดินไปทางด้านหลัง และข้ามทางม้าลายไปก็จะเจอทางเข้า “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ”「HAMAMATSU FLOWER PARK」เลย

เมื่อเข้ามาในตึกแล้วก็จะเจอเคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรเข้าทันที ซึ่ง “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ” ที่สามารถเพลิดเพลินกับฤดูกาลต่างๆ ของญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่นี้ จะมีระบบการคิดค่าเข้าชมที่แตกต่างจากที่อื่นคือ สามารถเข้าชมฟรีได้ในช่วงที่มีดอกไม้น้อยในช่วงฤดูร้อน(เดือนกรกฏาคม ไปจนถึงเดือนกันยายน) ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงช่วงฤดูหนาว(เดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์)จะอยู่ที่ 500 เยน และช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกไม้อยู่มากมาย (เดือนมีนาคม ไปจนถึงเดือนมิถุนายน) จะอยู่ที่ 600 เยน ถึง 1000 เยน (ขึ้นอยู่กับการจัดงานในช่วงนั้นๆ) ซึ่งบัตรเข้าชมแต่ละใบจะมีคูปอง 100 เยนที่สามารถใช้ซื้อของฝาก หรืออาหารได้อีกด้วย

ซึ่งพื้นที่บริเวณ『สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ HAMAMATSU FLOWER PARK』แห่งนี้มีความกว้างถึง 3 แสนตารางเมตร เรียกได้ว่ามีความกว้างพอๆ กับดิสนีย์แลนด์เลยทีเดียว

และเมื่อเข้ามาแล้วก็จะเข้าสู่บริเวณ「Welcome Garden」เป็นอย่างแรก ที่เป็นบริเวณที่สามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระ หรือทิวลิปได้อย่างเต็มที่

บริเวณสวนที่กว้างใหญ่แห่งนี้จะมี「Flower Train」ให้ได้นั่งเดินทางไปยังจุดต่างๆ ได้ ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 100 เยน สามารถชำระได้ด้วยเงินสด หรือใช้บัตรคูปอง 100 เยนที่ติดมากับบัตรค่าชมได้เลย ด้วยความที่「Flower Train」เป็นยานพาหนะที่น่ารัก ทำให้ได้รับความนิยมทั้งจากชาวต่างชาติ และครอบครัวที่มากับเด็กเป็นพิเศษโดยจะเดินทางออกจากบริเวณ Main Gate เพิ่อเดินทางท่องเที่ยวภายในสวนเป็นเวลา 15 นาที และเดินทางกลับมายังบริเวณ Main Gate ระหว่างการนั่งรถเพื่อนๆ สามารถเพลิดเพลินไปกับดอกไม้ใบหญ้าภายในสวนได้อย่างเต็มที่พร้อมไกด์ที่ให้คำอธิบายระหว่างการเดินทาง ไปนั่งรถชมวิวโดยรอบก่อนก็ไม่เลวเหมือนกันนะคะ

เมื่อเดินจากประตูหลักมาประมาณ 7-8นาที ก็จะเป็นส่วนเรือนกระจกขนาดใหญ่「The greenhouse」ที่สามารถชมดอกไม้ได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องคำนึงถึงฤดูกาบ ซึ่งการจัดแสดงก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น「Garden Theatre」หรือ「Bali Garden」ที่ต้องทำให้นึกถึงบาลีที่อินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังมีส่วนพื้นพันธุ์จำพวกกระบองเพชรในส่วน「Mexican Garden」เป็นต้น

ซึ่งช่วงฤดูใบไม้ร่วงของประเทศญี่ปุ่นจะเป็นช่วงของดอกกุหลาบพอดี ดังนั้นช่วงนี้เราจึงได้ชมดอกกุหลาบบานสวยงามพอดี บริเวณโดยรอบในแต่ละจุดจะมีมุมถ่ายรูปต่างๆ ให้เพื่อนๆ ได้ถ่ายรูปคู่กับดอกกุหลาบได้อย่างสวยงาม

