ROUND THE C・H・I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day2-1 ทานบุฟเฟห์อาหารญี่ปุ่นที่ “ยุไค รีสอร์ท เซย์อุนคาคุ”「YUKAI RESORT SEIUNKAKU」และแช่ออนเซ็นเท้าที่ในอาวาระออนเซ็น
FUKUI-SHIGA-KYOTO-OSAKA
จากความเดิมตอนที่แล้ว ICHIGO-CHAN ได้พัก “ยุไค รีสอร์ท เซย์อุนคาคุ”「YUKAI RESORT SEIUNKAKU」ที่อาวาระออนเซ็น ทานบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นสุดอลังการที่โรงแรม และเที่ยวย่านร้านอาหารท้องถิ่นสไตล์ญี่ปุ่นที่「AWARA-ONSEN YUKEMURI YOKOCHOU」แล้ว
สถานที่แรกที่เราจะไปก็คือสถานที่ที่ไม่ควรพลาดหากได้มาเที่ยวจังหวัดฟุกุอินั่นก็คือ วัดเก่าแก่กว่า 770 ปี “วัดเอเฮจิ”「EIHEIJI」ที่เป็นศูนย์กลางวิถีแห่ง “เซน” นิกายที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดที่สุดในบรรดาวัดในประเทศญี่ปุ่น กับ「SOUTOUSHU曹洞宗」ภายในวัดแห่งนี้มีพระฝึกหัดกว่า 200 รูปอาศัยอยู่ร่วมกัน ซึ่งเราจะได้ชมวิถีชีวิตภายในวัดและชมสถาปัตยกรรมที่สวยงามของวัดเอเฮจิ
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ เดินทางจากอาวาระออนเซ็นไปวัดเอเฮจิ และชมบรรยากาศบริเวณรอบๆ วัดเอเฮจิกันค่ะ ไปชมกันเลย
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้ทานบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นสุดอลังการที่โรงแรม และเที่ยวย่านร้านอาหารท้องถิ่นสไตล์ญี่ปุ่นที่「AWARA-ONSEN YUKEMURI YOKOCHOU」แล้ว
วันนี้ก็เป็นวันที่ 2 ของทริปแล้ว ตื่นมา 8 โมง มองออกไปนอกหน้าต่างดู วันนี้ฟ้าครึ้มนิดหน่อย แต่เราก็จะเที่ยวฟุกุอิให้เต็มที่อีกหนึ่งวัน ดูจากความอลังการของดินเนอร์เมื่อคืนแล้ว อาหารเช้าจะเป็นยังไงนะ ตื่นเต้นจัง เราไปห้องอาหารเช้าที่ชั้น 2F (สถานที่เดียวกันดินเนอร์)กับห้องอาหาร「BUFFET RESTAURANT・SHIKISAIバイキングレストラン・四季彩」กันเลย
อาหารเช้าของ「BUFFET RESTAURANT・SHIKISAIバイキングレストラン・四季彩」ก็จะเป็นเหมือนดินเนอร์เลยค่ะ คือเป็นแบบ “บุฟเฟต์” เมนูก็อลังการไม่แพ้ดินเนอร์เมื่อวานเลยคือ มีทั้งปลาย่าง โซบะ พาสต้า ไข่คน และสลัดบาร์สดใหม่・・・・・
นอกจากนี้ยังมี ข้าว ข้าวต้ม ขนมปังหอมอร่อย และขนมขึ้นชื่อของที่นี่ให้เลือกทานกันอย่างเต็มที่ แน่นอนว่าสามารถตักได้เรื่อยๆ ตามความชอบเลย
ICHIGO-CHAN ก็ไม่ยั้งตักมาเต็มที่เลยค่ะ ตอนอยู่บ้านก็อาจจะได้กินข้าวเช้าบ้าง ไม่ได้กินบ้าง แต่ไหนๆ เราก็มาเที่ยวต่างประเทศ แถมยังรวมอาหารเช้าด้วยแล้ว ก็ต้องทานกันให้เต็มที่หน่อยค่ะ อาหารเช้าของที่นี่จะเริ่มตั้งแต่ 7 โมงถึง 10 โมงเช้า แต่ถ้าถึง 9 โมงครึ่งแล้วจะไม่มีการเติมอาหารที่หมดเฉพาะฉะนั้นรีบมาก่อน 9 โมงดีกว่านะคะ
