Day2-3 เที่ยวเมืองชิโมดะ เพื่อล่องเรือ「เรือสำราญท่าเรือชิโมดะ」และเดินเที่ยว 「Perry Road」

Day2-3 เที่ยวเมืองชิโมดะ เพื่อล่องเรือ「เรือสำราญท่าเรือชิโมดะ」และเดินเที่ยว 「Perry Road」

ICHIGO-CHAN ได้นั่งรถไฟแบบรีสอร์ท「Resort21 Kinme」และเพลิดเพลินไปกับวิวที่สวยงามของอิซุ จนมาถึงที่ ชิโมดะ

ถึงปุ๊ปก็ได้ลองทานปลาชั้นดีอย่างปลาคินเมะไดของขึ้นชื่อของชิโมดะ กับเมนู 「KINMEDAI IRI KAISENDON」「ข้าวหน้าทะเลดิบพร้อมปลาคินเมะได」

ท้องก็อิ่มแล้ว เราไปเที่ยวต่อกันที่ มินานมิอิซุกันเลยกับเมือง 「SHIMODA」「ชิโมดะ」

จุดให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวภายในสถานีได้แนะนำ เรือสำราญท่าเรือชิโมดะ กับเดินในเมือง「Perry Road」ที่อยู่ภายในเมืองชิโมดะซึ่งมีประวัติมายาวนาน และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ไปดูกันเลย !!!

ICHIGO-CHAN ได้ลองทานปลาชั้นดีอย่างปลาคินเมะไดของขึ้นชื่อของชิโมดะ กับเมนู 「KINMEDAI IRI KAISENDON」「ข้าวหน้าทะเลดิบพร้อมปลาคินเมะได」จนเต็มอิ่มแล้ว

ก็มุ่งไปที่ ชิโมดะเลย

จุดให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่อยู่ในสถานีชิโมดะแนะนำสถานที่ที่ควรไปมาให้ด้วย

ชิโมดะที่เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของมินามิอิซุนั้น ที่ที่แนะนำมาเป็นพิเศษเลยก็คือ「เรือสำราญท่าเรือชิโมดะ」

เราลองไปดูกันเลยดีกว่า

สถานีรถไฟใหญ่ๆแทบจะทุกที่ในญี่ปุ่นจะมีล๊อคเกอร์อยู่

แน่นอนว่าที่สถานีชิโมดะก็มีเหมือนกัน

ไซส์ S 400 เยน・ไซส์ M 500 เยน และ ไซส์ L 600 เยน

ฝากของเอาไว้จะได้เที่ยวแบบสบายๆ แต่ถ้าที่เต็มก็เอาไปฝากไว้ที่สำนักงานของสถานีก็ได้ 600 เยน

สถานที่ที่เป็นท่าเรือของ「เรือสำราญท่าเรือชิโมดะ」ถ้าเดินจากสถานีจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที

ถ้าออกจากสถานีให้ไปทางซ้าย และตรงไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานไปซักพักก็จะเห็นป้าย「道の駅・開国下田みなと」(อ่านว่า มีจิโนะเอกิ ไคโคกุชิโมดะ มินาโตะ) อยู่ทางขวามือ ก็ให้เลี้ยวเข้าไปเลย

และซื้อตั๋วได้ที่ตึกในรูปด้านขวาล่าง

เรือจะมี 11-12 เที่ยวต่อวัน ตั้งแต่เวลา  9:10 ถึง 15:30 หรือ 16:00

ราคาผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 1200 เยน ใช้เวลาเดินเรือเป็นเวลาสั้นๆแค่  20 นาที

http://www.izu-kamori.jp/izu-cruise/pdf/coupon.pdf

ถ้าปริ้นไฟล์ PDF จากลิ้งนี้ไปจะได้ส่วนลด 50 เยนต่อคนด้วย

ซื้อตั๋วเสร็จเรือก็มาพอดี เป็นทรงแบบเรือใบสีดำ

เมื่อยุคสมัยเอโดะญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศแบบ「ปิดประเทศ」ตัดขาดจากประเทศอื่น แต่การเข้ามาของอเมริกาและอังกฤษ ย้อนไปเมื่อ 164 ปีที่แล้วคือในปี 1854 ทำให้ญี่ปุ่นได้เปิดท่าเรือบางส่วน และที่ๆเปิดเป็นที่แรกก็คือ ที่นี่ ท่าเรือชิโมดะ นั่นเอง

