เมื่อวานICHIGO-CHANได้ไปเพลิดเพลินกับ “เกียวโตทาวเวอร์” ที่มองเห็นทิวทัศน์เมืองเกียวโตจากมุมมองท้องฟ้าได้และ “ฟุชิมิ อินะริ” ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาค่ะ ส่วนวันนี้ก็จะไปเที่ยวเมืองในเกียวโตทั้งวันต่อจากเมื่อวานค่ะ
หัวข้อในครั้งนี้ก็คือทริปสุดถูกในราคา 14900 บาทที่รวมค่าตั๋วเครื่องบินแล้วค่ะ ถ้าหักค่าตั๋วเครื่องบินราคา 6000 บาท + ค่าทริปของวันที่ 1 อีก 3415 บาทออกไป ก็จะเหลืออยู่อีก 6000 บาทนิด ๆ ด้วยงบอันน้อยนิดแบบนี้จะเพลิดเพลินได้ขนาดไหนกันน้า…?
หลังจากที่หมดแรงจากเที่ยวบินกลางคืนและตะลุยเที่ยววันแรก 1 วันเต็ม ๆ ICHIGO-CHANก็ได้พักมาเต็มอิ่มแล้วค่ะ
วันนี้ก็คิดว่าจะไปเดินเล่นในเมืองเกียวโตทั้งวันค่ะ
ข้างนอกหน้าต่างก็เป็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใสกับเกียวโตทาวเวอร์อันสวยงาม รู้สึกได้ว่าวันนี้ก็จะเป็นทริปที่สนุกสนานเช่นเคยค่ะ
เพราะว่าครั้งนี้เป็นการท้าทายทริปในราคาสุดถูก ก็เลยขอชงน้ำชายุสุเซ็นชะที่ได้รับเป็นสิ่งของอำนวยความสะดวกเมื่อวานในกระติกน้ำแล้วออกเดินทางกันเลยค่ะ
ถ้าเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่ ๆ อย่างโตเกียวและโอซาก้าแล้ว เกียวโตมีเส้นทางรถไฟน้อยกว่าค่ะ
การใช้รถบัสของเมืองในการเดินทางไปตามจุดต่าง ๆ ของเกียวโตก็สะดวกดีค่ะ สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว การค้นหารถบัสในเกียวโตที่จะไปยังปลายทางก็เหนื่อยหน่อยค่ะ เหมือนกับที่นักท่องเที่ยวมาขึ้นรถเมล์ในกรุงเทพแหละเน๊อะ
เว็บไซต์ที่เราจะขอแนะนำมีชื่อว่า “Arukumachi Kyoto Route Planner” ค่ะ
ก่อนอื่นก็ใส่ “สถานที่ต้นทาง” “สถานที่ปลายทาง” “วันและเวลา” ที่ช่องค้นหาทางด้านซ้ายของเว็บไซต์ จากนั้นคลิกที่ “Search” ค่ะ
ณ วันที่ 6 มกราคม ปี 2018 นี้ ยังไม่มีเว็บไซต์สำหรับใช้งานด้วยสมาร์ทโฟนนะคะ เลยต้องใช้งานด้วยการซูมบริเวณที่วงกลมด้วยสีแดงแทนค่ะ
จากนั้น เว็บไซต์ก็เสนอวิธีการเดินทางขึ้นมา 2 เส้นทางค่ะ
ตามลำดับจากทางซ้ายก็จะแสดง “เวลา” “เวลาที่ใช้” “จำนวนครั้งของการเปลี่ยนรถ” “ค่าโดยสาร” และ “รถไฟหรือรถบัส” ขึ้นมาค่ะ จากตรงนี้เราก็เลือกเส้นทางที่เราชอบถูกใจเหมาะกับสถานการณ์ได้เลยค่ะ
ICHIGO-CHANขอเลือก ② ที่มีจำนวนครั้งของการเปลี่ยนรถและเวลาที่ใช้เดินทางน้อยกว่าค่ะ
ก็พบว่า『TOJI』ที่เราจะเดินทางไปต่อจากนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง!!
