เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day4-2 เดินทางจากสถานีมัตสึโมโตะเพื่อเข้าสู่เมือง “ทซึมาโกะ TSUMAGO” เมืองโบราณที่มีเสน่ห์
NAGOYA- TAKAYAMA- SHIRAKAWAGO- TOYAMA- ALPENROUTE- MATSUMOTO- TSUMAGOJUKU- NAGOYA
พาสสุดคุ้มที่ใช้ในการท่องเที่ยวในทริปนี้ก็คือ พาสที่จำหน่ายโดยบริษัทรถไฟญี่ปุ่นตอนกลาง Central Japan Railway Company หรือ JR TOKAI กับพาสสุดคุ้ม『Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass』
หากเดินทางจากประเทศไทย บินตรงมายัง “นาโกย่า” สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวยัง “เกโระออนเซ็น Gero Onsen” ที่อยู่ท่ามกลางหมู่เขา “ฮิดะทาคายาม่า” “โทยามะ” หรือ เส้นทางรถไฟที่เชื่อมระหว่าง เมืองพักแรมที่เรียกว่า “คิโซะจิ KISOJI” อย่าง “เส้นทางแอลป์” “มัตสึโมโตะ” “นาราอิจุกุ” หรือ “ซึมาโกะจุกุ” ได้เท่านั้นไม่พอยังสามารถ นั่งยานพาหนะของเส้นทางแอลป์ได้ไม่อั้นอีกด้วย(อย่างเช่น กระเช้าลอยฟ้า เป็นต้น)
ยกตัวอย่างการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟ「LIMITED EXPRESS WIDE VIEW HIDA」จาก นาโกย่า ไป โทยามะ ราคาปกติจะอยู่ที่ 7650 เยน(ช่วงเวลาปกติ・Reserved Seat)และนั่งรถไฟจากโทยามะ ไปจนถึงเส้นทางแอลป์ และผ่านเข้าสู่เมือง Shinano Omachi(信濃大町) ฝั่งจังหวัดนางาโนะ ปกติอยู่ที่ 10,850 เยน รวมราคาแล้วเป็น 18,500 เยน แค่คิดเพียงเท่านี้ก็แทบจะคืนทุนได้เลยทีเดียว
ซึ่งในครั้งนี้จะเป็นการท่องเที่ยวสุดคุ้ม เพื่อเดินทางจาก “มัตสึโมโตะ” ไปยัง “ทซึมาโกะจูกุ” กันค่ะ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการชมการเดินทางตั้งแต่ต้นสามารถคลิ๊กไปสู่「Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass」5 วัน 3 คืน เพื่อร่วมเดินทางไปกับเราได้เลย
“เมืองมัตสึโมโตะ” ที่อยู่ระหว่างเส้นทางจาก “โตเกียว” “ภูเขาฟูจิ” หรือ “คาวากุจิโกะ” กับ “ฮิดะทาคายาม่า” หรือ “ชิราคาวาโกะ” เมืองที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ซึ่ง ICHIGO-CHAN เองก็ได้ชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมกับ “ปราสาทมัตสึโมโตะ”「MATSUMOTO CASTLE」ไปเรียบร้อยแล้ว
Day4-1 เที่ยวชมปราสาทสีดำ “ปราสาทมัตสึโมโตะ” ที่มีเสน่ห์ของเมืองมัตสึโมโตะ
ซึ่งทริปในครั้งนี้เป็นการท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วยพาส「Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass」ในตอนที่ 14 จะเป็นการท่องเที่ยว “ทซึมาโกะจูกุ”「TSUMAGO-JUKU」ในพื้นที่ “คิโซะ KISO” นั้นจะมีพื้นที่ที่ได้รับความนิยมก็คือ “ทซึมาโกะจูกุ”「TSUMAGO-JUKU」 และ “มาโกเมะจูกุ” 「MAGOME-JUKU」
