เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day2-2 เที่ยวชมหมู่บ้านโบราณแห่งมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” พร้อมทานอาหารขึ้นชื่อของพื้นที่
NAGOYA- TAKAYAMA- SHIRAKAWAGO- TOYAMA- ALPENROUTE- MATSUMOTO- TSUMAGOJUKU- NAGOYA
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/1%28262%29.jpg)
พาสสุดคุ้มที่ใช้ในการท่องเที่ยวในทริปนี้ก็คือ พาสที่จำหน่ายโดยบริษัทรถไฟญี่ปุ่นตอนกลาง Central Japan Railway Company หรือ JR TOKAI กับพาสสุดคุ้ม『Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass』
หากเดินทางจากประเทศไทย บินตรงมายัง “นาโกย่า” สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวยัง “เกโระออนเซ็น Gero Onsen” ที่อยู่ท่ามกลางหมู่เขา “ฮิดะทาคายาม่า” “โทยามะ” หรือ เส้นทางรถไฟที่เชื่อมระหว่าง เมืองพักแรมที่เรียกว่า “คิโซะจิ KISOJI” อย่าง “เส้นทางอัลไพน์” “มัตสึโมโตะ” “นาราอิจุกุ” หรือ “ซึมาโกะจุกุ” ได้เท่านั้นไม่พอยังสามารถ นั่งยานพาหนะของเส้นทางอัลไพน์ได้ไม่อั้นอีกด้วย(อย่างเช่น กระเช้าลอยฟ้า เป็นต้น)
ยกตัวอย่างการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟ「LIMITED EXPRESS WIDE VIEW HIDA」จาก นาโกย่า ไป โทยามะ ราคาปกติจะอยู่ที่ 7650 เยน(ช่วงเวลาปกติ・Reserved Seat)และนั่งรถไฟจากโทยามะ ไปจนถึงเส้นทางอัลไพน์ และผ่านเข้าสู่เมือง Shinano Omachi(信濃大町) ฝั่งจังหวัดนางาโนะ ปกติอยู่ที่ 10,850 เยน รวมราคาแล้วเป็น 18,500 เยน แค่คิดเพียงเท่านี้ก็แทบจะคืนทุนได้เลยทีเดียว
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/2%28223%29.jpg)
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เที่ยวภายในเมือง “ทาคายาม่า” ทั้งบรรยากาศบ้านเมืองเก่าแก่ของญี่ปุ่นสมัยโบราณ และตลาดเช้ามิยางาวะที่เต็มไปด้วยร้านอาหารแผงลอย หรือ ร้านขายของฝากต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอาหาร “ทาคายาม่า” ที่มีทั้ง “เนื้อฮิดะ HIDA GYU” หรือ “ทาคายาม่าราเม็ง” ถึงจะเป็นช่วงระยะเวลาไม่นานแต่ก็ได้สัมผัสเมืองทาคายาม่าอย่างเต็มที่
ซึ่งทริปในครั้งนี้จะเป็นการท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วยพาส「Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass」ในตอนที่ 5 เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชม “ชิราคาวาโกะ” ที่รอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ หุบเขาที่อุดมสมบูรณ์ ชมบ้านสไตล์หลังคาฟางภูมิปัญญาของคนในเมืองชิราคาวาโกะ
“ชิราคาวาโกะ” ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น ที่จะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของพื้นที่แห่งนี้ได้ในทุกๆ ฤดูที่แตกต่างกันออกไป
จุดเริ่มต้นของต้นไม้ใบหญ้าและดอกซากุระ ใน “ฤดูใบไม้ผลิ”
ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธรรมชาติที่เขียวชอุ่มใน “ฤดูร้อน”
ดอกดาวกระจาย และใบไม้เปลี่ยนสี ใน “ฤดูใบไม้ร่วง”
และหิมะที่ขาวโพลนใน “ฤดูหนาว”
เพื่อชมความสวยงามทั้ง 4 ฤดูของประเทศญี่ปุ่น
ในครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมการเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วงในช่วงดอกดาวกระจายที่สวยงามที่ “ชิราคาวาโกะ” กันค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/3%28203%29.jpg)
การเดินทางจาก “ทาคายาม่า” ไปยัง “ชิราคาวาโกะ” นั้น แนะนำว่าเดินทางด้วยรถบัสจะสะดวกที่สุดค่ะ โดย ณ ข้อมูลปัจจุบัน เดือนตุลาคม ปีพ.ศ. 2561 รถบัสจะวิ่งวันละ 16 เที่ยว สามารถนั่งรถบัสจาก “Takayama Nohi Bus center” ที่อยู่ข้างสถานีทาคายาม่าได้เลย ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางไป “Shirakawa-go Bus Terminal” ประมาณ 50 นาที รถบัสที่มุ่งหน้าจากทาคายาม่าไปชิราคาวาโกะจะออกตัวจากจุดขึ้นรถหมายเลข 4 สามารถนั่งรถบัสที่มุ่งหน้าไปสู่ “โทยามะ” “คานาซาว่า” หรือ “ชิราคาวาโกะ” เพื่อไป “ชิราคาวาโกะ” ได้ทั้งหมด ไม่ว่ารถบัสคันไหนก็จะเป็นที่นั่งแบบ 4 แถวReclining Seat รับรองว่าสามารถนั่งแบบสบายๆ ได้ตลอดการเดินทางเลย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/4%28202%29.jpg)
เมื่อรถบัสออกตัวจากฮิดะทาคายาม่ามาซักพัก ก็จะเริ่มเข้าสู่เส้นทางด่วน วิวที่จะได้ชมระหว่างการเดินทางก็จะเป็นวิวป่าเขาที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ ที่ไม่สามารถสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ได้จากในเมืองโอซาก้า หรือโตเกียว ยิ่งหากเข้าสู่ช่วงตั้งแต่ฤดูหนาว ไปจนถึง ฤดูใบไม้ผลิ สามารถชมหมู่เขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ได้นั่งชมวิวธรรมชาติของญี่ปุ่นไประหว่างทาง 50 นาที ก็รู้สึกว่าแปปเดียวมากๆ และเราก็ได้เดินทางมาถึง“Shirakawa-go Bus Terminal” เป็นที่เรียบร้อย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/5%28211%29.jpg)
ที่แห่งนี้เป็นเทอร์มินอลบัสที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2555 มีสำนักงานให้ข้อมูลการท่องเที่ยว พร้อมสตาฟที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ นอกจากนี้ยังมีแผนที่ภายในหมู่บ้านชิราคาวาโกะที่เป็นภาษาต่างประเทศอยู่มากมายหลายภาษา และที่สำคัญคือ มีภาษาไทยด้วยค่ะ เท่านั้นไม่พอยังมีที่แลกเงินด้วย แน่นอนว่าสามารถแลกเงินไทยเป็นเงินเยนได้เช่นกันค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/6%28211%29.jpg)
ถึงแม้ว่าที่ “Shirakawa-go Bus Terminal” นี้จะมีตู้ล๊อคเกอร์หยอดเหรียญฝากสัมภาระเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ตู้จะเต็มค่ะ เพราะว่านักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะมากๆ เพราะฉะนั้นเราจะไปฝากของที่จุดฝากของที่อยู่หลัง “Shirakawa-go Bus Terminal” กันค่ะ สามารถฝากกระเป๋าขนาดใหญ่ได้เช่นกัน ราคาจะอยู่ที่กระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ 500 เยน แต่ทว่าจุดฝากสัมภาระนี้จะเปิดปิดเป็นเวลาต่างจากล๊อคเกอร์คือจะปิดให้บริการเวลา 17:00 น. เพราะฉะนั้นจะต้องมารับสัมภาระคืนภายในเวลา 17:00 น. นะคะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/7%28210%29.jpg)
