Day3-3 เดินทางไปยัง “อุจิ” ในเกียวโต เพื่อเที่ยวชม “เบียวโดอิน โฮโอโด” ที่ปรากฏอยู่บนเหรียญญี่ปุ่น

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day3-3 เดินทางไปยัง “อุจิ” ในเกียวโต เพื่อเที่ยวชม “เบียวโดอิน โฮโอโด” ที่ปรากฏอยู่บนเหรียญญี่ปุ่น

OSAKA-KYOTO-KURAMA-UJI-OSAKA

เดินทางด้วยรถไฟท่องเที่ยว “รถไฟเอซัง” จากสถานีปลายทางของเส้นทางรถไฟเคฮังที่ “สถานีเดมาจิยานางิ” มาเป็นเวลา 30 นาที เพื่อท่องเที่ยวภายใน “ภูเขาคุรามะ” ตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองเกียวโต ที่สามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ได้ตลอดทั้งปี สัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากในตัวเมืองเกียวโต ซึ่ง ICHIGO-CHAN ก็ได้เที่ยวชม “วัดคุรามะ” และ “ศาลเจ้าคิฟุเนะ” ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์กันไปแล้ว

Day3-2 เที่ยวชม “วัดคุรามะ” และ “ศาลเจ้าคิฟุเนะ” ภายในภูเขาคุรามะของเกียวโต

สถานที่ต่อไปของวันนี้ก็คือ “อุจิ” ที่เป็นแหล่งผลิต “ชาอุจิ”「UJICHA(宇治茶)」โดย “อุจิ” ที่ตั้งอยู่บริเวณทางใต้ของเกียวโตนี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหนึ่งในมรกดกโลก「BYODOIN-HOUOUDO(平等院鳳凰堂)」หรือ “วัดเบียวโดอิน”

การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วย「KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS」ในตอนที่ 13 นี้ ICHIGO-CHAN จะพาเพื่อนๆ ไปท่องเที่ยวสถานที่ไฮไลท์ของ “อุจิ” ที่ “วัดเบียวโดอิน โฮโอโด”「BYODOIN-HOUOUDO(平等院鳳凰堂)」กันค่ะ

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เที่ยวชม “ศาลเจ้าคิฟุเนะ” ชื่อดัง และได้เซียมซีลอยน้ำที่นี่ ใน “ภูเขาคุรามะ” เป็นเซียมซีที่ในตอนแรกจะเป็นเพียงกระดาษที่มีช่องว่างเปล่า แต่เมื่อนำไปลอยน้ำที่บ่อน้ำ “จินซุย”「JINSUI(神水)」แล้วตัวหนังสือบนแผ่นเซียมซีก็จะปรากฏขึ้นมานั่นเอง

และสถานที่ต่อไปในวันนี้ก็คือ “อุจิ” โดยการเดินทางจาก “ศาลเจ้าคิฟุเนะ” ไปยัง “อุจิ” นั้น มีวิธีการดังนี้

1. นั่งรถบัสจาก “ป้ายบัสคิฟุเนะ” เพื่อเดินทางไปยัง “สถานีคิบุเนะกูจิ”

2. จากนั้นนั่งรถไฟ “เอซัง” จากสถานีคิบุเนะกูจิไปประมาณ 30 นาที เพื่อเดินทางไปยัง “สถานีเดมาจิยานางิ”

3.ต่อด้วยรถไฟด่วนพิเศษเคฮัง เดินทางไปยัง “สถานีจูโชะจิมะ (Chūshojima Station)” ใช้เวลาในการเดินทาง 17 นาที

4.และนั่งรถไฟเคฮังสายอุจิ (Uji Line) ไปประมาณ 15 นาที เพื่อเดินทางไปยังสถานีปลายทางที่ “สถานีอุจิ”

ถ้าเขียนวิธีการเดินทางแบบนี้แล้ว หลายคนคงยังงงๆ อยู่ใช่ไหมคะ แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะว่าการเดินทางแต่ละชนิดจะมีรอบวิ่งอยู่ตลอด อีกทั้งยังสามารถต่อรถไฟแต่ชนิดได้อย่างง่ายได้ ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดก็ประมาณ ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นค่ะ

ก่อนอื่นก็เดินออกจากศาลเจ้าคิฟุเนะไปทางขวามือ จากนั้นก็เดินไปตามทางเดินเรียบแม่น้ำ ร้านกาแฟ และร้านจำหน่ายของฝากไปประมาณ 5 นาที เพื่อมุ่งหน้าไปป้ายรถบัสคิฟุเนะกันเลย เราจะเดินทางจากป้ายบัสคิฟุเนะ ไปสถานีคิบุเนะกูจิด้วยรถบัสเหมือนตอนขามา