มีทั้งดอกกุหลาบสีแดงขาว ดอกโบตั๋น หรือดอกคอสมอสที่เป็นดอกไม้ที่บานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นพอดี ไม่ว่ามุมไหนๆ ส่วนไหนๆ ก็ตื่นตาจนต้องไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเลยทีเดียวค่ะ

จุดถ่ายรูปที่แสดงถึงฤดูกาลต่างๆ ในแต่ละจุด ซึ่งช่วงที่ ICHIGO-CHAN ไปเป็นช่วงฮาโลวีนในเดือนตุลาคมพอดี ทั้งดอกไม้ที่สวยงาม พร้อมๆ กับบรรยากาศฮาโลวีนในบางจุดสามารถเปลี่ยนชุดถ่ายรูปให้เข้ากับบรรยากาศได้อีกด้วย เหมาะสำหรับครอบครัวที่มากับเด็กๆ มากๆ

ใน 4 รูปด้านบนนี้ มี 2 รูปที่มี ICHIGO-CHAN อยู่ด้วย เพื่อนๆ เห็นกันรึเปล่าเอ่ย? กลมกลืนไปกับบรรยากาศเลย 555

และเมื่อเดินออกมาจากส่วนตู้เรือนกระจกก็จะเป็นส่วนสวนกุหลาบที่อยู่ด้านนอก

ซึ่งดอกกุหลาบของญี่ปุ่นจะมีอยู่ 3 ช่วงคือ

  • HARU BARA(春バラ) ดอกกุหลาบฤดูใบไม้ผลิ
  • NATSU BARA(夏バラ) ดอกกุหลาบฤดูร้อน
  • AKI BARA(秋バラ) ดอกกุหลาบฤดูใบไม้ร่วง

กุหลาบในช่วงฤดูใบไม้ผลินั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นดอกที่เล็กแต่ก็ผสมผสานกับดอกอาจิไซหรือดอกไฮเดรนเยียได้อย่างสวยงาม ซึ่งจะให้บรรยากาศสบายๆ กว่าในช่วงฤดูร้อน แต่เมื่อเทียบดอกกุหลาบช่วงนี้กับช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ในช่วงนี้จะมีอุณภูมิที่เย็นกว่า ทำให้ดอกจะค่อยๆ บานจึงจะได้ชมดอกที่สวยงามกว่าช่วงอื่นๆ เป็นพิเศษ

การเพลิดเพลินกับ “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ”「HAMAMATSU FLOWER PARK」สามารถชมได้ในช่วงต่างๆ มีดังนี้

ฤดูใบไม้ผลิ:ซากุระ・ทิวลิป

ฤดูร้อน:ดอกอาจิไซ หรือ ไฮเดรนเยีย・ว่านน้ำ

ฤดูใบไม้ผลิ:ดอกคอสมอส・กุหลาบ

ฤดูหนาว:ไฟประดับยามค่ำคืน อิลูเนชั่น

ที่มีสิ่งต่างๆ ให้ได้เพลิดเพลินยาวนานตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูนี้ ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงกลางเดือนมกราคม จะเป็นช่วงฤดูหนาวที่เพื่อนๆ สามารถชมไฟประดับยามค่ำคืนที่สวยงาม ไปจนถึงเวลา 3 ทุ่มในช่วงที่เปิดให้บริการเลย

และจุดที่เป็นไฮไลท์ของ “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ” อีกอย่างหนึ่งก็คือ「โชว์น้ำพุ」ที่จัดขึ้นทุกๆ 30 นาที ในบ่อหน้าเรือนกระจกที่เป็นโชว์น้ำพุพร้อมซาวด์ประกอบสุดอลังการ และหากเป็นช่วงการจัดประดับไฟยามค่ำคืนพอดี ก็จะมีการฉายไฟสวยงามอลังการภายในโชว์น้ำพุอีกด้วย

