ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day4-2 เที่ยวชม “ศาลเจ้าอิเสะ ISE JINGU” พร้อมทั้งไป “โอฮาราอิมาจิ”「OHARAIMACHI」 และ “โอคาเกะ โยโกโจ”「OKAGE YOKOCHOU」
Wakayama-Shirahama-NachiKatsuura-Shingu-Toba-Ise-Nagoya
จากที่ความเดิมตอนที่แล้วที่ ICHIGO-CHAN ได้เที่ยวชมรอบๆ “เกาะไข่มุกมิกิโมโต”「MIKIMOTO PEARL ISLAND」ทั้งลานจัดแสดง ทั้งโชว์อามะ และช้อปปิ้งไข่มุกแท้ไปเต็มที่แล้ว
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการท่องเที่ยวรอบคาบสมุทรคิอิกับ “ศาลเจ้าอิเสะ”「ISE JINGU」และทางเดินบริเวณรอบๆ กับ “โอฮาราอิมาจิ”「OHARAIMACHI」 และ “โอคาเกะ โยโกโจ”「OKAGE YOKOCHOU」ศาลเจ้าอิเสะที่คนญี่ปุ่นจะต้องมากราบไหว้สักการะซักครั้งในชีวิต ทางเดินไปศาลเจ้าก็ให้บรรยากาศเหมือนได้ย้อนเวลาไปในญี่ปุ่นสมัยก่อน ไม่ว่ามุมไหนๆ ก็น่าถ่ายรูปทั้งนั้นเลยค่ะ
ดังนั้นวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไป ศาลเจ้าอิเสะ พร้อมทั้งไป “โอฮาราอิมาจิ”「OHARAIMACHI」 และ “โอคาเกะ โยโกโจ”「OKAGE YOKOCHOU」กันค่ะ
หลังจากที่เราได้เพลิดเลินไปกับ “เกาะไข่มุกมิกิโมโต”「MIKIMOTO PEARL ISLAND」แล้ว เราจะเดินข้ามสะพานกลับไปทางเดิมกันค่ะ เมื่อลงจากสะพานแล้วก็เดินไปทางขวามือและเดินตรงไปเรื่อยๆ ไปซักพักก็จะเจอทางม้าลายอยู่ด้านซ้ายมือ เราจะข้ามถนนใหญ่ไปอีกฝั่งหนึ่ง และเลี้ยวไปทางขวามือ จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ ก็จะมาถึงบัสเทอร์มินอลหน้าสถานีรถไฟคินเท็ตสึสถานีโทบะ
การเดินทางจาก “โทบะ” ไป “ศาลเจ้าอิเสะ” “โอฮาราอิมาจิ”「OHARAIMACHI」 และ “โอคาเกะ โยโกโจ”「OKAGE YOKOCHOU」นั้นใช้การเดินทางด้วยรถบัส「CAN Bus」จะสะดวกที่สุดค่ะ
ซึ่งเราสามารถใช้「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」ในการขึ้นรถบัสทั้ง CAN Bus หรือ MIE KOTSU BUS(มิเอะบัส) บริเวณอิเสะ・ชิมะ ได้ไม่อั้นในช่วงระยะเวลาที่กำหนด รถบัสจากบัสเทอร์มินอลโทบะ ไป ป้ายหน้าศาลเจ้าอิเสะ ไนกุ ISEJINGU NAIKU MAE จะมีรอบวิ่งวันธรรมดาวันละ 13 รอบ ส่วนวันเสาร์หรือวันหยุด จะวิ่งทั้งหมด 18 รอบ โดยจะใช้เวลาเดินทางไปป้ายหน้าศาลเจ้าอิเสะ ไนกุ ISEJINGU NAIKU MAE เป็นเวลาประมาณ 40 นาที
