เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day2-3 เดินเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ต่างๆ ในเกียวโตที่ “ศาลเจ้ายาซากะ” “สวนสาธารณะมารุยามะ” และ “วัดโคไดจิ”
HYOGO-KYOTO-OSAKA-NARA
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในเกียวโต ทั้ง “ตลาดนิชิกิ”「NISHIKI MARKET(錦市場)」และ เที่ยวชม “ศาลเจ้านิชิกิ เท็นมังงุ” ไปแล้ว
Day2-2 เดินเล่นตลาดเก่าแก่ของเกียวโต “ตลาดนิชิกิ” พร้อมทานอาหารเกียวโตในเมนู “โอบันไซ”
เราจะเดินทางจาก “ตลาดนิชิกิ” เพื่อไปเดินเล่นภายในเมืองเกียวโตบริเวณ “สะพานชิโจโอฮาชิ” “ถนนฮินามิโคจิ” และ “ศาลเจ้ายาซากะ” ซึ่งสถานที่เหล่านี้ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ เทียบเคียงกับสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเกียวโตอย่าง ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ, วัดคินคาคุจิ(วัดทอง) หรือ “อาราชิยามะ”
การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วยพาส「KANSAI ONE PASS」เป็นเวลา 5 วัน 3 คืนในตอนที่ 8 นี้ ICHIGO-CHAN จะพาเพื่อนๆ ไปเดินเล่นบริเวณ “ชิโจ・ กิออน” กันค่ะ
เมื่อ ICHIGO-CHAN กราบไหว้สักการะที่ “ศาลเจ้านิชิกิ เท็นมังงุ” แล้ว เราจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ ผ่าน สะพานชิโจโอฮาชิ และถนนฮานามิโคจิ ที่โด่งดัง เพื่อเดินทางไปยัง “ศาลเจ้ายาซากะ” กันค่ะ
ก่อนอื่นก็เดินออกจาก “ศาลเจ้านิชิกิ เท็นมังงุ” ไปทางซ้ายมือ และผ่าน「SHINKYOGOKU(新京極)」ไปเพื่อเดินออกมาสู่ถนนเส้นหลักที่เชื่อมระหว่างทิศตะวันออกและตะวันตก “ถนนชิโจโดริ” เมื่อออกมาสู่ถนนชิโจโดริแล้ว ก็เดินไปทางซ้ายมือ และเดินตรงไปทางตะวันออกถนนชิโจโดริที่ผ่านห้างต่างๆ อย่างเช่น「TAKASHIMAYA(高島屋)」「MARUI(マルイ)」หรือร้านแฟชั่นทั้งสองข้างทางไป
เดินผ่านทางม้าลายมาเรื่อยๆ เดินตรงไปตามถนนชิโจโดริ เมื่อเดินจากศาลเจ้านิชิกิ เท็นมังงุประมาณ 10 นาที ก็จะมาถึง “สะพานชิโจโอฮาชิ” เป็นสะพานที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ซึ่งรุ่นแรกถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ.1685 โดยรุ่นปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 4 เป็นสะพานที่มีผู้คนใช้สอยอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากเป็นสะพานที่พาดผ่านถนนชิโจ ที่เชื่อมระหว่างศาลเจ้ายาซากะ และใจกลางเมืองเกียวโตนั่นเอง
จากสะพานชิโจโอฮาชินี้เพื่อนๆ จะได้ชม “แม่น้ำคาโมะ” ที่ไหลผ่านระหว่างทางเหนือไปจนถึงทางใต้ของเกียวโต เมื่อหันไปทางทิศเหนือจากสะพานก็จะได้เห็น “สะพานซันโจโอฮิชิ” และทิวเขา “คิตะยามะ”「KITAYAMA(北山)」ทางตอนเหนือของเกียวโต
ไม่ว่าช่วงไหนๆ ก็สามารถชมวิวธรรมชาติที่สวยงามได้ที่นี่
