Day3-3 เดินทางมาถึงโอซาก้า เที่ยวกลางคืนโดะทงโบะริ

Day3-3 เดินทางมาถึงโอซาก้า เที่ยวกลางคืน

ICHIGO-CHAN ได้ดื่มด่ำแบบเต็มอิ่มกับเมืองคานาซาวะที่มีหิมะแล้วค่ะ

Trip3-2 เที่ยวสวนสไตล์ญี่ปุน ลวน『KENROKUEN』 และหมู่บ้านเก่าแก่ 『HIGASHI-CHAYAGAI』

ตอนนี้กำหนดการของทริปก็เหลืออีกเพียง 1 วันแล้วค่ะ สำหรับครั้งนี้เราจะขอเพลิดเพลินไปกับระยะเวลาที่เหลืออีกไม่มากแล้ว หลังจากที่เราเดินทางไปที่โอซาก้า เราก็จะไปท่องราตรีเพื่อสัมผัสประสบการณ์ชีวิตยามค่ำคืนกันค่ะ

ถ้าลองไปค้นหาข้อมูลบนเว็บ เราก็จะพบกับ Pass สุดคุ้มที่มีชื่อว่า「Osaka NightClub Pass」ค่ะ ไม่รอช้า เราก็จะลองไปทดลองใช้กันดูเลยนะคะ

ICHIGO-CHAN ได้ขึ้นรถด่วนพิเศษ THUNDERBIRD จากเมืองคานาซาวะค่ะ

ไม่รู้ว่าเพราะรู้สึกเหนื่อยจากการเดินในเมืองหิมะที่ไม่คุ้นเคยรึป่าว พอได้ขึ้นไปบนรถที่มีฮีตเตอร์ซึ่งเปิดอุณหภูมิอุ่นกำลังดี ก็เผลอหลับสนิทไปเลยค่ะ

ที่จริงแล้วใช้เวลานั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งนะคะ แต่ว่าความรู้สึกราวกับว่าผ่านไปแค่ 30 นาทีเองค่ะ ในเมื่อพักจนหายเหนื่อยแล้ว เราก็จะไปเที่ยวกันต่อเลยนะคะ

ICHIGO-CHAN ได้ไปทานมื้อเที่ยงสุดหรูมาเมื่อตอนกลางวันค่ะ

จะบอกว่าคืนนี้ไม่ได้คิดจะไปสถานที่หรูหราก็คงจะไม่ได้นะคะ…. ก็เพราะว่าคืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายที่จะนอนที่ญี่ปุ่นแล้วค่ะ

เพราะไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็คิดว่าคืนนี้จะออกไปท่องราตรีกันให้เต็มที่เลยค่ะ

ถ้าทานเยอะเกินไปก็จะขยับท่าทางไม่สะดวก เลยจะขอมาทานราเมนแบบเบา ๆ แทนนะคะ

หลังจากลองค้นหาในเว็บดูแล้ว ร้านราเมนยอดนิยมเหมือนว่าจะอยู่ที่「EKI-MARCHE」ภายในสถานีโอซาก้าค่ะ งั้นเราก็ไปลองกันเลย

ออกจากประตูกลางของสถานีโอซาก้าแล้วก็เลี้ยวขวาค่ะ

ทางขวามือ เราก็จะมองเห็นโลโก้ของ「EKI MARCHE」อยู่บนป้ายค่ะ งั้นก็ตรงไปทางนั้นกันเลย

พอเข้าไปด้านในก็พบว่ามีทั้งร้านเครื่องเคียงของอาหารไทยและร้านอาหารจีน แล้วก็มีร้านซุชิหมุนที่ชื่อว่า「GANKO」ด้วยค่ะ จากนั้นให้เดินไปตามทางเดินข้างร้าน「GANKO」เราก็จะไปโผล่ที่ด้านนอกอีกครั้ง พอเลี้ยวซ้ายก็จะมองเห็นป้ายของร้าน「IKKOSHA」แล้วค่ะ