ซึ่งภายในแผนที่ภาษาไทย จะบอกสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไว้อย่างละเอียด ซึ่งจุดที่ ICHIGO-CHAN คิดว่าเพื่อนๆ ไม่ควรพลาดเลยก็คือจุดที่อยู่ในวงกลมสีส้ม ทั้ง 2 จุด หนึ่งจุดจะตั้งอยู่หลังเทอร์มินอลบัสที่อยู่ในวงกลมสีแดง ก็คือ “จุดชมวิว Tensyukaku View Point” (ในวงกลมสีส้มด้านซ้าย)ที่สามารถเดินขึ้นเขาไปดูได้ และอีกจุดหนึ่งก็คือ “คันมาจิ”「KANMACHI(かんまち)」ที่เพื่อนๆ จะได้ชมวิวบ้านหลังคาฟางที่เรียงกันอยู่สามหลังไฮท์ไลท์ของหมู่บ้านแห่งนี้(ในวงกลมสีส้มด้านขวา)
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/8%28213%29.jpg)
ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ก่อนจะไปที่ “คันมาจิ”「KANMACHI(かんまち)」เราจะขอไปทาน “โซบะนวดมือ Teuchi Soba(手打ちそば) ” ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของชิราคาวาโกะกันก่อนเลย โดยเดินออกจากบัสเทอร์มินอลไปทางซ้ายมือ เพื่อเดินไปทางหมู่บ้าน เดินตรงไปตามถนนหลักของหมู่บ้านชิราคาวาโกะเลยค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/9%28209%29.jpg)
เมื่อเดินมาซักพักเราก็จะได้เห็นบ้านโบราณทรงสามเหลี่ยมหลังคาฟางที่เรียกว่า “กัสโชซูคุริ” เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านแห่งนี้กับบ้าน「วาดะ」อยู่ทางซ้ายมือ『SHIRAKAWA-GO』
ซึ่ง “กัสโชซูคุริ” นี้จะเป็นภูมิปัญญาของคนในหมู่บ้านที่สร้างบ้านด้วยหลังคาฟางทรงสามเหลี่ยม โดย “กัสโช合掌” ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “ไหว้” มาจากหลังคาทรงสามเหลี่ยมที่เหมือนกับการไหว้นั่นเอง
ย้อนอดีตไปเมื่อ 150 กว่าปีก่อน “บ้านวาดะ” ถูกสร้างขึ้นในช่วงท้ายยุคเอโดะ ซึ่งเป็นบ้านที่ยังคงถูกใช้เป็นที่พักอาศัยอยู่จนถึงปัจจุบัน คนทั่วไปสามารถเข้าชมภายในบ้านเพื่อสัมผัสถึงภูมิปัญญาและวิธีชีวิตของคนในหมู่บ้านนี้ได้ นอกจาก บ้านวาดะ นี้ก็ยังมีบ้านหลักๆ ของหมู่บ้านแห่งนี้อยู่คือ「บ้านคันดะ」และ「บ้านนางาเสะ」เป็นต้น
เพื่อนๆ สามารถอ่านรีวิวบ้าน “วาดะ” ที่เราได้รีวิวเอาไว้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิได้ที่นี่ คลิ๊กเลย!
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/10%28214%29.jpg)
เมื่อเดินไปตามทางถนนหลักเรื่อยๆ ก็จะเจอสามแยกใหญ่ หากเลี้ยวไปทางซ้ายมือ ก็จะมีบ้านสไตล์ “กัสโชซูคุริ” เรียงกันอยู่มากมาย อาจจะอ้อมเล็กน้อยแต่ไหนๆ ก็มาแล้วลองแวะถ่ายรูปดูซักหน่อยก็ดีนะคะ
หากพูดถึงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น หลายๆ ก็คงก็จะต้องนึกถึง “ใบไม้เปลี่ยนสี” ใช่ไหมคะ ซึ่งที่ชิราคาวาโกะนี้ สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้ ในช่วงเดือนกันยายน ไปจนถึงต้นเดือนตุลาคมจะเป็นช่วงของ “ดอกดาวกระจาย” ที่เปรียบเสมือนเป็นซากุระในฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง จะได้ชมและถ่ายรูปดอกไม้ไปพร้อมๆ กับบ้านโบราณทรง “กัสโชซูคุริ” ได้อย่างสวยงามเลยค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/11%28221%29.jpg)
ซึ่งระหว่างเดินเล่นอยู่ เราก็จะเห็นว่าแต่ละบ้านประดับหมวกร่มสาน “ซุเกะคาซะ” หรือ “วาราจิ”(รองเท้าสานโบราณ)ให้ได้บรรยากาศมากขึ้น
และเมื่อเลี้ยวซ้ายที่ถนนใหญ่แล้ว เดินไปจนสุดทางก็ให้เลี้ยวไปทางขวามือ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/12%28219%29.jpg)