หลังจากที่เราทานอาหารเช้าไปเต็มอิ่มแล้ว ก็ลองไปเดินดูร้านขายของฝากภายในโรงแรมกันเลย ภายในร้านก็จะมีของฝากขึ้นชื่อของพื้นที่มากมาย ทั้ง “มันจูไข่”「TAMAGO-MANJU」(648 เยน)ที่ประกอบไปด้วยข้าวจากฟุกุอิ「โคชิฮิคาริ」และไข่จากท้องถิ่นผสมเข้าไว้ด้วยกัน หรือ 「คุ๊กกี้ไข่」(540 เยน)จากสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของฟุกุอิของพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ นอกจากนี้ก็มีเหล้าญี่ปุ่น และไวน์ชนิดต่างๆ ด้วย
“ยุไค รีสอร์ท เซย์อุนคาคุ”「YUKAI RESORT SEIUNKAKU」นี้นอกจากร้านขายของฝากแล้ว ยังมีเกมเซ็นเตอร์ ตู้ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ ห้องคาราโอเกะที่สามารถใช้บริการได้ฟรีใน 1 ชั่วโมงแรก อีกทั้งยังมีโซน คอร์ทเทนนิส สระว่ายน้ำ(เฉพาะช่วงฤดูร้อน) และโต๊ะปิงปองให้ได้เล่นเพื่อผ่อนคลาย สนุกสนานกันระหว่างพักที่นี่ ยิ่งถ้ามากับเด็กๆ จะต้องชอบแน่ๆ เลยค่ะ
ตอนนี้ก็ได้เวลาเช็คเอาท์แล้ว สามารถเช็คเอ้าท์ได้จากเครื่องอัตโนมัติที่อยู่ข้างเคาน์เตอร์เช็คอินเลยค่ะ หรือว่าถ้าคนเยอะก็สามารถติดต่อขอเช็คเอ้าท์ได้ที่เคาน์เตอร์เลย ซึ่งราคาที่พักต่อคืนของเราอยู่ที่ 8,500 เยน ต่อคืนต่อคน ราคานี้รวม อาหารแบบบุฟเฟต์ ทั้งดินเนอร์และอาหารเช้า ออนเซ็น อีกทั้งยังมีบริการรถส่งที่ “สถานีอาวาระยุโนะมาจิ” 「AWARAYUNOMACHI STATION」ได้บริการขนาดนี้แต่ราคาเท่านี้คุ้มสุดๆ เท่าที่เคยเจอมาเลย แน่นอนว่าที่นี่สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิตทั้ง VISA, Master หรือ JCB ฯลฯ
ซึ่งหากต้องการบริการรถส่งสถานีที่ใกล้ที่สุดที่ “สถานีอาวาระยุโนะมาจิ” 「AWARAYUNOMACHI STATION」ก็สามารถแจ้งพนักงานได้ตอนเช็คอินเลย หรือตอนเช็คเอาท์ โดยพูดว่า
「CHIKAKU NO EKI MADE OKUTTE KUDASAI」
「จิคากุ โนะ เอกิ มาเดะ โอคุตเตะ คุดาซัย」(ช่วยไปส่งที่สถานีใกล้โรงแรมให้หน่อยค่ะ)
เรายังมีเวลาอีก 30 นาทีกว่าบัสที่ไปวัดเอเฮจิจะมา เพราะฉะนั้นไปเดินเที่ยวรอบๆ สถานีกันค่ะ
หากพูดถึงเดือนมิถุนายน ที่ญี่ปุ่นก็จะต้องนึกถึงดอก “ฮานะโชบุ” หรือ “ว่านน้ำ”「HANASHOUBU」ที่มีทั้งสีม่วง ขาว และเหลือง สามารถชมดอกนี้ได้ในช่วงที่ฝนตกหรือเมฆครึ้ม ซึ่งที่อาวาระออนเซ็นเองก็มีเทศกาลชมดอกนี้ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ในงาน「HANASHOUBU MATSURI」ที่มีดอกว่านน้ำกว่า 300 ชนิด รวมกันกว่า 2 แสนต้น ถึงแม้ว่าสถานที่จัดงานจะอยู่ห่างไกลออกไปจากบริเวณย่านออนเซ็น แต่ในช่วงระหว่างจัดงานเราจะได้เห็นดอกเหล่านี้อยู่ตามที่ต่างๆ ภายในเมืองถึงจะน้อยแต่ก็สวยมากๆ