และหนึ่งในเรืออเมริกาที่เข้ามาก็คือเรือ「Susquehanna」

เป็นเรือสีดำแบบนี้ทำให้ถูกเรียกว่า 「เรือดำ」

ขึ้นมาบนเรือแล้ว

เรือ「Susquehanna」ที่เข้าในชิโมดะเมื่อ 164 ปีก่อน ผู้คนจะต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อขึ้นไปที่เรือนั้นเลย แต่ตอนนี้ไม่ว่าเด็กหรือคนแก่ก็ขึ้นไปได้ ไม่พอจากญี่ปุ่นไปไทยแค่นั่งเครื่องบินแปปเดียวก็ถึงแล้วด้วยซ้ำ

ยุคสมัยมันผ่านไปเร็วจริงๆนะ

ภายในจะมีที่นั่งธรรมดาทั้งแบบ Deck Seat และแบบผ้าใบเรียงหันหน้าออกไปเต็มไปหมด

แล้วก็…………………….

ที่นั่งแบบหรู ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 500 เยน ก็ได้นั่งที่นั่งพิเศษแบบหรูหรา มีทั้งหมด 3 แบบตามนี้

วันที่ ICHIGO-CHAN ไปเป็นวันที่คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ในวันที่มีนักท่องเที่ยวมากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆก็แนะนำว่าให้นั่งสบายๆแบบที่นั่งพิเศษดีกว่าน้า

ภายในเรือมีข้าวเกรียบกุ้งที่คนไทยคุ้นเคยจำหน่ายอยู่ด้วย 「ขัปปะเอบิเซน」

ข้าวเกรียบกุ้งอันนี้จะซื้อกินเองก็ได้อยู่นะ แต่ว่า

ก็คือเป็นอาหารนกนางนวลที่อาศัยอยู่ที่ท่าเรือชิโมดะนี้เองก็ได้ค่ะ

พอเรือออกนกพวกนี้ก็จะบินตามมาเหมือนรู้ว่าจะได้「ขัปปะเอบิเซน」เลย

ฝูงนกนางนวลที่เห็นแก่กินจอมตะกละ

ตอนแรกๆ ICHIGO-CHAN ก็ให้「ขัปปะเอบิเซน」อยู่ดีๆ ก็โดนดึงกระเป๋าจนเกือบตกลงไปเลย

ความจริงอยู่กับนกนางนวลพวกนี้มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะ・・・555

ถ้าโดนนกนางนวลเกือบเอาตัวไปอีก เราคงต้องจบทริปนี้แน่ๆ

เลยเอา「ขัปปะเอบิเซน」ที่เหลือให้แม่ลูกข้างๆไป

เด็กน้อยน่ารักคนนี้ดูท่าทางจะชอบ ICHIGO-CHAN นะ

ถ้าเป็นเด็กคนนี้จะต้องจบทริปนี้ก็ยอม・・・555

ได้ให้อาหารนกนางนวล แล้วก็ได้เจอเด็กน่ารัก เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ใช้เวลา 20 นาทีก็กลับมาที่ท่าเรือชิโมดะ

ตอนที่กำลังยืนอาลัยอาวรอยู่ กัปตันเรือก็แนะนำห้องบังคับเรือให้ด้วย

ร่างสมกับเป็นกัปตันเรือมาก ขอบคุณสำหรับทริปนี้มากๆนะคะ

ทริปเรือก็จบลง แล้วก็กลับมาที่ 「MICHINOEKI・KAIKOKUSHIMODAMINATO」

ภายในตึกมีที่ขาย「หวย」ด้วย

หวยที่ไทยจะขายแบบส่วนบุคคล แต่ที่ญี่ปุ่นจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่หรือธนาคารที่เป็นคนขาย