วิวจากสะพานนี้เป็นจุดที่สามารถเพลิดเพลินกับฤดูกาลต่างๆ ได้ทั้งสี่ฤดู ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูหนาว โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ไปจนถึงต้นเดือนเมษายน ในช่วงของดอก “ซากุระ” บาน ต้นซากุระบริเวณทั้งสองฝั่งริมแม่น้ำมากมายหลายร้อยต้นจะบานสวยงามตระการตา นอกจากนี้ในช่วงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเดือนกันยายนก็จะเป็นช่วงที่ร้านต่างๆ จะตั้งส่วนระเบียง ที่เรียกว่า “โนเรียวยุกะ”「NOURYOUYUKA(納涼床)」ยื่นออกไปทางริมฝั่งแม่น้ำ เท่านั้นไม่พอในช่วงฤดูหนาว ก็ยังเป็นช่วงที่เพื่อนๆ จะได้สัมผัสบรรยากาศหิมะที่ขาวโพลนอีกด้วย(บางช่วงเท่านั้น)
และเมื่อข้ามผ่านสะพาน “ชิโจโอฮาชิ” มาแล้วก็จะออกมาสู่ถนนใหญ่ที่ชื่อว่า “คาวาบาตะโดริ (Kawabata Dori)” และเมื่อเดินไปอีกเรื่อยๆ ถึงสี่แยกขนาดใหญ่ ก็เลี้ยวไปทางขวามือคือ ถนน “ฮานามิโคจิ”「HANAMIKOJI(花見小路)」เป็นบริเวณที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายของบ้านเมืองสมัยโบราณเมื่อหลายร้อยปีก่อนในช่วงยุคเอโดะ ปัจจุบันยังคงมีภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นแบบหรูหราที่เรียกว่า “เรียวเต” ที่มีมาอิโกะ หรือ เกอิชา อยู่มากมาย นอกจากนี้ยังมีร้านที่สามารถแปลงโฉมเป็นมาอิโกะ หรือ เกอิชา ได้อีกด้วย เรียกได้ว่ามีร้านที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอยู่มากมาย เป็นสถานที่ในเกียวโตที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ ค่ะ
และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ โดยให้ถนนฮานามิโคจิอยู่ทางด้านขวามือ ตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางก็จะเจอศาลเจ้าขนาดใหญ่ “ศาลเจ้ายาซากะ”「YASAKA SHRINE(八坂神社)」อยู่ตรงหน้า ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่จัดงาน “เทศกาลกิออน”「GION MATSURI(祇園祭)」ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสามเทศกาลขนาดใหญ่ของเกียวโต ซึ่ง “ศาลเจ้ายาซากะ” ประตูนิชิโร「Yasaka-Jinja Shrine Nishiromon Gate(八坂神社西楼門)」ทางตะวันออกของถนนชิโจโดริ หน้าแยกกิออนนี้ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของย่านกิออนที่มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชม และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเป็นจำนวนมาก
เมื่อเดินข้ามทางม้าลายมา ก็ขึ้นบันไดไปประตูซากุระมง(นิชิโรมง)ของศาลเจ้ายาซากะ เมื่อมองหันกลับไปทางถนนชิโจ ก็จะเห็นวิวทางเดินที่เราได้เดินผ่านมา และบริเวณย่านกิออนได้ทั่วบริเวณเลยค่ะ
เมื่อรอดผ่านประตูซากุระมงที่สวยงามไปแล้ว ก็จะเข้าสู่บริเวณร้านค้าแผงลอยที่ขายอาหารต่างๆ มากมายทั้ง “โอเด้ง” “ทาโกยากิ” หรือ “ไส้กรอก” กลิ่นหอยโชยมาแต่ไกลเลยค่ะ
หลังจากเดินผ่านบริเวณร้านขายอาหารแผงลอยแล้ว ก็จะเจอที่ชำระล้างร่างกายอยู่ทางขวามือ โดยที่ชำระล้างร่างกายในศาลเจ้าจะมีไว้เพื่อชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ก่อนเข้าไปกราบไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง ซึ่งวิธีการก็ไม่ยาก โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.ถือกระบวยด้วยมือขวา และตักน้ำให้เต็ม จากนั้นนำน้ำมาล้างมือซ้าย
