ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day2-2 เที่ยวชม “วัดเท็นริว TENRYUJI” พร้อมชมป่าไผ่ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเกียวโต
OSAKA-KYOTO-OSAKA-AMANOHASHIDATE-OSAKA
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เข้าไปอยู่ในโลกแห่งการถ่ายทำภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่「TOEI KYOTO STUDIO PARK」หรือ โทเออิ เกียวโต สตูดิโอ พาร์คแล้ว
ต่อไปเราจะมุ่งไปเกียวโตเพื่อเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวไฮท์ไลท์อย่าง อาราชิยามะ ARASHIYAMA กัน
ICHIGO-CHAN ได้เดินดูรอบๆ เมืองที่เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์แล้ว ก่อนอื่นเราจะเดินทางไปป่าไผ่อาราชิยามะเพื่อทาน「YUBA」(TOFU SKIN) อาหารขึ้นชื่อของเกียวโตที่ร้าน「SAGA TOFU INE」หลังจากนั้นก็จะไป “วัดเท็นริว TENRYUJI” และเที่ยวชมรอบๆ ป่าไผ่ กันค่ะ
โดยปกติแล้วเราสามารถชม “ยามะซากุระ YAMAZAKURA” ได้ที่อาราชิยามะในช่วงกลางเดือนเมษายน แต่ด้วยสภาพอากาศของปีนี้ที่อากาศจะอบอุ่นกว่าปีอื่นๆ มาก ทำให้เราสามารถชม “กุหลาบพันปี” บานแบบเต็มที่เพื่อต้อนรับการเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิได้ในช่วงนี้
จาก「TOEI KYOTO STUDIO PARK」หรือ โทเออิ เกียวโต สตูดิโอ พาร์ค ไปอาราชิยามะ นั่งรถไฟรันเด็น RANDEN ไปประมาณ 10 นาที
ก่อนอื่นก็เดินย้อนกลับไปตามทางที่มาเพื่อกลับไปที่สถานีอุซุมาซะ โคริวจิ UZUMASA-KORYUJI รถไฟรันเด็น
นั่งรถไฟรันเด็นมาประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงสถานีอาราชิยามะ รถไฟรันเด็นเรียบร้อยแล้ว
ที่สถานีอาราชิยามะนี้จะมีรถไฟวิ่งอยู่ 3 สาย คือ
- JR SAGANO SANIN LINE
- HANKYU ARASHIYAMA LINE
- RANDEN ARASHIYAMA LINE
ซึ่งแต่ละสายจะเชื่อมไปสู่ในเมืองโตเกียวทั้งหมด JR SAGANO SANIN LINE จะเป็นรถไฟที่มาจาก KYOTO STATION หรือ NIJO STATION ส่วน HANKYU ARASHIYAMA LINE มาจาก SHIJO KAWARAMACHI หรือ อุเมดะ โอซาก้า และ RANDEN ARASHIYAMA LINE ที่สามารถเดินทางไปเที่ยว ศาลเจ้าคิตะโนะเท็มมังกู หรือเกียวโตฝั่งตะวันตกได้อย่างสะดวก เช่นที่ นิชิจิน อูซูมาซะ
สถานีรถไฟรันเด็นของสถานีรถไฟอาราชิยามะนี้เพิ่งปรับปรุงใหม่เมื่อไม่นานมานี้ สวยมากเลย
และที่นี่จะมีการประดับไฟ Light up ไปที่「KYO-YUZEN」กิโมโนชั้นดีของพื้นที่นี้ ที่มีการฉายไฟ「KYOTO KIMONO FOREST」ด้วยไฟกว่า 600 อัน ไปชมความสวยงามจากคลิปกัน คลิ๊กเลย Day1 ชิมฟีมือแท้จริงโอซาก้า เที่ยวป่าไผ่
ภายในสถานีรถไฟรันเด็น สถานีอาราชิยามะ ก็จะมีอาหารต่างๆ จำหน่ายอยู่มากมายทั้ง ลูกชิ้นแบบญี่ปุ่น「SURIMIAGE」(400 เยน)รสชาติต่างๆเช่น ปลาหมึก ชีส เบค่อน หรือมันบดเนย, ซาลาเปา(400 เยน)ไส้เนื้อแฮมเบิร์กและผักดองของขึ้นชื่อของเกียวโต เป็นต้น
ICHIGO-CHAN ก็เกือบจะอดใจไม่ไหวแล้วแต่เดี๋ยวเราจะต้องไปทานอาหารกลางวันกันเฉพาะฉะนั้นเราจะต้องไปต่อกันเลย
ออกจากสถานีมาทางขวามือ และตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 2 นาที และร้านที่อยู่ด้านขวามือของเราก็คือร้านอาหารเต้าหู้ชื่อดังของเกียวโตที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวกับร้าน『SAGA TOFU INE』
