Day2-1 เดินทางจาก “โตเกียว” ไปยัง “มิชิมะ” และออกจาก “โกเท็มบะ” เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ “ทะเลสาบคาวากุจิ”

เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม

ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป

พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ

Day2-1 เดินทางจาก “โตเกียว” ไปยัง “มิชิมะ” และออกจาก “โกเท็มบะ” เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ “ทะเลสาบคาวากุจิ”

TOKYO-FUJI-MISHIMA-SHUZENJI-SHIMIZU-MIHONOMATSUBARA-HAMAMATSU-NAGOYA

พาสที่จำหน่ายโดยบริษัทรถไฟญี่ปุ่นตอนกลาง Central Japan Railway Company หรือ JR TOKAI กับพาสสุดคุ้ม『Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini』

พาสที่สามารถใช้นั่งเส้นทางระหว่าง อาตามิ~โทโยฮาชิ(Tokaido Main Line), นุมะซุ~มัตสึดะ(Gotemba Line)หรือ ฟูจิ~ชิโมเบะออนเซ็น(Minobu Line)รวมการนั่งรถไฟแบบด่วนพิเศษได้ไม่อั้น(ยกเว้นรถไฟแบบนอน)นอกจากนี้ยังสามารถใช้นั่งยานพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ Izuhakone Railway(ทุกสายของสายซุนซึ Sunzu Line)รถบัสเพื่อใช้ท่องเที่ยว โกเทมบะ พรีเมียม เอ้าท์เล็ตส์ขนาดใหญ่ และ ทะเลสาบคาวากุจิ หรือ เรือเฟอร์รี่「The Suruga Bay Ferry」เพื่อนั่งเรือชมภูเขาไฟฟูจิจากทะเลได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นพาสสุดคุ้มที่ให้เพื่อนๆ ได้ท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่

「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」มีอายุ 3 วัน ราคาเพียง 4500 เยนเท่านั้น แค่เพียงราคาตั๋วรถบัสไปกลับระหว่างโกเท็มบะ และ คาวากุจิโกะแบบปกติอยู่ที่ 3020 เยนและเรือเฟอร์รี่ The Suruga Bay Ferry(ราคาปกติ 2100 เยน)รวม 2 อย่าง อยู่ที่ 5300 เยน จะเห็นได้ว่าไม่จำเป็นต้องใช้นั่งรถไฟใดๆ ก็คุ้มเกินทุน โดยครั้งนี้เราจะใช้พาสนี้ท่องเที่ยวแบบสุดคุ้ม เดินทางจาก “โตเกียว” ไปยัง “มิชิมะ” และออกจาก “โกเท็มบะ” เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ “ทะเลสาบคาวากุจิ”

หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ท่องเที่ยวตลาดใหม่ในโตเกียวที่ “ตลาดโทโยสุ” และตลาดเก่าแก่ที่อยู่คู่ชาวเมืองโตเกียวมายาวนานอย่าง “ตลาดด้านนอกของซึกิจิ” ต่อด้วยชมวิวเมืองโตเกียวที่ “ศาลาว่าการกรุงโตเกียว” และช้อปปิ้งที่ “ย่านชินจุกุ” แล้ว

Day1-4 ทานอาหารค่ำที่ “ย่านชินจุกุ” และเข้าพักโรงแรม「Keikyu EX Inn Higashi – Ginza」

วันนี้ก็เป็นวันที่ 2 ของทริป และได้เวลาใช้พาสสุดคุ้ม「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」กันแล้ว โดยเราจะนั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงชินคันเซ็น จาก “สถานีโตเกียว” ไปที่ “สถานีมิชิมะ” เพื่อเที่ยว “สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น”「Arakurayama-Sengen Park」ชมวิวภูเขาฟูจิ ไปพร้อมๆ กับเจดีย์ห้าชั้น ท่ามกลางบรรยากาศฤดูต่างๆ อย่างซากุระ หรือใบไม้เปลี่ยนสี

ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ เดินทางไปยัง “สถานีคาวากุจิโกะ Kawaguchiko Station” ที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวพื้นที่ ฟูจิ โยชิดะFuji Yoshida・สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น Arakurayama-Sengen Park กันค่ะ