โดยรถบัสนี้จะวิ่งทุกๆ 20 นาที ในวันธรรมดา และวิ่งทุกๆ 15 นาทีในวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางเพียง 5 นาทีเท่านั้น (ค่าเดินทาง 160 เยน) ก็เดินไปทางไปถึงสถานีคิบุเนะกูจิของรถไฟเอซังเลย

ซึ่งที่สถานีคิบุเนะกูจินี้ในช่วงกลางวันจะมีเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วอยู่ สามารถซื้อตั๋วรถไฟได้ที่เจ้าหน้าที่ (420 เยน) จากนั้นก็ผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วไป เพื่อนั่งรถไฟไปที่ “เดมาจิยานางิ” กันเลย โดยรถไฟที่มุ่งหน้าจากสถานีคิบุเนะกูจิ ไปสถานีเดมาจิยานางิ ก็จะวิ่งพอกับๆ รถบัสคือ วันธรรมดาชั่วโมงละ 3 เที่ยว ส่วนวันเสาร์อาทิตย์จะวิ่งชั่วโมงละ 4 เที่ยว ใช้เวลาในการเดินทาง 29 นาที

เมื่อถึงสถานีเดมาจิยานางิแล้ว ก็ออกผ่านออกจากช่องตรวจตั๋วและเดินไปทางขวามือ จากนั้นก็เดินลงบันไดเลื่อนและเดินไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะเจอช่องตรวจตั๋วอัตโนมัติของรถไฟเคฮังอยู่ทางขวามือ ผ่านช่องตรวจตั๋วไปก็เดินไปทางขวามือ จะเจอบันไดลงไปที่ชานชาลารถไฟเคฮังเลย

เพื่อนๆ สามารถเดินทางไปยัง “สถานีจูโชะจิมะ (Chūshojima Station)” ได้ด้วยรถไฟด่วนพิเศษหรือรถไฟธรรมดา แต่การเดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษที่ออกจากชานชาลาหมายเลข 2 จะสะดวกและถึงเร็วกว่าค่ะ ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางจากสถานีเดมาจิยานางิ ไป สถานีจูโชะจิมะ  17 นาที

นั่งรถไฟเคฮังไปประมาณ 17 นาที เมื่อถึงสถานีที่ 5 ที่สถานีจูโชะจิมะ แล้ว ก็เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาหมายเลข 3 ของรถไฟสายอุจิกันเลย เมื่อถึงตรงนี้แล้ว การเดินทางไปยัง “อุจิ” ก็ไม่ไกลแล้วค่ะ เราจะใช้เวลาในการเดินทาง 15 นาทีเพื่อไปลงสถานีปลายทางที่ “สถานีอุจิ” กันค่ะ

ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใน “อุจิ” ไม่ว่าจะเป็น “วัดเบียวโดอิน โฮโอโด”「BYODOIN-HOUOUDO(平等院鳳凰堂)」หรือ ย่านร้านค้าอุจิบาชิโดริโชเท็นไก「UJIBASHIDORISHOUTENGAI(宇治橋通商店街)」และ สะพาน “อุจิบาชิ” จะอยู่ห่างจาก “สถานีอุจิ” ในระยะทางที่สามารถเดินไปได้

เมื่อลงรถไฟแล้วก็เดินไปตามทางเดินไปเรื่อยๆ และผ่านออกจากช่องตรวจตั๋วไป จากนั้นก็ลงบันไดไป และเดินไปทางซ้ายมือเพื่อไปทางออกกันเลย เมื่อเดินออกจากสถานีแล้วก็เดินไปทางขวามือ เดินไปเรียบลานกว้างหน้าสถานีไปก็จะเจอสะพาน “อุจิบาชิ” ที่เป็นแลนด์มาร์กของอุจิอยู่ทางขวามือเลย

สะพานอุจิ ที่พาดผ่านแม่น้ำอุจินี้มีความยาว 155 เมตร โดยสะพานรุ่นแรกถูกสร้างขึ้นเมื่อ 1350 กว่าปีก่อนในปีพ.ศ.1193 ถึงแม้ว่าสะพานปัจจุบันเป็นสะพานที่สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2539 ลูกกรงสร้างด้วยไม้ และส่วนสะพานทำจากหิน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามสะพานที่เก่าแก่ของญี่ปุ่น ที่มีผู้คนมารวมตัวเพื่อถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก

ทั้งสายน้ำที่ไหลอยู่ด้านล่าง และภูเขาสามลูกที่อยู่ด้านหลัง กับสะพานอุจิเป็นภาพที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง และที่บริเวณสะพานในแต่ละจุดจะมีช่องพักที่สะพานที่เรียกว่า「SANNOMA(三の間)」แบบในรูปภาพล่างซ้ายมือ เหมือนระเบียงชมวิว ซึ่งเดิมทีจะมีศาลเจ้าของเทพเจ้า “ฮาชิฮิเมะ” อยู่ แต่ตอนนี้ก็เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมารวมตัวถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก

เมื่อเดินข้ามสะพานมาแล้ว ก็ไปทางซ้ายมือ เพื่อเดินไปทางโทริอิขนาดใหญ่เลย เมื่อไปถึงก็จะเป็นทางสามแยก ให้เดินไปทางซ้ายมืออีกทางที่ไม่ใช่ทางโทริอิ

ซึ่งทางเดินหน้าวัดที่อยู่ระหว่างสะพานอุจิ และวัดเบียวโดอินจะเป็นบริเวณที่มีร้านค้าต่างๆ เรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง ทั้งร้านจำหน่ายของฝาก หรือร้านอาหาร และร้านชาที่สามารภเพลิดเพลินกับ “ชาอุจิ” อยู่หลายร้านเลยค่ะ

และตอนนี้ก็ใกล้เวลา 14:00 น. แล้ว เมื่อเข้ามาในทางเดินเส้นนี้แล้วก็จะเจอร้านราเม็งอยู่ทางขวามือทันที เราจะทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน「TANAKA-KYU SHOTEN (田中九商店)」กันค่ะ ซึ่งที่ร้านจะมีทั้งของหวาน และอาหารที่ทำจาก “ชาอุจิ” อยู่หลากหลายทั้ง “มัทฉะโซบะ” หรือ “ซอฟท์ครีมมัทฉะ” และที่หาทานได้เฉพาะที่บริเวณนี้ก็คือ “มัทฉะราเม็ง”

โดยเพื่อนๆ สามารถทานเมนูแปลกๆ อย่าง “มัทฉะราเม็ง” ได้ที่ร้าน TANAKA-KYU SHOTEN แห่งนี้

ภายในร้านจะมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์อยู่ 9 ที่นั่ง และที่นั่งแบบโต๊ะ 2 คนอยู่ทั้งหมด 5 อัน รวมที่นั่งทั้งหมดเป็น 19 ที่นั่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีแขกมาทานที่ร้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่นั่งแบบโต๊ะสามารถนั่งแบบกลุ่มได้ถึง 10 คน เพราะฉะนั้นถ้ากลุ่มไม่ใหญ่มากก็สามารถมาทานที่ร้านได้เลย

เมนูราเม็งที่ร้านจะเป็นเมนูที่ทำจาก “อุจิมัทฉะ” ทั้งหมด  กับเมนูราเม็งเกลือชิโอราเม็ง「UJI MATCHA NOODLE SALT SOUP RAMEN(宇治抹茶スタミナ塩ラーメン)」(1310 เยน)หรือ โชยุราเม็ง「UJI MATCHA NOODLE WITH SEAFOOD FLAVORED SOY SAUCE RAMEN(宇治抹茶黄金醤油ラーメン)」(1040 เยน)ที่มาพร้อมกับกิมจิ และแผ่นเนื้อหมูชาบู

ซึ่งเราได้สั่งเมนูราเม็งรสเกลือ ชิโอะราเม็ง「UJI MATCHA NOODLE SALT SOUP RAMEN(宇治抹茶スタミナ塩ラーメン)」(1020 เยน)น้ำซุปเป็นซุปที่ดึงรสชาติความหอมของปลาออกมา ประกอบไปด้วยไข่ แผ่นหมูชาบู แครอท งา หน่อไม้ดอง และต้นหอม และที่พิเศษสุดๆ ไปเลยก็คือ เส้นสูตรพิเศษ ที่มีส่วนผสมของ “มัทฉะ” เมื่อทานเส้นเข้าไปก็จะมีกลิ่นหอมๆ ของชา ที่เข้ากับซุปเป็นอย่างยิ่ง ถึงเป็นรสชาติความอร่อยที่สามารถเพลิดเพลินได้เฉพาะที่นี่เลยทีเดียว

