Day2-1 เที่ยวดินแดนมารุโกะ「CHIBI MARUKO CHAN LAND」และ ทานข้าวหน้าปลาดิบราคาไม่แพงกับร้าน 「SHIMIZUKO SAKANAYA」ที่เมืองชิซุโอกะ

Day2-1 เที่ยวดินแดนมารุโกะ「CHIBI MARUKO CHAN LAND」และ ทานข้าวหน้าปลาดิบราคาไม่แพงกับร้าน 「SHIMIZUKO SAKANAYA」ที่เมืองชิซุโอกะ

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ไปลิ้มลองข้าวหน้าปลาไหล「HITSUMABUSHI」ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดทำการมา 100กว่าปีมาแล้ว และเข้าพักที่โรงแรมเปิดใหม่ 「KURETAKE INN PREMIUM NAGOYA NAYABASHI」

วันนี้เราจะนั่งรถไฟโทไคโดชินคันเซ็น TOKAIDO ที่เราอยากนั่งมานาน มุ่งหน้าไปสู่ชิซุโอกะ SHIZUOKA ด้วยความเร็วที่ไม่สามารถสัมผัสได้จากรถไฟไทย เพื่อท่องเที่ยวชมวิวภูเขาไฟฟูจิจาก เมืองชิมิซึ SHIMIZU และเมืองนิฮนไดระ NIHONDAIRA

ที่ชิซุโอกะเราสามารถชมวิวที่「ด้านหน้าเป็นทะเล ส่วนด้านหลังเป็นวิวภูเขาไฟฟูจิ」ได้ที่「S-Pulse Dream Plaza」เพื่อชมความสวยงามของวิวภูเขาไฟฟูจิกันที่นี่

จากโรงแรม「KURETAKE INN PREMIUM NAGOYA NAYABASHI」ที่พัก ICHIGO-CHAN เมื่อคืนเดินไปสถานีนาโกย่าประมาณ 15 นาที อันที่จริงเราสามารถเดินทางไปด้วยรถไฟใต้ดินจากสถานีที่ใกล้ที่สุดอย่างสถานีฟูชิมิ ที่เดินย้อนกลับไปทางขามาประมาณ 10 นาทีก็ได้เช่นกัน แต่ไหนๆอากาศตอนนี้ดีขนาดนี้เดินไปชิว ๆ แล้วกันเนาะ ทางที่เดินไปก็ไม่ยาก ก่อนอื่นเดินออกจากโรงแรมไปทางซ้าย

เมื่อเดินมาทางซ้ายจากโรงแรมแล้ว ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับสี่แยกใหญ่ที่มีทางด่วนอยู่ด้านบน ให้เดินข้ามและตรงไปเรื่อยๆประมาณ 5 นาที ก็จะเจอแยกที่มีห้างขนาดใหญ่และร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่「YAMADA DENKI LABI」ให้เลี้ยวซ้ายที่แยกนี้ ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอสถานีนาโกย่าอยู่ด้านขวามือ ข้ามทางม้าลายหน้าสถานีเพื่อตรงเข้าไปในสถานี จากประตูซากุระโดริ SAKURA-DORI EXIT

เมื่อถึงสถานีแล้วก็ซื้อตั๋วเพื่อไปชิซุโอกะกัน สามารถซื้อจากเคาเตอร์หรือเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติก็ได้ ซึ่งเราสามารถใช้บัตรเครดิต VISA・Master・JCB และอื่นๆ ชำระเงินได้ทั้งที่เคาเตอร์จำหน่ายตั๋วหรือเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเลย

ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติมีภาษาอังกฤษด้วย ก่อนอื่นก็ต้องกดเลือกว่าจะนั่งที่นั่งแบบ「แบบจองระบุเลขที่นั่ง」หรือ「แบบไม่จองเลขที่นั่ง」 ในกรณีที่เลือกแบบไม่จองเลขที่นั่งก็กดเลือกสถานีที่ต้องการจะไป และจำนวนคน

