เที่ยวด้วย Pass สุดคุ้ม
ของเราคือ รีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ติดตามรีวิวของแต่ละวันในทริป
พร้อมตารางการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ Pass ต่างๆ
Day2-1 ชมวิวเมืองเกียวโตทั้งเมืองจาก “เกียวโตทาวเวอร์” พร้อมสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย
HYOGO-KYOTO-OSAKA-NARA
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เที่ยวชม “ปราสาทฮิเมจิ” ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และทานดินเนอร์ “เนื้อโกเบ” ที่เฮียวโงะไปเต็มที่แล้ว จากนั้นเมื่อทานอาหารค่ำแล้วก็ได้นั่งรถไฟด่วน JR Special Rapid Service กลับไปเกียวโตเพื่อเข้าที่พักของเราในคืนที่ผ่านมา
Day1-5 ทานดินเนอร์ที่ร้าน STEAK LAND ในโกเบ และเข้าพักที่โรงแรม「HOTEL WBF GOJO OMIYA」ในเกียวโต
「HOTEL WBF GOJO OMIYA」โรงแรมเปิดใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนพฤษจิกายน หลังจากที่พักที่นี่คืนนึงแล้ว เราจะไปเดินเล่นภายในเกียวโตกันค่ะ โดยสถานที่แรกของวันที่ 2 ของทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมวิวเมืองเกียวโตกันที่ “เกียวโตทาวเวอร์” เพื่อชมวิวโดยรอบเกียวโตที่มีทั้ง “อาราชิยามะ” “ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ” หรือ “วัดคินคาคุจิ(วัดทอง) ฯลฯ อีกมากมาย จากความสูง 100 เมตร โดยเฉพาะที่เกียวโต เมืองที่ไม่มีตึกสูงๆ ทำให้นักท่องเที่ยวสารถชมวิวโดยรอบได้โดยไม่มีอะไรบดบัง ซึ่งนอกจากวิวที่สวยงามแล้ว ภายใน “เกียวโตทาวเวอร์” ยังมีสิ่งต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินอยู่อีกด้วย
การท่องเที่ยวสุดคุ้มด้วยพาส「KANSAI ONEPASS」เป็นเวลา 5 วัน 3 คืน ในตอนที่ 6 นี้ เราจะพาเพื่อนๆ เที่ยวชม “เกียวโตทาวเวอร์” กันค่ะ
หลังจากที่ ICHIGO-CHAN ได้เข้าพักที่「HOTEL WBF GOJO OMIYA」โรงแรมเปิดใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนพฤษจิกายน ปีที่ผ่านมา ได้พักห้องพักที่ทั้งใหม่ และนอนสบายมากๆ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างในตอนเช้าก็จะได้เห็นวิว “ถนนโกโจ” ที่เชื่อมระหว่างเกียวโตตะวันออก และตะวันตก ท้องฟ้าวันนี้ก็ปลอดโปร่งมากๆ ต้องได้เที่ยวสนุกแบบเต็มที่แน่ๆ เลยค่ะ
และห้องอาหารของโรงแรมจะอยู่ที่ชั้น 1F นำคูปองอาหารเช้าที่ได้รับตอนเช็คอินไปที่ห้องอาหารกันเลย
บรรยากาศห้องอาหารกว้างขวาง มีโต๊ะขนาดใหญ่ที่นั่งได้ประมาณ 12 คนอยู่ตรงกลาง และล้อมรอบไปด้วยโต๊ะ หรือ โซฟามากมาย รวมที่นั่งกว่า 50 ที่นั่ง และบริเวณรอบๆ จะมีการจัดเรียงอาหารเอาไว้มากมาย