『IKKOSHA』ร้านราเมนฮากาตะซุปกระดูกหมูชื่อดังค่ะ

อาจไม่เป็นที่รู้จักเท่ากับร้าน ICHIRAN และ IPPUDO นะคะ แต่ก็นับว่าเป็นร้านราเมนฮากาตะยอดนิยมในสายราเมนเลยค่ะ

ก่อนหน้านี้มีสาขาอยู่แค่ที่เมืองฮากาตะ (ฟุกุโอกะ) เท่านั้น แต่ก็เพิ่งจะเปิดสาขาโอซาก้าหมายเลข 1 ไปเมื่อ 2 ปีก่อนนี่เองค่ะ

「AJITAMA RAMEN」(850 เยน) ที่มี「AJITAMA」ซึ่งเป็นไข่ปรุงรสเข้มข้น คือเมนูเด็ดของร้านนี้ค่ะ

นอกจากนี้ก็มีเมนูราเมนต่าง ๆ เช่น「RAMEN」(750 เยน) ที่ไม่ได้ใส่「AJITAMA」แล้วก็「AJITAMA NEGI RAMEN」(950 เยน) ที่ใส่ต้นหอมมาแบบไม่อั้นด้วยค่ะ ส่วนอย่างอื่นที่ไม่ใช่เมนูราเมนก็มี「HAKATA HITOKUCHI GYOZA」(5 ชิ้น 250 เยน) ของขึ้นชื่อของเมืองฮากาตะ และข้าวหน้าไข่ปลาค็อดรสเผ็ด (300 เยน) ค่ะ

ที่ร้านจะจัดเป็นที่นั่งแบบเคาน์เตอร์เอาไว้ เพราะงั้นถึงจะไปคนเดียวหรือว่าไปเป็นกลุ่มก็ไม่มีปัญหาค่ะ

ICHIGO-CHAN ขอสั่ง「AJITAMA RAMEN」ละกันนะคะ

หนึ่งในจุดเด่นของราเมนฮากาตะก็คือเส้นราเมนที่เป็นเส้นบาง ๆ และเหนียวนุ่มค่ะ ถ้าเส้นเริ่มอืดก็ไม่ค่อยจะเข้ากับน้ำซุปแล้ว ทำให้มีจุดเด่นอีกอย่างคือจะไม่มีการสั่งแบบ「OMORI (เยอะเป็นพิเศษ)」แต่จะสั่งเติมเส้นราเมน (KAEDAMA) แทนค่ะ

การเติมผักทากานะแบบเผ็ดร้อนได้ไม่อั้นก็ถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างของราเมนฮากาตะค่ะ ถึงแม้ว่าแต่ละร้านจะมีรสชาติและความเผ็ดร้อนที่แตกต่างกัน แต่สิ่งนี้ของร้าน IKKOSHA นั้นมีรสชาติที่เผ็ดจัดจ้านซึ่งถูกปากคนไทยค่ะ

ทานหมดเกลี้ยงอย่างเอร็ดอร่อยค่ะ

ขอบคุณสำหรับมื้ออาหารด้วยนะคะ

เอาล่ะ งั้นถัดไปเราก็จะไปที่ NAMBA เพื่อดื่มด่ำไปกับการท่องราตรีที่โอซาก้ากันค่ะ

ตรงนี้จะขอนำเสนอ『Osaka NightClub Pass』กันสักนิดนะคะ

อาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติสักเท่าไร คือว่าที่โอซาก้าก็มีไนต์คลับอยู่มากมายเช่นเดียวกับที่กรุงเทพค่ะ โดยเฉพาะที่「MINAMI」ซึ่งเป็นย่านสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้านั้นมีคลับที่เปิดให้บริการอยู่หลายสิบแห่งเลยค่ะ

ในบรรดาคลับทั้งหลายเหล่านี้ ก็มีคลับ 10 สาขา ซึ่ง「ต้อนรับชาวต่างชาติ」และ「ปลอดภัย」ซึ่งเราสามารถเข้าร้านได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งเป็นเวลา 3 วัน ด้วย「Osaka NightClub Pass」นี้ได้ค่ะ