หลังจากได้ซื้อตั๋วรถไฟด่วนSHINKANSENแล้ว สามารถซื้อต่อตั๋วขึ้นรถไฟได้พร้อมกัน เมื่อเลือกแล้วราคาตั๋วก็จะแสดงออกมา หากท่านใดที่ต้องการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ก็ใส่บัตรเครดิตเข้าไปในช่องข้างๆ ด้านซ้าย  กดรหัสบัตรเครดิต และกด Enter เท่านี้ก็เรียบร้อย

เมื่อได้ตั๋วมาแล้ว ก็ผ่านช่องตรวจตรวจตั๋วเข้าไป เพื่อไปที่ชานชาลาเบอร์ 14・15 โทไดโดชินคันเซ็นที่เชื่อมระหว่างโตเกียวกับชินโอซาก้านั้นจะมีอยู่ 3 แบบคือ 「NOZOMI」「HIKARI」「KODAMA」 รถไฟที่จอดที่สถานีชิซุโอกะ จะมีเฉพาะรถด่วน「HIKARI」บางขบวน กับ「KODAMA」ที่จะจอดทุกสถานี  ส่วนรถด่วน「NOZOMI」ถ้าออกจากนาโกย่าแล้วก็จะวิ่งแบบนอนสต๊อบไปจนถึงชินโยโกฮาม่าเลย  เพราะฉะนั้นต้องระวังอย่าไปขึ้น「NOZOMI」หรือ「HIKARI」บางขบวนที่จะไม่จอดชิซุโอกะที่เราจะไป 「HIKARI」จากนาโกย่าไปโตเกียวจะวิ่งชั่วโมงละ 2 รอบคือ นาทีที่ 26 และนาทีที่ 35  ให้ขึ้นรถไฟนาทีที่ 35 ถ้าหากต้องการไปสถานีชิซุโอกะ

ถ้าอยากรู้ว่าขบวน「HIKARI」ที่กำลังมาจะมา จะจอดที่「SHIZUOKA」หรือไม่ ถามพนักงานสถานีรถไฟก็ได้

「TSUGINO HIKARI WA SHIZUOKA NI TOMARIMASUKA??」

「ซูกิโนะ HIKARIวะ SHIZUOKAนิ โทะมะลิมะซุคะ」

แปลว่า” รดไฟHIKARI ขบวนหน้าจะจอดที่สถานีSHIZUOKAหรือเปล่าค่ะ”

รถไฟที่ถูกใช้เป็นรถไฟโทไคโดชินคันเซ็นส่วนใหญ่จะเป็นแบบ N700

ซึ่งความเร็วสูงสุดของรถไฟโทไคโดชินคันเซ็นระหว่างโตเกียว-ชินโอซาก้า คือ 285km เลยทีเดียว ส่วนเส้นทางระหว่างชินโอซาก้า-ฮากาตะของรถไฟซันโยชินคันเซ็น นั้นมีความเร็วสูงสุดถึง 300km เลยทีเดียว

ที่นั่งของ「HIKARI」ตั้งแต่โบกี้ที่ 1 ถึง 5 จะเป็นที่นั่งแบบไม่ระบุจองที่นั่ง ส่วนโบกี้ที่ 6・7 ・แล้ว11 – 16 จะเป็นที่นั่งแบบจอง และตั้งแต่โบกี้ 8 ถึง 10 ก็คือ Green Car

สำหรับผู้ที่ซื้อตั๋วแบบไม่ได้จองที่นั่งก็ต้องต่อแถวที่โบกี้หมายเลข 1 ถึง 5 ท้ายๆชานชาลา(จากชินโอซาก้า)

และถ้าที่นั่งว่าง ก็อยากแนะนำให้นั่งที่นั่ง E หรือ D ทางฝั่งซ้าย เมื่อออกจากนาโกย่ามาประมาณ 25 นาทีเราก็จะเห็นวิวของทะเลสาบฮามานะ ที่ขึ้นชื่อเรื่องปลาไหล และอาจเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิด้วย ในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าสดใส

ชินคันเซ็นใช้เวลาวิ่งเพียง 57 นาทีก็จะถึงสถานีชิซุโอกะที่อยู่ห่างออกไปถึง 185km เป็นระยะทางพอๆ กับกรุงเทพถึงเขาใหญ่เลย (จอดระหว่างทาง 1 ครั้งด้วย) วิ่งไม่ถึงชั่วโมงเลยเร็วจริงๆ