ด้านหน้าสถานีก็มีจุดถ่ายรูปกับป้ายคาแรคเตอร์ชื่อ “กนโซ ยุเมะกุริ『GONZO YUMEGURI』องอาวาระออนเซ็นด้วย
และที่ด้านหน้าสถานีจะมีออนเซ็นให้แช่เท้าฟรีด้วย ชื่อว่า “อาชิยุ”『ASHIYU(芦湯)』ในบรรยากาศที่เปิดโล่งและกว้างขวาง ให้บุคคลทั่วไปเข้ามาแช่เท้าได้ตามอัธยาศัย โดยที่เราสามารถแช่เท้าได้แบบไม่ต้องถอดเสื้อผ้าเหมือนกับการแช่ออนเซ็นทั้งตัว ที่แห่งนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 7:00 เช้าจนถึง 23:00 นาฬิกา และมีบ่อแช่เท้าอยู่ 6 ชนิดที่มีอุณภูมิแตกต่างกันออกไป
หลังจากเพลิดเพลินกันการแช่เท้าที่ “อาชิยุ”「ASHIYU(芦湯)」แล้วเวลา 30 นาทีก็ผ่านไปเร็วมากๆ เราจะนั่งบัสจาก「AWARAYUNOMACHI STATION」ไป「วัดเอเฮจิ」จากป้ายรถบัสหมายเลข 1『TIME TABLE』
บัสจะวิ่ง 2 ชั่วโมงต่อ 1 เที่ยว รอบเวลาที่น่าจะสะดวกต่อการท่องเที่ยวมากที่สุดคือรอบ 10:23 หรือ 12:23 ค่ะ(ข้อูลปัจจุบัน เดือนมิถุนายน พ.ศ.2561)
รถบัสจะมาจอดที่ป้ายแบบตรงเวลาเป๊ะ เราจะใช้เวลานั่งบัสจาก「AWARAYUNOMACHI STATION」ไป「วัดเอเฮจิ」เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ค่าเดินทาง 1020 เยน
บัสของที่นี้ก็จะเหมือนรถเมย์ในกรุงเทพ(รถเมย์สีส้ม)คือ มี 2 ประตูคือส่วนด้านหน้า และ ตรงกลาง ซึ่งวิธีการขึ้นรถบัสของญี่ปุ่นก็จะมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสถานที่และบริษัท ซึ่งบัส「KEIFUKU BUS」ที่วิ่งอยู่ภายในฟูกุอินี้จะต้องขึ้นรถจากประตูกลาง และลงรถจากประตูหน้า หากใครมีตั๋ว 「Tojinbo & Eiheiji Two-Day Pass」ก็สามารถขึ้นไปได้เลย แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลาขึ้นรถบัสก็จะต้องหยิบตั๋วรถจากเครื่องที่อยู่ข้างประตูทางบเข้าสีส้มที่เขียนเอาไว้ว่า 「整理券発券機」ก่อน แปลวว่า “เครื่องออกตั๋วรถบัส” และเมื่อต้องการลงรถก็สามารถเช็คราคาได้จากบอร์ดแสดงราคาที่อยู่ด้านบนซ้ายข้างคนขับในช่องตามตัวเลขในตั๋วบัสที่หยิบมาตอนขึ้นรถ เตรียมเงินตามจำนวน และใส่เงินที่กล่องใส่เงินข้างคนขับเท่านั้น
หากใครไม่มีเหรียญครบตามจำนวนก็สามารถแลกเงินได้ที่เครื่องแลกเงินข้างคนขับเลยค่ะ โดยสามารถแลกได้เฉพาะแบงค์ 1000 เยน และเหรียญ 500 เยน・100 เยน・50 เยนเท่านั้น ข้อควรระวังคือเครื่องไม่สามารถแลกแบงค์ 5000 เยน หรือ 10000 เยนได้นะคะ
นั่งรถบัสออกมาซักครู่ วิวทั้งสองข้างทางก็จะเป็นวิวทุ่งนาและวิ่งไปตามที่ราบฟุกุอิไปเรื่อยๆ เมื่อออกจากสถานี「AWARAYUNOMACHI STATION」มาประมาณ 40 นาทีก็จะเป็นวิวภูเขาสีเข้ม ซึ่งต้นไม้ที่ขึ้นอยู่บนภูเขานี้เป็นต้นไม้ทรงสามเหลี่ยมที่เรียกว่า “ชินโยจุ”「SHINYOUJU」หรือ “ต้นสน” นั่นเอง
