ROUND THE C･H･I
ของเราคือ ริวีวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day2-1 ชมวิว “ซันดันเบกิ SANDANBEKI” และเดินทางไปสู่ “คิอิคาสึอุระ KII KATSUURA”
Wakayama-Shirahama-NachiKatsuura-Shingu-Toba-Ise-Nagoya 
เราได้เดินทางมาที่แหล่งรีสอร์ทชื่อดังของวาคายาม่าที่ “ชิราฮามะออนเซ็น” และทานอาหารดินเนอร์อาหารเย็นสุดหรู และแช่ออนเซ็นชมดาวบนท้องฟ้าไปแล้ว
จากนั้นทานอาหารเช้าจนเต็มอิ่ม และต่อไปเราจะไปเดินเล่นย่อยอาหารกันซักหน่อย โดยเดินจากโรงแรมไปประมาณ 10 นาที ที่ “ซันดันเบกิ SANDANBEKI” เป็นสถานที่ที่ทำให้นึกถึงหน้าผา “โทจินโบ” ที่จังหวัดฟูกุอิ มีลักษณะเป็นหน้าผาหินเป็นชั้น ซึ่ง “ซันดันเบกิ SANDANBEKI” มีความสูงกว่า 60m เป็นจุดที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติกันเป็นจำนวนมาก
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมวิว “ซันดันเบกิ SANDANBEKI” จากนั้นเดินทางไปยัง “คิอิคาสึอุระ KII KATSUURA” กันค่ะ
จากโรงแรม「GRAMPUS SEA」ที่พักของ ICHIGO-CHAN ไป “ซันดันเบกิ” นั้นใช้เวลาเดินไปประมาณ 10 นาที ระยะทาง 600m โดยออกจากประตูโรงแรมไปทางขวามือตรงไปทางถนนใหญ่เลย เมื่อเดินไปซักพักก็จะเจอสามแยกที่มีร้านขายของฝาก “ซันดันยะ”「SANDANYA」เป็นสัญลักษณ์และเลี้ยวไปทางขวามือ
เดินไปอีกซักพักก็จะเจอกับจุดชมวิว “ซันดันเบกิ” เป็นจุดชมวิวบนหน้าผาหินที่มีความสูงกว่า 60m เป็นหินที่มีลักษณะเป็นแท่งยาวหลายๆ อันซ้อนๆ กันจนเกิดเป็นวิวที่สวยงามเช่นนี้ โดยชั้นใต้ดินของ “ซันดันเบกิ” จะมีถ้ำที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ สามารถลงลิฟต์ไปสำรวจถ้ำได้เลย
ซึ่ง “ซันดันเบกิ” ที่ยาวต่อเนื่องกว่า 2km นี้จะมีทั้งร้านขายของฝาก ที่จำหน่ายสินค้าขึ้นชื่อของพื้นที่เอาไว้มากมาย อีกทั้งยังสามารถใส่กิโมโนถ่ายรูป “ซันดันเบกิ” โดยมีเป็นฉากหลัง หรือ ร้านใส่ชุดนักรบซามุไร ฯลฯ อีกมากมาย
และด้านล่าง “ซันดันเบกิ” คือส่วนที่ถูกกัดเซาะจนเป็นถ้ำ มีความยาวกว่า 200m กับ “ถ้ำซันดันเบกิ”『SANDANBEKI DOKUTSU CAVE』
ซึ่งเดิมทีถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่เป็นฐานทัพของซากุไรทะเล「คูมาโนะซุยกุน KUMANO SUIGUN」และมีการเคารพเทพเจ้า “เบนไซเท็น” จนกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นชื่อ “ถ้ำซันดันเบกิ” จะเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8:00 ถึง 16:00 ค่าเข้าชม 1300 เยน