เมื่อทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม「Keikyu EX Inn Higashi-Ginza」กันเลย สถานที่แรกของวันนี้เราจะไปจุดชมวิวภูเขาฟูจิยอดฮิตที่ “สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น” 「Arakurayama-Sengen Park」ซึ่งวิธีการเดินทางไป “สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น” 「Arakurayama-Sengen Park」จะมีอยู่หลายวิธี โดยวันนี้เราจะเลือกเดินทางด้วย รถไฟฟ้าความเร็วสูงชินคันเซ็น ไป “สถานีมิชิมะ Mishima Station” จากนั้นนั่งรถไฟ JR สายโกเท็มบะ Gotemba Line และนั่งรถบัสต่อไปอีกรอบ

การเดินทางจากโรงแรมไปสถานีโตเกียวเพื่อขึ้นรถไฟฟ้าความเร็วสูงชินคันเซ็นนั้น เดินทางด้วยรถบัสจะสะดวกที่สุด โดยนั่งรถบัสจากป้าย「Tsukiji 3 Choume」เพื่อไปลงที่ป้าย “สถานีโตเกียว ประตูมารุโนะอุจิ”「Tokyo Station Marunouchi Gate」รถบัสจะวิ่งทุกๆ 3-5 นาที และใช้เวลาเดินทางไปสถานีโตเกียว 10-15 นาที รถบัส Tokyo Metro Bus จะมีประตูอยู่สองประตู วิธีขึ้นรถก็คือ จะต้องขึ้นรถจากประตูหน้า และลงรถบัสจากประตูหลัง เป็นแบบจ่ายค่าโดยสารก่อนขึ้นรถนั่นเอง โดยใส่เงิน 210 เยนในกล่องใส่เงินที่อยู่ข้างคนขับก่อน และไปหาที่นั่งได้เลย

นั่งรถบัสไปไม่ถึง 15 นาที ก็มาถึง “สถานีโตเกียว ประตูมารุโนะอุจิ Tokyo Station Marunouchi Gate” เป็นที่เรียบร้อย “สถานีโตเกียว” ที่เป็นสถานที่ที่เป็นตัวแทนของทั้งโตเกียว และญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2457 “สถานีโตเกียว ประตูมารุโนะอุจิ Tokyo Station Marunouchi Gate” สร้างขึ้นด้วยอิฐ เปรียบเสมือนประตูหน้าบ้านของญี่ปุ่นมายาวนานมากกว่า 100 ปี ซึ่งสถานีนี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่คมนาคมทางรถไฟเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว

บริเวณลานกว้างหน้าสถานีมารุโนะอุจิจะเป็นมุมถ่ายรูปที่สวยมากๆ โดยมีอาคารสถานีโตเกียวเป็นพื้นหลัง และด้านตรงข้ามลานกว้างจะมี「MARU BIRU(丸ビル)」「SHIN MARU BIRU(新丸ビル)」ที่เป็นแหล่งรวมร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ มากมาย และที่เห็นลึกเข้าไปอีก บริเวณที่เป็นพื้นที่สีเขียวก็คือ “พระราชวังหลวงโตเกียว” ที่เป็นที่ประทับของจักรพรรดิญี่ปุ่น เรียกได้ว่าบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่ได้สัมผัสญี่ปุ่นอย่างแท้จริงเลยนะคะ

ซึ่งจุดขึ้นลงรถไฟฟ้าความเร็วสูงชินคันเซ็นจะอยู่บริเวณประตูยาเอสุ Yaesu Gate ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประตูมารุโนะอุจิ โดยหันหน้าเข้าทางประตูมารุโนะอุจิ และเดินเข้าไปในอาคารจากประตูมารุโนะอุจิทางทิศเหนือ「Marunouchi North Gate」ที่อยู่ซ้ายมือ เมื่อเข้ามาในอาคารแล้วก็จะเป็นโดมเพดานหลังคาทรงแปดเหลี่ยมสวยงาม