เป็นหนึ่งในเมืองพักแรม 69 แห่งที่อยู่ในเป็นเส้นทางเก่าเรียกว่า “นาคะเซนโด NAKASENDO” ที่เชื่อมต่อระหว่างโตเกียว(เอโดะ)กับเกียวโต ซึ่งสองสถานที่นี้จะอยู่ติดกันเลย ภายในเมืองจะมีการจำลองทางเดินที่ปูด้วยหิน ทางฝั่ง “มาโกเมะจูกุ” มีทั้งร้านขายของฝากและคาเฟ่ต่างๆ เรียงรายกันอยู่มากมาย ส่วน “ทซึมาโกะจูกุ” จะเป็นเมืองที่ยังคงหลงเหลือความเก่าแก่ของเมืองพักแรมสมัยโบราณอยู่ แต่ละที่ก็จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งวันนี้เราจะเลือกท่องเที่ยว “ทซึมาโกะจูกุ” กันค่ะ
การเดินทางไป “ทซึมาโกะจูกุ” นั้นสามารถเดินทางจาก “สถานี JR มัตสึโมโตะ MATSUMOTO STATION” ไปยัง “สถานีนากิโซะ NAGISO STATION” ด้วยรถไฟจะสะดวกที่สุด
สามารถเดินจากสะพาน “อิซุฮาชิ”「UZUHASHI(埋橋)」ที่สามารถชมสะพานสีแดงไปพร้อมๆ กับปราสาทสีดำไปยังสถานีมัตสึโมโตะได้ โดยใช้เวลาพียง 15 นาทีเท่านั้น ก่อนอื่นก็จะต้องเดินเรียบคูน้ำไปทางฝั่งทางเข้าหอคอยปราสาทกันก่อน จากนั้นก็เลี้ยวขวาก่อนถึงทางหักโค้งไปทางขวาของคูน้ำ จากนั้นก็เดินออกบริเวณปราสาทตรงไปเรื่อยๆ
และเดินตรงผ่านแยกไฟแดงไป จากนั้นก็เลี้ยวขวาที่สีแยกแรก จากนั้นเมื่อเดินออกมาสู่ถนนใหญ่แล้ว ให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือ และเดินไปประมาณ 7-8 นาที เมื่อเห็นสถานีมัตสึโมโตะอยู่ทางขวามือแล้ว ก็เดินเลี้ยวไปทางขวาเลยค่ะ
ใช้เวลาเดินจากปราสาทมัตสึโมโต้มาประมาณ 15 นาที ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงสถานี JR มัตสึโมโตะเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งที่สถานี JR มัตสึโมโตะนี้เป็นสถานีที่มีรถไฟเส้นทาง รถไฟด่วนพิเศษมุ่งสู่ “โตเกียว” “นาโกย่า” หรือ “นางาโนะ” และนอกจากรถไฟแล้วก็ยังมีรถบัสที่มุ่งหน้าไปยัง “ฮิดะทาคายาม่า” หรือ “จังหวัดโคจิ” ที่มีธรรมชาติสวยงาม อีกด้วย ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกับสถานีรถไฟใหญ่ในเมืองแล้ว ที่นี่จะมีขนาดที่เล็กกกว่า แต่ก็เป็นสถานีที่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการเป็นจำนวนมาก
แต่ก่อนที่เราจะขึ้นรถไฟไปที่อื่นต่อ เราจะต้องไปรับกระเป๋าที่ฝากเอาไว้ที่โรงแรมหน้าสถานี「Hotel Montagne Matsumoto」ก่อน เมื่อรับสัมภาระแล้วก็ไปที่ช่องตรวจตั๋วรถไฟเลย
พาสท่องเที่ยวสุดคุ้ม『Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass』ที่เราเลือกใช้ในครั้งนี้