เมื่อ ICHIGO-CHAN ได้เดินเล่นรอบๆ บริเวณ “ซันดันเบกิ” เรียบร้อยแล้ว เราจะกลับไปที่โรงแรมอีกหนึ่งรอบเพื่อทำการเช็คเอ้าท์กันก่อน จากนั้นก็จะมุ่งหน้าไปสู่จุดมุ่งหมายต่อไปกันเลย และสถานที่ที่เราจะไปในวันนี้ก็คือ “คิอิคาสึอุระ KII KATSUURA” ที่มีชื่อเสียงจาก “น้ำตกนาชิ”「NACHI NO TAKI」การเดินทางไป “คิอิคาสึอุระ KII KATSUURA” นั้นก่อนอื่นจะต้องนั่งรถบัสจากหน้าโรงแรมที่ป้ายเซ็นโจจิกิกูจิ SENJOJIKI GUCHI เพื่อไปลงที่สถานีชิราฮามะ จากนั้นนั่งรถไฟด่วนพิเศษ「KUROSHIO」และใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
น่าเสียดายอีกแล้วค่ะที่บัสบริเวณนี้จะไม่สามารถใช้「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」ได้ค่ะ
ขึ้นรถบัสมาจากประตูด้านหลังจากนั้นก็หยิบตั๋วรถไฟจากเครื่องออกตั๋วที่อยู่ข้างประตูทางเข้า
และเมื่อต้องการลงจากรถก็เพียงเช็คราคาจากจอมอนิเตอร์ข้างคนขับโดยเช็คราคาตามช่องหมายตามตั๋วที่ได้รับ
และใส่เงินลงไปในเครื่องจ่ายเงินก่อนลงรถ เครื่องนี้จะไม่มีระบบทอนเงิน เพราะฉะนั้นใส่เงินให้ครบตามจำนวนนะคะ
หากใครไม่มีเหรียญก็สามารถแลกได้ที่เครื่องแลกเงินข้างคนขับเลย ราคารถบัสจากป้ายเซ็นโจจิกิ ไปสถานีชิราคาวาโกะจะอยู่ที่ 430 เยน
เราจะใช้เวลานั่งรถบัสมากประมาณ 20 นาทีจนมาถึงสถานีชิราฮามะ ซึ่งสถานีชิราอามะที่มีนั่งท่องเที่ยวครึกครื้นนี้จะมีทั้งร้านขายของฝาก ที่จำหน่ายสินค้าขึ้นชื่อของพื้นที่ต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีร้านสะดวกซื้อ อีกด้วย ช่วงเวลาที่รอรถก็สามารถเพลินไปกับการเลือกซื้อของได้เลย
ซึ่งนอกจากสถานที่ต่างๆ ที่ วันนี้ ICHIGO-CHAN ได้ไปทั้ง “เซ็นโจจิกิ” “ซันดันเบกิ” และแช่ออนเซ็นแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เพลิดเพลินอีกมากมาย ทั้งหาดทรายขาวของหาดชิราราฮามะ SHIRARAHAMA ที่ชิราฮามะ หรือจะเป็น ตลาดปลาสดใหม่มากมายอย่าง “ตลาดโทเระโทเระ”「TORETORE ICHIBA(TORETORE MARKET)」อีกทั้งยังมีสวนสัตว์「Adventure Workd」ที่มีทั้งแพนด้า และโชว์ต่างๆ อีกมากมาย หากเพื่อนๆ มีเวลาก็ลองพักที่ชิราฮามะดูหลายๆ คืนเพื่อเที่ยวรอบๆ ที่นี่ดูนะคะ
และสิ่งที่เหมาะกับการท่องเที่ยวชิราฮามะมากที่สุดก็น่าจะเป็นการ เช่าจักรยานปั่นท่องเที่ยวรอบเมือง สามารถยืมได้จากหน้าสถานีเลย ซึ่งหากเพื่อนๆ คนไหนมี 「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」คนที่ตั้งแต่อายุ 12 ขึ้นไปก็สามารถใช้ยืมจักรยานได้ทั้ง สถานีชิราฮามะ สถานีวาคายาม่า และสถานีคิอิทานาเบะ ได้แบบฟรีๆ
ผู้ใช้บัตร「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」จะสามารถใช้นั่งรถไฟด่วนพิเศษแบบที่นั่ง Reserved Seat ได้จำนวน 4 ครั้ง ที่นั่งแบบ Reserved Seat สามารถจองได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วภายในสถานีเลย ส่วนใครที่ไม่ได้ใช้「ISE・KUMANO・WAKAYAMA AREA TOURIST PASS」ก็สามารถซื้อตั๋วได้ที่นี่เลย
