เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day3-3 เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของนาราที่ “วัดโทได”
HYOGO-KYOTO-OSAKA-NARA
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เดินทางมายัง “นารา” ที่เป็นเมืองเก่าแก่เทียบเคียงกับเกียวโตแล้ว เราได้ทานอาหารกลางวันเป็นอุดงที่ร้าน「MUGINOKURA(むぎの蔵)」ไปจนเต็มอิ่ม จากนั้นก็ได้เดินเล่นภายในสวนกวางนาราไปเรื่อยๆ เพื่อเดินทางไปยัง “วัดโทได” ที่โด่งดังจาก “พระพุทธรูปนาราองค์ใหญ่” กันแล้ว
Day3-2 ทานอาหารกลางวันที่ร้านอุดง และเดินทางไปยัง “วัดโทได” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของนารา
วัดโทไดที่มีอายุกว่า 1400 ปีนี้นอกจาก “นาราไดบุสึ” พระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้วก็ยังมีจุดต่างๆ ที่น่าสนใจให้ชมอีกมากมายอย่างเช่น「Nigatsu-do(二月堂)」ที่สามารถชมวิวนาราได้เป็นต้น
การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วยพาส「KANSAI ONEPASS」เป็นเวลา 5 วัน 3 คืนในตอนที่ 13 นี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปท่องเที่ยวชมจุดต่างๆ ที่น่าสนใจภายใน “วัดโทได” กันค่ะ
หลังจากแสดง「KANSAI ONEPASS」และได้ตั๋วเข้าชมวัดโทไดในราคาที่ถูกกว่าในราคาแบบกลุ่มแล้ว ก็จะเจอส่วนวิหาร “ไดบุสึเด็น” เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ “ไดบุตสึ” ไฮไลท์ของ “วัดโทไดจิ”『TODAIJI(東大寺)』อยู่ทางซ้ายมือเลย
ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ.1803 เมื่อ 758 ปีที่แล้ว โดยในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ถูกเพลิงไหม้ไปทั้งหมด 2 ครั้ง ทำให้รุ่นปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2252 มีอายุ 310 ปี โดยวิหาร ไดบุสึเด็นนี้จะมีความสูง 49 เมตร กว้าง 57 เมตร และลึก 50 เมตร
ถึงแม้ว่าอาคารไม้แห่งนี้จะเป็นอาคารเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปีแล้ว แต่ก็ได้ถูกบันทึกเป็น “อาคารไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” เมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย
และเมื่อเข้ามาในวิหารแล้วสิ่งที่จะสะดุดตาเราเป็นอย่างแรกก็คือ “นาราไดบุสึ” หรือพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่มีความสูงถึง 15 เมตร และถูกสร้างขึ้นเมื่อ 1360 ปีก่อนในปีพ.ศ.1295 ถึงแม้ว่าพระพุทธรูปองค์จะถูกสร้างใหม่ในบางส่วนจากเหตุเพลิงไหม้ถึง 2 ครั้ง แต่ส่วนเก่าที่ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ.1295 ก็ยังคงต้อนรับผู้มากราบไหว้จนถึงปัจจุบัน
เป็นสถานที่ที่มีผู้มาเยี่ยมชมหนาแน่นตลอดทั้งปีทั้งคนในท้องถิ่นและชาวต่างชาติ
วันที่ ICHIGO-CHAN ไปก็มีนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ
ซึ่งภายในวิหารไดบุตสึเด็นแห่งนี้นั้นนอกจากส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้ว ก็จะมีจุดอื่นๆ ที่น่าสนใจอยู่อีกมากมาย อย่างเช่นกระพุทธรูปต่างๆ การจัดแสดงโครงสร้างของวัดแบบโมเดิลไม้ ต่างๆ ถึงแม้ว่าจะไม่น่าตื่นตาเท่าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ แต่ก็เป็นส่วนที่จะทำให้เพื่อนๆ ได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นเลยนะคะ
ซึ่งหากลองสังเกตุดูดีๆ แล้วจะพบว่างานจัดแสดงเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมากๆ
เท่านั้นไม่พอที่เสาหนึ่งภายในวิหารไดบุตสึเด็นแห่งนี้จะมีเสาที่มีรู ที่มีขนาดใหญ่เท่ากับรูปจมูกของพระพุทธรูปองค์ใหญ่แห่งนี้นั่นเอง โดยมีความเชื่อว่า หากสามารถลอดผ่านรูนี้ไปได้ก็จะทำให้ “หัวดีขึ้น” “เพิ่มโชคในปีนั้น” มีนักท่องเที่ยวมารอต่อแถวเพื่อลอดเสานี้กันเป็นจำนวนมากเลยค่ะ