อาหารก็มีทั้ง แซลมอน ไข่คน ไส้กรอก ปลาย่าง หรือเมนูอาหารญี่ปุ่นต่างๆ อีกมากมาย
และนอกจากอาหารแล้ว ที่นี่ยังมีผลไม้ให้เลือกทานนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัปะรด ส้ม หรือสาลี่ ไม่ว่าผลไม้ชนิดไหนๆ ก็หวานอร่อยมากๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีไข่ดาว เบค่อน สลัด หรือขนมปัง เรียกได้ว่าสามารถทานอาหารเช้าที่ โรงแรม「HOTEL WBF GOJO OMIYA」ได้อย่างเต็มอิ่มตั้งแต่ก่อนออกเดินทางเลยค่ะ
ICHIGO-CHAN เลยเผลอตักมาตั้ง 3 ครั้งแหนะ 555
หลังจากทานอาหารเช้าไปเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปที่ “เกียวโตทาวเวอร์” เพื่อชมวิวเมืองเกียวโตกันแล้ว โดย “เกียวโตทาวเวอร์” นี้ตั้งอยู่หน้าสถานี JR เกียวโต ประตูคาราสุมะ (Karasumaguchi : 烏丸口) โดยใช้เวลาเดินเท้าไปเพียง 1 นาทีเท่านั้น
เราจะไปเช็คเอ้าท์โดยยื่นกุญแจห้องให้พนักงานเท่านั้นก็เรียบร้อย เมื่อเช็คเอ้าท์แล้วก็ออกเดินทางกันเลย เดินออกจากโรงแรมไปทางซ้ายมือก็จะเจอป้ายบัสเลย เราจะนั่งรถบัสสาย 73 ที่วิ่งชั่วโมงละ 3 เที่ยว เพื่อเดินทางไปยัง “สถานีเกียวโต” กันเลย
ซึ่งรถบัสที่เกียวโต จะเป็นแบบขึ้นรถจากประตูหลัง และลงรถบัสจากประตูหน้า หากเพื่อนๆ มี「KANSAI ONE PASS」ก็สามารถสัมผัสบัตรนี้ไปที่เครื่องอ่านบัตรที่อยู่บริเวณทางขึ้น เมื่อสัมผัสแล้วก็ไปหาที่นั่งได้เลย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องดูว่าค่าเดินทางเท่าไหร่ หรือไม่ต้องเตรียมเหรียญให้ยุ่งยากเลยค่ะ
โดยรถบัสสาย 73 นี้จะใช้เวลาเดินทางจากป้ายบัสโอมิยะโกโจ : Omiya Gojo Bus Stop ไปยัง ป้ายบัสสถานีเกียวโต : Kyoto Sta. Bus Stop เป็นเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น เมื่อถึงที่หมายแล้วก็จะเห็นเกียวโตทาวเวอร์อยู่ตรงหน้าเลยค่ะ
“เกียวโตทาวเวอร์” ที่ตั้งอยู่หน้าสถานีเกียวโต เราจะมองเห็นเกียวโตทาวเวอร์อยู่ตลอดเวลาเพราะฉะนั้นไม่หลงแน่นอนค่ะ โดยเมื่อลงรถบัสแล้วก็เดินไปทางด้านหลัง จากนั้นก็ข้ามทางม้าลายไปอีกฝั่ง ก็จะเจอทางเข้าเกียวโตทาวเวอร์เลย
ก่อนอื่นเราจะไปซื้อตั๋วเข้าชมที่ชั้น 1F กันก่อนเลย
ถึงแม้ว่าที่บริเวณจุดจำหน่ายบัตรจะมีทั้งเครื่องจำหน่ายบัตรอัตโนมัติ และเคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรอยู่ แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่มี「KANSAI ONE PASS」จะต้องไปซื้อที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วเท่านั้นค่ะ เนื่องจากหากแสดง「KANSAI ONE PASS」ที่เคาน์เตอร์แล้วก็จะได้ส่วนลดไป 70 เยน จากราคาปกติอยู่ที่ 770 เยน เราก็สามารถซื้อได้ในราคา 700 เยนเท่านั้นค่ะ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่มีบัตร JCB ก็จะได้รับส่วนลด 30%OFF เพราะฉะนั้นสามารถซื้อตั๋วได้ในราคาเพียง 550 เยนเท่านั้นอีกด้วย เรียกได้ว่ามีโปรโมชั่นดีๆ อยู่มากมายเลย เฉพาะฉะนั้นสามารถเช็คโปรโมชั่นดีๆ เอาไว้ก่อนมาได้เลย
