Day3-5 ชมการประดับไฟที่ถนน「MARUNOUCHI NAKADORI」แวะกินของหวานที่『MARUNOUCHI BRICK SQUARE』

Day3-5 ชมการประดับไฟที่ถนน「MARUNOUCHI NAKADORI」แวะกินของหวานที่『MARUNOUCHI BRICK SQUARE』

หลังทานอาหารที่ Ramen Kokugikan ก็ไปช็อปปิ้งที่「Onitsuka Tiger」

ICHIGO-CHAN ได้เพลิดเพลินจนเต็มอิ่มในยามบ่ายที่「AQUACITY ODAIBA」

Day3-4 สุดลนุกกับการซ้อปปิ้งที่ร้าน『Onitsuka Tiger』

เพื่อไปชมการประดับไฟที่เราตั้งตารอที่โตเกียว ณ. ศูนย์ธุรกิจของญี่ปุ่น เราจึงมุ่งหน้าสู่「MARUNOUCHI」

ที่มารุโนะอุจิ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงช่วงวาเลนไทน์ในเดือนกุมภาพันธ์จะมีการจัดงานอิเวนต์ประดับไฟเป็นประจำทุกปี สำหรับปีนี้จะจัดถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ (วันอาทิตย์) บ้านเมืองที่ตั้งเรียงรายอยู่ในมารุโนะอุจิจะถูกประดับประดาไปด้วยหลอดไฟระยิบระยับจนทั้งเมืองกลายเป็นจุดถ่ายรูปไปเลยล่ะค่ะ

การเดินทางจาก『AQUACITY ODAIBA』ไปยังสถานที่ประดับไฟ『MARUNOUCHI』นั้นแรกสุดเราจะต้องขึ้นรถไฟที่มาจอดยังเส้นหมายเลข 2 ของ「สถานีไดบะ」ค่ะ ค่าโดยสารจงถึงสถานีชิมบาบิอยู่ที่ 320 เยน

ที่นั่นเราจะเปลี่ยนสายไปยังเส้น JR ยามาโนะเตะเพื่อมุ่งหน้าสู่「สถานีโตเกียว」เมื่อออกจากสถานีโตเกียวแล้วเพียงแป๊บเดียวก็จะถึงสถานที่จัดงาน

สถานีโตเกียวซึ่งอยู่ใกล้กับสถานที่จัดงาน「MARUNOUCHI ILLUMINATION」มีบรรยากาศอันคลาสสิคมาก ๆ เลย

อาคารที่สร้างจากอิฐอันหนักแน่นมั่นคงมีความสวยงามจนแทบจะพูดได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นจุดถ่ายรูปได้เลยทีเดียว

และค่าเข้าไปยังฮอลล์ที่ถ่ายรูปได้ใบนี้ก็ยังฟรีอีกด้วย 555

สถานที่จัดงานหลักของ『MARUNOUCHI ILLMINATION』คือ「MARUNOUCHI-NAKADOURI」ซึ่งเป็นทางยาวกว่า 1.2km ที่ทั้งสองข้างทางมีทั้งตึกของ「HERMES」หรือ「ISSEY MIYAKE」ฯลฯ ตั้งเรียงรายกันเป็นถนนแห่งแฟชั่น

วิธีไปยัง「MARUNOUCHI NAKADORI」ก็แสนง่ายดาย

ออกจากประตูมารุโนะอุจิกลางของสถานีโตเกียว หันหลังให้สถานีแล้วเดินตรงไปได้เลยค่ะ จากนั้นผ่านลานกว้าง ข้ามถนนใหญ่แล้วก็เดินหน้าต่อ มีตึกใหญ่ในรูปคือ「มารุโนะอุจิบิลด์ดิ้ง (เรียกกันว่า มารุบิล)」เป็นจุดสังเกต เมื่อเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกแรกก็จะพบกับ「MARUNOUCHI NAKADORI」ค่ะ

และในตึกมารุบิลยังมีร้านสินค้าแฟชั่นที่มีชื่อเสียงในหมู่คนญี่ปุ่น ส่วนชั้น 35F・36F ก็ยังมีร้านอาหารที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ของโตเกียวได้อีกด้วย

ที่ชั้น 35F มีร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพ ร้าน「mango tree」ด้วยนะคะ ถ้าเริ่ม ๆ เบื่ออาหารญี่ปุ่นแล้ว ลองไปทานอาหารไทยไปพร้อมกับชมทิวทัศน์ของโตเกียวจากท้องฟ้าไปด้วยก็น่าจะดีเหมือนกันนะ

และตึกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ「มารุบิล」โดยมีถนนคั่นอยู่ตรงกลางคือ「ชินมารุบิล」ค่ะ

อาจจะยังเป็นตึกใหม่แต่ก็เต็มไปด้วยร้านอาหารที่ตกแต่งอย่างงดงามสไตล์เรโทรเหมือนกับสถานีโตเกียวเมื่อสักครู่เลยล่ะค่ะ

ที่นี่ก็มีตั้งแต่ชั้นใต้ดินชั้นที่ 1 ไปจนถึงชั้น 7 สามารถเพลิดเพลินไปกับการช็อปปิ้งหรือทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศอันเก๋ไก๋ได้

เมื่อผ่านทางเข้าสถานที่จัดงานมาด้านใน ดูเหมือนว่าแสงไฟจะยิ่งแน่นและเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ….

