ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
สัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติท่ามกลางหุบเขาตุโรเบะที่สถานีเคยากิไดระ กับ “จุดชมวิว” “ธรรมชาติ” และ “ออนเซ็นกลางแจ้ง พร้อม ออนเซ็นแช่เท้า”
NAGOYA–HIDAFURUKAWA–HIDATAKAYAMA-SHIRAKAWAGO–TOYAMA–KUROBE・KYOUKOKU-YUKINOOTANI-TOYAMA-NAGOYA
วันนี้ ICHIGO-CHAN ได้ออกเดินทางมาตั้งแต่เช้าจากตัวเมืองโทยามะ นั่งชินคันเซ็นและ รถไฟ TOYAMA CHIHO RAILWAY มาลงที่ อุนาสึกิออนเซ็น UNATSUKI ONSEN
และแล้วเราก็จะได้ขึ้นรถไฟมวิว 『TOROKKO TRAIN』 เพื่อวิ่งท่ามกลางหุบเขาคุโรเบะที่อุดมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม แม่น้ำคุโรเบะสีเขียวมรกต และภูเขาทาเทยามะที่มีความสูงกว่า 3000m ในบริเวณรอบๆ ทำให้เราสามารถสัมผัสธรรมชาติได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ
และแล้วก็ได้เวลาเดินทางออกจากสถานีอินาสึกิกันแล้ว น่าเสียดายที่ตอนนี้ฝนยังไม่หยุดตกเลยค่ะ แต่ก็ไม่ต้องห่วง ถึงฝนจะตกแต่วิวก็ยังสวยอยู่เลยค่ะ ตอนแรกเราก็กังวลอยู่เหมือนกัน แต่วิวตอนฝนตกก็ให้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ ฟ้ามัวๆ เมฆลอยต่ำกับหมอกบางๆ ก็สวยไม่แพ้วันที่อากาศดีเลยค่ะ ถึงแม้ว่าตั๋วจะกำหนดโบกี้มาแต่ที่นั่งสามารถเลือกนั่งได้ตามอิสระเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเลยอยากแนะนำให้นั่งฝั่งขวานะคะ เพราะว่าเราจะเห็นวิวชัดมากๆ จากฝั่งขวา ดูสิค่ะแค่เรานั่งออกมาแปปเดียวก็เห็นวิวสวยๆ แล้ว สะพานสีแดง YAMABIKO BRIDGE กับวิวต้นไม้ แม่น้ำและหุบเขา สวยมากๆ เลย
และนั่งไปอีกซักก็จะเจอ “เขื่อนอุนาสึกิ” และ “ทะเลสาบอุนาสึกิ” อยู่ทางขวามือ ฝนที่ตกลงมาบนผิวน้ำจนทำให้มีหมอกบางๆ ลอยอยู่บริเวณผิวน้ำ สวยมากๆ
แม่น้ำคุโรเบะจะมีสีเขียวมรกต นั่นก็เพราะว่า
- ระดับความโปร่งใสของน้ำที่มีอยู่สูง
- โขดหินริมน้ำ(หินแกรนิต)
- ภูมิประเทศที่ชัน
ด้วยความที่หินแกรนิตที่อยู่โขดหินนี้ไม่มีการปนเปื้อนของสารไม่บริสุทธิ์เลย ทำให้แม่น้ำนี้จึงไม่มีการปนเปื้อนของสารไม่บริสุทธิ์เช่นกัน แม่น้ำที่นี้จึงใสและไม่มีสี เมื่อแสงมากระทบน้ำจึงทำให้เห็นเป็นสีเขียวมรกตนั่นเอง
ไปอีกซักพักก็จะเจอกับ「โรงไฟฟ้าชินยานางิฮาระ」ที่สร้างเหมือนปราสาทโบราณของยุโรป ถึงจะดูเหมือนปราสาทโบราณ แต่ตึกนี้เพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2536
เหมือนวังในเกมมาริโอ้เลยไหมคะ 5555
รถไฟ TOROKKO วิ่งไปเรื่อยๆ เพื่อเข้าไปในหุบเขา หมอกที่ปกคลุมผิวน้ำก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินแต่เสียงฝน เสียงแม่น้ำ และเสียงรถไฟเท่านั้นเลยค่ะ ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในโลกนินิยายเลย
เมื่อผ่านโรงไฟฟ้ามาแล้ว เราก็จะเห็นสะพานเส้นเล็กๆ แบบในภาพอยู่ระหว่างทางค่ะ คือสะพานอะไรกันนะ เพื่อนๆ ลองทายดูสิคะ ?