เมื่อเข้ามาในอาคารแล้วเราจะยังไม่ผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วไปค่ะ ให้เดินไปตามทางเดิน「Passage to Yaesu Side」ทางซ้ายมือ เมื่อเดินพ้นทางเดินยาว และเดินไปทางขวามือแล้วก็จะเห็น「Tokaido・Sanyo Shinkansen Tracks」(รูปล่างซ้าย)เราจะไปซื้อตั๋วรถไฟฟ้าความเร็วสูงชินคันเซ็น และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ พาสสุดคุ้มที่เราจะใช้ในการท่องเที่ยวในครั้งนี้กับพาส「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」ที่「Shinkansen and JR Line Tickets」ที่อยู่ข้างๆ ทางซ้ายมือ

สามารถติดต่อที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วได้โดยแสดงหนังสือเดินทาง และบัตรแลกตั๋วเท่านั้น

「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」เป็นพาสที่สามารถใช้ท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยภายใน “ชิซุโอกะ” ทั้งชม “ภูเขาฟูจิ” “อิซุ” หรือ “ฮะมะมัตสึ” ได้อย่างเต็มที่ แต่มีข้อควรระวังอยู่เล็กน้อยคือ ผู้ที่สามารถใช้พาส「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」นี้จะต้องเป็น「นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวแบบไม่มีวีซ่า หรือ วีซ่าแบบนักท่องเที่ยว 」เท่านั้น ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น หรือนักเรียนแลกเปลี่ยนจะไม่สามาถใช้พาสนี้ได้ นอกจากนี้ ช่วงเส้นทางตั้งแต่ “สถานีโตเกียว” ไปจนถึง “สถานีมิชิมะ” จะอยู่นอกขอบเขตพาส「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องซื้อตั๋วขึ้นรถไฟ และตั๋วรถด่วนพิเศษเพิ่ม ซึ่งตั๋วรถไฟแบบ Non-Reserved Seat ไป “สถานีมิชิมะ” จะอยู่ที่ 4000 เยนพอดี สามารถชำระได้ทั้งเงินสด และบัตรเครดิต

เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็ผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วไปชานชาลากันเลย รถไฟที่วิ่งระหว่าง “โตเกียว” และ “มิชิมะ” ในช่วงเวลา 9:00 – 16:00 น. จะมีรถไฟ “KODAMA(こだま号)” แบบจอดทุกสถานีชินคันเซ็น วิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยว หรือ “HIKARI(ひかり号)” ที่วิ่งแบบด่วน วิ่ง 2 ชั่วโมงละ 1 เที่ยว ซึ่งรถไฟ “NOZOMI(のぞみ号)” ทั้งหมด และ “HIKARI(ひかり号)” บางส่วนจะไม่จอด “สถานีมิชิมะ” เพราะฉะนั้นดูขบวนรถไฟให้ดีๆ อย่าขึ้นผิดนะคะ

『ตารางเวลารถไฟจาก “โตเกียว” ไป “มิชิมะ”』

“HIKARI(ひかり号)” จะใช้เวลาในการเดินทาง 44 นาที ส่วน “KODAMA(こだま号)” จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 54-56 นาที ซึ่งแต่ละขบวนจะออกตัวจากชานชาลาที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นอย่าลืมเช็คชานชาลาที่ป้ายแสดงตารางเวลารถไฟก่อนด้วยนะคะ

และเมื่อผ่านช่องตรวจตั๋วมาแล้ว บริเวณลานจุดนัดพบจะมีร้านข้าวกล่องสถานีที่รวบรวมเอาข้าวกล่องตามเรียบเส้นทาง Tokaido・Sanyo Shinkansen Line เอาไว้ นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายของฝากอยู่อีกด้วย ซึ่งเสน่ห์ของการเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็นคือ เราสามารถเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่มต่างๆ มาทานระหว่างการเดินทาง ไปพร้อมๆ กับชมวิวระหว่างทางได้นั่นเอง

เมื่อขึ้นมาที่ชานชาลาแล้ว ก็ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นกันเลย ซึ่งรูปทรงของรถไฟโทไคโดชินคันเซ็นที่วิ่งด้วยความเร็วมากถึง 285km รูปทรงก็จะเรียว ออกแบบได้อย่างมีสไตล์ จนอยากเก็บภาพเป็นที่ระลึก แต่ก็อย่าเผลอถ่ายรูปเพลิน เดี๋ยวจะขึ้นรถไม่ทันนะคะ