“เกียวโตทาวเวอร์”『KYOTO TOWER』
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 11F ที่ชั้นช่องตรวจตั๋วกันเลย เมื่อถึงแล้วก็แสดงตั๋วที่ช่องตรวจตั๋ว จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์อีกรอบเพื่อขึ้นไปที่จุดชมวิวบนความสูง 100 เมตรกันเลย ภายในลิฟต์ก็จะมีลวดลายสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ของเกียวโต ทั้งเกียวโตทาวเวอร์ เจดีย์ห้าชั้นของวัดโทจิ ฯลฯ อยู่มากมายให้ได้เพลิดเพลินระหว่างขึ้นลิฟต์
และเมื่อถึงชั้นจุดชมวิวแล้ว เราก็จะได้เห็นวิวเมืองเกียวโตแผ่กว้างออกไปจนสุดลูกหูลูกตา เนื่องจากที่นี่จะไม่มีตึกสูง คล้ายๆ กับเชียงใหม่เลยค่ะ
ดังนั้น “เกียวโตทาวเวอร์” ที่มีความสูง 131 เมตร ส่วนจุดชมวิวจะอยู่ที่ 100 เมตรนี้ จึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่สามารถชมวิวเมืองเกียวโตได้ทั้งเมือง เมื่อหันหน้าไปทางทิศเหนือก็จะได้เห็น “วัดฮิงาชิฮนกันจิ”「HIGASHI HONGANJI(東本願寺)」อาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น, 「NYOIGADAKE(大文字山)」ที่โด่งดังจาก「GOZANNOOKURIBI(五山送り火)」นอกจากนี้ยังมี “พระราชวังหลวงเกียวโต” ที่เคยเป็นที่พักอาศัยของจักรพรรดิญี่ปุ่น
ส่วนในทางทิศตะวันออกเฉียงใต้นอกจากจะได้ชมวิว “วัดโทฟุคุจิ” หรือ “ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ” แล้ว ยังได้เห็นวิวสถานที่เกียวโตที่มีรถไฟฟ้าความเร็วสูงชินคันเซ็นวิ่งอยู่อีกด้วย
โดยจุดชมวิว “เกียวโตทาวเวอร์” นี้จะเปิดให้บริการถึงเวลา 21:00 น.(เข้าชมได้ถึง 20:40)เมืองเกียวโตที่ไม่มีอาคารสูงอยู่เลยทำให้วิวตอนกลางคืนก็สวยงามมากๆ เช่นกันค่ะ เรียกได้ว่าสามารถเพลิดเพลินกับวิวเกียวโตได้ตลอดทั้งปีที่เกียวโตทาวเวอร์แห่งนี้เลยค่ะ
ซึ่งที่จุดชมวิวบนความสูง 100 เมตรแห่งนี้ นอกจากการชมวิวสวยๆ แล้ว ยังมีจุดต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินมากมาย อย่างเช่น “ศาลเจ้าทาวาวะจัง” ศาลเจ้าของ “ทาวาวะจัง” มาสคอตของเกียวโตทาวเวอร์ ซึ่งที่ “ศาลเจ้าทาวาวะจัง” ที่อยู่ในจุดที่สูงที่สุดในเกียวโตนี้ยังมีสินค้าเฉพาะของเกียวโตทาวเวอร์จำหน่ายอยู่มากมายทั้ง แผ่นไม้เขียนขอพร “แผ่นไม้เอมะทาวาวะจัง”「TAWAWACHAN EMA(たわわちゃん絵馬)」(300 เยน)หรือ “เซียมซีทาวาวะจัง”「TAWAWACHANOMIKUJI(たわわちゃんおみくじ)」(100 เยน)เป็นต้น