ภายในรถบัส CAN Bus จะมีที่นั่งลายน่ารักๆ ทั้งเรือสำราญ ปลาโลมาของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และที่หน้าจอมอนิเตอร์จะมีการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อีกด้วย ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ สำหรับคนที่มี「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」สามารถขึ้นไปได้เลย และแสดงบัตรให้เจ้าหน้าที่ดูก่อนลงรถเท่านั้น ในกรณีที่ไม่มีสามารถเช็คราคาตั๋วรถบัสได้จากจอมอนิเตอร์ที่อยู่ข้างคนขับ ดูราคาตามตัวเลขที่แสดงอยู่บนตัวเลย และทำการชำระเงินขณะลงรถที่ช่องชำระเงินข้างคนขับตามจำนวน ซึ่งเครื่องนี้จะไม่มีระบบทอนเงิน
เพราะฉะนั้นหากใครไม่มีเหรียญก็สามารถแลกได้ที่เครื่องแลกเหรียญข้างคนขับเลย
เดินทางออกมาจากสถานีโทบะเป็นเวลา 15 นาที เราก็จะผ่าน”ฟุตะมิกะอุระ”ที่มีหิน “เมโอโตะอิวะ”「MEOTO IWA」สำหรับใครที่มีเวลาเหลือเยอะก็สามารถแวะได้เลยนะคะ จะได้สักการะศาลเจ้าฟูตามิ โอกิทามะ ที่หิน “เมโอโตะอิวะ”กันค่ะ
อ่านรีวิวศาลเจ้าฟูตามิ โอกิทามะ『FUTAMI OKITAMA JINJA』ได้ที่นี่ คลิ๊กเลย !
Day3-1 ไปไหว้ศาลเจ้าอิเสะ ชมวิว『MEOTOIWA』
ออกจากสถานีโทบะมาประมาณ 40 นาที และ CAN Bus ก็ได้พาเรามาที่ป้ายรถบัส「OHARAIMACHI IRIGUCHI(おはらい町入口)」เป็นที่เรียบร้อย เมื่อลงจากบัสแล้วก็เดินตรงไปตามทางเรื่อยๆ และเลี้ยวไปทางซ้ายมือ เดินเข้าไปด้านในบรรยากาศโดยรอบก็จะเก่าขึ้นไปเรื่อยๆ บรรยากาศเหมือนได้ย้อนไปในญี่ปุ่นเมื่อหลายสิบปีก่อนเลยค่ะ
และหนึ่งในร้านที่ดูเก่าแก่จะมีร้านอิเสะอุดงอยู่ร้านหนึ่งชื่อว่า “โอคุโนะยะ”『OKUNOYA』
บรรยากาศร้านดูเป็นญี่ปุ่น และดูเรียบๆ ทำให้ ICHIGO-CHAN อยากลองแวะร้านนี้ดู เราเข้าไปข้างในกันเลย ภายในร้านดูเก่าแก่ มีที่นั่งมากมาย รองรับได้ทั้งกลุ่มเล็กๆ และกลุ่มใหญ่ ได้แบบสบายๆ เลย
เมนูขึ้นชื่อของร้าน “โอคุโนะยะ”「OKUNOYA」อย่าง “อิเสะอุดง”「ISE UDON」ก็ราคาเพียง 450 เยนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมี “แกงกะหรี่อิเสะอุดง”「CURRY ISE UDON」(850 เยน)หรือ “เท็มปุระ อิเสะอุดง”「TEMPURA ISE UDON」(850 เยน)และที่สำคัญเลยคือที่ร้าน “โอคุโนะยะ”「OKUNOYA」จะมีอีกหนึ่งเมนูที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านกับเมนู「MATSUZAKA GYU NO ABURIZUSHI」(2 คำ 1000 เยน)จากเนื้อญี่ปุ่นแบรนด์ดัง「MATSUZAKA GYU」นอกจากนี้ยังมี「OKAGESAN SET」(1950 เยน)ที่เสิร์ฟพร้อมซูชิเนื้อมาสึซากะรนไฟ และอิเสะอุดง เป็นต้น
ICHIGO-CHAN ได้สั่ง「OKAGESAN SET」ซึ่งอิเสะอุดงนี้จะมีความแตกต่างจาก「SANUKI UDON」หรือ「OSAKA UDON」เนื่องจากอุดงนี้จะไม่ได้เสริฟ์พร้อมซุปร้อนๆ แต่อิเสะอุดง