คำตอบคือ………สะพานสำหรับลิงนั่นเองค่ะ ทายถูกกันรึเปล่าเอ่ยย สะพานนี้ถูกทำขึ้นเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ของลิงตอนสร้างเขื่อนนั่นเองค่ะ
และรถไฟก็มาจอดที่สถานีแรก “สถานีคุโรนางิ”「KUROSAGI STATION」
และสถานีแรกก็คือ KUROSAGI STATION นั่งจากสถานี UNAZUKI มาประมาณ 25 นาทีสถานีนี้จะมีออนเซ็นคุโรนางิที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะ และออนเซ็นแช่เท้าท่ามกลางธรรมชาติให้บรรยากาศวิวหุบเขาสวยๆ ค่ะ เดินจากสถานี KURONAGI ไปประมาณ 20 นาที ที่ออนเซ็นนี้จะมีที่พักด้วยค่ะ ราคาที่พัก 1 คืน พร้อมอาหาร 2 มื้อ ตั้งแต่ 10000 เยน ออนเซ็นที่นี่สามารถใส่ชุดว่ายน้ำเข้าได้ค่ะ
และที่อยู่เลยสถานีคุโรนางิไปอีกก็คือ สะพาน สีฟ้า「ATOBIKI BRIDGE」ที่มีความสูงถึง 60m เลยค่ะ
และที่เห็นอยู่ด้านซ้ายมือก็คือ “สะพานซุยโระ”「SUIRO BRIDGE」
ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 91 ปีที่แล้วในปี พ.ศ.2470 ที่มีความสูงจากพื้นน้ำ 70m เป็นสะพานสุดคลาสสิคที่อยู่ระหว่างหุบเขา พอมีหมอกบางๆ ด้วยแล้วยิ่งสวยเลยค่ะ
ระหว่างที่นั่งรถไฟชมวิว TOROKKO KUROBE GORGE RAILWAY นี้เราจะได้เข้าไปในอุโมงค์อยู่หลายอุโมงค์เลยค่ะ ยิ่งในนั่งโบกี้แบบที่เปิดโล่งยิ่งได้บรรยากาศเหมือนนั่งเครื่องเล่นที่สวนสนุกเลยค่ะ
ไม่ว่าจะมีเที่ยวหุบเขาคุโรเบะในช่วงไหนๆ ทั้งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน หรือฤดูใบไม้ร่วงก็ให้บรรยากาศที่ต่างกันออกไปเลยค่ะ โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนเป็นสี แดงเหลืองส้ม เป็นช่วงที่ได้รับความนิยมมากๆ ในหุบเขาคุโรเบะแห่งนี้จะมีอุณภูมิต่ำกว่าโอซาก้าหรือโตเกียวมากๆ เลยเพราะฉะนั้นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีก็จะเร็วกว่าไปประมาณ 1 เดือนเลย คือเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมค่ะ บรรยากาศก็จะเหมือนในรูปตัวอย่าง (รูปตัวอย่างในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส)
ออกมาจากสถานีคุโรนางิซักพัก ก็จะเห็น “เขื่อนดาชิไดระ” 「DASHIDAIRA」อยู่ด้านขวามือ ยิ่งใหญ่อลังการมากๆ เลยค่ะ
และสถานีที่ 2 ก็คือ “สถานีคาเนะสึริ KANETSURI STATION” นั่งจากสถานี UNAZUKI มาประมาณ 60 นาที
ที่นี่จะมีจุดท่องเที่ยวอยู่สองจุดก็คือ เมื่อเดินไปประมาณ 3 นาทีจะมีจุดชมวิวหิมะที่ไหลลงมาถมกองอยู่ที่ตีนเขา「KUROBE MANNEN YUKI OBSERVATION DECK」และเดินจากสถานีไปประมาณ 15 นาทีกับ จุดที่สองคือ ออนเซ็นและที่แช่เท้าออนเซ็นกลางแม่น้ำ「KANETSURI ONSEN RYOKAN」สามารถเข้าพักหรือนั่งจิบกาแฟที่นี่ได้ค่ะ