รถไฟ “KODAMA(こだま号)” จาก “โตเกียว” ถึง “มิชิมะ”จะวิ่งทั้งหมด  16 โบกี้ โดยโบกี้ที่ 1 ถึง 7 และ 13 ถึง 15 จะเป็นแบบ Non-Reserved Seat และรถไฟบางขบวนในโบกี้ที่ 15 จะเป็นพื้นที่สูบบุหรี่ได้เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่ชอบบุหรี่ก็ควรหลีกเลี่ยงโบกี้นี้นะคะ รถไฟ “KODAMA(こだま号)”  ที่ออกจากสถานีโตเกียวส่วนใหญ่ถ้าไม่ติดช่วงสิ้นปีปีใหม่ หรือช่วงวันหยุดยาว ส่วนใหญ่ก็สามารถนั่งได้ทั้งหมดค่ะ เมื่อเทียบกับ “NOZOMI(のぞみ号)” หรือ “HIKARI(ひかり号)” แล้ว ค่อนข้างนั่งได้แบบสบายๆ เลยค่ะ

ที่นั่งแบบธรรมดาจะถูกแบ่งออกเป็น 3 แถว กับ 2 แถว รวมเป็น 5 แถว นอกจากนี้ยังสามารถหมุนพนักที่นั่งได้โดยเหยียบแผ่นเหล็กที่อยู่ใต้ที่นั่งเพื่อหมุนฝั่งให้หันหน้าเข้าหากันได้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นกลุ่ม ยิ่งได้พูดคุยกันเวลาก็ผ่านไปเร็วมากๆ นอกจากนี้ที่นั่งแถว A และ E จะมีปลั๊กไฟให้ได้เสียบชาร์ตมือถือหรือแท็บเล็ตได้อีกด้วย (ยกเว้นบางขบวน)

การเดินทางจาก “สถานีโตเกียว” มาสู่ “สถานีมิชิมะ” นั้นแนะนำให้นั่งที่นั่งทางฝั่งซ้ายมือ(แถว C-E)เพราะว่าเมื่อออกจาก “สถานีโอดาวาระ” แล้วทางซ้ายมือก็สามารถชมวิว “ปราสาทโอดาวาระ” และสามารถชมวิวอ่าวซางามิที่สวยงามได้บริเวณ “สถานีอาตามิ”

ออกจาก “สถานีโตเกียว” มาประมาณ 55 นาที ตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึง “สถานีมิชิมะ” เป็นที่เรียบร้อย เมื่อถึงสถานีมิชิมะแล้ว ก็ลงบันไดเลื่อนที่อยู่กลางชานชาลาและเดินไปตามป้ายบอกทาง「Tranfer to Tokaido Line(東海道線のりかえ)」เพื่อไปเปลี่ยนรถไฟกันเลย

การเดินทางจาก “สถานีมิชิมะ” ไป “ทะเลสาบคาวากุจิ” นั้นจะต้องเดินทางจำนวน 3 ครั้ง คือ

มิชิมะ Mishima(三島)-นุมะซุ Numazu (沼津):Tokaido Line(東海道線)

นุมะซุ Numazu (沼津)-โกเท็มบะ Gotemba (御殿場):Gotemba Line (御殿場線)

โกเท็มบะ Gotemba (御殿場)-ทะเลสาบคาวากุจิ Kawaguchiko(河口湖):รถบัส Fujikyu Bus(富士急バス)

ซึ่งการเดินทางทุกชนิดสามารถใช้พาสสุดคุ้ม「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」ในการเดินทางได้ เพราะฉะนั้นตอนผ่านช่องตรวจตั๋วเปลี่ยนรถไฟ ให้แสดงพาสที่ช่องตรวจตั๋วที่อยู่ริมขวาสุดที่มีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ได้เลย โดยแสดงตั๋วรถไฟชินคันเซ็นจาก “สถานีโตเกียว ถึง สถานีมิชิมะ” พร้อมพาสสุดคุ้ม「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วไปได้เลย และเดินไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาหมายเลข 4 กับรถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่ “นุมาซุ・ชิซูโอกะ” ของรถไฟสาย โทไคโด Tokaido Line