ขอขอบคุณเว็บไซต์ใจดีที่ช่วยแสดงหมายเลขของป้ายรถเมล์ที่จะขึ้นที่สถานีเกียวโตด้วยนะคะ ถือว่าสะดวกมากโดยเฉพาะสถานที่ซึ่งมีป้ายรถเมล์มากมายอย่างที่สถานีเกียวโตค่ะ
และเราขอแนะนำ “ตั๋วขึ้นรถบัส 1 วันของรถบัสเทศบาลเกียวโตและรถบัสเกียวโต” สำหรับการท่องเที่ยวในเกียวโตค่ะ
ในราคาแค่ 500 เยน นอกจากรถบัสเทศบาลเกียวโตแล้วยังขึ้นรถในพื้นที่ตัวเมืองของรถบัสเกียวโตได้ไม่จำกัดอีกด้วยค่ะ เพราะว่าขึ้นรถบัส 1 ครั้งก็ 230 เยนแล้ว ขึ้นรถแค่ 3 ครั้งก็ถือว่าคุ้มทุนแล้วค่ะ
นอกจากเครื่องจำหน่ายตั๋วหลายแห่งในสถานีเกียวโตแล้ว เราก็ซื้อตั๋วได้ที่จุดแนะนำการท่องเที่ยวภายในเมือง รวมไปถึงภายในรถด้วยค่ะ แต่ถ้าจะซื้อที่ภายในรถก็ควรจะซื้อตั้งแต่ตอนที่ขึ้นรถครั้งแรกในวันนั้นดีกว่านะคะ
เอาล่ะ งั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่『TOJI』ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากเจดีย์ 5 ชั้นซึ่งเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเกียวโตกันเลยค่ะ
เพราะว่าใน “Arukumachi Kyoto Route Planner” บอกให้เราขึ้นรถที่ “C4” งั้นเราก็ค้นหาจุดขึ้นรถ C4 ด้วยแผนที่แล้วก็ไปขึ้นรถได้เลยค่ะ
มาถึงที่ป้ายรถเมล์ “โทจิ มินามิมง มาเอะ” แล้วค่ะ เพราะว่ามองเห็นประตูขนาดใหญ่ของวัดโทจิอยู่ตรงหน้าเลย ฉะนั้นไม่มีทางหลงแน่นอนค่ะ
ประตู NANDAIMON ของวัด『TOJI』ค่ะ
จาก NANDAIMON(นันไดมง) ก็จะเข้าสู่เขตวัด ที่อยู่ทางด้านขวามือคือศาลเจ้าที่เรียกว่า『YASHIMADEN』(ยาชิมะเด็น)
การมีศาลเจ้าอยู่ในวัดอาจจะทำให้รู้สึกแปลก ๆ แต่ดูเหมือนว่า YASHIMADEN นี้ตั้งอยู่บนพื้นที่นี้มาตั้งแต่ก่อนที่วัดโทจะถูกสร้างขึ้นมาเสียอีกค่ะ
วัดโทถูกสร้างเมื่อ 1220 ปีก่อนหรือก็คือปี 796 ดังนั้นจึงเก่าแก่มาก ๆ เลยเนอะ
วัดโทที่ถูกถ่ายรูปจากตรงนี้เป็นทิวทัศน์ที่มีความเป็นญี่ปุ่นมาก จึงกลายเป็นจุดถ่ายรูปไปเลยล่ะค่ะ
เมื่อเข้าไปข้างในก็จะมีช่องจำหน่ายตั๋วสำหรับเข้าชม หลังจ่าย 500 เยนก็เดินหน้าต่อไปข้างใน
ค่าเข้าชมวัดโทจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาค่ะ
ในช่วงปกติ ราคาของผู้ใหญ่จะอยู่ที่คนละ 500 เยน แต่ช่วงตั้งแต่มกราคมถึงต้นเดือนมีนาคม (อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี) จะมีการเปิดให้ชมสมบัติที่ปกติไม่เปิดให้ชม ในฐานะ「การเยี่ยมชมพิเศษของฤดูหนาวในเกียวโต」โดยจะอยู่ที่คนละ 800 เยน
『TOJI』(โทจิ : วัดโท) ที่ถูกเรียกอย่างเป็นทางการว่า『KYOUOU-GOKOKUJI』(เคียวโอ-โกะโคคุจิ)