เมื่อใกล้เวลารถไฟแล้วก็ผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วเพื่อไปที่ชานชาลากันเลย ซึ่งที่ชานชาลาจะมีป้ายบอร์ดมอนิเตอร์ ที่สามารถขึ้นรถไฟตามหมายเลขรางรถไฟนั้นๆ ที่ระบุเอาไว้ด้านขวาของตารางบอกเวลาของรถไฟขบวนนั้นๆ โดย ICHIGO-CHAN จะขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ KUROSHIO NO.1 ออกจากชานชาลาหมายเลข 2 เมื่อผ่านช่องตรวจตั๋วมาแล้วก็เดินไปทางขวามือข้ามสะพานเชื่อมระหว่างชานชาลาเพื่อไปที่ชานชาลา ซึ่งวันที่ ICHIGO-CHAN ไปเป็นรถไฟแพนด้าของขบวน「ADVENTURE WORLD」ด้วยค่ะน่ารักมากๆ ถ่ายรูปมาเต็มเลย
และเราจะสามารถชมวิวที่สวยงามได้ทันทีระหว่างเส้นทางชิราฮามะไปจนถึงคิอิคาสึอุระ เป็นเส้นทาง KISEI LINE ที่เหมือนได้วิ่งผ่าน อ่าวของคาบสมุทรคิอิ โดยเฉพาะจากหน้าต่างด้านขวา ได้เห็นทั้งวิวอ่าวที่สวยงามไปพร้อมๆ กับหน้าผาหินรูปร่างแปลกๆ หายากอีกมากมาย
นั่งรถไฟไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ตอนนี้เราก็มาถึงสถานีที่สามารถเชื่อมต่อไปยัง “น้ำตกนาชิ”「NACHI NO TAKI」ที่สถานีคิชิคาสึอุระ แล้ว ขึ้นบันไดที่อยู่ภายในชานชาลาเลย ที่นี่เป็นสถานีเล็กๆ ที่มีทางเดินและช่องตรวจตั๋วเพียงที่เดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่หลงแน่นอน เมื่อผ่านออกมาจากช่องตรวจตั๋วแล้วก็เดินตรงไปเรื่อยๆ เพื่อออกมาสู่ลานกว้างหน้าสถานี
เราจะมุ่งหน้าจากสถานีคิอิคาสึอึระเพื่อไปที่ “น้ำตกนาชิ”「NACHI NO TAKI」กันค่ะ แต่ก่อนไปเราจะขอไปทานอาหารกลางวันกันก่อนเลย ซึ่งที่ คิอิคาสึอุระนี้เป็นสถานที่ที่สามารถตกปลามากุโระได้อย่างอุดมสมบูรณ์เพราะฉะนั้นเราจะได้ทานเมนูปลามากุโระที่สดใหม่ได้ทั่วไปเลยค่ะ ซึ่งในครั้งนี้เราจะทานร้านอาหารที่ได้รับการประเมินอยู่ในระดับสูงกันร้าน “มากุโระซันมัยนาชิ”「MAGURO SANMAI NACHI」
แต่ก่อนอื่นเราจะขอไปฝากของไว้ที่ล็อคเกอร์ที่เมื่อออกจากสถานีก็จะเจอทันที จะมีอยู่ 2 ขนาดคือ ไซส์เล็ก ที่ไม่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางได้ ราคา 300 เยน และไซส์กลางที่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางไซส์กลางได้ราคา 500 เยน เมื่อฝากของเรียบร้อยแล้วก็เดินออกจากสถานีไปตามถนนใหญ่ซึ่งด้านขวามือถนนใหญ่เราจะเห็นร้านอาหารไทยที่ชื่อว่า “อาหารไทย กรุงเทพ” ด้วย
เดินไปตามถนนใหญ่ และเลี้ยวซ้ายที่แยกที่ 3 จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ ก็จะออกมาสู่ถนนใหญ่เล็กน้อย ซึ่งร้าน “มากุโระซันมัยนาชิ”「MAGURO SANMAI NACHI」จะอยู่หัวมุมด้านซ้ายเลยค่ะ เป็นร้านอาหารยอดนิยมที่สามารถทานเมนูมากุโระน่าทานๆ ได้อย่างจุใจ