เท้าของ ICHIGO-CHAN ก็ก้าวเดินไปเรื่อย ๆ ราวกับถูกดึงดูดด้วยแสงไฟนั้น

แม้เวลาในตอนนี้จะล่วงเลย 19 นาฬิกาไปแล้ว แต่ตึกทั้งสองฝั่งก็ยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟ ข้างในนั้นคงจะมีพนักงานบริษัทที่กำลังทำงานอย่างทุ่มเทกันอยู่แน่ ๆ เลยค่ะ สมกับเป็นประเทศแห่งความขยันเลยจริง ๆ

ด้วยความที่เป็นศูนย์กลางแห่งธุรกิจของญี่ปุ่น ในมารุโนะอุจิที่ราคาที่ดินและค่าเช่าบ้านอันแสนแพงนี้จึงมีตั้งแต่บริษัท「MITSUBISHI」และบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นทั้งนั้นเลยค่ะ ผู้คนที่ทำงานอยู่ที่นี่จะถูกเรียกว่า「Marunouchi Elite(มารุโนอุจิเอลีท – ชนชั้นสูงมารุโนะอุจิ)」ที่ทำการซัพพอร์ทเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ค่ะ

ตื่นตาตื่นใจไปกับบรรยากาศของต้นไม้ริมถนนมากกว่า 200 ต้นที่ถูกประดับประดาไปด้วยหลอดไฟ LED กว่า 9 แสน 3 หมื่นดวง

บรรยากาศอันงามสง่ามีรสนิยมของร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ที่เรียงรายตามสองฝั่งถนน กับบรรยากาศของถนนที่ถูกปูด้วยอิฐซึ่งเป็นเรื่องแปลกในเอเชียนั้นราวกับถนนช็องเซลีเซในปารีสเลยล่ะค่ะ

ในประเทศญี่ปุ่น โตเกียวเป็นที่ที่ไม่ค่อยมีหิมะสักเท่าไหร่

การได้ชมหิมะที่หลงเหลืออยู่สองข้างทางร่วมกับการประดับไฟนี้มีโอกาสเพียง 1 หรือ 2 ครั้งต่อปีเท่านั้นเองค่ะ

ICHIGO-CHAN ที่สะสมดวงเอาไว้แบบนี้โชคดีสุด ๆ

เมื่อเดินไปตามถนนที่มีความยาวประมาณ 1.2km ไปอีกสักนิดก็ได้พบกับศูนย์แฟชั่นที่เรียกว่า『MARUNOUCHI BRICK SQUARE』

『MARUNOUCHI BRICK SQUARE』ที่เมื่อมองจากทางเข้าก็ให้บรรยากาศอันแสนหนักแน่นและสงบนิ่ง

หลัก ๆ เป็นร้านค้าที่ส่องแสงระยิบระยับให้ความรู้สึกไฮคลาสดูมีรสนิยมมากกว่าจะกล่าวว่าเป็นร้านค้าปลีกลูกโซ่ใหญ่ ๆ

แม้กระนั้นก็มีร้านราเม็งที่คนไทยชื่นชอบอย่าง『IPPUDO』ด้วยเช่นกัน

ICHIGO-CHAN ก็รู้สึกว่าถูกดึงดูดไปด้วย แต่เมื่อกี้เพิ่งจะทานราเม็งมา ดังนั้นแม้จะน่าเสียดายแต่ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้….