ถูกสร้างขึ้นในปี 794 ในตอนที่ย้ายเมืองหลวงจากนารา(เฮโจเกียว/เฮเซเกียว : เมืองหลวงโบราณของญี่ปุ่น อีกนัยหนึ่งคือเมืองหลวงในยุคนารา) ไปยังเกียวโต(เฮอังเคียว/เฮอังเกียว : อดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่น) ในฐานะวัดคุ้มครองเมือง นอกจากเจดีย์ห้าชั้นที่มีชื่อเสียงแล้ว ยังมี「Kondo (คนโด : โถงวิหาร)」(รูปซ้าย)「Kodo(โคโด : หอประชุม)」(รูปขวา) ที่เป็นที่รู้จักกันดี และพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงมากมายซึ่งมักปรากฏอยู่ในหนังสือเรียนของญี่ปุ่นประดิษฐานอยู่
ภายในโถงวิหารและหอประชุมนั้นห้ามถ่ายรูป ดังนั้นท่านที่อยากทราบรายละเอียดก็ลองเช็คในเว็บไซต์ของวัดโทดูนะคะ『TOJI』
ICHIGO CHAN ที่รู้ภาษาญี่ปุ่นแค่นิดเดียว
ระหว่างที่กำลังเผลอ ๆ จะถ่ายรูปก็เลยโดยคนที่ดูแลรักษาความปลอดภัยเข้ามาเตือนเลยค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่นมักจะห้ามถ่ายรูป「พระพุทธรูป」และ「งานศิลปะ」ทำให้มีหลายส่วนภายในตัววัดที่ถ่ายรูปไม่ได้…. และในบางครั้งในร้านขายของเองก็ห้ามถ่ายรูปด้วยเช่นกันนะ
ถ้าไม่รู้ว่าในพื้นที่ท่องเที่ยวหรือร้านค้านั้น ๆ ถ่ายรูปได้หรือไม่ ให้ลองถามพนักงานแบบนี้ดูนะคะ
「KOKODE SHASHIN WO TOTTE II DESUKA??」(โคโคะเดะ ฉะชินโอ๊ะทตเต๊ะโมะอี้เดสุคะ?? : ถ่ายรูปตรงนี้ได้ไหม??)
คิดว่าคงจะยิ่งทำให้สายตาของคนญี่ปุ่นที่แต่เดิมก็ชื่นชอบคนไทยอยู่แล้วมองมายังคนไทยอย่างอ่อนโยนยิ่ง ๆ ขึ้นไปเลยล่ะค่ะ
ถ่ายรูปกับ「Gojunoto」(โกะจูโนะโท : เจดีย์ห้าชั้น) ที่ใฝ่ฝันถึง
เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะแลนด์มาร์คของเกียวโตดังเช่นที่ถูกวาดไว้ในลิฟต์ของเกียวโตทาวเวอร์ที่ได้แนะนำไปเมื่อวันก่อน
หากนั่งรถไฟชินคังเซ็นมาจากทางโอซาก้า-ฟุคุโอกะ ตอนเข้าสู่เกียวโตจะสามารถมองเห็นเจดีย์ห้าชั้นอยู่ทางขวาได้ คนที่เมื่อมองเห็นแล้วรู้สึกว่า「ถึงเกียวโตแล้ว」ก็น่าจะมีไม่น้อยเลยทีเดียวเชียวค่ะ….
「ฟุจิซากุระ」ของวัดโทที่เป็นที่รู้จักกันในฐานะ「ชิดะเระซากุระ」อันสวยงาม
ดูเหมือนว่าจะเป็นต้นไม่ที่มีอายุยืนถึง 130 ปีเลยล่ะค่ะ
ช่วงฤดูหนาวจะอยู่ในสภาพแบบรูปด้านซ้าย แต่ช่วงต้นเดือนเมษายนถึงช่วงเข้าวันหยุดสงกรานต์ก็จะเข้าสู่ช่วงที่ดีที่สุดในการชมดอกไม้จนสามารถถ่ายรูปโกะจูโนะโท(เจดีย์ห้าชั้น)และดอกซากุระที่แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นได้
เอาล่ะ ได้เวลามุ่งหน้าไปยังสถานที่เป้าหมายต่อไป『NISHIKI-ICHIBA』(นิชิกิ อิจิบะ) แล้วค่ะ
เมื่อสำรวจวิธีเดินทางไปยัง NISHIKI-ICHIBA ด้วย「Arukumachi Kyoto Route Planner」(อะรุคุมะจิ เกียวโตรูท แพลนเนอร์) แล้ว ดูเหมือนว่าถ้าขึ้นรถบัสหมายเลข 207 จะสามารถไปถึงป้ายรถบัส「SHIJOU-KAWARAMACHI」(ชิโจ คาวาระมะจิ) ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสายเลยล่ะค่ะ
ที่ NISHIKI-ICHIBA จะมีของอร่อย ๆ แบบไหนรออยู่บ้างน๊า….?
จะมาแนะนำให้ในวันพรุ่งนี้นะคะ