หลังจากที่เพลิดเพลินกับดอกไม้ที่สวยงามในประเทศญี่ปุ่นและดูโชว์น้ำพุไปเรียบร้อยแล้ว เราจะไปซื้อของฝากกันที่ร้านจำหน่ายของฝากบริเวณทางเข้ากันค่ะ ที่ร้านก็จะมีขนมขึ้นชื่อของฮะมะมัตสึ หรือชิซุโอกะอยู่มากมาย ทั้ง “พายอุนางิ”(12 ชิ้น 962 เยน – ขึ้นอยู่กับชนิด) สามารถชำระเงินได้ทั้งเงินสด และบัตรเครดิต นอกจากนี้ยังสามารถใช้คูปอง 100 เยน ที่ติดมากับบัตรเข้าชมได้อีกด้วย

หลังจากที่เราได้เพลิดเพลินไปกับดอกไม้ น้ำพุ และไฟประดับยามค่ำคืน (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล) กันที่ “สวนดอกไม้ฮะมะมัตสึ” ไปแล้ว ต่อไปเราจะนั่งรถบัสจากป้ายบัสที่อยู่บริเวณทางเข้า เพื่อเดินทางไปยังสถานีฮะมะมัตสึและทานอาหารกลางวันกันที่นั่นค่ะ โดยรถบัสที่วิ่งระหว่าง「HAMAMATSU FLOWER PARK」ไปยัง「HAMAMATSU STATION」นั้นจะวิ่งทุกๆ 20 นาที และใช้เวลาในการเดินทาง 40 นาที

『ตารางเส้นทางรถบัส』

ซึ่งรถบัสนี้จะต้องขึ้นรถบัสจากประตูกลาง และลงรถบัสจากประตูหน้า โดยปกติแล้วเมื่อขึ้นรถบัสจะต้องหยิบตั๋วรถบัสจากเครื่องออกตั๋วที่อยู่ข้างประตูทางเข้าเพื่อเช็คราคาค่าโดยสารจากบอร์ดค่าโดยสารที่อยู่ด้านหน้าข้างคนขับตามตัวเลขที่อยู่บนตั๋วรถบัส จากนั้นก็นำเงินใส่ไปในเครื่องชำระเงินที่อยู่ข้างคนขับได้ขณะลงรถ แต่ในช่วงเส้นทางนี้สามารถใช้พาสสุดคุ้ม「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」ในการเดินทางได้ เพราะฉะนั้นสามารถนั่งรสบัสได้เลย และแสดงพาสนี้ให้พนักงานขับรถได้ขณะลงรถเลย

นั่งบัสไปประมาณ 40 นาที ตอนนี้เราก็เดินทางมาสถานีฮะมะมัตสึเป็นที่เรียบร้อย เมื่อลงจากรถบัสแล้วก็ลงบันไดเลื่อนไปชั้นใต้ดิน จากนั้นก็ขึ้นบันไดเลื่อนอีกรอบเพื่อไปชั้นบนดินเลย เมื่อขึ้นมาชั้นบนดินแล้วเราจะยังไม่เข้าไปในอาคารสถานีแต่จะเดินเลี้ยวขวาที่ลานกว้าง จากนั้นจะเจอห้าง「Entetsu department store」อยู่ด้านหน้า ให้เลี้ยวซ้ายก่อนถึงห้าง จากนั้นก็ข้ามทางม้าลายไป และเดินเข้าไปในห้าง『MAY ONE』เพื่อไปที่ย่านร้านอาหารเลย

เมื่อเข้ามาในอาคารแล้ว ก็จะเห็นร้าน「UOGASHI SUSHI」อยู่ซ้ายมือเลย ซึ่งร้านนี้ก็คือร้านอิซากายะ ที่มีเมนูหลักเป็นซูชิ ในช่วงเวลาอาหารกลางวันที่ร้านจะมีเมนูให้เลือกมากมาย เราเข้าไปในร้านกันเลย

ศูนย์กลางร้านจะมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ที่ล้อมรอบส่วนครัว และที่นั่งแบบโต๊ะนั่งได้ 4 คน 8 คน รวมแล้วกว่า 70 ที่นั่ง จะได้เห็นเชฟปั้นซูชิหรือปรุงอาหารได้บริเวณศูนย์กลางร้านเลย ถึงแม้ว่า ICHIGO-CHAN จะไปตอนบ่ายสองโมงแล้ว แต่คนในร้านก็ยังคึกคักอยู่เลย