ซึ่งที่เกียวโตทาวเวอร์แห่งนี้จะมี “ทาวาวะจัง” อยู่มากมาย ทั้งจุดถ่ายรูปคู่กับทาวาวะจัง หรือกาชาปองของทาวาวะจัง เท่านั้นไม่พอยังมีเหรียญที่ระลึกทาวาวะจังจำหน่ายอยู่อีกด้วย
เท่านั้นไม่พอยังมีร้านจำหน่ายสินค้าทาวาวะจัง ทั้งแฟ้มใส 120 เยน ตุ๊กตาทาวาวะจัง 1493 เยน และยังมี สมุดวาดภาพ เนคไท หรือชาชิโอะโคบุ จำหน่ายอยู่อีกด้วย
ซึ่งเสน่ห์ของ “เกียวโตทาวเวอร์” นั้นไม่ได้มีเพียงจุดชมวิวเท่านั้น แต่ที่ชั้น B1F ไปจนถึง 2F จะเป็นส่วน「KYOTO TOWER SANDO(เกียวโตทาวเวอร์ซันโดะ : 京都タワーサンド)」ที่เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ มากมาย ในส่วนชั้น B1F จะเป็นชั้นของกิน ส่วน 1F จะเป็นชั้นของฝากจากเกียวโต ส่วน 2F จะเป็นโซนที่สามารถสัมผัสประสบการณ์การทำขนมญี่ปุ่น หรือทำซูชินั่นเอง
ซึ่งส่วนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็คือ “โชว์แล่ปลามากุโระ” ที่「DAIKI SUISAN MACHINOMINATO(大起水産 街のみなと)」ชั้น B1F โดยเพื่อนๆ จะได้ชมการแล่ปลามากุโระตัวโตแบบสดๆ ต่อหน้า ที่ไม่สามารถหาดูได้ทั่วไปตามในเมืองแบบนี้ โชว์จะมีทุกวันตั้งแต่เวลา 11 โมงเช้า และก่อนจบกิจกรรมเพื่อนๆ ยังสามารถทานซูชิปลามากุโระที่แล่กันสดๆ ได้ในราคาที่ไม่แพงอีกด้วย(ราคาขึ้นอยู่กับระดับคุณภาพ)
และที่พิเศษสุดๆ คือที่ชั้น B3F ของเกียวโตทาวเวอร์แห่งนี้ยังมี ห้องอาบน้ำออนเซ็นรวมขนาดใหญ่「YUU」อยู่อีกด้วย เพื่อนๆ จะได้แช่บ่ออาบน้ำขนาดใหญ่เหมือนได้แช่ออนเซ็น โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 7:00 น. ไปจนถึง 22:00 น. ค่าบริการผู้ใหญ่ วันธรรมดา 750 เยน
จะแวะอาบน้ำเหมือนได้แช่ออนเซ็นระหว่างการท่องเที่ยว หรือหากเพื่อนๆ คนไหนเดินทางมาถึงสนามบินคันไซรอบดึกมาถึงในตอนเช้าและมุ่งหน้ามาที่เกียวโตเลยก็สามารถแวะอาบน้ำแช่ออนเซ็นได้ที่นี่เลย
ICHIGO-CHAN ได้เที่ยว “เกียวโตทาวเวอร์” ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเกียวโต นอกจากจะได้ชมวิวเมืองเกียวโตทั้งเมืองแล้ว ยังสามารถสัมผัสกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่นการชมโชว์แล่ปลามากุโระ หรือช้อปปิ้งได้อีกด้วย ซึ่งสถานที่ต่อไปในวันนี้ก็คือ “ตลาดนิชิกิ”「NISHIKI MARKET(錦市場)」ตลาดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1200 ปี ผู้คนคึกคักตลอดทั้งปี และเรียกได้ว่าเป็นห้องครัวของชาวเมืองเกียวโตมาช้านาน ภายในตลาดมีทั้งวัตถุดิบอาหารที่สดใหม่ ขนม หรือของดอง นอกจากนี้ยังมีร้านค้าต่างๆ ให้ได้เดินชิมตลอดเส้นทางอีกด้วย
ในตอนต่อไปเราจะพาเพื่อนๆ ไปเดินเที่ยว “ตลาดนิชิกิ” กันให้เต็มที่ไปเลยค่ะ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า♪
【ตารางการเดินทาง Day2-1 HOTEL WBF GOJO OMIYA/KYOTO TOWER】