หากเป็นการใช้บริการรถไฟแบบ Non-Reserved Seat ก็สามารถแสดงพาสและผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วได้เลย โดยไม่ต้องไปติดต่อที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วก่อน สามารถนั่งได้ทั้งรถไฟแบบด่วนพิเศษ Non-Reserved Seat หรือ รถไฟแบบธรรมดาได้เลย สำหรับพาสนี้จะไม่สามารถใช้ผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วแบบอัตโนมัติได้ เพราะฉะนั้นต้องแสดงพาสนี้ให้กับช่องตรวจตั๋วที่มีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่เท่านั้นนะคะ
เมื่อผ่านช่องตรวจตั๋วมาแล้ว ก็เช็คป้ายตารางรถไฟที่อยู่บนศรีษะว่ารถไฟที่เราจะขึ้นนั้นจะออกจากชานชาลาหมายเลขใด ซึ่งรถไฟที่เราจะขึ้นในวันนี้คือ รถไฟด่วนพิเศษ「WIDE VIEW SHINANO 8」ออกตัวจากชานชาลาหมายเลข 1 เมื่อผ่านช่องตรวจตั๋วมาแล้วให้เดินลงบันไดเลื่อนที่อยู่ซ้ายมือเพื่อไปที่ชานชาลาหมายเลข 1
รถไฟด่วนพิเศษ「WIDE VIEW SHINANO」จะเดินทางออกจาก “นางาโนะ” ไปสู่ “มัตสึโมโตะ” “คิโซะจิ” และ “นาโกย่า” ซึ่งรถไฟแต่ละคันก็จะหยุดจอดระหว่างทางในแต่ละสถานีที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งรถไฟด่วนพิเศษ「WIDE VIEW SHINANO 8」ที่เราใช้บริการในครั้งนี้จะไม่จอดสถานีนากิโซะ สถานีที่ใกล้ ทซึมาโกะจูกุมากที่สุด เพราะฉะนั้นเราจะต้องนั่งจากสถานีมัตสึโมโตะ เพื่อไปลงที่ “สถานีคิโซะ ฟุกุชิมะKISO-FUKUSHIMA STATION” ก่อน จากนั้นก็ต่อรถไฟแบบธรรมดาเพื่อไปลงที่หมายค่ะ โดยเดินทางจากสถานีมัตสึโมโตะไปสถานีคิโซะ ฟุกุชิมะ เพียง 2 สถานี (40 นาที) และนั่งรถไฟแบบธรรมดาที่จะออกตัวในอีก 17 นาทีถัดไปที่สถานีคิโซะ ฟุกุชิมะ เพื่อนั่งไปอีก 7 สถานี (44 นาที)ค่ะ ซึ่งที่นั่งภายในรถไฟคันนี้จะเป็นที่นั่งแบบ Reclining Seat เหมือนกับรถไฟ「WIDE VIEW HIDA」ที่เรานั่งครั้งแรก ระหว่างทางสามารถชมวิวเมืองมัตสึโมโตะที่มีทุ่งนาธรรมชาติที่สวยงาม
น่าเสียดายที่วันนี้อากาศไม่ดี ฝนตกหนัก แต่ถ้าเป็นวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใสเพื่อนๆ จะได้เห็นวิวทิวเขาที่ถูกขนานนามว่า「Northern Alps」ทางซ้ายมือค่ะ
เมื่อขึ้นรถไฟแบบธรรมดาที่สถานีคิโซะ ฟุกุชิมะ แล้วแนะนำให้นั่งที่นั่งทางฝั่งขวามือ เพราะว่าเส้นทางระหว่างคิโซะ ฟุกุชิมะ ไปยัง นากิโซะ ส่วนใหญ่จะเป็นการวิ่งผ่านแม่น้ำคิโซะ「KISO RIVER」เมื่อออกจากสถานีคิโซะ ฟุกุชิมะ และเลยสถานีแรกที่「AGEMATSU」ไปก็จะเห็นวิว「Nezame-no-toko Gorge」ที่เกิดจากการกัดเซาะของหินแกรนิตโดยแม่น้ำคิโซะเป็นเวลายาวนานหลายปี อยู่ทางขวามือทันที