แต่ว่ารูนี้ก็ไม่ได้ใหญ่มากเพราะฉะนั้นก็มีผู้ใหญ่บางคนที่ไม่สามารถลอดผ่านไปได้อยู่เหมือนกันค่ะ
และที่บริเวณมุมหนึ่งภายในวิหารไดบุตสึเด็นแห่งนี้ จะมีสำนักงานวัดที่จำหน่ายเครื่องรางของขลัง และแผ่นไม้เขียนขอพร “แผ่นไม้เอมะ” อยู่อีกด้วย
ซึ่งที่วัดโทไดแห่งนี้ถือเป็นวัดที่มีชนิดของเครื่องรางอยู่มากมาย แต่เครื่องรางการเดินทางก็มีมากถึง 7 แบบเลยทีเดียว
ซึ่งที่นี่จะมีเครื่องรางประเภทต่างๆ อยู่มากมาย สามารถเลือกตามที่เพื่อนๆ ต้องการได้เลย
และที่สำคัญคือที่วัดโทไดแห่งนี้สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ เพราะฉะนั้นสามารถเลือกซื้อได้ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ
เราจะกราบไหว้สักการะเพียงส่วน “ไดบุตสึ” พระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้วจะออกจากวัดโทไดกันเลย แต่วัดโทไดที่มีบริเวณกว้างใหญ่แห่งนี้ก็ยังมีจุดที่น่าใจต่างๆ อยู่อีกมากมาย อย่างเช่น Nigatsu-do(二月堂)・Sangatsudo(三月堂) เท่านั้นไม่พอยังมีศาลเจ้าแห่งความรักอย่างศาลเจ้า Tamukeyama Hachiman Shrine อยู่อีกด้วย เพราะฉะนั้นเราจะไปเดินเที่ยวชมสถานที่เหล่านี้กันเลย
โดยเดินออกจากวิหารไดบุตสึเด็นไปทางซ้ายมือ และตรงไป เพื่อเดินไปทางเสาโทริอิ เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็จะมาถึงเชิงภูเขาวะคะคุสะที่มี Nigatsu-do(二月堂)・Sangatsudo(三月堂) และ ศาลเจ้า 「Tamukeyama Hachiman Shrine(手向山八幡宮)」อยู่
ระหว่างทางเดินจาก “วิหารไดบุตสึเด็น” ไปยัง “Nigatsu-do(二月堂)” และ “ศาลเจ้า 「Tamukeyama Hachiman Shrine(手向山八幡宮)” ก็จะเจอกวางอยู่ตลอดทางเลยค่ะ ซึ่งกวางบริเวณนี้เมื่อเทียบกับกวางบริเวณสถานีนาราแล้ว จะสงบไม่เรียกร้องอาหาร และมีความน่ารักกว่ามากๆ เพราะฉะนั้นสามารถถ่ายรูปคู่กับกวางระหว่างเดินทางไป “Nigatsu-do(二月堂)” ได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว
และเมื่อออกจาก วิหารไดบุตสึเด็นไปทางซ้ายมือ และเดินลอดผ่านเสาโทริอิสีแดง เดินขึ้นเนินมาเรื่อยๆ ซักพักก็จะเจอสามแยกที่อยู่ในรูปซ้ายบนให้เดินเยื้องไปทางซ้ายมือ ก็จะทางบันไดที่มีโคมไฟเก่าๆ ประดับอยู่
ให้ขึ้นบันไดนี้ไป เมื่อขึ้นมาแล้วอาคารไม้คล้ายอาคารวัดคิโยมิซึ(วัดน้ำใส)ที่เดียวโตอยู่ทางด้านซ้ายมือ อาคารนี้ก็คือ「Nigatsu-do(二月堂)」นั่นเอง
เมื่อขึ้นบันไดมาจนสุดแล้วเดินไปทางซ้ายมือ ก็จะเจอบันไดทางขึ้นไปยัง「Nigatsu-do(二月堂)」อยู่ทางขวามือ และเมื่อขึ้นบันไดหินเก่าแก่ไประหว่างได้กลิ่นไม้หอมๆ ของอาคารก็จะไปถึง Nigatsu-do(二月堂) เลย
และเมื่อมองหันกลับไปก็จะเห็นวิววิหารวัดโทได และบรรยากาศวิวเมืองนาราที่รายล้อมไปด้วยภูเขามากมาย
ซึ่งที่『TODAIJI NIGATSU-DO(東大寺二月堂)』นี้ได้ถูกตั้งเป็นชื่อนี้จากงานอีเว้นท์「OMIZUTORI(お水取り)」ที่จะถูกจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นั่นเอง
ซึ่ง “NIGATSU-DO(二月堂)” แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ถูกบันทึกให้เป็นสมบัติของชาติ โดยถูกสร้างขึ้นในเมื่อ 350 ปีก่อนเมื่อ ปีพ.ศ.2212
เป็นสถานที่ที่เข้าชมได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นสามารถเข้าชมได้ตลอดไม่วาสจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนเลยทีเดียว ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นจุดที่สามารถเพลิดเพลินกับวิว “พระอาทิตย์ตกดิน” ที่ไม่สามารถสัมผัสได้ที่วัดอื่นๆ ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว
ถือเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่เพื่อนๆ จะได้ชมทั้งวิวพระอาทิตย์ตกดิน แสงสลัวจากโคมไฟ และวิวมุมบนมองลงไปสู่ส่วนวิหารของวัดได้นั่นเอง
ซึ่งที่ “NIGATSU-DO(二月堂)” เพื่อนๆ สามารถถวายไม้「GOMAGI(護摩木)」ได้ เพื่อนๆ สามารถซื้อไม้โกมากิได้ที่สำนักงาน (200 เยน) จากนั้นก็เขียนชื่อ และพรสั้นๆ จากนั้นก็ใส่ไม้ที่เขียนแล้วเอาไว้ที่กล่องหน้าอาคารเลย ซึ่งไม้เหล่านี้จะนำไปประกอบพิธีในทุกๆ วันเวลาเช้า 10:30 น. เลยค่ะ
ถึงแม้ว่าส่วน “NIGATSU-DO(二月堂)” จะอยู่ภายในวัดโทได และเครื่องรางของขลังที่จำหน่ายอยู่ที่สำนักงานวัดจะมีความแตกต่างกัน เครื่องรางโดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราคา 700 เยน
หากได้มาที่ “NIGATSU-DO(二月堂)” ก็ลองเลือกซื้อของที่ระลึกจากที่นี่ดูได้เลย
และส่วนที่อยู่ด้านข้าง “NIGATSU-DO(二月堂)” เลยก็คือ ศาลเจ้า「Tamukeyama Hachiman Shrine(手向山八幡宮)」โดยเดินลงจากบันไดที่อยู่ตรงข้ามบันไดตอนขาขึ้น จากนั้นก็เดินไปทางด้านซ้ายมือ และตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอศาลเจ้า『Tamukeyama Hachiman Shrine(手向山八幡宮)』เลย
ถึงแม้ว่าบางคนอาจรู้สึกว่าการที่ “ศาลเจ้า” ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเป็นเรื่องที่แปลก แต่ความจริงแล้ว “ศาลเจ้า” และ “วัด” เพิ่งถูกแบ่งแยกออกอย่างชัดเจนเหมือนในปัจจุบันเมื่อ 150 ปีก่อน ในปีพ.ศ.2411 เท่านั้น
ทำให้ในเมืองเก่าอย่างเกียวโต โอซาก้า และนารายังคงหลงเหลือศาลเจ้าที่อยู่ในบริเวณวัดแบบนี้อยู่นั่นเอง
เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณศาลเจ้าก็จะพบกับเวทีละครโน และตัวศาลเจ้าหลักอยู่ และที่บริเวณมุมหนึ่งของศาลเจ้าจะมีบริเวณแขวนแผ่นไม้ขอพร แผ่นไม้เอมะอยู่อีกด้วย
โดยลายของแผ่นไม้เอมะก็จะเป็นรูปนกสองตัวที่เป็นสัญลักษณ์ของศาลเจ้า Tamukeyama Hachiman Shrine แห่งนี้เรียกว่า「MUKAIHATO(向かい鳩)」ได้รับความนิยมทั้งจากญี่ปุ่นและชาวต่างชาติไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยสัญลักษณ์「MUKAIHATO(向かい鳩)」นี้ก็คือนกที่เป็นสัตว์รับใช้ของเทพเจ้าในศาลเจ้า Tamukeyama Hachiman Shrine
ถึงแม้ว่าทางฝั่งโลกตะวันตกจะถือว่านกพิราบเป็นสัญลักษณ์แห่งความสันติ แต่ที่ญี่นปุ่นนั้นถือเป็นเครื่องทำนายทางด้านสงครามและเป็นทาสรับใช้ของเทพเจ้าฮาจิมัง ซึ่งที่บริเวณสำนักงานศาลเจ้าแห่งนี้ก็จะมีสินค้าต่างๆ ที่มีสัญลักษณ์「MUKAIHATO(向かい鳩)」อยู่มากมายทั้งเข็มกลัด กระจก หรือแม่เหล็ก นอกจากนี้ยังมีเครื่องรางเกี่ยวกับความรักอยู่อีกด้วย
เมื่อเดินผ่าน ศาลเจ้า Tamukeyama Hachiman Shrine ไปและตรงไปเรื่อยๆ ก็จะออกมาสู่ถนนที่มีรถวิ่งผ่าน หากเดินไปทางขวามือก็จะเป็นทางไปหน้าวัดโทได หรือสถานีนารา ส่วนทางด้านซ้ายมือจะเป็นทางไปสู่ภูเขาวะคะคุสะที่เขียวชอุ่ม ท่ามกลางทุ่มหญ้าเขียวชอุ่ม ให้เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ฝ่าเหล่ากวางที่น่ารักในบริเวณนี้ไปจนถึงยอดภูเขาก็จะมองเห็นวิวเมืองนาราไปทั่วบริเวณเลยค่ะ
ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ เดินทางจากเชิงดอยภูเขาวะคะคุสะไปยังอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของนารากับ “ศาลเจ้าคะซุงะ”「KASUGA TAISHA(春日大社)」จากนั้นเราจะมุ่งหน้าไป「NARA HOTEL」เรือนรับรองแขกของประเทศประจำนาราที่รัชกาลที่ 9 ได้ทรงเคยมาประทับ ณ โรงแรมแห่งนี้กันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪
【ตารางการเดินทาง Day3-3 TODAIJI】