จะนำซอสที่มีโชยุเป็นรสชาติพื้นฐานมาราดทาน เมื่อเทียบกับอุดงทั่วไปที่จืดจางแล้ว อุดงนี้จะให้รสชาติที่เข้มข้นมากๆ เลยค่ะ คิดว่าต้องถูกปากคนไทยแน่นอน และอีกหนึ่งเมนูที่มาพร้อมกันคือ “ซูชิเนื้อมาสึซากะรนไฟ”「MATSUZAKA GYU NO ABURIZUSHI」รสชาติก็ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ขึ้นชื่อว่าเนื้อชั้นดีของญี่ปุ่นแล้ว ทั้งหอมมันอร่อย อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลยจริงๆ แนะนำว่าเพื่อนๆ ต้องมาลองเองเลยค่ะ
ซึ่งอาหารมื้อพิเศษของเรานี้ราคารวมภาษีแล้วอยู่ที่ 1950 เยน(≒600 บาท)เพียง 600 บาท เราก็สามารถทานเนื้อชั้นดีเนื้อมาสึซากะของญี่ปุ่นได้ รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ เป็นมื้อกลางวันที่อิ่มอร่อยสุดๆ เลย
“โอฮาราอิมาจิ”「OHARAIMACHI」ที่ทอดยาวจากสะพานอุจิ UJI BRIDGE ที่เชื่อมระหว่าง ไนกุ NAIKU ของศาลเจ้าอิเสะ และทางเดินเข้าศาลเจ้า ยาวเรียบแม่น้ำอิซุซุ เป็นระยะทางยาวต่อเนื่องกว่า 800m ทั้งสองข้างทางเดินหินจะมีทั้งร้านและตึกเก่าแก่มากมาย ในบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นมากๆ บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งที่มาเที่ยวชมศาลเจ้าอิเสะ และนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว “โอฮาราอิมาจิ”「OHARAIMACHI」ทั้งวันธรรมดาและวันหยุดเลยค่ะ ดังนั้นบริเวณนี้จึงมีร้านของกินต่างๆ เอาใจนักท่องเที่ยวมากมาย ทั้งเนื้อญี่ปุ่นมาสึซากะชั้นดีแบบเสียบไม้ หรือร้านมันบดทอด นอกจากนี้ยังมีร้านลูกชิ้นสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกว่า “คามาโบโกะ” อีกทั้งยังมีร้านขายของฝากต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนกลิ่นหอมๆ ของอาหารก็หอมแตะจมูกมากเลยค่ะ
บรรยากาศของ “โอฮาราอิมาจิ”「OHARAIMACHI」ก็เป็นอะไรที่น่าถ่ายรูปมากๆ เพื่อนๆ สามารถเช่าชุดกิโมโนหรือชุดยูกาตะ เพื่อเดินเที่ยวบริเวณรอบๆ ได้ที่ร้าน『YUMEKOMACHI』หรือที่ต่างๆ เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปคู่กับชุดยูกาตาหรือกิโมโนะได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ
เพียงแค่มี 3000 เยนก็สามารถเช่าชุดยูกาตะได้ ส่วนชุดกิโมโนจะอยู่ที่ประมาณ 5000 เยน เลือกใส่ได้ตามความชอบและงบประมานของแต่ละคนเลยค่ะ
ซึ่งใน “โอฮาราอิมาจิ”「OHARAIMACHI」จะมี “โอคาเกะ โยโกโจ”「OKAGE YOKOCHOU」อยู่ ซึ่งสถานที่นี้เป็นบริเวณที่นำตึกอาคารต่างๆ มาปรับปรุงใหม่ ซึ่งเดิมที่เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มากราบไหว้ศาลเจ้าอิเสะ และตอนนี้ก็กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ที่ทางเข้า “โอคาเกะ โยโกโจ”「OKAGE YOKOCHOU」จะมีรูปปั้นหินแมวนางกวัก “มาเนกิเนโกะ”「MANEKINEKO」อยู่ด้วย เป็นจุดน่าถ่ายรูปอีกจุดหนึ่งเลยค่ะ