หลังจากที่ทานราเม็งมัทฉะที่หอมอร่อยไปแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของอุจิที่ “วัดเบียวโดอิน โฮโอโด”「BYODOIN-HOUOUDO(平等院鳳凰堂)」ซึ่งสามารถเดินไปอีกเพียง 3 นาทีเท่านั้น โดยเดินออกจากร้านไปทางขวามือ จากนั้นก็จะเจอสามแยก ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ จนเจอประตูวัดเบียวโดอิน โฮโอโดเลย

ที่บริเวณด้านขวามือของประตูวัดนี้จะมีจุดจำหน่ายตั๋วเข้าชมอยู่ จะต้องซื้อตั๋วที่นี่ก่อนเข้าไปข้างในกันค่ะ

ค่าเข้าชมจะอยู่ที่ 600 เยน ชำระได้เฉพาะเงินสดเท่านั้นค่ะ

ในช่วงที่ ICHIGO-CHAN ไปเป็นช่วงปลายเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นโมมิจิ หรือต้นเมเปิ้ลร่วงโรยไปแล้วในพื้นที่ต่างๆ แต่ที่วัดแห่งนี้ยังคงมีต้นเมเปิ้ลที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงส้ม เหลืองสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้เชยชมอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งโดยปกติแล้วช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดเบียวโดอินจะอยู่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงช่วงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งในช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่มีการประดับไฟยามค่ำคืนใบไม้เปลี่ยนสี มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสียามค่ำคืนกันเป็นจำนวนมาก

เมื่อเดินเข้ามาแล้ว ก็จะเจอทางเดินต้นสนสวยงาม และที่อยู่ตรงหน้าก็คือ บ่ออาจิ AJIIKE และที่อยู่ตรงกลางบ่อน้ำแห่งนี้ก็คือ “เบียวโดอิน โฮโอโด”「BYODOIN-HOUOUDO(平等院鳳凰堂)」ซึ่งมุมที่สามารถชมอาคาร “โฮโอโด” ที่อยู่ตรงหน้าได้งดงามที่สุดก็คือมุมจากริมบ่อน้ำอาจินั่นเอง

โดย “เบียวโดอิน โฮโอโด”「BYODOIN-HOUOUDO(平等院鳳凰堂)」แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ.1595 ซึ่งอีกเพียง 30 ปี ก็จะมีอายุ 1000 ปี แต่ก็ยังความงดงาม เป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาพุทธของญี่ปุ่นที่ไม่ว่าใครๆ ก็รู็จัก โดยในส่วนด้านในนี้สามารถเข้าชมได้ครั้งละจำนวนจำกัด ช่วงตั้งแต่เวลา 9:00-16:10 น. สามารถเข้าชมได้ครั้งละ 50 คนในทุกๆ 20 นาที เพื่อเข้าชมความสวยงามด้านใน (ค่ารักษา 300 เยน)หากไปในช่วงคนเยอะพอดีก็อาจต้องรอนาน และอาจไม่ทันเข้าชมภายในเวลา เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้ไปตั้งแต่เช้าเลยนะคะ

“เบียวโดอิน โฮโอโด”「BYODOIN-HOUOUDO(平等院鳳凰堂)」ที่งดงามแห่งนี้ หลายๆ คนคงอาจจะรู้สึกคุ้นๆ อยู่บ้างสำหรับเพื่อนๆ ที่เคยเห็นเหรียญ “10 เยน” ของญี่ปุ่น ซึ่งที่นี่ก็คือวัดที่ปรากฏอยู่บนเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่นนั่นเอง นอกจากนี้บนหลังคาวัดยังมีนก “โฮโอ” สีทองประดับอยู่ ซึ่งนกนี้ก็คือนกที่ปรากฏอยู่บนธนบัตร 1 หมื่นเยนของญี่ปุ่นอีกด้วย เรียกได้ว่าหากได้มาที่นี่เพียงที่เดียวก็สามารถเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่บนเหรียญ และธนบัตร ที่อยู่ในประเป๋าสตางค์ของคนญี่ปุ่นได้พร้อมๆ กันเลย

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เที่ยวชม “เบียวโดอิน โฮโอโด” ไปเต็มที่แล้ว ที่ “อุจิ” นี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ อยู่อีกมากมาย

ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปสัมผัส “อิจุมัทฉะ” ต้นตำหรับเฉพาะของที่นี่กันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪

【ตารางการเดินทาง Day3-3 TANAKA-KYU SHOTEN/BYODOIN-HOUOUDO】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “KYOTO-OSAKA SIGHTSEEING PASS”

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