โดยปกติแล้วสถานที่แบบนี้ในญี่ปุ่นมักจะปิดทำการในเวลา 21 นาฬิกา หรืออย่างช้าสุดก็ 22 นาฬิกา แต่เพราะคำนึงถึงชนชั้นสูงที่ทำงานอยู่ที่มารุโนะอุจิหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ วันธรรมดาและวันเสาร์จึงเปิดทำการถึง 23 นาฬิกา เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคนนอนดึกอย่างคนไทยเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ

『MARUNOUCHI BRICK SQUARE』มีสวนอันแสนวิเศษอยู่ระหว่างอาคารซึ่งสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ค่ะ เป็นจุดถ่ายรูปอันยอดเยี่ยมที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำรายการทีวี ฯลฯ ลองมาถ่ายรูปด้วยความรู้สึกเหมือนเราเป็นดาราญี่ปุ่นกันเถอะ

เมื่อเราเดินต่อไปทางทิศใต้จากฝั่งที่อยู่ใกล้สถานีโตเกียว บรรยากาศแบบหนักแน่นและสงบนิ่งก็เริ่มกลายเป็นบรรยากาศสบาย ๆ ขึ้นเล็กน้อย

ในบางครั้งที่ถนนก็ไม่ได้มีเพียงแค่ต้นไม้ข้างทางเท่านั้น ยังมีไฟตกแต่งที่ดีไซน์อย่างเก๋ไก๋ราวกับงานโมเสกปรากฏให้ได้ชมอีกด้วยค่ะ ดูแล้วรู้สึกสนุกทางสายตาไปด้วยเลย

การประดับตกแต่งไฟอันสวยงามที่มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ แต่ท้องของ ICHIGO-CHAN ก็เริ่มว่างเสียแล้วล่ะค่ะ

ดูเหมือนว่าจะมีคาเฟ่เรสเตอร์รองอร่อย ๆ ในสถานที่ที่เรียกว่า KITTE ซึ่งตั้งอยู่ข้าง ๆ สถานีโตเกียวด้วย เลยคิดว่าจะลองไปดูสักนิดค่ะ

ในครั้งนี้อาจจะไม่ได้ลองไปชมงานอิเวนต์ประดับตกแต่งไฟที่เรียกว่า「TOKYO MICHITERASU」ซึ่งจัดในช่วงคริสมาสต์ถึงสิ้นปี โดยเป็นการประดับตกแต่งต้นคริสมาสต์ขนาดยักษ์ที่「มารุบิล」ที่เราได้แนะนำไปเมื่อสักครู่นี้ในช่วงคริสมาสต์จนคับคั่งไปด้วยผู้คนมากมาย (ในรูปเป็นของเมื่อปีที่ผ่านมาค่ะ)

เมื่อเดินออกจากสถานีโตเกียวมา 30 วินาที ก็จะพบกับสถานที่ที่เรียกว่า KITTE ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสถานีเลยค่ะ

เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงแห่งใหม่ของโตเกียว ถูกสร้างขึ้นจากการปรับปรุงอาคารที่ทำการไปรษณีย์เก่า

ชื่อ KITTE ก็ถูกตั้งโดยมีความเกี่ยวเนื่องมาจาก「Kitte คิทเทะ – แสตมป์」ไปรษณีย์

เต็มไปด้วยร้านแบรนด์แฟชั่นอันเก๋ไก๋และร้านอาหารที่มีคนต่อแถวรอตั้งเรียงรายอยู่มากมาย

รูปถ่ายสถานีโตเกียวที่ถ่ายจากทางเข้า『KITTE』ช่างโรแมนติกเสียจริงเลยค่ะ

อาคารเรโทรที่สร้างจากอิฐกับตึกทาวเวอร์ช่างเข้ากันได้ดีมาก ๆ

เมื่อเดินเข้าไปข้างในจากทางเข้าอันแสนเก๋ไก๋มีสไตล์….

ก็ได้พบกับหนึ่งร้านค้าคล้าย「Onitsuka Tiger」ที่ถ้าคนไทยมาญี่ปุ่นแล้วจะต้องไปคือ「BAOBAO ISSEY MIYAKE」และ「Onitsuka Tiger」ก็มี!! เป็นสถานที่ที่ช็อปปิ้งได้อย่างสะดวกสบายมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ที่ ICHIGO-CHAN อยากจะพูดดัง ๆ ก็คือโตเกียวไม่ได้มีแค่「อาซากุสะ」หรือ「ชินจูกุ」เท่านั้น แต่ยังมีเมืองที่มีเสน่ห์อีกมากมายทั้งโอไดบะ โตเกียว กินซ่า ฯลฯ ด้วย

ดังนั้นอย่าลืมเช็ค ICHIGO-JAPAN แล้วลองเดินเที่ยวเล่นในเมืองเหล่านี้ที่ไม่ค่อยมีข้อมูลเป็นภาษาไทยกันดูนะคะ

ที่ชั้น 5F มีร้านค้าที่มีชื่อเสียงจากแต่ละท้องที่ทั่วประเทศมาออกร้านกันเต็มไปหมด『KITTE FOODS INFORMATION』จะเข้าร้านไหนดีนะ….