และร้านที่อยู่ศูนย์กลาง “โอฮาราอิมาจิ”「OHARAIMACHI」และ “โอคาเกะ โยโกโจ”「OKAGE YOKOCHOU」ก็คือร้านขนมโมจิที่ทำจากถั่วแดงกวน ของขึ้นชื่อของอิเสะกับร้าน “อากาฟุกุ” 「AKAFUKU」สาขาหลัก เป็นร้านที่มีประวัติอันยาวนาน ถึงแม้ว่าจะไม่ทราบปีที่เริ่มทำการที่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเปิดกิจการมายาวนานกว่า 400 ปีก่อน และคาดว่าร้านน่าจะตั้งอยู่บริเวณเดียวกับสาขาหลักแห่งนี้ ซึ่งโมจิ “อากาฟุกุ” นี้เป็นขนมขึ้นชื่อที่คนญี่ปุ่นกว่าครึ่งจะต้องเคยทานมาแล้ว สามารถซื้อกลับบ้านได้แบบแบ่งเป็นกล่อง(8 ชิ้น 760 เยน/ 12 ชิ้น 1100 เยน)ซึ่งวันหมดอายุของขนมนี้จะอยู่ที่หลัง 2 วันจากวันที่ผลิต ซึ่งเราจะเดินทางกลับวันพรุ่งนี้พอดี เพราะฉะนั้นสามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้พอดีเลยค่ะ
ร้าน “อากาฟุกุ” สาขาหลักนั้น นอกจากจะมีสินค้าที่สามารถซื้อกลับบ้านได้แล้ว ยังมีส่วนที่เป็นร้านกาแฟที่สามารถเพลิดเพลินไปกับขนมอากาฟุกุ 2 ชึ้นและ ชาจากท้องถิ่นอย่าง「ISECHA」เป็นเซ็ตคู่กันในเมนู「BON」ราคาอยู่ที่ 210 เยนเท่านั้น เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของร้าน นั่งริมระเบียงสวน ชมวิวแม่น้ำอิซุซุ ISUZUGAWA ที่กำลังไหลผ่านด้านหลังร้าน ไปพร้อมๆ กับทานขนมอากาฟุกุแสนอร่อย และชาที่หอมกลมกล่อม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสุดๆ ไปเลยค่ะ
ซึ่งที่ “โอฮาราอิมาจิ” นี้นอกจากขนม “อากาฟุกุ” แล้ว ก็ยังมีร้านขนมเก่าแก่อายุเกิน 100 ปีอย่างร้านขนมญี่ปุ่น “โทระยะ อุยโระ”「TORAYAUIRO」และร้านเก่าแก่อื่นๆ อีกมากมาย ลองแวะแต่ละร้านดูก็เป็นอีกหนึ่งความสนุกที่ได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นจากร้านเหล่านี้ได้เลยค่ะ
และเมื่อเดินผ่าน “โอฮาราอิมาจิ”「OHARAIMACHI」ที่ยาวกว่า 800m ไปแล้ว ก็จะเจอโทริอิขนาดใหญ่อยู่ทางซ้ายมือ และเดินเลยไปอีกก็จะเจอ สะพานอุจิ UJI BRIDGE ที่พาดผ่านแม่น้ำอิซุซุ และเมื่อเลยสะพานอุจิ ไปก็จะไปถึงศาลเจ้า「ISE JINGU」ที่เป็นศาลเจ้าที่มีความเป็นแบบแผนมากที่สุดในญี่ปุ่นในประเทศที่มีศาลเจ้ามากกว่า 8 หมื่นแห่ง ซึ่ง “แม่น้ำอิซุซุ” ว่ากันว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่แยกระหว่างโลกมนุษย์และโลกเทพเจ้า เมื่อข้ามสะพานอุจิไปก็จะเป็นโลกแห่งเทพเจ้านั่นเองค่ะ สามารถอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิ๊กเลย !