สถานีรถไฟที่ใกล้「S–Pulse Dream Plaza」ที่สุดที่เรากำลังจะไปคือ ชิมิสึ เราต้องเปลี่ยนเป็นสายโทไคโดที่สถานีชิซุโอกะ ลงบันไดที่ชานชาลาสถานีชิซุโอกะและไปทางขวาเพื่อผ่าน「Transfer to TOKAIDO LINE」 และขึ้นรถไฟสายโทไคโด ที่จะมุ่งหน้าไปสู่「นุมาซุ NUMAZU・อาตามิ ATAMI」ที่ชานชาลาที่ 1・2 นั่งไปประมาณ 10 นาที เพื่อลงที่สถานีชิมิสึ SHIMIZU STATION

เมื่อถึงสถานีชิมิสึ SHIMIZU STATION ก็ขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปที่ช่องตรวจตั๋ว และเมื่อออกจากช่องตรวจตั๋วมาแล้วก็ไปทางขวา เดินไปตามทางยาวๆ เพื่อไปที่ EAST EXIT ทางเดินยาวๆ เป็นกำแพงกระจกทั้งแถบ มองวิวภูเขาไปฟูจิได้ด้วย (กระจกสะท้อนนิดหน่อย) ผ่านทางเดินมาแล้ว ก็ลงบันไดไปที่ป้ายรถเมย์ 「สถานีรถบัสพิเศษ」บัสฟรีเพื่อไป S-Pulse Dream Plaza ยกเว้นรอบบ่ายโมง วันธรรมดาบัสจะวิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยว(นาทีที่ 05 และ 35)・วันเสาร์วิ่งชั่วโมงละ 4 เที่ยว(นาทีที่ 05 / 20 / 35 และ 50) จากสถานีชิมิสึไป S-Pulse Dream Plaza ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ซึ่งจะวิ่งท่ามกลางธรรมชาติ ทุ่งนา ที่สวยงาม

และเราก็มาถึง『S-Pulse Dream Plaza』ที่มีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่เด่นๆ อยู่ด้านข้าง ถึงจะเป็นกลางวันวันธรรมดาแต่รถก็เยอะมาก  ที่นี่จะมีร้านค้าต่างๆ มากมาย ซึ่งชิงช้าสวรรค์ของที่นี่สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิด้วย และยังมี『Chibi Maruko Chan Land』มารุโกะแลนด์อยู่ด้วย ซึ่งบ้านเกิดของคนเขียนเรื่องมารุโกะจัง คุณซากุระโมโมโกะ อยู่ที่ชิมิสึนี้เอง ซึ่งเมืองชิมิสึคือเมืองในเรื่องชิจิมารุโมด้วยนั่นเอง ก่อนอื่นเราก็จะขึ้นไปที่ชั้น 3F เพื่อไป「Chibi Maruko Chan Land」กัน

Chibi Maruko Chan Land จะมีโซนที่ต้องเสียค่าเข้าชม และโซนที่สามารถเข้าชมได้ฟรี  โซนที่เข้าชมได้ฟรี จะมีที่ขายของมารุโกะจัง และสามารถถ่ายรูปกับหุ่นมารุโกะจังได้ ส่วนโซนที่ต้องเสียค่าเข้าชม 600 เยน เราสามารถเข้าไปในบ้าน โรงเรียน ของมารุโกะจังได้แบบสมจริง เหมือนได้เข้าไปอยู่ในการ์ตูนเลย

เมื่อเข้ามาภายในโซนที่เสียค่าเข้าชมแล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนได้มาที่บ้าน「จิบิมารุโกะจัง」จริงๆ เลย ได้สัมผัสบรรยากาศการ์ตูนวัยเด็กแบบสมจริง

ด้านในก็จะมีห้องต่างๆ หลายแบบเหมือนในการ์ตูน และยังมีบทพูดในเรื่องเปิดเอาไว้ให้ฟังด้วย(แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น)ยิ่งทำให้นึกถึงตอนที่ดูการ์ตูนตอนเด็ก ๆ เลย

