Day2-2 ทาน “ไข่ดำ” ของขึ้นชื่อของโอวากุดานิ พร้อมนั่งกระเช้าลอยฟ้าเดินทางไปยัง “โทเก็นได” จุดขึ้นเรือทัศนาจร

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day2-2 ทาน “ไข่ดำ” ของขึ้นชื่อของโอวากุดานิ พร้อมนั่งกระเช้าลอยฟ้าเดินทางไปยัง “โทเก็นได” จุดขึ้นเรือทัศนาจร

TOKYO-HAKONE­-GOTEMBA-KAWAGUCHIKO/FUJI-TOKYO

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้นั่งรถไฟด่วนพิเศษ ROMANCECAR ของรถไฟโอดะคิวออกจากสถานีชินจุกุ ตามด้วย รถไฟฮาโกเน่โทซัง และ กระเช้าลอยฟ้าสายฮาโกเน่ แล้ว ระหว่างการเดินทางก็ได้ชมทั้งวิวสวยๆ และทานข้าวกล่องญี่ปุ่นบนรถไฟ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึงหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของฮาโกเน่ที่ “โอวาคุดานิ” เป็นที่เรียบร้อย

Day2-1 เดินทางออกจากชินจุกุไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของฮาโกเน่ที่ “โอวากุดานิ”

“โอวาคุดานิ” เป็นที่รู้จักจาก「KUROTAMAGO:黒たまご(ไข่ดำ)」นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถชมควันที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในประเทศไทยที่ไม่มีภูเขาไฟมากมายแบบญี่ปุ่น

การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วย「ฟูจิฮาโกเน่พาส」ในตอนที่ 6 นี้ ICHIGO-CHAN จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมภายในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของฮาโกเน่ที่ “โอวากุดานิ” กันค่ะว่า「KUROTAMAGO:黒たまご(ไข่ดำ)」ที่พูดถึงนี้มันจะหน้าตาเป็นยังไง ไปดูกันเลย

นั่งกระเช้าลอยฟ้าจากสถานีโซอุนซังมาเป็นเวลา 8 นาที บริเวณวิวด้านล่างกระเช้าจะได้ชมวิวจิโกกุดานิที่มีควันพุ่งออกมา พร้อมวิวใบไม้เปลี่ยนสีจางๆ แปปเดียวเท่านั้นก็เดินทางมาถึง『โอวากุดานิ (OWAKUDANI)』เป็นที่เรียบร้อย

“โอวากุดานิ” นี้เป็นพื้นที่ที่มีใบไม้เปลี่ยนสีหลงเหลืออยู่เล็กน้อย พร้อมกลิ่นกำมะถันจากภูเขาไฟจากควันที่พุ่งออกจากพื้นดิน เป็นพื้นที่ที่จะได้สัมผัสภูเขาไฟฮาโกเน่ได้อย่างใกล้ชิด ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เมื่อลงจากกระเช้าลอยฟ้าสายฮาโกเน่แล้ว ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ เพื่อไปที่ทางออกสถานีโอวากุดานิ ซึ่งบริเวณระเบียงหน้าทางออกสถานีจะเห็นควันพุ่งออกมาจากทั่วบริเวณเลยค่ะ

ซึ่งภูเขาไฟฮาโกเน่ยังคงเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ โดยเริ่มมีปฏิกิริยาตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายนปีพ.ศ.2558 และได้มีการจัดระเบียบในการเข้าไปในโอวากุดานินานถึง 10 เดือน และเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้ท่องเที่ยวเพียงส่วนหนึ่งตั้งแต่เดือนเมษายน ปีพ.ศ.2559 ซึ่งในปัจจุบันได้มีควันพุ่งออกมาจากพื้นดินเพิ่มมาขึ้นกว่าเมื่อก่อน ทำให้ได้สัมผัสกลิ่นอายของภูเขาไฟมากขึ้นไปอีก

ซึ่งการเข้าท่องเที่ยวถูกจำกัดลงมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน โดยสามารถท่องเที่ยวได้ในรัศมี 200 เมตรจากกระเช้าลอยฟ้าสายฮาโกเน่สถานีโอวากุดานิ แต่ควันต่างๆ ที่พุ่งอยู่บริเวณนี้ก็มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากๆ

ก่อนอื่นเราจะลงบันไดจากสถานีโอวากุดานิไปที่ลานกว้าง ซึ่งบริเวณรอบๆ ลานกว้างนี้จะมีร้านจำหน่ายของฝาก หรือร้านกาแฟต่างๆ มากมายอย่างเช่นร้าน「GOKURAKUCHAYA(極楽茶屋)」หรือ「KUROTAMOGOKAN(黒たまご館)」นักท่องเที่ยวคึกคักเป็นพิเศษเลยค่ะ