ภายในร้านสว่าง และสงบ มีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ และที่นั่งแบบโต๊ะ ในรูปอาจจะสังเกตุยากเล็กน้อยแต่ที่นั่งแบบเคาน์เตอร์จะสามารถเห็นขั้นตอนการปรุงอาหารได้อย่างใกล้ชิด ถ้าโชคดีเราก็อาจจะได้เห็นการแล่ปลามากุโระตัวใหญ่ด้วยก็ได้นะคะ
ซึ่งเมนูส่วนใหญ่จะเป็นเมนู “มากุโระ” ทั้งเมนู「MAGURO TSUKUSHI TEISHOKU NACHI」（1780 เยน）ที่ประกอบไปด้วยปลาดิบ ปลาทอดคัตสึ ข้าว ซุปมิโซะ และผักดอง นอกจากนี้ยังมีเมนู「MAGURODON KARAAGE TEISHOKU」（1580 เยน）ประกอบไปด้วย ข้าวหน้าปลาดิบ และปลามากุโระทอดกรอบอีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถเลือกทานเมนูปลามากุโระได้อย่างเต็มอิ่มเลยค่ะ
และวันนี้ ICHIGO-CHAN ก็สั่งเป็น「MAGURODON KARAAGE TEISHOKU」（1580 เยน）ร้านอาหารโดยส่วนใหญ่แล้วภาพที่เห็นกับปริมาณที่ได้อาจจะไม่สวยเท่าในภาพ หรือไม่มากเท่าในภาพ แต่พอเห็นเมนูที่มาเสิร์ฟแล้วก็รู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่แตกต่างจากในภาพมากเลยค่ะ เป็นเมนูที่ประกอบไปด้วย ข้าวหน้าปลาดิบมากุโระแบบอัดแน่นเต็มจาน และปลามากุโระทอดกรอบ ยิ่งได้ทานวาซาบิดั้งเดิมจากญี่ปุ่นแล้ว ยิ่งเข้ากันมากๆ
เราได้ทานเมนูปลามากุโระไปจนเต็มอิ่มตั้งแต่มื้อกลางวัน หากทานเมนูลักษณะเดียวกันที่โตเกียว หรือในเมืองโอซาก้าก็คงจะราคาประมาณ 3000 เยน ส่วนถ้าทานที่กรุงเทพก็คงประมาณ 1500 บาทเลยทีเดียว ได้ทานมากุโระในแหล่งขึ้นชื่อแล้วยังราคาไม่แพงอีกด้วย มื้อนี้ถือว่าคุ้มมากๆ เลย
พนักงานที่ร้านก็น่ารักเป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งแขกที่มารับประทานอาหารที่นี่ก็เริ่มมีชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นตามความนิยมที่มีมากขึ้นของพื้นที่ คิอิคาสึอุระ สมแล้วนะคะที่เป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่าง “น้ำตกนาชิ”「NACHI NO TAKI」ดังนั้นเราจะมุ่งหน้าไปที่ “น้ำตกนาชิ”「NACHI NO TAKI」กันเลย โดยเราจะนั่งรถบัสจากสถานีคิอิคาสึอุระเพื่อไปลงที่ภูเขานะชิ ประมาณ 20 นาที ถึงแม้ว่าเราสามารถนั่งบัสไปลงสถานที่ที่ใกล้น้ำตกมากที่สุดเลยก็ได้ แต่ไหนๆ ก็มาเที่ยวถึงที่นี่แล้ว เราจะแวะไปที่ “ไดมนซากะ DAIMONZAKA” เพื่อชมสถานที่ที่เป็นมรดกโลก และเดินเที่ยวชม “คุมาโนะโคโด KUMANOKODO” กันค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะค♪
【ตารางการเดินทาง Day2-1 SANDANBEKI/MAGURO-ZANMAI NACHI】
Sponsored by Central Japan Railway Company