ระหว่างทางเราจะเจอป้ายที่เป็นอุโมงค์และมีคนเดินอยู่ที่เขียนว่า “Winter Path” ใช่ไหมคะ อุโมงค์นี้คืออุโมงค์ที่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานภายในนี้ใช้เดินไปทำงานในช่วงหน้าหนาวที่หิมะปกคลุมจนไม่สามารถใช้รถไฟในการเดินทางไปทำงานได้ค่ะ เนื่องจากที่นี่จะเปิดทำการเฉพาะช่วงปลายเดือนเมษายนไปจนถึงต้นเดือนพฤษจิกายน และปิดทำการให้ช่วงฤดูหนาว หิมะจะปกคลุมไปทั้งหมดและอาจจะมีดินและหิมะถล่มเกิดขึ้นในช่วงหน้าหนาว ซึ่งที่นี่จะถอดสายไฟต่างๆ ออกทั้งหมดเพื่อปกกันสายไฟเสียหายจากหิมะ และบางทีอาจมีการถอดรางรถไฟออกไปด้วยค่ะ
ซึ่งช่วงฤดูหนาวที่พนักงานต้องเดินอุโมงค์ที่มีความกว้างแค่ขนาดผู้ชาย 1 คนและบางทีก็เตี้ยจนต้องก้มเดินไปนี้ จะใช้เวลาเดินทางรอบละกว่า 6 ชั่วโมงแบบไม่หยุดพักเลยล่ะค่ะ
และเมื่อนั่งมาเรื่อยๆ เป็นเวลา 80 นาทีเราก็มาถึงที่สถานีสุดทายสถานีปลายทางที่ KEYAKIDAIRA STATION กันแล้วค่ะ เจ้าหน้าที่สถานีท่าทางใจดียิ้มแย้มต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
ที่นี่จะเป็นจุดที่มีจุดท่องเที่ยวมากที่สุดในบรรดาสถานีทั้งหมดเลยค่ะ ทั้ง “สะพานโอคุฟูเนะ”「OKUKANE BRIDGE」”จุดชมวิวซารุโทบิ” SARUTOBIKYO OBSERVATION PLATFORM นอกจากนี้ก็มีออนเซ็น “ออนเซ็นเมเค็น” MEIKEN ONSEN(HOT SPRING) หรือ “ออนเซ็นบาบาทานิ” BABATANI ONSEN(HOT SPRING) มีสถานที่ให้เที่ยวได้แบบเต็มที่มากๆ ค่ะ
เมื่อถึงสถานีเคยากิไดระ KEYAKIDAIRA STATION แล้วก็เดินไปตามทางเดินเพื่อออกจากช่องตรวจตั๋วเลยค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า ก็อย่าลืมซื้อรอบขากลับด้วยนะคะ ออกมาจากช่องตรวจตั๋วแล้วจุดจำหน่ายตั๋วจะอยู่ฝั่งขวามือทันทีเลยค่ะ แนะนำว่าใครซื้อเฉพาะตั๋วขามาจากสถานีอุนาสึกิเท่านั้น ก็ควรซื้อตั๋วขากลับเอาไว้ก่อนออกเที่ยวเลยนะคะ จะได้เลือกชนิดที่นั่งที่ดีได้ค่ะ
บริเวณรอบๆ สถานีเคยากิไดระ จะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายจุดเลยค่ะ เรียกได้ว่ามีมากที่สุดในบรรดาสถานีทั้งหมดเลยค่ะ และที่ที่ได้รับความนิยมมากก็คือ “สะพานโอคุฟูเนะ”「OKUKANE BRIDGE」 กับ “อุโมงค์หินกินคน”「HITOKUI IWA」โดยออกจากสถานีมาและเดินไปทางฝั่งขวาที่มีสะพานโอคุฟูเนะค่ะ
พอลงบันไดออกจากสถานี ไปทางขวาแล้วก็จะเห็นสะพานสีแดงอยู่ตรงหน้าเลยค่ะ สะพานโอคุฟูเนะนี้เป็นสะพานที่มีความสูงจากแม่น้ำคุโรเบะด้วยความสูง 34m และเดินเลยสะพานไปอีกก็จะเจอกับ “อุโมงค์หินกินคน”「HITOKUI IWA」แต่วันนี้หมอกหนามากจนมองไม่เห็นด้านหน้าเลยค่ะ
สะพานโอคุฟูเนะนี้ เป็นสะพานที่สามารถเพลิดเพลินไปกับวิว แม่น้ำคุโรเบะ และถ้าอากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสก็สามารถชมวิวภูเขาโอคุฟูเนะ กับ ภูเขาเมเค็นได้ด้วย ถึงแม้ว่าวันนี้ฝนจะตกหนักจนมีหมอกลงหนา ไม่สามารถชมวิวไกลๆ ได้แต่บรรยากาศแบบนี้ก็สัมผัสได้แค่ช่วงฝนตกเท่านั้นค่ะ บรรยากาศแบบหมอกหนาๆ อากาศเย็นๆ ในความรู้สึกเหมือนได้อยู่ในที่ๆ ลึกลับน่าค้นหา รูปที่ถ่ายออกมาก็ได้รูปที่สวยไม่แพ้กันเลยค่ะ