ด้วยพาสของผู้ชายราคา 3500 เยน และของผู้หญิงแค่ 1000 เยนเท่านั้น เราก็สามารถเข้าร้านซึ่งถ้าเราไปแบบปกติจะมีค่าเข้าสถานที่ 1000 เยน ถึงหลายพันเยน ได้โดยไม่เสียเงินค่ะ

ช่างเป็นพาสสุดคุ้มที่เราสามารถคืนทุนได้ในชั่วพริบตาจริง ๆ นะคะ

สำหรับครั้งนี้ เราก็คิดว่าจะลองไปเข้าร้าน『GIRAFFE』ซึ่งเป็นหนึ่งในคลับชื่อดังที่สุดของโอซาก้าที่เราสามารถใช้พาสนี้เข้าในร้านได้ค่ะ

แม้ว่าสถานที่จำหน่ายพาสนี้จะอยู่ที่『KANSAI TOURIST INFORMATION CENTER』เพียงแค่ 4 แห่งเท่านั้นคือ สนามบินคันไซตึกที่ 1, ตึกที่ 2, ห้างไดมารูที่ชินไซบาชิ และเกียวโต แต่เราก็สามารถซื้อผ่านทางเว็บไซต์ได้นะคะ ICHIGO-CHAN เองก็ไปซื้อผ่านทางเว็บไซต์เช่นกันค่ะ

สำหรับการไปที่ร้าน「GIRAFFE」ซึ่งอยู่ตรง DOTOMBORI เราจะไปด้วยรถไฟใต้ดินสาย MIDOSUJI ค่ะ

ออกจากร้าน「IKKOSHA」แล้วเดินไปทางซ้ายนิดเดียวก็จะเจอกับทางเดินของสถานีอยู่ทางซ้ายมือ ก็เข้าไปทางนั้นได้เลยค่ะ พอเดินไปประมาณ  200 เมตร ก็ลงบันไดเลื่อนไปที่อยู่ทางซ้ายมือเพื่อไปยังทางเดินใต้ดินนะคะ พอลงมาก็จะพบกับประตูตรวจตั๋วของรถไฟใต้ดินสาย MIDOSUJI เลยค่ะ

จากตรงนี้ เราก็ขึ้นรถไฟใต้ดินที่มุ่งหน้าไปยัง「NAMBA / TENNOJI」ค่ะ

พอไปถึงที่สถานี NAMBA เราก็ขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ด้านหลังและไปที่ช่องตรวจตั๋วค่ะ

พอเราออกจากช่องตรวจตั๋วแล้วก็เดินตรงไปเรื่อย ๆ จนถึงบันไดตรงสุดทางและขึ้นไปบนดินด้วยประตูทางออกหมายเลข 14 นะคะ

พอขึ้นมาบนดินแล้ว เราก็กลับหลังและเดินไปอีกนิดเดียวจะเจอย่าน DOTOMBORI ชื่อดังอยู่ทางขวามือ ก็เลี้ยวเข้าไปได้เลยค่ะ

จากสะพานตรง DOTOMBORI ก็รีบถ่ายรูป 1 ใบตามสัญญา จากนั้นเดินข้ามสะพานไปและลงบันไดที่ด้านข้างร้าน H&M ทางขวามือ เราก็มาถึงที่「GIRAFFE」แล้วค่ะ สรุปว่าใช้เวลาเดินจากสถานี「NAMBA」5 นาทีและจากป้าย GLICO (กูลิโกะ) ประมาณ 1 นาทีค่ะ

มาถึงที่『GIRAFFE』แล้วค่ะ

ที่ประตูทางเข้าจะมีการตรวจบัตรประชาชนเหมือนกับคลับทั้งหลายที่ RCA ของกรุงเทพเลยค่ะ ถ้าใครอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามเข้านะจ๊ะ ที่อยากจะให้ทุกคนระวังก็คือเรื่องการแต่งกายค่ะ ที่นี่ไม่อนุญาตให้ใส่เสื้อวอร์ม กางเกงวอร์ม แล้วก็รองเท้าแตะค่ะ สำหรับคนไทยที่นิยมใส่รองเท้าแตะเป็นประจำก็ต้องระวังตรงจุดนี้กันหน่อยนะคะ

