เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day3-6 จบทริป! ทานแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่นที่ร้าน SAN MARCO และเดินทางไปยัง “ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ”
HYOGO-KYOTO-OSAKA-NARA
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/1%28400%29.jpg)
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้แวะไปที่คาเฟ่「NARA HOTEL」เรือนรับรองแขกของประเทศประจำนารา สัมผัสธรรมชาติในฤดูกาลต่างๆ และได้พบกับเจ้ากวางในนาราแล้ว เราได้เริ่มท่องเที่ยวจาก「NARAMACHI」จากนั้นก็ได้ไปที่ “วัดโทได” “ภูเขาวะคะคุสะ” และ “ศาลเจ้าคะซุงะ” ที่เรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวเมืองนาราไปแบบเต็มที่มากๆ และเราก็ได้เดินทางกลับมาที่โอซาก้าที่พักของเราในคืนนี้กันแล้ว
Day3-5 เที่ยวชม NARA HOTEL พร้อมเดินทางจากนาราไปยังตัวเมืองโอซาก้า
ซึ่งอาหารค่ำของวันนี้เราจะไปทานหนึ่งในร้านแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่นที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนไทย ไม่แพ้ร้าน「CoCo ICHIBANYA (โคโค่ อิชิบันยา)」กับร้าน「SAN MARCO」กันค่ะ
การท่องเที่ยวแถบคันไซด้วยพาสสุดคุ้ม「KANSAI ONE PASS」เป็นเวลา 5 วัน 3 คืน ในตอนที่ 16 นี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปทานแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่นที่ร้าน「SAN MARCO」และเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติคันไซกันค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/2%28341%29.jpg)
ร้าน「SAN MARCO」นี้หากออกจากช่องตรวจตั๋วรถไฟคินเท็ตสึ หรือรถไฟใต้ดินสายเซ็นนิจิมาเอะของสถานีนัมบะไป ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ และเดินไปอีกประมาณ 30 วินาที จะเจอร้านอยู่ทางขวามือเลยค่ะ โดยร้าน『SAN MARCO』เป็นร้านที่มีตั้งแต่เมนูเรียบๆ อย่างแกงกะหรี่เนื้อ ไปจนถึงข้าวแกงกะหรี่ห่อไข่ หรือข้าวฮายาชิไรส์ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว
ซึ่งที่ร้านจะมีคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาจีนอยู่ด้วย เราเข้าไปในร้านกันเลย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/3%28318%29.jpg)
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งดูดี และมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ล้อมรอบส่วนครัว ซึ่งเราจะได้เห็นส่วนครัวอยู่ตรงหน้าเลย เดิมทีเป็นร้านที่มีสาขาหลักๆ อยู่ในแถบคันไซเท่านั้น แต่ปัจจุบันก็ได้เริ่มมีสาขาเพิ่มมากกขึ้นในโตเกียว หรือฟุกุโอกะอีกด้วย หากไปช่วงเวลาอาหารกลางวันก็อาจต้องรอคิวกันเลยทีเดียว
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/4%28317%29.jpg)
เมื่อหลักๆ ของที่ร้านจะมีอยู่ประมาณ 20 เมนู ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเลือกท้อปปิ้งที่มีให้เลือกมากมายเพิ่มเติมได้ตามความชอบ ซึ่งเมนูเรียบๆ อย่างแกงกะหรี่เนื้อจะอยู่ที่ 691 เยนรวมภาษี ซึ่งถือว่าถูกมากๆ นอกจากนี้ยังมีข้าวแกงกะหรี่ห่อไข่อีกอยู่ด้วย(751 เยน)เท่านั้นไม่พอยังมีท้อปปิ้ง “หอยนางรม” อยู่อีกด้วย