และได้คะแนนในเว็ปไซต์แนะนำร้านอาหารของญี่ปุ่น 3.65 คะแนนในคะแนนเต็ม 5 คะแนน ซึ่งภายในเว็ปไซต์นี้ร้านที่มีคะแนนเกิน 3.5 คะแนนนั้นมีอยู่เพียง 20% เท่านั้น
เข้าไปในร้านกันเลย ภายในร้านจะมีโต๊ะที่นั่งแบบ 4 คน ที่นั่งเป็นแบบเก้าอี้ทั้งหมด ซึ่งโต๊ะจะสามารถเคลื่อนย้ายได้เพราะฉะนั้นถึงจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่ก็สามารถต่อโต๊ะนั่งด้วยกันได้สบายเลยค่ะ
และในมุมหนึ่งของร้านมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์แบบติดหน้าต่าง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มากัน 1-2 คน สามารถชมวิวสวยๆ ของอาราชิยามะไปพร้อมๆกับทานอาหารที่แสนอร่อย
เมนูที่ร้านก็จะมีเมนูที่ใช้เต้าหู้แบบโฮมเมด เต้าหู้งา และผิวเต้าหู้หรือ “ยูบะ” อยู่ 5 เมนู เนื่องจากที่นี้เป็นร้านอาหารเต้าหู้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการใช้เนื้อใดๆ เป็นวัตถุดิบ เพื่อให้ได้ล้ิมลองความอร่อยของเต้าหู้ที่เป็นของขึ้นชื่อของเกียวโตอย่างเต็มที่
ICHIGO-CHAN เลือกเมนู 「Kyoto-style Tofu Skin Starchy Dish」(1720 เยน)
แค่อาหารที่มาเสิร์ฟนี้ก็ตกแต่งเหมือนเป็นศิลปะที่สวยงามของญี่ปุ่นเลย น่าถ่ายรูปมากๆ ซึ่งความอร่อยของอาหารญี่ปุ่นก็คือการ「ชมความสวยงาม」ไปพร้อมๆกับรสชาตินั้นเอง
ข้าวที่นี้ก็มีการใช้ธัญพืชทั้ง 5 ชนิดเช่น ข้าวบาเร่ห์ หรือ ข้าวฟ่าง ราดด้วยยูบะอังคาเกะ(ผิวเต้าหู้)「YUBA ANKAKE DON」และเต้าหู้ที่เรียกว่า “ฟู” แบบดิบ「NAMAFU DENGAKU」และเต้าหู้งา นอกจากนี้ก็มีเท็มปุระ และขนม วาราบิโมจิด้วยค่ะ
「Kyoto-style Tofu Skin Starchy Dish」ราคา 1720 เยน
ซึ่งเมนูทั้งหมดของร้าน「SAGA TOFU INE」ราคาจะต่ำกว่า 2000 เยน ไม่แพงมากเลยแต่ได้ล้ิมลองอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ยังไงลองไปทานดูนะคะ
พนักงานที่นี้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย และให้การต้อนรับลูกค้าเป็นอย่างดีรวมถึงลูกค้าชาวต่างชาติด้วยค่ะ
หลังจากที่ท้องอิ่มแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อเลย ออกจากร้าน「SAGA TOFU INE」ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ก็คือ “วัดเท็นริว「TENRYUJI」” เลย วัดเท็นริวจินี้จะมีสวนที่สามารถเพลิดเพลินกับดอกไม้ในฤดูต่างๆ ทั้งซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี ฯลฯได้
ซึ่งปกติแล้วเราสามารถชมดอกยามะซากุระได้ในช่วงกลางเดือนเมษายน แต่ปีนี้อากาศที่ญี่ปุ่นจะอุ่นกว่าปีอื่นๆ แต่เราก็สามารถชมดอกกุหลาบพันปีได้แทนยามะซากุระค่ะ
วัดใหญ่ที่ญี่ปุ่นก็จะมีลักษณะเหมือนวัดไทยตรงที่ ภายในบริเวณวัดจะมีวัดเล็กๆหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ แยกออกไปอยู่ในที่ต่างๆ
ซึ่งที่วัดเท็นริวขนาดใหญ่นี้ ภายในวัดจะมีวัดเล็กๆหรือสิ่งก่อสร้างแยกออกไป 6 อันและด้านนอกอีก 2 อันรวมเป็น 8 อัน และหนึ่งในนั้นคือ『KOGENJI』ที่มีทั้งสวนสวยงาม และภาพญี่ปุ่นอยู่ภายในวัด
และด้านในวัดเล็กๆต่างๆ ก็จะมีวัดหลักของ『TENRYUJI』
จากตรงนี้เราจะสามารถเข้าไปในส่วนต่างๆ เช่น OHOJO(large guest house) สามารถชมสวนจากอาคาร หรือดารุมะตาโตแบบในรูปด้านขวาได้ ในกรณีที่ต้องการเข้าไปในส่วนนี้จะต้องเสียค่าเข้านอกจากค่าเข้าชมสวนเพิ่มอีก 100 เยน