Day2-3 ไปไหว้ศาลเจ้าอิเสะจินกุ จุดใจอาหารทะเลที่สดและราคาเป็นกันเอง
ตัว ICHIGO-CHAN เองนับถือศาสนาพุทธค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้นับถือลัทธิชินโต แต่แค่ได้มากราบไหว้เยี่ยมชมศาลเจ้าอิเสะก็รู้สึกสบายจิตใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ
หลังจากที่ได้เยี่ยมชมศาลเจ้าอิเสะแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปสถานที่สุดท้ายของทริปที่ “นาโกย่า”「NAGOYA」เพื่อไปช้อปปิ้งและทานดินเนอร์ จากนั้นก็จะเดินทางกลับประเทศไทยค่ะ
การเดินทางจากศาลเจ้าอิเสะส่วนไนกุ ถึงนาโกย่านั้น เราจะนั่งรถบัส MIE KOTSU ไปที่สถานี JR อิเสะชิ จากนั้นนั่งรถไฟด่วน「Rapid MIE」ต่อไปยังนาโกย่าเลย ซึ่งแน่นอนว่ารถบัส MIE KOTSU และนั่งรถไฟ JR ไปนาโกย่านั้น เราสามารถใช้『ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS』ได้ค่ะ
ก่อนอื่นต้องเดินออกจากสะพานอุจิตรงไปเรื่อยๆ และขึ้นรถบัสที่ป้าย「NAIKU MAE」ที่อยู่ขวามือ เราจะนั่งบัสที่มุ่งหน้าไปสู่สถานีอิเสะชิ ISESHI STATION ซึ่งบัสจะให้บริการตั้งแต่เวลา 9:00 ถึง 15:00 วิ่งทุกๆ นาทีที่ 10 ค่ะ ไม่ต้องรอนานก็สามารถขึ้นได้เลย
เราจะนั่งบัสจากหน้าไนกั NAIKU MAE มาประมาณ 20 นาทีก็จะมาถึงสถานีอิเสะชิ ISESHI STATION โดยปกติแล้วค่าบริการจาก NAIKU MAE ไปถึง สถานีอิเสะชิ ISESHI STATION จะอยู่ที่ราคา 430 เยน แต่ถ้ามี「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」ก็สามารถขึ้นรถบัสได้ฟรี เพียงแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูก่อนลงรถเท่านั้น สถานีอิเสะชินี้ก็สร้างแบบให้บรรยากาศเหมือนได้อยู่ในศาลเจ้า เมื่อเข้ามาในสถานีแล้วก็จะมีร้านขายของฝากที่มีทั้งขนม “อากาฟุกุ AKAFUKU” ชา ขนมต่างๆ หรือเนื้อมาสึซากะที่เป็นสินค้าท้องถิ่นต่างๆ มากมาย เลือกซื้อได้อย่างหนำใจเลยค่ะ
เราจะนั่งจากสถานีอิเสะชิ ISESHI STATION ไปถึงนาโกย่าด้วยรถไฟด่วน「Rapid MIE」ถึงแม้ว่าจะเป็นรถไฟด่วน แต่「Rapid MIE」นี้จะมีทั้งที่นั่งแบบ Non-Reserve Seat และ Reserved Seat เพราะฉะนั้นหากใครมี「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」ก็สามารถนั่งแบบ Reserved Seat ได้เช่นกัน(ที่นั่งแบบ Reserved Seat จะต้องทำการจองที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วก่อนล่วงหน้า・สามารถใช้ตั๋วนี้นั่ง Reserved Seat ได้ทั้งหมด 4 ครั้ง)
และแล้วครั้งหน้าก็คือตอนสุดท้ายของทริปนี้แล้วค่ะ เราจะปิดท้ายทริปด้วยการช้อปปิ้งที่นาโกย่า และทานดินเนอร์ส่งท้ายกันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪
【ตารางการเดินทาง Day4-2 OHARAI MACHI/OKAGE YOKOCHOU/ISE JINGU SHRINE】
Sponsored by Central Japan Railway Company