สำหรับคนที่มีรอยสักก็ให้ปิดรอยสักไว้แล้วค่อยเข้าไปนะคะ

ส่วนผู้ที่ถือ「Osaka NightClub Pass」สามารถเข้าไปในร้านได้ฟรีค่ะ แต่จำเป็นต้องซื้อตั๋วเครื่องดื่ม (700 เยน) จำนวน 1 ใบนะคะ

จากประตูทางเข้าที่มีความตึงหน่อย ๆ เราก็เข้าไปในร้านกันค่ะ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสิ่งของสัมภาระขนาดใหญ่ เช่น กระเป๋าเดินทาง ก็ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะเราสามารถฝากไว้ได้ที่ห้องฝากกระเป๋าค่ะ (ค่าฝาก 500 เยน) พอเข้าประตูมาแล้วจะมีห้องเสริมสวยอยู่ด้วยค่ะ เราก็สามารถมาแต่งหน้าให้สวยเริดเพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะไปสนุกกันได้นะคะ

ทางเดินที่ดูเก๋ไก๋สุด ๆ ก็คือประตูทางเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่งค่ะ

ร้าน GIRAFFE มี 4 ชั้นค่ะ

เพราะว่าชั้น 3 เป็นห้อง VIP โดยปกติแล้วเราก็จะไปสนุกกันที่ชั้น 2 ไม่ก็ชั้น 4 ตามแบบที่เราชอบได้นะคะ

ก่อนอื่น มาที่ชั้น 2 กันค่ะ

ที่ชั้นนี้จะเล่นเพลงแนวปาร์ตี้ โดยจะเน้นไปที่แนว HIP-HOP และ R&B เป็นส่วนใหญ่ค่ะ

ICHIGO-CHAN อาจจะเข้ามาเร็วไปสักหน่อย ผู้คนก็เลยยังดูเบาบางค่ะ ได้ยินว่าพอถึงเวลาประมาณ 22:00 บรรยากาศก็จะครึกครื้นกันแบบสุด ๆ ไปเลยค่ะ

ที่ชั้น 2 ได้ยินว่าปกติแล้วจะมี DJ ของทางร้านเองมาเล่นเพลงให้ค่ะ

มาที่ชั้น 4 กันบ้างค่ะ

ก็ดูคุ้น ๆ กับของที่ไทยอยู่แฮะ!? นอกจากเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มแล้วก็มีพื้นที่สำหรับแดนซ์ด้วยนะคะ เป็นบรรยากาศที่คนไทยน่าจะชื่นชอบอยู่นะ ที่ชั้นนี้จะมีคนแน่นอยู่ตลอดค่ะ ไม่เกี่ยวว่าจะมาเร็วหรือมาช้านะคะ

ที่ชั้น 4 โดยปกติแล้วจะเป็น DJ จากข้างนอกมาเล่นเพลงในธีมต่าง ๆ กันไปในแต่ละวันของสัปดาห์ค่ะ ได้ยินว่าบรรยากาศของแต่ละวันในสัปดาห์ก็จะแตกต่างกันด้วยค่ะ

การได้ฟังเพลงที่ชื่นชอบไปพร้อมกับเต้นนิด ๆ แล้วก็ดื่มหน่อย ๆ ก็เป็นหนึ่งในเสน่ห์ของคลับนะคะ แต่การไปทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ ๆ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งในความสนุกของคลับเช่นกันค่ะ

ถ้าเป็นการท่องเที่ยวแบบธรรมดา เราก็ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ไปทำความรู้จักกับพวกวัยรุ่นชาวญี่ปุ่นเท่าไรนะ แต่ถ้าเป็นที่คลับซึ่งมีคนญี่ปุ่นสายเฮฮามารวมตัวกันแล้ว นี่ก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดีไม่น้อยเลยนะคะ