เมนูอาหารนั้นนอกจากภาษาญี่ปุ่นแล้วยังมีรูปภาพประกอบอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นสามารถสั่งได้ไม่ยาก แต่ถึงอย่างนั้นที่ร้านก็เมนูภาษาอังกฤษ จีน หรือเกาหลีเตรียมเอาไว้ด้วย สำหรับเมนูหลักๆ จำนวน 12 เมนู
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/5%28324%29.jpg)
ครั้งนี้ ICHIGO-CHAN ได้สั่งเป็น “ข้าวแกงกะหรี่หอยนางรมทอด”(880 เยน)ที่เสริฟ์แกงกะหรี่หอมอร่อย พร้อมหอยนางรมทอดกรอบ ที่กรอบนอกและนุ่มใน เป็นเมนูเต็มอิ่มในราคาเพียง 250 บาทเท่านั้น แน่นอนว่าทานที่ญี่ปุ่นก็ต้องอร่อยกว่าและเต็มอิ่มกว่าทานที่ไทยแน่นอนค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/6%28330%29.jpg)
การชำระเงินของที่ร้านนั้นนอกจากเงินสดแล้ว ยังสามารถชำระได้ด้วยบัตรเครดิต หรือ LINEPAY อีกด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเงินสดที่เหลือเพียงน้อยนิดในช่วงท้ายทริปกันเลย เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว เราจะกลับไปที่โรงแรมกันเลย ซึ่งการเดินทางจากร้าน SAN MARCO ไปยัง โรงแรมนั้นระหว่างทางเพื่อนๆ จะได้เพลิดเพลินกับ “ป้ายกุลิโกะ” หรือ “ป้ายปูยักษ์” ส่งท้ายได้อีกด้วย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/7%28324%29.jpg)
เมื่อออกจากร้านแล้ว ก็เดินไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็ขึ้นบันไดที่อยู่ตรงหน้า ก็จะเจอเส้นทางสายหลักของโอซาก้าที่เชื่อมระหว่างทางเหนือและใต้กับ “เส้นทางมิโดซึจิ” เมื่อขึ้นบันไดไปแล้วก็เดินไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ เพื่อไปที่โดทงโบริ ซึ่งสะพานที่พาดผ่านแม่น้ำอยู่นี้ก็คือสะพานที่มี “ป้ายกูลิโกะ” นั่นเอง
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/8%28330%29.jpg)
“ย่านโดทงโบริ” ที่เป็นย่านดังของโอซาก้า เชื่อมระหว่างทางตะวันตกไปจนถึงตะวันออกของนัมบะ เป็นบริเวณที่มีสถานที่ท่องเที่ยว หรือจุดถ่ายรูปยอดนิยมอยู่มากมาย ทั้ง “ป้ายปูยักษ์” “ป้ายปลาปักเป้า” “ป้ายปลาหมึกยักษ์” ของร้านทาโกยากิ ที่เรียกได้ว่าเป็นบริเวณที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมายเกือบตลอดทั้งปี
นอกจากร้านอาหารต่างๆ มากมายแล้ว ยังเป็นย่านที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีทั้งร้าน Drud Store ร้านร้อยเยน หรือร้านของฝากต่างๆ มากมาย ช้อปปิ้งได้อย่างเต็มที่ก่อนกลับโรงแรมกันเลย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/9%28330%29.jpg)
เดินจากย่านโดทงโบริ มาที่ โรงแรม CANDEO HOTELS OSAKA NAMBA นั้นใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น ซึ่งภายในโรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่สะดวกสบายมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งห้องอาบน้ำรวมขนาดใหญ่ หรืออาหารเช้า ฯลฯ อีกมากมาย สามารถอ่านรีวิวได้จากตอนก่อนหน้านี้เลย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/10%28333%29.jpg)
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เข้าพัก CANDEO HOTELS OSAKA NAMBA ไปแล้วเมื่อคืน และแล้วทริปท่องเที่ยว “เฮียวโงะ” “เกียวโต” “โอซาก้า” และ “นารา” ของเราก็เข้าสู่ช่วงท้ายของทริปกันแล้ว เราจะเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติคันไซจากสถานีโอซาก้านัมบะ ด้วยรถไฟนันไคกันค่ะ