และที่อยู่อีกฝั่งของสะพานก็คือ “อุโมงค์หินกินคน” ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่ารูปทรงหินเหมือนคนกำลังอ้าปากอยู่นั่นเองค่ะ ซึ่งที่ด้านข้างจะมีหมวกให้ใส่เพื่อคลุมศรีษะเอาไว้เพราะว่าที่นี่มักมีหินกลิ้งตกลงมาจากบนผู้เขาด้วยค่ะ ถ้าใครกลัวใส่ไว้ก็ดีนะคะ
เมื่อเดินมาเรื่อยๆ ไปตามทางเดิน เราก็จะเจออีก 1 สะพาน “สะพานเมเค็น”「MEIKEN BRIDGE」 ซึ่งน่าเสียดายที่ช่วงที่ ICHIGO-CHAN ไป บ่อออนเซ็นของที่นี่ยังไม่ได้ต่อท่อออนเซ็นให้ใช้บริการจึงไม่สามารถเดินต่อไปได้ แต่ถ้าออนเซ็นพร้อมใช้บริการเราสามารถเดินเข้าไปอีก ซึ่งเดินไป 5 นาทีก็จะเจอกับ “สะพานเมเค็น”「MEIKEN ONSEN」 และเมื่อเดินเข้าไปจากสถานีอีกประมาณ 60 นาทีจะเป็นบ่อออนเซ็น “ออนเซ็นบาบาทานิ” BABATANI ONSEN(HOT SPRING) แบบโล่งแจ้งท่ามกลางธรรมชาติด้วยค่ะ ระหว่างทางที่เดินไปก็จะเป็นเส้นทางเดินป่าตามทางเดินพร้อมชมวิวรอบๆ ไปด้วย น่าไปมากๆ
ในส่วนของออนเซ็นของที่นี่จะเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วง ปลายเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน น่าเสียดายที่ช่วงที่ ICHIGO-CHAN ไปยังเป็นช่วงกลางเดือนพฤษภาคมอยู่ออนเซ็นเลยยังไม่เปิดให้บริการค่ะ
เมื่อเราไม่สามารถไปต่อได้ ก็เดินย้อนกลับไปทางเดิมกันค่ะ และเราจะไปที่ “จุดชมวิวคาวาระ” กันค่ะ
เดินกลับมาจนถึงลานกว้างหน้าสถานีและเดินตรงไปอีกทางไปทางขวาเพื่อลงบันไดไปค่ะ ลงไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาทีก็จะถึงจุดชมวิวคาวาระเลยค่ะ
จุดชมวิวด้านล่าง “จุดชมวิวคาวาระ”「KAWARA TENBOUDAI」 ที่สามารถชมวิวแม่น้ำได้แบบใกล้ชิด และสิ่งที่เป็นไฮไลท์ของจุดชมวิวนี้ก็คือ การชมวิว “สะพานโอคุฟูเนะ” ที่เราเดินข้ามเมื่อกี้จากมุมด้านล่างด้วยค่ะ สวยมากๆ
จากตรงนี้เราจะได้เห็นแม่น้ำคุโรเบะแบบใกล้มากๆ นอกจากนี้ที่จุดชมวิวนี้มีบริการออนเซ็นแช่เท้าให้ด้วยค่ะ เป็นออนเซ็นแช่เท้าท่ามกลางธรรมชาติ แต่น่าเสียดายที่จุดนี้ก็เปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมเช่นกันค่ะ
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ดื่มด่ำบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติของหุบเขาคุโรเบะแล้ว
ต่อไปเราจะกลับไปที่สถานีกันเลยค่ะ ไปเดินดูของฝากที่ร้านขายของฝาก และชมวิวธรรมชาติไปพร้อมๆ กับทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารภายในสถานีกันค่ะ
ครั้งต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมสถานีภายในสถานีเคยากิไดระและบริเวณรอบๆ จากนั้นเดินทางไปยังที่หมายต่อไปที่ “เส้นทางทาเทยามะ คุโรเบะ อัลไพน์”「TATEYAMA KUROBE ALPINE ROUTE」กันค่ะ
【ตารางการเดินทาง Day3-2 KEYAKIDAIRA】