2.เปลี่ยนมือที่ถือกระบวยเป็นข้างซ้าย และล้างมือขวา
3.เปลี่ยนมาถือกระบวยมือขวาอีกรอบ เทน้ำใส่มือซ้ายพอประมาณ และทำการบ้วนปาก
4.ล้างมือซ้ายอีกรอบ
5.ตั้งกระบวยขึ้น โดยหันหน้ากระบวยเข้าตัว เพื่อให้น้ำไหลลงไปล้างที่จับกระบวย วางกระบวยไว้ที่เดิม เท่านี้ก็เรียบร้อย
“ศาลเจ้ายาซากะ” นี้เดิมทีถูกเรียกว่า「GIONSHA(祇園社)」มาก่อน และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “ศาลเจ้ายาซากะ”『YASAKA SHRINE(八坂神社)』ตั้งแต่ปีพ.ศ.2411 ซึ่งที่นี่ถือเป็นศาลเจ้าหลักในบรรดาศาลเจ้ายาซากะที่มีอยู่ในประเทศญี่ปุ่นถึง 3000 แห่ง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความโดดเด่นทางด้าน “การปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย” และ “การพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ”
ภายในบริเวณศาลเจ้าก็จะมีศาลเจ้าย่อยๆ อยู่อีกมากมายหลายจุด ลองเดินชมศาลเจ้าต่างๆ ก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะคะ และไหนๆ เราก็ได้มาที่ศาลเจ้ากันแล้ว ไปกราบไหว้สักการะขอพรกันเลยค่ะ
หลังจากชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็มาที่บริเวณศาลเจ้าหลัก(ที่มีระฆังและกล่องทำบุญอยู่หน้าอาคาร) โค้งคำนับเล็กน้อย 1 ครั้ง และโยนเหรียญใส่กล่องทำบุญ(ตามจิตศรัทธา โดยปกติประมาณ 5-50 เยน)จากนั้นสั่นสายระฆังที่ห้อยลงมา และทำการ
โค้งคำนับ 2:โค้งคำนับไปทางศาลเจ้า 2 ครั้ง
ปรบมือ 2:ปรบมือ 2 ครั้ง
โค้งคำนับ 1:อธิษฐานในใจ และโค้งคำนับอีก 1 รอบ
และที่สำนักงานศาลเจ้าก็จะมีเครื่องรางของขลังต่างๆ จำหน่ายอยู่ทั้ง “เซียมซี” และ “เซียมซีความรัก”(แต่ละชนิด 200 เยน), แผ่นไม้เอมะเขียนขอพร(500 เยน), เครื่องราง และแผ่นยันต์ต่างๆ
นอกจากนี้ศาลเจ้ายาซากะยังเป็นศาลเจ้าที่โดดเด่นเรื่องความรัก ที่มีคู่รักวัยรุ่นเดินทางมาขอพรกราบไหว้ หรือซื้อเครื่องรางกันอยู่ไม่น้อย
ในบรรดาศาลเจ้าย่อยๆ ที่มีอยู่มากมายนี้ จะมีศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้หญิงก็คือ “ศาลเจ้าอุสึคุชิโกะเซ็นชะ”「UTSUKUSHIGOZENSHA(美御前社)」ซึ่งที่ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีบ่อน้ำที่มีน้ำผุดขึ้นมาเองตามธรรมชาติให้ผู้ที่มากราบไหว้สักการะได้สัมผัสน้ำนี้ โดยมีความเชื่อว่าหากหยดน้ำสัมผัสผิวประมาณ 2-3 หยดก็จะทำให้ผิวภัณฑ์และจิตใจสะอาดงดงามจากภายนอกไปจนถึงภายใน ไมโกะ หรือ เกอิชา ในย่านกิออนก็มาที่บริเวณนี้เช่นกันค่ะ
และเมื่อเดินเข้าไปในศาลเจ้ายาซากะเรื่อยๆ ก็จะเจอ “สวนสาธารณะมารุยามะ”「MARUYAMA KOEN(円山公園)」ขนาดใหญ่ ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.2429 และถือว่าเป็นสวนที่เก่าแก่ที่สุดในเกียวโตเลยก็ว่าได้ โดยมี “ฮิงาชิยามะ” (ที่มีวัดน้ำใส และวัดโคไดจิ) เป็นพื้นหลังสวนแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่อยู่กลางสวนให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าสวนแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวคึกคักตลอดทั้งปี