จาก “สถานีมิชิมะ”(สถานีเริ่มต้นรถไฟสายโกเท็มบะ)ไปยัง “สถานีนุมะซุ Numazu Station” จะมีรถไฟวิ่งอยู่ชั่วโมงละ 4-5 เที่ยว นั่งไป “สถานีนุมะซุ Numazu Station” เพียง 1 สถานี ใช้เวลา 4 นาที เมื่อถึงสถานีนุมะซุ Numazu Station แล้วก็เดินไปทางด้านหน้า เพื่อขึ้นบันไดสะพานเชื่อมชานชาลาไปทางขวามือ เพื่อไปขึ้นรถไฟสายโกเท็มบะที่จะออกจากชานชาลาหมายเลข 5 กันค่ะ

รถไฟจาก “สถานีนุมาซุ” ไป “สถานีโกเท็มบะ” จะวิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยว ใช้เวลาประมาณ 35 นาที เป็นที่นั่งแบบบล็อคซีทที่นั่งได้ 4 ที่นั่ง หากมาเป็นกลุ่มก็สามารถหันหน้าพูดคุยกันได้ การเดินทางก็แปปเดียวเท่านั้นค่ะ

ออกเดินทางมาจาก “สถานีนุมะซุ” 35 นาที ออกเดินทางจาก “สถานีโตเกียว” มาเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึง “สถานีโกเท็มบะ” กันแล้วค่ะ ต่อไปเราจะเดินทางจาก “สถานีโกเท็มบะ” ไป “ทะเลสาบคาวากุจิ” ด้วยรถบัส Fujikyu Bus กันค่ะ โดยเดินขึ้นบันไดที่อยู่กลางชานชาลามาก็จะเจอช่องตรวจตั๋วเลย สามารถผ่านออกจากช่องตรวจตั๋วได้โดยแสดงพาสสุดคุ้ม「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」ในช่องตรวจตั๋วที่มีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ จากนั้นมุ่งหน้าไปทาง「Mt.Fuji Side(富士山口)」ที่อยู่ซ้ายมือเพื่อไปป้ายรถบัสกันเลย

เมื่อออกมาจากประตู Mt.Fuji Side(富士山口) แล้วก็จะเจอเทอร์มินอลบัสเล็กๆ ซึ่งรถบัสที่จะมุ่งหน้าไปสู่ “ทะเลสาบคาวากุจิ” จะออกตัวจากป้ายบัสหมายเลข 2 ช่วงเวลา 8:00-11:00 น. จะวิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยวคือนาทีที่ 10 และ 40 ส่วนช่วงเวลา 12:00-18:00 น. จะวิ่งชั่วโมงละ 1 เที่ยว คือนาทีที่ 40

『ตารางเวลารถบัส』

รถบัสที่มุ่งหน้าจาก “สถานีโกเท็มบะ” ไป “ทะเลสาบคาวากุจิ” จะขึ้นรถบัสจากประตูกลาง และลงรถบัสจากประตูหน้า โดยปกติแล้วเวลาขึ้นรถบัสจะต้องรับคิวตั๋วรถขณะขึ้นรถก่อน จากนั้นก็เช็คราคาค่าโดยสารก่อนลงรถจากบอร์ดแสดงราคาที่อยู่ข้างคนขับ จากนั้นก็ใส่เงินค่าโดยสาร(1510 เยน)ลงไปในกล่องชำระเงินข้างคนขับก่อนลงรถจากประตูหน้า แต่ครั้งนี้ ช่วงเส้นทางนี้สามารถใช้พาสสุดคุ้ม「Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini」ในการเดินทางได้ เพราะฉะนั้นแสดงตั๋วนี้ให้กับคนขับรถขณะลงได้เลย ใช้เวลาเดินทางจากสถานีโกเท็มบะ ไปทะเลสาบคาวากุจิประมาณ 75 นาที เมื่อเข้าใกล้ทะเลสาบคาวากุจิแล้ว บรรยากาศโดยรอบก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวชอุ่ม สามารถชมวิวสวยๆ นอกหน้าต่างได้ระหว่างเดินทางเลย

ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึง “สถานีคาวากุจิโกะ” ที่เป็นสถานที่หลักในการท่องเที่ยวชมภูเขาฟูจิ ด้วยความที่สถานที่แห่งนี้ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ ทำให้มีทั้งนักท่องเที่ยวโซนเอเชีย และทางฝั่งยุโรปมาเที่ยวกันอย่างคึกคัก นอกจากนี้สถานีคาวากุจิโกะยังมีทั้งร้านจำหน่ายของฝากขนาดใหญ่ หรือร้านอาหาร ที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถช้อป กิน เที่ยวได้ระว่างรอรถบัส หรือรถไฟอีกด้วย