เดินทางออกจากสถานีมัตสึโมโตะ มาและต่อรถไฟใช้เวลาทั้งหมดไปประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึง “สถานีนากิโซะ” สถานีใกล้ทซึมาโกะจุกุเป็นที่เรียบร้อย ซึ่ง “ทซึมาโกะจุกุ” จะอยู่ห่างจาก “สถานีนากิโซะ” เป็นระยะทางประมาณ 2km ถ้าใครที่ชอบเดินก็เป็นระยะทางที่สามารถเดินไปได้สบายๆ เลยค่ะ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากเดิน แนะนำให้เดินทางด้วยรถแท็กซี่ หรือรถบัสค่ะ
โดยออกจากสถานีนากิโซะ ไปทางซ้ายมือ เดินไปจนสุดทางก็จะเจอบันไดอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อเดินลงไปแล้วก็จะเจอป้ายรถบัสเลย
รถบัสนี้จะวิ่งวันละ 10 เที่ยวเท่านั้น(ค่าเดินทาง 300 เยน)แนะนำว่าให้เช็คเวลาก่อนออกเดินทางดีกว่านะคะ(ภาพล่างขวา จาก For HogamiFor ถึง Magome)
รถไฟที่ ICHIGO-CHAN ขึ้นจะถึงสถานีเวลา 12:31 ซึ่งรถบัสจะออกตัวเวลา 12:40 เพราะฉะนั้นสามารถเดินทางต่อได้เลยโดยไม่ต้องรอนานให้เสียเวลาเลยค่ะ
ซึ่งรถบัสในประเทศญี่ปุ่นจะมีวิธีขึ้นที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ แต่ละบริษัท โดยรถบัสที่เราใช้บริการในวันนี้จะต้องขึ้นรถบัสจากประตูกลาง และลงรถบัสจากประตูด้านหน้า รถบัสที่เดินทางไปสู่ “ทซึมาโกะ” จะเป็นรถบัสแบบค่าโดยสารครั้งละ 300 เยน สามารถใส่เงินค่าโดยสารในกล่องชำระเงินที่อยู่ข้างคนขับขณะลงรถบัสได้เลย
ใช้เวลาเดินทางด้วยบัสมา 10 นาทีเท่านั้นก็เดินทางมาถึง “ทซึมาโกะ” แล้วค่ะ ลงจากบัสและเดินไปแปปเดียวเท่านั้นค่ะ โดยเดินไปตามทางเดินแคบๆ ที่อยู่ในวงกลมสีเหลืองในภาพบน
สามารถหยิบแผนที่ทซึมาโกะได้จากศูนย์แนะนำนักท่องเที่ยวได้เมื่อเข้ามาในทซึมาโกะ หรือที่สถานีนากิโซะ บริเวณทซึมาโกะที่มีความยาวประมาณ 300m นี้จะอยู่เรียบถนนใหญ่
“นาคะเซนโด NAKASENDO” ที่เคยเป็นเส้นทางหลักระหว่างโตเกียว และเกียวโต『TSUMAGO JUKU』
เมืองทซึมาโกะที่เป็นเมืองบรรยากาศเมืองเก่าแก่ มีร้านอาหารอยู่ประมาณ 15 ร้าน และร้านขายของฝากอีกกว่า 25 ร้าน ในบรรยากาศที่เหมือนได้ย้อนเวลาไปในญี่ปุ่นสมัยก่อนเลยค่ะ
ซึ่งเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของ “ทซึมาโกะจุกุ” ก็คือ เหล่าน้องแมวมากมาย มีทั้งน้องแมวเลี้ยง และน้องแมวในพื้นที่ที่เชื่องมากๆ น้องแมวโดยปกติทั่วไปมักจะกลัวคนแปลกหน้า และวิ่งหนีไป แต่น้องแมวที่นี่ยอมให้ถ่ายรูปทั้งนั้นเลยค่ะ แค่หันกล้องไปก็เข้ามาใกล้ใหญ่เลย น่ารักมากๆ
อาคารบ้านเรือนบริเวณทซึมาโกะนี้ ก็มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานหลายร้อยปี เหมือนได้ย้อนเวลาไปในญี่ปุ่นเมื่อหลายร้อยปีก่อนเลยค่ะ เมื่อเทียบกับ “มาโกเมะ” ที่อยู่ห่างออกไป 10km แล้วพื้นที่นี้จะมีความเก่าแก่แบบดั้งเดิม ที่ไม่มีการสร้างสิ่งก่อสร้างมาเพื่อจำรองบรรยากาศแต่อย่างใด ล้วนเป็นอาคารดั้งเดิมตั้งแต่สมัยโบราณทั้งนั้นเลยค่ะ
ตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายโมงพอดี ก่อนเดินเล่นภายในทซึมาโกะเราจะขอไปทานอาหารกลางวันเป็นอาหารขึ้นชื่อของพื้นที่คิโซะกับเมนู “โซบะ” ภายในร้านอาหารที่อยู่ในทซึมาโกะ 15 ร้าน จะมีร้านโซบะอยู่ถึง 5 ร้านเลยทีเดียว ซึ่งร้านที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยก็คือร้าน “โอโมเตะ”『OMOTE』
ภายในร้านเป็นพื้นแบบเสื่อทาทามิญี่ปุ่น ที่มีโต๊ะที่นั่งแบบ 4 คนอยู่ 6 โต๊ะ ซึ่งภายในร้านรวมถึง ICHIGO-CHAN เป็นชาวต่างชาติทั้งหมดเลยค่ะ ภายในร้านเป็นบรรยากาศญี่ปุ่นมากๆ น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ
เมนูหลักๆ ของร้านก็จะเป็นเมนูโซบะมีทั้งโซบะแบบจิ้มจุ่มซอสแบบเย็น “ซารุโซบะ”「ZARUSOBA(ざるそば)」(800 เยน), “โทโรโระโซบะ”「TOROROSOBA(とろろそば)」(1000 เยน), ซารุโซบะพร้อมเท็มปุระเห็ดไมตาเกะ “ไมตาเกะเท็นซารุโซบะ”「MAITAKETEN ZARUSOBA(舞茸天ざるそば)」(1200 เยน), โซบะแบบร้อน “คาเคะโซบะ”「KAKESOBA(かけそば)」(850 เยน), “ยามะคาเคะโซบะ”「YAMAKAKESOBA(山かけそば)」(1000 เยน)และ โซบะเท็มปุระเห็ดไมตาเกะ “ไมตาเกะเท็มปุระโซบะ”「MAITAKETENPURA SOBA(舞茸天ぷらそば)」(1200 เยน)ไม่ว่าเมนูไหนๆ ก็เป็นแป้งโซบะที่ปลูกในพื้นที่คิโซะ สามารถทานโซบะที่ทำใหม่ๆ ได้เลย
ส่วน ICHIGO-CHAN สั่งเป็น “ไมตาเกะเท็นซารุโซบะ”「MAITAKETEN ZARUSOBA(舞茸天ざるそば)」(1200 เยน)เป็นโซบะแบบเย็นที่มาในปริมาณแบบจัดเต็ม เสิร์ฟพร้อมเท็มปุระเห็ดไมตาเกะภายในพื้นที่นี้
ซึ่งโซบะของที่ร้าน จะใช้ส่วนผสม เป็นแป้งโซบะ 80% และ แป้งสาลี 20% เมื่อเทียบกับร้านโดยทั่วไปที่แบ่งส่วนผสมเป็นครึ่งต่อครึ่งแล้ว ถือว่าเป็นเมนูเฮลตี้อีกทั้งยังมีรสชาติที่ดีอีกด้วย บนซุปจุ่มโซบะจะมีต้นหอม และวาซาบิให้ได้ใส่ทานคู่กันอีกด้วย หลังจากทานโซบะแล้ว ก็สามารถนำน้ำต้มโซบะ มาผสมทานกับซุปน้ำจิ้มโซบะได้ตามสไตล์ญี่ปุ่นเลย ว่ากันว่า น้ำที่ใช้ต้มโซบะ ดีต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ผิวพรรณดีอีกด้วย
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ทานอาหารขึ้นชื่อของพื้นที่ คิโซะ และทซึมาโกะกับเมนู “โซบะ” แล้ว เราจะออกจากร้านเพื่อไปเที่ยวในเมืองต่อกันเลย
ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ท่องเที่ยวภายใน “ทซึมาโกะ TSUMAGO” และมุ่งหน้าไปยัง “นาโกย่า” สถานที่สุดท้ายของทริปนี้กันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪
【ตารางการเดินทาง Day4-2 MATUSMOTO CASTLE/TSUMAGO JUKU】