เดินไปซักพักก็จะเจอ “วัดมิโยเซนจิ”「Myozenji(明善寺)」อยู่ทางด้านซ้ายมือ
เป็นวัดที่มีประตูซากุระมงที่เป็นหอระฆัง หลังคาฟางตามแบบบ้านต่างๆ ในบริเวณนี้ ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2291 เมื่อ 270 ปีที่ผ่านมา เพียงแค่เสียค่าเข้าชม 300 เยนก็สามารถเข้าชมภายในอาคารวัดสไตล์ “กัสโชซูคุริ” ได้พร้อมๆ กับวิวบ้านที่อยู่รอบๆ ได้อีกด้วย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/13%28214%29.jpg)
การเดินไปสะพาน「Deai Bridge(であい橋)」นั้นจะต้องเดินเลยวัด “วัดมิโยเซนจิ”「Myozenji(明善寺)」ไปที่สามแยกและเดินไปทางขวามือ จากนั้นก็จะเจอสี่แยกเล็กๆ อยู่ระหว่างทางให้เดินตรงไป ด้านซ้ายมือคือ “โคเอมง” 『KOEMON』ที่เป็นที่พักชาวบ้านที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักค้างคืนได้ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถพักในบ้านสไตล์ “กัสโชซูคุริ” ได้อีกด้วย
ถึงแม้ว่าเว็บไซต์ของที่พักแห่งนี้จะเป็นภาษาญี่ปุ่น และสามารถจองด้วยเอกสารภาษาอังกฤษจากการส่ง FAX เท่านั้น ซึ่งจะมีความยุ่งยากเล็กน้อย แต่รับรองว่าหากเพื่อนๆ ได้พักบ้านสไตล์ “กัสโชซูคุริ” แบบนี้เพื่อนจะได้รับประสบการณ์ดีๆ ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/14%28218%29.jpg)
เมื่อเดินตรงผ่านสี่แยกใหญ่ไปก็จะเจอสะพาน “เดะไอ”「Deai Bridge(であい橋)」ที่พาดผ่านแม่น้ำโชที่ไหลอยู่ในชิราคาวาโกะแห่งนี้
สะพาน “เดะไอ” เป็นสะพานที่ยาวกว่า 107m เดินๆ ไปสะพานก็จะไหวเล็กน้อย หวาดเสียวนิดหน่อย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/15%28210%29.jpg)
สะพาน “เดะไอ” ที่พาดผ่านแม่น้ำโชที่กว้างใหญ่แห่งนี้ ก็เป็นวิวที่สวยงามน่าจดจำไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยค่ะ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถชมหิมะที่ขาวโพลนได้ในช่วงเดือนธันวาคม ไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม สามารถชมต้นไม้ใบหญ้าผลิดอกออกผลสีสันสดใส ได้ในช่วงเดือนเมษายน ไปจนถึงเดือนมิถุนายน และ สามารถชมพื้นที่เขียวชะอุ่ม ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ได้ในช่วงเดือนกรกฏาคม ไปจนถึง เดือนกันยายน และสุดท้ายเพื่อนๆ สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามไม่ทั่วทั้งบริเวณได้ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน เพื่อเพลิดเพลินกับเสน่ห์ในแต่ละฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/16%28210%29.jpg)
ซึ่งมื้อกลางวันในวันนี้ เราจะข้ามสะพานนี้ไป ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือภายในบริเวณ「Gassho-zukuri Minkaen」กับร้านโซบะอาหารขึ้นชื่อของพื้นที่กับ “ร้านโซบะ โดโจ Dojo”
โดยบริเวณ “Gassho-zukuri Minkaen” แห่งนี้จะเป็นศูนย์รวมบ้านสไตล์ “กัสโชซูคุริ” บ้านกังหันน้ำ ศาลเจ้า หรือ วัด ฯลฯ เพื่อนๆ จะได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของคนที่นี่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบริเวณที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว
สามารถอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิ๊กเลย!