ภายในสถานีคาวากุจิโกะนี้มีร้านอาหาร「FUJIYAMA CAFÉ」ที่จำหน่ายทั้งอาหารขึ้นชื่อของพื้นที่ และอาหารออริจินัลภูเขาฟูจิอยู่มากมาย ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว

ICHIGO-CHAN ก็ไม่รอช้า เข้าไปในร้านเลย

เมนูภายในร้านก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งอาหารขึ้นชื่อของเมืองฟูจิโยชิดะที่อยู่ข้างๆ ทะเลสาบคาวากุจิกับ「YOSHIDA UDON」(650 เยน), อาหารขึ้นชื่อของที่ตั้งภูเขาฟูจิที่จังหวัดยามางาตะกับเมนู「HOUTOU(ほうとう)」(950 เยน), ราเม็ง(750 เยน)หรือ แกงกะหรี่ฟูจิซัง(1000 เยน)เท่านั้นไม่พอยังมีอาหารทานเล่นอย่าง「FUJISAN HANPEN(富士山はんぺん)」(380 เยน)หรือ มันบดทอดฟูจิซัง「FUJISAN KOROKKE(富士山コロッケ)」(250 เยน)อีกด้วย

ร้านนี้จะเป็นแบบบริการตนเอง สามารถสั่งอาหารได้ที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน จากนั้นก็จะได้รับคูปองหมายเลข จากนั้นก็หาที่นั่งได้เลย เมื่ออาหารเสร็จแล้ว ก็สามารถรับอาหารได้ที่ช่องข้างๆ เคาน์เตอร์ชำระเงินได้เลย

「FUJIYAMA CAFÉ」ที่มีที่นั่งเกือบ 100 ที่นั่ง แม้จะเป็นช่วงเวลาอาหารกลางวัน ก็สามารถเข้ามาทานในร้านได้สบายค่ะ ภายในร้านมีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ที่หันหน้าออกนอกหน้าต่างชมวิวรถไฟฟูจิคิวแล่นไปมา นอกจากนี้ยังมีที่นั่งแบบโต๊ะที่สามารถนั่งได้ 4 คน หรือ 6 คน จัดเตรียมไว้ สามารถรองรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้สบายเลยค่ะ

มีทั้ง “YOSHIDA UDON”(650 เยน)เมนูเพื่อสุขภาพที่เต็มไปด้วยผัก เมื่อเทียบกับซานุกิอุดง หรือโอซาก้าอุดงแล้ว อุดงของที่นี่จะมีเนื้อแน่น และรสชาติของน้ำซุปก็เข้มข้นกลมกล่อม นอกจากนี้ได้สั่ง “ไก่ทอดหินลาวา”「YOUGAN KARAAGE(溶岩からあげ)」(380 เยน)ดูผ่านๆ อาจรู้สึก ไม่น่าทาน ด้วยการหมักเนื้อกับผงถ่านไม้ไผ่ แต่รสชาติอร่อยมากๆ นักท่องเที่ยวก็ให้ความสนใจกับเมนูแปลกๆ นี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

หลังจากที่ได้ทานอาหารกลางวันที่ “สถานีคาวากุจิโกะ” ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่ชมภูเขาฟูจิแล้ว

ก่อนอื่นเราจะเดินทางไปจุดชมวิวภูเขาฟูจิสุดฮิต “สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น”「Arakurayama-Sengen Park」ที่สามารถชมวิวภูเขาฟูจิ ไปพร้อมๆ กับเจดีย์ห้าชั้น ท่ามกลางบรรยากาศฤดูต่างๆ อย่างซากุระ หรือใบไม้เปลี่ยนสี เป็นสถานที่ชื่อดังที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเรียนไทยอีกด้วย

ตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชม “สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น”「Arakurayama-Sengen Park」กันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪

【ตารางการเดินทาง Day2-1 MISHIMA/FUJI-CAFE】

PASS ที่ใช้ TRIP นี้ “Mt.Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass mini”

        Go to the top Page        

  ◀ BACK           NEXT ▶