ICHIGO-CHAN เองก็หาเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นได้แล้วค่ะ♪

และแล้ว เวลาในคลับก็ผ่านไปเร็วเหมือนโกหกเลยค่ะ

จวนจะได้เวลากลับไปที่โรงแรมแล้วนะคะ

ที่พักในวันนี้คือ『HOTEL KEIHAN YODOYABASHI』

ถ้ามาจาก NAMBA เดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน 5 นาที ถ้ามาจาก UMEDA ด้วยรถไฟใต้ดินก็ 2 นาทีค่ะ เป็นโรงแรมใหม่ที่เพิ่งจะสร้างขึ้นมาตรง YODOYABASHI ซึ่งมีทำเลดีค่ะ

เราก็เดินกลับไปที่สถานี「NAMBA」ด้วยทางที่เราใช้เดินมาและขึ้นรถไฟใต้ดินที่มุ่งหน้าไป「UMEDA・SENRICHUO」และไปลงที่ YODOBASHI ซึ่งเป็นสถานีอันที่ 3 ค่ะ

ที่ YODOBASHI เราก็ออกที่ช่องตรวจตั๋วทางด้านหน้า แล้วเลี้ยวขวาและเดินตรงไปค่ะ พอออกจากประตูทางออกหมายเลข 20 ให้เลี้ยวขวาค่ะ จากนั้นก็เลี้ยวขวาที่หัวมุมถัดไปก็จะเห็นโรงแรมใหม่เอี่ยมนี้แล้วค่ะ

หน้าตาภายนอกดูใหม่เอี่ยมเพราะว่าเพิ่งจะสร้างขึ้นมาเมื่อปี 2017 เองค่ะ

อาจจะไม่ใช่โรงแรมที่ใหญ่โตขนาดนั้นนะคะ แต่ก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ดีค่ะ

ล็อบบี้ซึ่งมีบรรยากาศดูดีมีสไตล์ค่ะ

เราก็ไปที่โต๊ะต้อนรับและยื่นแสดงหนังสือเดินทางของเราค่ะ จากนั้นเราจะได้รับบัตร ID มาและทำการเช็คอินด้วยตัวเองที่เครื่องคำนวณอัตโนมัติด้านข้างโต๊ะต้อนรับได้เลยค่ะ ขั้นตอนวิธีต่าง ๆ ถือว่าง่ายมากค่ะ

① ใส่บัตร ID เข้าไปเหมือนกับในรูปค่ะ

② ราคาค่าใช้บริการจะแสดงขึ้นมา จะเลือกจ่ายเป็นเงินสดหรือจะใส่บัตรเครดิตเข้าไปที่ช่องตรงกลางก็ได้ค่ะ

③ (ถ้าหากตั้งค่า PIN เอาไว้แล้ว) ทำการรับรอง PIN ค่ะ

④ รับบัตร ID และการชำระเงินก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ

หน้าจอสามารถเปลี่ยนภาษาอังกฤษได้นะคะ

ICHIGO-CHAN ได้ทำการเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ

พนักงานหนุ่มหน้าตาดีก็เข้ามาเก็บภาพเป็นที่ระลึกด้วยกันค่ะ

พอได้เห็นรอยยิ้มของพนักงานแล้ว ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ

ที่ด้านข้างของโต๊ะต้อนรับ มีสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น มีดโกน ครีมอาบน้ำ จัดเตรียมเอาไว้ค่ะ เราสามารถรับสิ่งของเครื่องใช้เหล่านี้ได้เลย ของที่ใช้อยู่ก็เป็นสิ่งของคุณภาพสูงซึ่งผลิตโดย POLA ค่ะ

ที่ล็อบบี้ก็มีจัดเตรียมเครื่อง PC ที่เราสามารถใช้งานได้เอาไว้ด้วยค่ะ

ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้นำ PC ติดตัวมาเที่ยวด้วย เราก็สามารถเปิดหา ICHIGO-JAPAN ได้นะคะ