การเดินทางจาก “สถานีนัมบะ” ไปยัง “ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ” นั้นสามารถเดินทางด้วย Limited Express rapi:t ที่ใช้เวลาในการเดินทาง 38 นาที วิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยว หรือ Express ที่ใช้เวลาในการเดินทาง 45 นาที วิ่งชั่วโมงละ 3-4 เที่ยว
เพื่อนๆ สามารถเดินจาก โรงแรม CANDEO HOTELS OSAKA NAMBA ไปยังสถานีนันไคนัมบะได้โดยใช้เวลาประมาณ 7-8 นาที โดยจะต้องเดินมาตามโททงโบริไปจนถึงเส้นมิโดซึจิ จากนั้นก็เดินไปทางซ้ายมือและตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอเทอร์มินอลสถานีรถไฟนันไคนัมบะขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าเลย ซึ่งภายในสถานีรถไฟนันไคนัมบะนี้ จะมีห้างทาคาชิมายะสาขาหลัก ที่เป็นห้างเดี๋ยวกับที่เปิดใหม่ที่ไอค่อนสยามที่กรุงเทพมหานครอีกด้วย ภายในห้างก็จะมีร้านค้าแบรนด์ดังต่างๆ มากมายอย่างเช่น BAOBAO ISSEY MIYAKE เป็นต้น สามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งได้เต็มที่ภายในสถานีเลย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/11%28339%29.jpg)
เมื่อเข้าไปในสถานีแล้วก็จะเห็นลานกว้างจุดนัดพบอยู่ตรงหน้า เมื่อเข้าไปแล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 3F เพื่อไปชั้นที่มีชานชาลาและช่องตรวจตั๋วกันเลย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/12%28339%29.jpg)
เมื่อขึ้นบันไดเลื่อนมาแล้วก็จะเจอเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติและช่องตรวจตั๋วอยู่ตรงหน้า
จากสถานีรถไฟนันไคนัมบะ NANKAI NAMBA STATION ไปสนามบินคันไซ นั้น สามารถไปได้ 2 วิธีก็คือ รถไฟแบบ Limited Express rapi:t หรือ Express ซึ่ง Limited Express rapi:t จะวิ่งทุกๆ
30 นาทีเป็นที่นั่งแบบ Reclining Seat รวมราคาทั้งหมดรวมตั๋วรถด่วนพิเศษเที่ยวละ 1270 เยน
ส่วน Express จะแล้วแต่ช่วงเวลาแต่ส่วนมากก็จะวิ่งทุกๆ 15 นาทีหรือ 20 นาที เป็นที่นั่งแบบ Long Seat ราคาเที่ยวละ 920 เยน
ซึ่งถ้าเราจ่ายเพิ่มเพียง 350 เยนเท่านั้นก็จะได้นั่งที่นั่งแบบสบายๆ Reclining Seat เลย อีกทั้งยังมีที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่สำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย แนะนำ Limited Express rapi:t เลยค่ะ ตั๋ว Limited Express
rapi:t จะไม่สามารถซื้อได้จากเครื่องจำหน่ายตั๋วได้เพราะฉะนั้นต้องไปซื้อที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ซึ่งสามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้ค่ะ อย่างเช่น VISA เป็นต้น
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/13%28331%29.jpg)
รถไฟ Limited Express rapi:t หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ เหมือนหุ่นยนต์เลย แฟนพันธุ์แท้รถไฟชอบกันมากๆ เลย บางคนถึงกับบินมากจากไต้หวันหรือเกาหลีเพื่อมานั่ง rapi:t นี้โดยเฉพาะด้วยนะคะ ภายในรถไฟก็จะเป็นที่นั่งแบบ Reclining Seat ลายเสือดาว กับหน้าต่างทรงกลม และจะมีโซนเก็บของที่มีโซ่พร้อมที่ล็อคเก็บสัมภาระอีกด้วยค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/14%28335%29.jpg)
การท่องเที่ยวรอบแถบคันไซด้วยพาสสุดคุ้ม「KANSAI ONEPASS」เป็นเวลา 5 วัน 3 คืนในครั้งนี้เราได้เที่ยวแถบคันไซทั้งหมด 4 จังหวัดคือ “เฮียวโงะ” “เกียวโต” “โอซาก้า” และ “นารา” แบบสุดคุ้มด้วย「KANSAI ONEPASS」