ใบต้นสนที่แหลมเหมือนเข็ม แม้ว่าหิมะจะตกก็ไม่แห้งเหี่ยว เป็นต้นไม้ที่สามารถพบเห็นได้เฉพาะในแถบบริเวณนี้เท่านั้นไม่สามารถหาดูได้ที่โตเกียวหรือโอซาก้าค่ะ
นั่งบัสไปประมาณ 1 ชั่วโมง ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงวัดเอเฮจิแล้วค่ะ ป้ายรถบัสเอเฮจิจะอยู่ห่างจากทางเข้าวัดประมาณ 500m เมื่อลงจากบัสแล้วให้เดินไปทางขวามือ เดินไปซักพักก็จะเห็นร้านอาหารขึ้นชื่อ「เอเฮจิโซบะ」อยู่ทั้งสองข้างทาง พร้อมร้านขายของฝากมากมาย
เดินไปตามทางเดินหน้าวัดไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที และเราก็จะมาถึงทางเข้าวัดเอเฮจิที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ทั้งสองฝั่งทางเดิน ทางเดินจากป้ายบัสไปทางเข้าวัดจะเป็นทางตรงเส้นเดียว ถึงจะเป็นวันธรรมดาแต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวอยู่เรื่อยๆ เลยเพราะฉะนั้นไม่หลงแน่นอนค่ะ
เมื่อผ่านทางเข้าด้านหน้ามาแล้ว เดินผ่านทางเดินต้นไม้ใหญ่มา สุดทางเดินก็จะพบกับประตูขลัง ชื่อว่า “คาระมง”「KARAMON」ซึ่งจะเปิดประตูนี้เฉพาะการต้อนรับเจ้าอาวาสใหม่เท่านั้น และต้นไม้สูงอายุกว่า 500 ปีทั้งสองฝั่งระหว่างบันไดหน้าประตู KARAMON นี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ได้มุมที่สวยที่สุดของวัดเอเฮจิเลย
คนทั่วไปไม่สามารถเข้า “คาระมง”「KARAMON」ได้เฉพาะฉะนั้นจะต้องไปเข้าทางเข้าทั่วไป เมื่อเข้ามาแล้วก็จะมีตู้จำหน่ายบัตรเข้าชมอยู่ด้านซ้ายมือ ซึ่งตู้นี้จะมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ปุ่มสีขาวคือ “ผู้ใหญ่” (500 เยน)ส่วนปุ่มสีเหลืองคือ เด็กอายุ 6 ปีถึง15 ปี(250 เยน)ถ้าสีเดียวกันจะกดปุ่มไหนก็ได้เลยค่ะ
โดยจะต้องใส่เงินเข้าไปในเครื่องก่อนจากนั้นก็กดปุ่มเพื่อซื้อบัตรเลย เครื่องนี้ไม่สามารถซื้อทีละหลายๆ ใบได้เพราะฉะนั้นต้องกดซื้อทีละใบนะคะ
เมื่อผ่านประตูเข้าไปแล้ว ก็จะเข้าสู่โลกของวิถีแห่ง “เซน”「ZEN」แล้ว วัดเอเฮจิแห่งนี้จะเป็นวัดที่มีข้อปฏิบัติที่เคร่งครัดสืบทอดมายาวนานเกือบ 800 ปี และมีพระฝึกหัดอาศัยอยู่กว่า 200 รูป และครั้งต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ชมภายในวัดเอเฮจิ สัมผัสโลกของวิถี “เซน” และวิถีชีวิตของพระฝึกหัดกันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ♪
【ตารางการเดินทาง Day2-1 YUKAI RESORT AWARA SEIUNKAKU HOTEL/EIHEIJI-TEMPLE】