และด้านข้างอาคารที่เป็นบ้านของพระก็คือทางเข้าสวนค่ะ ค่าเข้าชมเฉพาะสวนราคา 500 เยน ซื้อบัตรที่จุดจำหน่ายบัตรและเข้าไปด้านในกันเลย
ก่อนอื่นเมื่อเข้าไปด้านในก็จะเจอสวนหินสไตล์「KARESANSUI」หรือ “คาเระซันซุย” อยู่ด้านซ้ายมือ สวน “คาเระซันซุย” นี้เป็นสวนที่ไม่ใช้น้ำ แต่ใช้หินและทรายมาตกแต่งในเกิดทัศนียภาพที่คล้ายน้ำและภูเขา
และเมื่อเข้าไปอีก ก็จะเจอกับสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของวัดนี้ กับสวน「SOGENCHI GARDEN」เป็นการสร้างสวนตกแต่งรอบๆ บ่อน้ำโซเก็นจิ อย่างสวยงาม และมีนักท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติเดินทางมาชมความสวยงามของสวนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก นอกจากซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว สวนที่นี้สามารถชมได้ทุกฤดู ซึ่งในแต่ละฤดูก็จะให้บรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป
สวนที่ถูกตกแต่งรอบๆ บ่อน้ำนี้จะสามารถชมวิวภูเขา「ARASHIYAMA」และ「KAMEYAMA」ที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งสวนที่ถูกตกแต่งแบบนี้เป็นสวนแบบพิเศษของญี่ปุ่นที่เรียกว่า ชักเกอิ「SHAKKEI」สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อเกือบ 700 ปีที่แล้ว และในหนังสือบันทึกสมัยโบราณก็ได้เขียนอธิบายถึงความสวยงามของสวนนี้อยู่ด้วย
เมื่อเดินจากอาคารหลักและ OHHOJO(large guest house) หรือ โอโฮโจ ตามทางเดินยาวๆ มาเรื่อยๆ ก็จะมุ่งไปสู่อาคารที่ชื่อว่า TAHODEN หรือ ทะโฮเด็น ทั้งสองฝั่งทางเดินก็จะมีต้นไม้ญี่ปุ่นเขียวชอุ่มกำลังแตกใบอย่างสวยงามอยู่ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่เป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะสามารถชมความสวยงามของใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง แดง และส้ม กลายเป็นอุโมงค์ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามเลยค่ะ
น่าเสีนดายที่เราไม่สามารถชมซากุระได้ แต่รอบๆ ทะโฮเด็น จะมีดอกไม้ที่บานในฤดูใบไม้ผลิมากมาย ทั้งดอก JAPANESE WISTERIA ดอกกุหลายพันปี หรือดอก SHAKUNAGE ต่างๆ ที่ไม่สามารถหาชมได้ในประเทศไทยให้ได้ชมกันอย่างเต็มอิ่มเลยค่ะ
และเลย ทะโฮเด็น ไปก็จะมี 「TENRYUJI KITAMON」จากตรงนี้ไปจะเป็น「CHIKURIN NO KOMICHI」ทันที ซึ่งทั้งฝั่งซ้ายและขวาเราสามารถเพลิดเพลินไปกับป่าไผ่ โดยเฉพาะทางฝั่งซ้ายมือเลยค่ะ
เมื่อออกมาจาก KITAMON แล้วก็จะเห็นป่าไผ่อยู่ด้านซ้ายมือทันที นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมากๆ หาโอกาสถ่ายรูปช่วงที่ไม่มีคนแทบไม่ได้เลยค่ะ
และเมื่อเดินมาประมาณ 3 นาที นักท่องเที่ยวที่อยู่รอบๆ นี้ก็จะเริ่มจางหายไป ช่วงนี้เราสามารถถ่ายรูปคู่กับป่าไผ่ได้อย่างเต็มที่และสวยมากๆเลยค่ะ ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้วก็ลองเดินเข้าไปลึกๆ ดูนะคะ
ครั้งต่อไป เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมรอบๆ อาราชิยามะกันต่อค่ะ ภายในป่าไผ่นี้มีทั้ง 「ศาลเจ้าโนโนมิยะ」「TOGETSUKYO」และ「ARASHIYAMA MONKEY PARK IWATAYAMA」อยู่ด้วยค่ะ
【ตารางการเดินทาง Day2-2 TENRYUJI TEMPLE/CHIKURIN NO KOMICHI/NOMIYA JINJA】