ซึ่งพาสนี้นั้นนอกจากจะสามารถรับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายอย่างเช่น ส่วนลดบัตรเข้าชมปราสาทฮิเมจิ หรือวัดโทได ฯลฯ อีกมากมายแล้ว ยังเป็นพาสเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการท่องเที่ยวแถบคันไซ ลายบัตรก็น่ารัก สามารถนำกลับไปเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย
「KANSAI ONEPASS」นี้จะไม่มีวันหมดอายุการใช้งาน เพราะฉะนั้นหากเพื่อนๆ ได้มาท่องเที่ยวในแถบคันไซอีกรอบก็สามารถนำมาใช้ได้อีกค่ะ ดีมากๆ เลย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/15%28324%29.jpg)
ออกจากสถานีนัมบะมา 38 นาทีและแล้วเราก็มาถึงสนามบินนานาชาติคันไซกันแล้ว ซึ่งสถานีรถไฟกับเทอร์นินอล 1 ของสนามบินจะมีสะพานเชื่อมกันอยู่ ดังนั้นเมื่อถึงสถานีรถไฟแล้ว
ก็ขึ้นบันไดเลื่อนหรือลิฟต์เพื่อขึ้นมาที่ชั้นช่องตรวจตั๋วเลยค่ะ เมื่อออกมาจากช่องตรวจตั๋วแล้วก็เลี้ยวไปทางซ้าย และเดินข้ามสะพานเพื่อเข้าไปในตัวอาคารสนามบินเลยค่ะ
จากนั้นเมื่อเข้ามาในสนามบินแล้วก็ขึ้นลิฟต์ทางฝั่งซ้ายหรือขวาเพื่อขึ้นไปที่ชั้น 4F ค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/16%28325%29.jpg)
เมื่อมาถึงชั้น 4F แล้วก็จะเจอหน้าจอแสดงสายการบินต่างๆ เพราะฉะนั้นสามารถเช็คเคาน์เตอร์เช็คอินได้จากหน้าจอนี้เลยค่ะ สายการบินไทยจะอยู่ที่ช่อง D ค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/17%28331%29.jpg)
หากเป็นที่สนามบินนาริตะที่โตเกียวก็จะต้องเช็คอินจากเครื่องเช็คอิน SELF CHECK-IN ด้วยตัวเอง แต่ที่สนามบินคันไซจะมีพนักงานคอยดูแล และสามารถเช็คอินได้ที่เคาน์เตอร์เลยค่ะ แค่เตรียมพาสปอร์ต E Ticket และบัตร Mileage(ถ้ามี) ไว้เท่านั้น
ถ้าเช็คอินแล้ว แนะนำว่าให้เข้าไปในเกทเลยค่ะ ถ้าผ่านตม. ไปได้แล้ว ด้านในเกทก็จะมีร้านปลอดภาษีอยู่ มีทั้งสินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง หรือของฝากต่างๆ มากมาย อีกทั้งยังมี Uniqlo อยู่อีกด้วย ก่อนขึ้นเครื่องก็สามารถช้อปปิ้งกันได้เล็กน้อยอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยนะคะ ได้ของเล็กน้อยติดกลับไปก่อนกลับแน่นอนค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/18%28325%29.jpg)
และตอนนี้ก็ได้เวลาขึ้นเครื่องกันแล้ว สายการบิน TG ที่เดินทางไปสู่กรุงเทพมหานครนั้นจะใช้เครื่อง A350 ในการเดินทาง และใช้เวลาในการบินประมาณ 6 ชั่วโมง
ในทริปนี้เราได้เริ่มท่องเที่ยวจาก “ปราสาทฮิเมจิ” จากนั้นก็ทานอาหารค่ำเป็น “เนื้อโกเบ” จากนั้นท่องเที่ยว “เกียวโต” “โอซาก้า” และ “นารา” เป็นทริปที่เราได้ “ช้อปปิ้ง” “สัมผัสธรรมชาติ” เที่ยวชม “วัด หรือ ศาลเจ้า” สัมผัส “ประวัติศาสตร์” และบรรยากาศ “ความเป็นญี่ปุ่น” ไปอย่างเต็มที่มากๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นทริปสั้นๆ เพียง 4 วันเท่านั้น แต่เราก็ได้เที่ยว “แถบคันไซ” ไปแบบหนำใจ ยังไงเพื่อนๆ ก็ลองเดินทางไปท่องเที่ยวแบบเราดูนะคะ แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้าค่ะ
【ตารางการเดินทาง Day3-6 Lunch at SAN MARCO/Kansai International Airport】
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/19%28321%29.jpg)