จากห้องโถงลิฟต์ลายไม้ที่ดูดีมีระดับ เราก็เดินไปยังห้องพักกันค่ะ

มาถึงห้องแบบทวินที่บนชั้น 10 แล้วค่ะ

เป็นห้องพักที่เก๋ไก๋และสะอาดมาก ๆ เลยนะคะ

สำหรับโรงแรมในเมืองใหญ่อย่างเช่นโตเกียวและโอซาก้า มีอยู่หลายแห่งที่ห้องพักอาจจะดูคับแคบถึงขนาดที่ว่าจะกางกระเป๋าเดินทางในห้องยังลำบากเลย แต่ถ้าเป็นที่นี่แล้วถือว่าสบายมากเลยค่ะ

จากหน้าต่างห้องพัก เราสามารถมองเห็นย่านธุรกิจของโอซาก้า, ตึกสูงบริเวณคิตะฮามะและนากาโนะชิมะได้ค่ะ

แม้แต่ในเวลานี้ เมืองโอซาก้าก็ยังมีไฟเปิดอยู่ตามอาคารต่าง ๆ และมีคนจำนวนมากกำลังทำงานอยู่ค่ะ ช่างเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลจริง ๆ นะคะ

แม้ว่าห้องจะดูกะทัดรัด แต่ก็เป็นห้องที่มีทุกอย่างครบครันนะคะ

อ่างอาบน้ำที่ลึกและดูสบายนี้ก็น่าจะช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้นะคะ

ตู้เย็นภายในห้องพักนี้ว่างเปล่าค่ะ แต่ว่าก็มีเครื่องขายของอัตโนมัติที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมนะคะ เราสามารถซื้อสินค้าเบา ๆ อย่างน้ำชา, น้ำอัดลม และกาแฟกระป๋องได้ ปกติแล้วราคาสินค้าของเครื่องขายของอัตโนมัติภายในโรงแรมมักจะแพงกว่าเครื่องที่ตั้งไว้ตามเมืองนะคะ แต่ว่าเครื่องขายของอัตโนมัติของโรงแรมนี้มีราคาเท่ากับเครื่องที่อยู่ตามเมืองค่ะ ซื้อได้อย่างสบายใจได้เลย

เอาล่ะ ใกล้จะถึงเวลาเริ่มวันใหม่แล้วค่ะ

Sponsored by HOTEL KEIHAN YODOYABASHI

งั้นขอตัวไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วไปพักก่อนนะคะ

เมื่อเช้านี้ก็ได้ไปเยี่ยมชมย่านที่พักอาศัยเก่าของนักรบที่คานาซาวะ ก็ทำให้รู้สึกว่าวันนี้ก็เป็นวันที่เข้มข้นอีก 1 วัน ซึ่งชวนให้นึกถึงช่วงเวลาในสมัยอดีตเลยค่ะ

ในครั้งหน้านะคะ เราจะทานอาหารเช้าของโรงแรม『HOTEL KEIHAN YODOYABASHI』แล้วก็ออกไปตามจุดถ่ายรูปต่าง ๆ ในย่านนากาโนะชิมะและคิตะฮามะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมกันค่ะ

งเวลาเริ่มวันใหม่แล้วค่ะ

งั้นขอตัวไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วไปพักก่อนนะคะ

เมื่อเช้านี้ก็ได้ไปเยี่ยมชมย่านที่พักอาศัยเก่าของนักรบที่คานาซาวะ ก็ทำให้รู้สึกว่าวันนี้ก็เป็นวันที่เข้มข้นอีก 1 วัน ซึ่งชวนให้นึกถึงช่วงเวลาในสมัยอดีตเลยค่ะ

ในครั้งหน้านะคะ เราจะทานอาหารเช้าของโรงแรม『HOTEL KEIHAN YODOYABASHI』แล้วก็ออกไปตามจุดถ่ายรูปต่าง ๆ ในย่านนากาโนะชิมะและคิตะฮามะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมกันค่ะ

Sponsored by HOTEL KEIHAN YODOYABASHI

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