นอกจากเมนูหลักของร้านที่เป็น “ซูชิ” แล้วก็ยังมีเมนูอื่นๆ อย่างเช่น เท็มปุระ แกง ปลาย่าง หรือกราแตง ฯลฯ อยู่อีกด้วย ถึงแม้ว่าเมนูที่ร้านจะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดแต่จะมีรูปภาพประกอบเพราะฉะนั้นแม้แต่คนต่างชาติก็สามารถเลือกสั่งอาหารได้ไม่ยากเลย

เมนูที่ร้านมีให้เลือกเยอะมากๆ จริงๆ ค่ะ วันนี้ ICHIGO-CHAN เลือกเป็นเมนู “ฮะมะมัตสึเกี๊ยวซ่า” ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของฮะมะมัตสึเทียบเคียงกับ ข้าวหน้าปลาไหล ซึ่งเกี๊ยวซ่าของฮะมะมัตสึนี้ เป็นเกี๊ยวซ่าแท้ขึ้นชื่อเทียบเคียงกับเกี๊ยวซ่าอุสึโนะมิยะ จังหวัดโทจิงิเลยทีเดียว และที่สำคัญคือมีร้านเกี๊ยวซ่าอยู่มากกว่า 300 ร้านเลยทีเดียว

ซึ่งเอกลักษณ์ของ “ฮะมะมัตสึเกี๊ยวซ่า” ก็คือ

* การใช้กะหล่ำปลีที่ให้รสชาติหวาน

* มีถั่วงอกเป็นท้อปปิ้ง

* จะทำการย่างให้เป็นวงกลมแบบให้ภาพ

เมื่อนำเกี๊ยวซ่าเข้าปากแล้วจะสัมผัสได้ถึงความกรอบนอกนุ่มในปริมาณแบบจัดเต็ม แต่แปปเดียวก็ทานได้หมดเกลี้ยงเลย ซึ่งเซตอาหาร ฮะมะมัตสึเกี๊ยวซ่า จะเสิร์ฟพร้อม เกี๋ยวซ่าชิ้นโต 10 ชิ้น ข้าว ซุปมิโซะ ของดอง และเต้าหู้เย็นในราคา 1410 เยน ที่ร้านรับทั้งเงินสดและบัตรเครดิตค่ะ

หลังจากที่ได้ทาน “ฮะมะมัตสึเกี๊ยวซ่า” ไปจนเต็มอิ่มแล้ว ต่อไปก็จะเข้าสู่ช่วงท้ายของทริปนี้กันแล้ว  และก็ได้เวลาเดินทางไปยังนาโกย่าเพื่อบินกลับกรุงเทพกันเลย โดยออกจากร้าน「UOGASHI SUSHI」ไปทางขวามือ และตรงไปเรื่อยๆ ก็จะออกมาสู่ลานจุดนัดพบของสถานีฮะมะมัตสึเลย ซึ่งการเดินทางจากฮะมะมัตสึไปนาโกย่านั้นจะมีรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นวิ่งอยู่โดยตรงเช่นกัน แต่ครั้งนี้เราจะใช้พาสสุดคุ้ม「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」ที่อยู่กับเรามาตลอดทริป เพื่อใช้พาสเดินทางไประหว่างทางไปนาโกย่าที่ “สถานีโทโยฮาชิ” กันค่ะ โดยเราจะใช้พาสสุดคุ้มเดินทางไปยัง “โทโยฮาชิ” ก่อนจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าความเร็วสูงชินคันเซ็นเพื่อมุ่งหน้าไปนาโกย่ากันค่ะ

ในตอนต่อไปจะเป็นตอนสุดท้ายของการท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วยพาส「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」กันแล้ว เราจะเดินทางจากฮะมะมัตสึเพื่อมุ่งหน้าไปท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ที่นาโกย่ากัน จากนั้นทานอาหารเย็นกับเมนู “มิโซะ นิโคมิ อุดง”「MISO NIKOMI UDON」อาหารขึ้นชื่อของนาโกย่ากันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪

【ตารางการเดินทาง Day4-2 HAMAMATSU FLOWER PARK】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini” 

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