ถ้าถูกหวยสูงสุดจะอยู่ที่ 6 ร้อยล้านเยน (≒180ล้านบาท)เลย!! คนต่างชาติก็ซื้อได้นะ ลองซื้อดูกันได้ไม่แน่อาจจะถูกก็ได้

สถานที่ที่「จุดแนะนำการท่องเที่ยว」แนะนำให้ก็คือ「Perry Road」เมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ของชิโมดะ

แต่ก่อนจะไป 「HOFUKUJI」ได้ยินมาว่า KAWAZUZAKURA บานแล้วตอนนี้เลยอยากจะแวะไปดูหน่อย และจะเล่าให้ทุกคนฟังในครั้งหน้า 「KAWAZUCHOU」ที่อยู่ใกล้กับชิโมดะนั้น ดอกซากุระพันธุ์ โซเมะอิโยชิโนะ จะบานเต็มที่ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน แต่ซากุระที่ชื่อว่า 「KAWAZUZAKURA」จะมีชื่อเสียงและบานก่อนในช่วงเดือนกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่ง KAWAZUZAKURA ได้ถูกปลูกไว้ที่วัด HOFUKUJI ของชิโมดะและกำลังบานสวยงามอยู่ด้วย

ออกจาก「MICHINOEKI・KAIKOKU SHIMODA MINATO」ที่ท่าเรือ มุ่งไปทางซ้าย

เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอกับทางแยกสองทาง ให้ไปทางซ้าย ข้ามสะพานและตรงไปเรื่อยๆ พอเดินมาเจอถนนใหญ่ให้เลี้ยวไปทางซ้าย 「HOFUKUJI」จะอยู่ทางขวามือ

และแล้วก็มาถึงวัด โฮฟุกุจิ HOFUKUJI

ตรงประตูวัดมีต้นซากุระ KAWAZUZAKURA บานอยู่ต้นนึงด้วย

แต่ปีนี้ญี่ปุ่นจะหนาวกว่าปีอื่นๆมาก เราเลยจะเห็นซากุระที่นี่ก่อนที่อื่นได้แค่ 3 ส่วนของทั้งหมด

ออกจากวัด HOFUKUJI มาที่ถนนใหญ่ ซึ่งบรรยากาศดูเป็นญี่ปุ่นมากๆ

ที่ป้ายบรรทัดสุดท้ายจะเขียนว่า 「Perry Road >」อยู่ด้วย

ถ้าหันหน้าออกจากวัดให้เดือนไปทางขวา ไปเรื่อยๆก็จะเจอกับสามแยก ตรงนี้ให้เลี้ยวไปทางซ้าย

และจะเจอกับ 「Perry Road」อยู่ทางขวามือทันที

ย้อนกลับไป 164 ปีก่อนในปี 1854

「SHIMODA」หนึ่งในเมืองที่เปิดประเทศให้กับ ต่างประเทศบางประเทศที่เข้ามาอย่าง อเมริกา หรืออังกฤษ

แน่นอนว่า Perry Road ยังคงเหลือบรรยากาศในตอนนั้นไว้อยู่

เป็นสถานที่ที่มีความเป็น 「ญี่ปุ่น」มากๆจนน่าถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆเลย

ที่ริมแม่น้ำก็จะมีโกดังเก็บของที่สร้างจากหิน……

สะพานสีแดง กับ บ้านคนแบบเก่า

ดอกซากุระที่บานอยู่ริมแม่น้ำ ประตูวัดเก่าแก่ และนกเป็นน้ำ….

ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ไปลงในโซเชียลอวดเพื่อนๆเยอะเลย

ICHIGO-CHAN ถ่ายรูปไปเยอะเลย

ถึงเวลาจะต้องไปที่พักของวันนี้แล้วที่ 「SHIMODA TOKYU HOTEL」

「SHIMODA TOKYU HOTEL」ถึงเป็นโรงแรมชั้นดีที่สุดในชิโมดะเลยก็ว่าได้

ครั้งนี้เลยขอกินดีอยู่ที่นิดนึง เลยจองแพลนแบบพร้อมดินเนอร์ด้วย

เราจะมาแนะนำ「SHIMODA TOKYU HOTEL」ให้ทุกคนในครั้งต่อไปน้า

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