ร้านซูชิจานเวียนที่มีชื่อเสียง「NEMURO-HANAMARU」

เป็นร้านซูชิจานเวียนที่มีชื่อเสียงซึ่งสาขาใหญ่อยู่ที่ฮอกไกโด

ทั้ง ๆ ที่เลย 2 ทุ่มไปแล้วแต่ก็ยังมีคนเข้าแถวยาวเป็นงูเลย ช่วงที่คนเยอะมาก ๆ เห็นว่าอาจจะต้องต่อแถวรอประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเลยล่ะค่ะ

ไว้คราวหน้าจะหาเวลามาลองไปดูสักครั้งนะคะ

ICHIGO-CHAN หลังคิดแล้วคิดอีกจนในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกทานพาเฟต์อันมิสึ (ถั่วแดงกวนใส่ผลไม้กับน้ำเชื่อม) ที่『CAFÉ-KAI』ซึ่งอยู่ที่ชั้น 1F

ด้วยขนาดอันกระทัดรัด ทั้งพาเฟต์ที่ใช้ UJI-MACCHA ที่คนไทยชื่นชอบ (830 เยน) หรือครีมอันมิสึ (730 เยน) ก็ล้วนดูน่าอร่อยทั้งนั้นเลย

นอกจากนี้ยังมีวาราบิโมจิ (420 เยน) โอฮากิ*&ดังโกะ (420 เยน) ฯลฯ ซึ่งเป็นของหวานที่สมกับเป็นญี่ปุ่นแท้ ๆ ด้วยค่ะ

*ก้อนข้าวเคลือบด้วยถั่วแดงหวาน แป้งถั่วเหลืองหรืองา

ที่ ICHIGO-CHAN ออเดอร์ไปคือ「ชิราทามะวาราบิอันมิสึ」(780 เยน)

ถือเป็นอาหารเย็นที่กำลังพอดีสำหรับ ICHIGO-CHAN ที่เพิ่งจะทานราเม็งไปถึงสองชามในช่วงบ่ายค่ะ

ICHIGO-CHAN ที่วันนี้หนึ่งวันเดินมาหลายชั่วโมง

ถั่วแดงกวนอันหวานละมุนของญี่ปุ่นจะช่วยคลายความเหนื่อยล้าให้

และสิ่งที่ช่วยคลายความเหนื่อยของ ICHIGO-CHAN ได้มากกว่าถั่วแดงกวนแสนหวานก็คือ….

การรต้อนรับขับสู้ของคุณเจ้าของร้านที่มาถ่ายรูปคู่กับ ICHIGO-CHAN แม้จะเขินอาย

และที่พอใจมากก็เป็นเรื่องของราคาด้วยเช่นกันค่ะ

ได้ทานชิราทามะอันมิสึอันแสนอร่อยกลางเมืองโตเกียวในราคา 780 เยน (≒230 บาท)

สามารถทานอันมีสึในคุณภาพของต้นตำรับด้วยราคาที่ไม่ค่อยต่างจากการทานที่กรุงเทพได้ช่างวิเศษสุด ๆ!

เอาล่ะค่ะ เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึง 21 นาฬิกาแล้ว ได้เวลากลับโรงแรมกันแล้วล่ะ

จาก KITTE เราจะเข้าช่องตรวจตั๋วจากประตูมารุโนะอุจิด้านทิศใต้ของสถานีโตเกียวเหมือนตอนมา เพื่อไปยังสถานีคันดะด้วยสายยามาโนเตะ จากนั้นก็เดินเท้าจนกลับถึงโรงแรมค่ะ

จากสถานีโตเกียวไปยังสถานีคันดะก็เพียงแค่ 1 สถานี 2 นาที

เมื่อลงรถไฟที่สถานีคันดะก็เดินไปทางด้านหลังขบวนรถเพื่อออกทางประตูด้านทิศใต้ จากนั้นเลี้ยวขวาและเดินตรงไป

เมือถึงสี่แยกใหญ่ (มีร้านอิซากายะขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าเอียงไปทางขวา) ก็เลี้ยวซ้ายกัน

เดินหน้าต่อไปราว 5 นาทีก็จะเป็น「COMFORT HOTEL HIGASHIKANDA」ค่ะ

เริ่มตั้งแต่โตเกียวทาวเวอร์ในตอนเช้า วันพีซทาวเวอร์ ล่องเรือ AQUACITY ODAIBA และการประดับตกแต่งไฟมารุโนะอุจิ ICHIGO-CHAN อิ่มเอมใจเป็นอย่างมากกับหนึ่งวันที่ได้เที่ยวโตเกียวจนเต็มอิ่ม

วันพรุ่งนี้ก็จะต้องกลับประเทศแล้ว แต่ก่อนกลับเราจะพาตระเวนไปทั่วดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของโอตาคุ「อากิฮาบาระ」กันค่ะ

Sponsored by Tokyo Marunouchi 

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