เมื่อผ่านบ้านมารุโกะจังแล้วต่อไปก็จะเป็นโรงเรียน และห้องเรียน แค่ได้เข้ามาในโรงเรียนแบบในเรื่องมารุโกะแล้ว ยังได้เห็นบรรยากาศของห้องเรียนญี่ปุ่น(แบบสมัยเก่าเล็กน้อย)ด้วย

ระหว่างทางก็เจอเพื่อนๆมารุโกะจังด้วย ICHIGO-CHAN ถ่ายกับคุณปู่ กับ มารุโกะจังด้วย เอาไปลงโซเชียลดีกว่า

ที่ชั้น 1F ของ「S–Pulse Dream Plaza」มีโซน「SHIMIZU SUSHI YOKOCHOU」ตรอกซอยชิมิสึซูชิ ด้วย ที่ท่าเรือชิมิสึเป็นหนึ่งในท่าเรือประมงของญี่ปุ่นที่เป็นแหล่งรวมปลามากุโระ และปลาสดไว้มากมาย  เราสามารถทานซูชิหน้าปลาต่างๆที่ทั้งสดและมีแบบครบครัน 「SUSHI YOKOCHOU」นี้มีร้านซูชิที่เรียงกันถึง 8 ร้านเลย ICHIGO-CHAN เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเข้าร้านไหนดี

เลยตัดสินใจลองเข้าร้าน「SHIMIZUKO SAKANAYA」

ที่นั่งจะเป็นแบบเคาเตอร์ประมาณ 10 ที่นั่ง ที่ร้านนี้เราสามารถทานปลาอาจิที่ยังมีชีวิตได้แบบสดๆ เป็นปลาอาจิที่ตกได้จากอ่าวซุรุงะ หน้าท่าเรือชิมิสึเลย กินปลาที่มีชีวิตแบบสดๆอาจจะดูน่าสงสารไปหน่อย แต่เนื้อมันจะนิ่ม เด้ง อร่อยมากๆ

เมนูก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งเมนูที่มีโทโระมากุโระอัดแน่นอย่าง 「TOROSANMAI TEISHOKU」(1880 เยน)และชุดนิกิริ「NIGIRI TEISHOKU」(1280 เยน)และ DONBURI TEISHOKU(1280 เยน)ซึ่งในทุกเมนูเราสามารถเติมข้าวและซุปได้แบบไม่อั้นเลย

วันนี้ ICHIGO-CHAN สั่ง「DONBURI TEISHOKU」(1280 เยน)ไป และเครื่องเคียงของร้านนี้ก็คือ มากุโระเท็มปุระ และไข่เจียวชิ้นเล็กๆ

และอาหารหลักของเราก็มาแล้ว ข้าวหน้าทะเลรวม ไคเซ็นดง Kaisen Don มีทั้งปลามากุโระ แซลมอน กุ้ง ไข่ปลา ต่างๆ เป็นท้อปปิ้ง ได้ลองชิมหลายๆอย่างในหนึ่งเมนูเลย กินอันไหนก็อร่อยไปหมดเลย ยิ่งใครที่ชอบวาซาบิ ก็กินแบบผสมวาซาบิลงในโชยุและราดไปบนข้าวยิ่งอร่อยเลย

เมนู「DONBURI TEISHOKU」ที่รวมปลาชนิดต่างๆไว้ในเมนูเดียว ราคาแค่ 1280 เยน(+ภาษี)เยนเอง ที่ชิมิสึ เราสามารถทานปลาแบบสดใหม่ได้ในราคาที่ถูกกว่า โตเกียวและโอซาก้าเลย ทำให้ผู้คนต่างเดินทางมาทานเมนูปลาสดใหม่ที่นี่กันมากมาย

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้กินอิ่มแล้ว เราจะไปนั่งชิงช้าสวรรค์เพื่อชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของ「MORINOMIYA」และ「NIHONDAIRA」ที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวภูเขาไฟฟูจิและสถานที่ที่มีวิวสวยๆ

ในครั้งต่อไปเราจะมาชมความสวยงามของวิวจากแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของชิมิสึกับ「S–Pulse Dream Plaza」และช้อปปิ้งภายในนี้กัน

【ตารางเดินทางวันนี้】

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