และหากได้มา “โอวากุดานิ” สิ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ「KUROTAMAGO:黒たまご(ไข่ดำ)」(5 อัน 500 เยน)ค่ะ ซึ่งไข่ดำนี้จะจำหน่ายอยู่ที่ต่างๆ ภายในบริเวณนี้ทั้งที่ร้าน「GOKURAKUCHAYA(極楽茶屋)」หรือ「KUROTAMOGOKAN(黒たまご館)」ก็มีเช่นกัน ซึ่งเป็นการนำไข่ไปต้มในพื้นที่น้ำพุร้อนที่อุณภูมิประมาณ 80℃ ประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็นำไปนึ่งที่บริเวณปล่องไปจนได้ที่ หอมอร่อยและความนุ่มกำลังพอดีมากๆ

ด้วยปฏิกิริยาของไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่ออกมาจากปากปล่องไฟทำให้ผิวไข่เป็นสีดำซึ่ง「KUROTAMAGO:黒たまご(ไข่ดำ)」นี้เป็นสินค้าขึ้นชื่อที่สุดในโอวากุดานินั่นเอง ไข่หนึ่งถุงจะมีเกลือมาให้ทานพร้อมไข่ และมีความเชื่อว่าหากได้ทาน “ไข่ดำ” ไปหนึ่งฟอง อายุก็จะยืนไปอีก 7 เลยก็ว่าได้ค่ะ

และที่บริเวณข้างๆ ร้าน KUROTAMOGOKAN จะมี「SHISEN NO YU(神泉の湯)」ที่ทำจากหิน เป็นออนเซ็นที่ผุดออกมาจากใต้ผืนดินลึกของโอวาคุดานิ และที่ข้างๆ「YUKAKE JIZOU(湯かけ地蔵)」ซึ่งมีความเชื่อว่าหากนำกระบวยตักน้ำมาราดพระพุทธรูปหินก็จะช่วยชำระสิ่งไม่บริสุทธิ์ที่อยู่ในจิตใจหรือร่างกายได้นั่นเอง

และที่ด้านข้าง「SHISEN NO YU(神泉の湯)」จะมีศาลเจ้าขนาดเล็กที่ชื่อว่า「ENMEIJIZOSON(延命地蔵尊)」ซึ่งเดิมทีได้มีพระสงฆ์เดินทางมายังที่แห่งนี้ และรู้สึกสะเทือนใจกับภาพที่ได้เห็นว่า บริเวณนี้เหมือนกับนรกที่ร้อนระอุ ดังนั้นจึงได้แกะสลักพระโพธิสัตว์หนึ่งองค์ไว้ อธิษฐานเพื่อความอยู่รอดของผู้คน

หลังจากนั้น ENMEIJIZOSON(延命地蔵尊) ก็ได้ถูกเรียกว่า「ENMEIKOSODATENOJIZO(延命子育ての地蔵)」และอยู่คู่ผู้คนมาช้านาน

และในพื้นที่บริเวณโอวากุดานิที่มีท่องเที่ยวมากมายนี้ ก็มีร้านอาหารกลางวันอร่อยๆ อยู่หลายร้าน ซึ่งร้านที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษก็คือร้านที่อยู่หน้าลานกว้างกับร้าน “โกคุราคุฉะยะ”『GOKURAKUCHAYA(極楽茶屋)』

ที่มีเมนูต่างๆ ให้ได้เลือกทานในราคาสบายกระเป๋า

และในวันที่อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส เพื่อนๆ ก็สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้จากร้าน「GOKURAKUCHAYA(極楽茶屋)」ภายในร้านมีที่นั่งแบบโต๊ะเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 45 ที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ยืนทานอีกด้วย

การสั่งอาหารจะเป็นแบบซื้อคูปองอาหาร ก่อนอื่นก็เลือกเมนูที่ต้องการทานได้จากตู้โชว์ที่อยู่หน้าร้านเลย และที่ด้านหลังเมนูจะถูกเขียนตัวเลขไว้ อย่างเช่น「親子丼 13 (ข้าวหน้าโอยาโกดง 13)」・「極楽丼 4  (ข้าวหน้าโกคุราคุ 4)」เป็นต้น จากนั้นก็ใส่เงินเข้าไปในเครื่องจำหน่ายคูปองอาหาร และกดตัวเลขตามเมนูที่ต้องการ เท่านี้ก็เรียบร้อย เมื่อได้รับคูปองแล้ว ก็ยื่นคูปองให้ที่ช่องสั่งอาหาร เท่านั้นก็ได้อาหารเลย

ส่วน ICHIGO-CHAN ก็สั่งเมนูราเม็งดำ「KURO RAMEN(黒ラーメン)」(800 เยน)เข้ากับสินค้าขึ้นชื่อของที่นี่อย่าง “ไข่ดำ” เลย ทั้งน้ำซุปหมู และเส้นราเม็งดำ มีความกลมกล่อม หอมอร่อยเข้ากันสุดๆ ซึ่งภายในราเม็งจะมีไข่ดำใส่เอาไว้ด้วย เป็นเมนูที่ทานได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเมนูเด่นของร้านที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว

ซึ่งร้าน「GOKURAKUCHAYA(極楽茶屋)」นี้ นอกจากร้านอาหารแล้ว ก็ยังมีร้านจำหน่ายของฝากอยู่ด้วย ทั้ง “ซาลาเปาไข่ดำ”「KUROTAMAGO MANJU(黒たまご饅頭)」(ราคาตั้งแต่ 650 เยน ขึ้นอยู่กับชนิด)หรือขนมรสวาซาบิ นอกจากนี้ยังมีขนมแบบทั่วไปอย่าง “โคโรโระ” หรือ “คิทแคท” จำหน่ายอยู่อีกด้วย โดยการชำระเงินนั้นสามารถชำระได้ทั้งเงินสด และบัตรเครดิต นอกจากนี้ยังสามารถชำระด้วย UnionPay หรือ อาลีเพย์ ได้อีกด้วย

หลังจากที่ได้ทานอาหารกลางวัน และช้อปของฝากแล้ว ต่อไปเราจะเดินทางไปยังอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของฮาโกเน่ที่ “โทเก็นได”「TOGENDAI(桃源台)」ที่เป็นสถานที่ขึ้นเรือทัศนาจรชมทะเลสาบอาชิ

โดยออกจากร้าน GOKURAKUCHAYA(極楽茶屋) ไปทางขวามือ จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ กลับไปทางกระเช้าลอยฟ้าสถานีโอวากุดานิกันค่ะ เมื่อเข้ามาในสถานีโอวากุดานิแล้ว ก็เดินไปที่ชานชาลา「のりば② 桃源台行(จุดขึ้นหมายเลข ② มุ่งหน้าไปยัง โทเก็นได)」และแสดง「ฟูจิฮาโกเน่พาส」ให้เจ้าหน้าที่สถานีที่ช่องตรวจตั๋ว จากนั้นก็ไปที่ชานชาลากระเช้าลอยฟ้าเลยค่ะ

ซึ่งกระเช้าลอยฟ้านี้สามารถจุคนได้ 18 คน และออกเดินทางทุกๆ 1 นาที ในช่วงเดือนมีนาคม ไปจนถึง เดือนพฤศจิกายน จะเปิดให้บริการ 9:00-17:00 น. ส่วนช่วงเดือนธันวาคม ไปจนถึง เดือนกุมภาพันธ์ จะเปิดให้บริการ 9:00-16:15 น.

การเดินทางจาก “สถานีโอวากุดานิ” ไปยัง “สถานีโทเก็นได” จะใช้เวลาในการเดินทาง 16 นาที ลอยอยู่กลางอากาศ สามารถชมวิวกลุ่มควันที่พุ่งอยู่บริเวณโอวากุดานิ ทะเลสาบอาชิ นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติในฤดูต่างๆ อย่างซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้ที่เขียวชอุ่มในช่วงฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และหิมะในฤดูหนาว จากหน้าต่างบานใหญ่ได้อย่างชัดเจน

ซึ่งเราได้นำคลิปบรรยากาศระหว่างการเดินทางมาฝากเพื่อนๆ ด้วยค่ะ คลิ๊กเลย !

และหากโชคดี ก็จะได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิจากกระเช้าลอยฟ้านี้อีกด้วย ซึ่งช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่อากาศปลอดโปร่งเหมาะสำหรับการชมวิวภูเขาไฟฟูจิเป็นอย่างยิ่ง โดยโอกาศในการได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิในช่วงตั้งแต่เดือนธันวาคม ไปจนถึง เดือนมีนาคม อยู่ที่มากกว่า 50% เลยทีเดียว

เดินทางจาก “โอวากุดานิ” ที่อยู่บนความสูงมากกว่า 1000 เมตร มาที่ “โทเก็นได” บนความสูง 741 เมตร ซึ่งใช้เวลาในการเดินทาง 16 นาที ชมวิวสวยๆ ไปเพลินๆ ก็เดินทางมาถึงทะเลสายอาชิสีครามเป็นที่เรียบร้อย

จากบริเวณริมฝั่งทะเลสาบอาชินี้จะเป็นจุดที่สามารถขึ้นเรือทัศนาจรที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ในการ์ตูนเรื่อง “วันพีช” เลยค่ะ โดยเรือทัศนาจรที่เชื่อมระหว่าง “โทเก็นได” และสถานที่ท่องเที่ยวของฮาโกเน่อย่าง “ท่าเรือโมโตะ-ฮาโกเน่โก” หรือ “ท่าเรือฮาโกเน่-มาจิ” นั้นจะวิ่งวันละ 8-12 เที่ยว(อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับฤดูกาล)

จาก “โทเก็นได” ไปยัง “ท่าเรือฮาโกเน่-มาจิ” :25 นาที

จาก “โทเก็นได” ไปยัง “ท่าเรือโมโตะ-ฮาโกเน่โก” :35 นาที

เป็นการร่องเรือท่องเที่ยวระยะสั้นที่สามารถเที่ยวชมทะเลสาบอาชิ และภูเขาไฟฟูจิได้พร้อมๆ กันเลยทีเดียว

และในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปนั่ง “เรือทัศนาจรฮาโกเน่”「HAKONE KAIZOKUSEN」กันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪

【ตารางการเดินทาง Day2-2 OWAKUDANI/HAKONE KAIZOKUSEN】

PASS ที่ใช้ใน TRIP นี้ “ฟูจิฮาโกเน่พาส”

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