และช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาท่องเที่ยวกันมากที่สุดก็คือช่วงดอกซากุระบาน ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ไปจนถึงต้นเดือนเมษายน เป็นช่วงที่ดอกซากุระกว่าหลายร้อยต้นในสวนแห่งนี้บานสวยงาม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมดอกซากุระที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีร้านอาหารแผงลอยมาวางขาย สร้างบรรยากาศที่คึกครื้นมากเลยทีเดียว ซึ่งส่วนที่เป็นไฮไลท์ของการชมซากุระของที่นี่เลยก็คือ “ต้นชิดาเระซากุระ” ขนาดใหญ่ที่งดงามตระการตา
และพิเศษสุดๆ ในช่วงดอกซากุระบาน จะเป็นช่วงที่มีการฉายไฟซากุระยามค่ำคืนกันถึงเวลา 21:00 น. อีกด้วย ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ ค่ะ
หลังจากที่ได้เดินเที่ยวชมศาลเจ้ายาซากะ และสวนสาธารณะมารุยามะแล้ว เราจะเดินออกจากประตูมินามิโรมง(ทางใต้) ของศาลเจ้ายาซากะเพื่อไปอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของเกียวโตที่ “วัดโคไดจิ” กันค่ะ
ไม่ว่าจะเป็น “ประตูนิชิโรมง” หรือ “ประตูมินามิโรมง” ก็มีความยิ่งใหญ่และงดงาม แต่ที่นี่จะมีการประดับโคมไฟสวยงามอยู่ด้วยค่ะ
เดินออกจากประตูมินามิโรมงไปทางซ้ายมือ จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายที่ซอยแรก ก็จะเข้าสู่เส้นทางที่เรียกว่า “เนเนะ โนะ มิจิ”「NENE NO MICHI(ねねの道)」ซึ่งบริเวณนี้จะมีทั้งวัด หรือคาเฟ่น่ารักๆ ดูดีอยู่มากมายหลายร้าน โดยในช่วงนี้ได้มีการปรับปรุงให้เสาไฟฟ้าอยู่ใต้ดิน เฉพาะฉะนั้นทำให้บริเวณนี้ยิ่งได้บรรยากาศเมืองญี่ปุ่นสมัยโบราณเมื่อหลายร้อยปีก่อน เป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว
เดินจาก “สวนสาธารณะมารุยามะ” ไปตามถนนเนเนะโนะมิจิไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที เราก็จะเห็นทางบันไดอยู่ทางซ้ายมือ และเมื่อขึ้นบันไดนี้ไปก็จะเป็น “วัดโคไดจิ” ที่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของบริเวณฮิงาชิยามะ ของเกียวโตเลย
“วัดโคไดจิ” แห่งนี้นอกจากจะเป็นที่รู้จักว่าเป็น สถานที่ชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่โด่งดังแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่มีสิ่งก่อสร้างที่งดงามมากมายอย่างเช่น “สวนโฮโจ(方丈庭園)” หรือ ร้านน้ำชา “ชิกุเระเท(時雨亭)” อยู่อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของบริเวณภูเขาฮิงาชิยามะเทียบเคียง วัดน้ำใส หรือย่านกิออนเลยทีเดียว
ในครั้งต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ เที่ยวชม “วัดโคไดจิ” จากนั้นก็จะเดินเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในภูเขาฮิงาชิยามะ(東山) อย่างเช่น “Sanneizaka(産寧坂)” “Ninenzaka(二年坂)” และ “ศาลเจ้าจิชุ(地主神社)” กันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
【ตารางการเดินทาง Day2-3 SHIJO O BRIDGE/HANAMIKOJI DORI/YASAKA SHRINE】