Day2-2 ใกลางหมู่บ้านทิมะ『SHIRAKAWAGO』
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/17%28217%29.jpg)
และ “ร้านโซบะ โดโจ Dojo” เป็นร้านที่สร้างสไตล์บ้าน “กัสโชซูคุริ” หลังโต『SHIRAKAWA-GO』
ผ่านม่านเพื่อเข้าไปในร้านกันเลย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/18%28208%29.jpg)
เดินทีร้านโซบะแห่งนี้เคยเป็นบ้านที่พักอาศัยทั่วไปมาก่อน เพราะฉะนั้นภายในร้านจะได้บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองมากๆ ส่วนที่นั่งจะเป็นแบบนั่งบนพื้นเสื่อทาทามิญี่ปุ่น ทั้งที่นั่งแบบ 4 คน หรือ 6 คน ซึ่งด้านในสุดของร้านจะมีห้องที่มีที่นั่งรองรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ประมาณ 20 คนเได้อีกด้วย
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/19%28208%29.jpg)
ซึ่งแป้งที่ใช้ในการนวดเส้นโซบะ ก็คือแป้งอันดับหนึ่งจากทางเหนือของญี่ปุ่นที่เกาะฮอกไกโด ซึ่งเป็นแป้งจากการบดหิน เมนูภายในร้านก็จะมีให้เลือกหลากหลายทั้ง “ซารุโซบะ”「ZARU SOBA(ざるそば)」(900 เยน) เมนูโซบะพร้อมมันเทศญี่ปุ่นยามะอิโมะ「TORORO SOBA(山かけそば)」(1000 เยน) และ โซบะเนื้อฮิดะกิวปรุงรสหวานเค็ม「HIDA BEEF SHIGURE SOBA(飛騨牛しぐれそば)」(1300 เยน)ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งภายในเมนูจะมีภาษาอังกฤษ และรูปภาพประกอบด้วย เพราะฉะนั้นไม่ลำบากเรื่องการสั่งอาหารแน่นอนค่ะ
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/20%28193%29.jpg)
และเมนูที่ ICHIGO-CHAN สั่งก็คือ “ยามะคาเคะโซบะ「TORORO SOBA(山かけそば)」(1000 เยน) เป็นโซบะรสชาติเข้มข้น พร้อมกับซอสมันเทศญี่ปุ่นนุ่มๆ เป็นอาหารแนวเพื่อสุขภาพที่ถูกปากคนไทยไม่น้อยทีเดียว
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/21%28177%29.jpg)
พนักงานร้านที่ ICHIGO-CHAN ถ่ายรูปด้วยบอกว่าเขาได้ย้ายจากในเมืองมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วย ด้วยความสวยงามของหมู่บ้าน ที่อุดมสมบูรณ์ และธรรมชาติมากมาย ทั้งอากาศที่ดี บรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมไม่เฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้น แต่คนญี่ปุ่นเองก็ให้ความสนใจ จนกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนญี่ปุ่นนิยมย้ายเข้ามาอยู่กันเลยทีเดียว
ตอนนี้ ICHIGO-CHAN ได้ทานโซบะไปจนเต็มอิ่ม
ครั้งหน้าเราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชม “คันมาจิ”「KANMACHI(かんまち)」สถานที่ไฮไลท์ พร้อมวิวที่สวยที่สุดในชิราคาวาโกะแห่งนี้เพื่อชมบ้าน “กัสโชซูคุริ” ที่เรียงติดกันสามหลัง จากนั้นชมวิวหมู่บ้านทั้งหมดจากจุดชมวิว “Tensyukaku View Point” ที่อยู่บนเขา และเดินเที่ยวชมดอกดาวกระจาย หรือ ดอกคอสมอสที่สวยงามในชิราคาวาโกะกันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ♪
【ตารางการเดินทาง Day2-2 SHIRAKAWAGO】
![](https://ichigojapan.jp/wp-content/uploads/2021/10/22%28145%29.jpg)